MSI Notebook ช่วงปลายปี 2020 มีให้เลือกหลากหลายรุ่นมากมาย ซึ่มีทั้งรุ่นที่เน้นทำงานบางเบา เล่นเกมคุ้มค่า หรือเล่นเกมระดับโปร รวมถึงทำงานระดับโปรด้วย โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 21,900 บาท จนไปถึง 38,900 บาท ซึ่งแบ่งออกเป็นซีรีส์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสาย Creator และ Gaming จัดเต็มเรื่องของสเปกที่ตอบสนองประสิทธิภาพที่สูง ส่วนฟีเจอร์และดีไซน์ก็ล้ำหน้าไม่แพ้กัน รวมไปถึงมีลูกเล่นที่ไม่เคยมีมาก่อน ส่งเสริมให้เรามีประสบการณ์ใช้งานที่ยอดเยี่ยมสมกับเป็น MSI Notebook เพื่อการทำงานหรือเล่นเกม สมกับที่เป็น MSI Notebook ที่เหนือชั้น
สำหรับบทความนี้เราจะมาแนะนำ MSI Notebook รุ่นใหม่ น่าซื้อปลายปี 2020 จัดเต็มทั้ง Creator และ Gaming แรงลื่น ราคาคุ้มค่า เริ่ม 21,900 – 38,900 บาท ได้สเปกเป็นชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 หรือ AMD Ryzen 4000 ทำงานร่วมกับการ์ดจอ Radeon RX 5500M / GeForce MX330 / GTX 1650 / GTX 1650 Ti ในส่วนของแรมที่ 8GB – 16GBGB และ SSD 512GB ก็ใส่เต็มพร้อมใช้งานทันที เชื่อว่าต้องถูกใจกันซักรุ่นอย่างแน่นอน มีอะไรบ้างไปชมกันต่อเลย
MSI Modern 14 ราคา 21,900 – 24,900 บาท
MSI Modern 14 เป็น MSI Notebook รุ่นใหม่หน้าจอ 14″ เน้นบางเบา สเปก Intel Core i Gen 10 ตัวแรงลื่น ได้สีฟ้าที่สดใสอย่าง Blue Stone เคลือบพื้นผิวด้วยเทคโนโลยี Sandblasting พ่นเนื้อทรายละเอียด ให้สัมผัสที่เรียบเนียน โดยมาพร้อมกับประสิทธิภาพจากชิปประมวลผล Intel รุ่นล่าสุดอย่าง Core i5-10210U / Core i7-10510U ผสานการทำงานร่วมกับการ์ดจอออนชิป UHD 620 ในส่วนของสเปกแรมได้มาขนาด 8GB DDR4 Bus 2666MHz และ SSD M.2 NVMe PCIe ที่ 512GB จัดเต็ม ส่งให้มีประสิทธิภาพในการทำงานที่ลื่นไหล สนับสนุนทั้งทำงานที่เหนือชั้นกว่าโน๊ตบุ๊คบางเบารุ่นอื่นๆ ในราคาไม่แพง
สำหรับ MSI Modern 14 ได้หน้าจอแสดงผลพาเนล IPS มาตรฐานความละเอียด Full HD ที่จะช่วยให้เหล่าครีเอเตอร์ได้เติมเต็มประสบการณ์ในด้านการสร้างสรรค์ผลงานได้มากยิ่งขึ้น บางเฉียบโดยมีพื้นที่แสดงผลกว่า 90% จอเป็นแบบด้านที่ให้เรื่องสีสันสดใส รองรับใช้การดูภาพ ดูวิดีโอ และเล่นเกมก็ทำได้อย่างเป็นอย่างดี ส่วนบานพับก็แข็งแรงกว่ารุ่นก่อนๆ พร้อมกางได้ 180 องศา ทำให้นำเสนองานได้อย่างเต็มที่และง่ายขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งได้ฟีเจอร์อื่นๆ ที่ครบครันตามสไตล์ของ MSI ที่จัดเต็ม ไม่เกรงใจใคร ในราคาเพียง 21,900 บาทเท่านั้น จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊ค Intel Core i Gen 10 หน้าจอขนาด 14″ ที่น่าสนใจมากๆ ทีเดียว
สเปกที่จัดเต็มตอบโจทย์การใช้งานแบบสุดๆ ที่สำคัญยังเป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายก็ครบครันด้วย Wi-Fi 5 AC และ Bluetooth 5.0 เป็นมาตรฐานอีกด้วยพร้อมซอฟต์แวร์ Creator Center ช่วยปรับแต่งการทำงาน พร้อมการรับประกัน 2 ปี ตามมาตรฐานของ MSI มิติตัวเครื่องมีความเล็กกระชับกับขอบหน้าจอที่บางลงอย่างเห็นได้ชัดที่ 5.6 มิลลิเมตร ทั้งด้านซ้ายขวาและขอบบน รวมถึงยังได้มาตรฐาน Military Grade มีความทนทานในการใช้งานเป็นพิเศษมากกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วๆไป ในเรื่องของการทน ฝุ่น ละอองน้ำ และการกระแทก ในส่วนของแบตเตอรี่ก็ใช้งานได้ยาวนาน
การออกแบบให้ความรู้สึกที่พรีเมียมด้วยวัสดุอลูมิเนียม ที่สำคัญคือตัวเครื่องมีความบางเบาอย่างที่สุด มีน้ำหนักเพียง 1.3 กิโลกรัมเท่านั้น ความบางตัวเครื่องอยู่ที่ 15.9 มิลลิเมตร พร้อมตัดขอบเพชรเพิ่มความหรูหรา พร้อมความทนทานระดับ Military Standard ด้วยการผ่านการทดสอบคุณภาพอย่างเข้มงวด ทั้งทนร้อนทนเย็น ความดันอากาษ ความชื้นและฝุ่นต่างๆ ในระดับหนึ่ง มิติตัวเครื่องมีความเล็กกระชับกับขอบหน้าจอที่บางลงอย่างเห็นได้ชัดที่ 5.6 มิลลิเมตร ทั้งด้านซ้ายขวาและขอบบน ถือว่า MSI นำเสนอโน๊ตบุ๊คที่ทั้งเบามากๆ แถมยังบางสุดๆ ท้าชนกับแบรนด์อื่นๆ ได้อย่างสบายๆ เลย
- Core i5-10210U / UHD 620 / RAM 8GB / SSD 512GB / จอ 14″ IPS ราคา 21,900 บาท
- Core i7-10510U / UHD 620 / RAM 8GB / SSD 512GB / จอ 14″ IPS ราคา 24,900 บาท
MSI Modern 15 ราคา 25,900 – 28,900 บาท
MSI Modern 15 เป็น MSI Notebook ที่ตั้งใจตอบโจทย์สายคนทำงาน Content Creator โดยเฉพาะ ที่นอกจากสเปกที่ดีแล้ว งานดีไซน์และงานประกอบก็ลงตัวแลดูทันสมัย เน้นความบางเบา พกพาได้สะดวก โดยยังรักษาความเป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงานมืออาชีพได้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยน้ำหนักเพียง 1.6 กิโลกรัม ทำให้ถือมือเดียวได้สบายๆ การออกแบบให้ความรู้สึกที่ให้ความพรีเมียมด้วยวัสดุอลูมิเนียมตลอดทั้งตัวเครื่อง ทั้งด้านนอกฝาหลังและด้านในตัวเครื่องจนไปถึงชิ้นส่วนใต้ตัวเครื่องด้วย เรียกได้ว่าดูดีเกินราคาค่าตัวจริงๆ
พร้อมกางหน้าจอได้ 180 องศา และมีฟีเจอร์พิเศษ Flip-n-Share ช่วยกลับหน้าจอไปฝั่งตรงข้ามได้ ช่วยในกรณีที่นำเสนองาน ขอบหน้าจอก็มีความบางมากๆ แทบจะไร้ขอบทีเดียว อีกทั้งด้วยที่เป็นพาเนล IPS คุณภาพดี ช่วยให้มุมมองในการมองเห็นเพิ่มมากยิ่งขึ้น เรียกได้ว่าทั้งสเปก ฟีเจอร์ วัสดุ เหนือกว่าโน๊ตบุ๊คบางเบาหลายๆ ค่าย อีกทั้งยังได้มาตรฐานทนทานอย่าง Military Grade ทำให้รองรับต่อแรงกระแทก อุณหภูมิสูงต่ำ ความชื้น ความกดอากาศ และแสงแดด เรียกได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คน้อยรุ่นนักที่มาพร้อมคุณสมบัติแบบนี้
MSI Modern 15 เป็นโน๊ตบุ๊คสเปกรุ่นใหม่ล่าสุด มาพร้อมกับชิปประมวลผล Intel Core i5-10210U / Core i7-10510U (Comet Lake ที่ 14 นาโนเมตร) ทำงานแบบ 4 คอร์ 8 เธรด ให้ความแรงเพียงพอกับทุกๆ การทำงาน ซึ่งทั้งรุ่น i5 / i7 จะได้การ์ดจอรุ่นใหม่ที่มีความแรงพอประมาณอย่าง NVIDIA GeForce MX330 (2GB GDDR5) แรม 8GB DDR4 Bus 2666 MHz จำนวน 1 แถว (ใส่เพิ่มได้อีก 1 แถว) พร้อม SSD NVMe ความจุ 512GB พร้อม Windows 10 โดดเด่นแบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน 13 ชั่วโมง ในราคาเพียง 25,900 – 28,900 บาท
สเปกหน้าจอขนาด 15.6″ ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล Full HD ซึ่งให้ประสบการณ์การใช้งานที่ประทับใจอย่างสุดๆ โดยการใช้หน้า Desktop ปกติที่ตัวหนังสือหรือปุ่มต่างๆ มีความเรียบเนียนตาทำให้ใช้งานได้สะดวก ขอบจอบางเฉียบโดยมีพื้นที่แสดงผลกว่า 90% จอเป็นแบบด้านที่ให้เรื่องสีสันสดใส รองรับใช้การดูภาพ ดูวิดีโอ และเล่นเกมก็ทำได้อย่างเป็นอย่างดี ส่วนบานพับก็แข็งแรงกว่ารุ่นก่อนๆ พร้อมกางได้ 180 องศา ทำให้นำเสนองานได้อย่างเต็มที่และง่ายขึ้นกว่าเดิม
MSI Modern 15 จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงานบางเบาหน้าจอ 15.6″ ซึ่งมีไซส์และมิติโดยรวมเล็กกระทัดรัดกว่าปกติ ที่มีพอร์ตเชื่อมต่อที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น 2 x USB 3.2 Type-A Gen 2, 1x USB 3.2 Type-A Gen 1, 1 x USB 3.1 Type-C Gen 2 / DisplayPort, 1x HDMI 1.4, micro-SD Card Reader และ Mic-in/Headphone-out อย่างไรก็ตาม พอร์ตการเชื่อมต่อต่างๆ อาจจะดูขาดไปอย่าง LAN RJ45 เหมือนพวกโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 15.6″ แต่ในการใช้งานจริงก็ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานแล้วล่ะ
สเปกที่จัดเต็มตอบโจทย์การใช้งานแบบสุดๆ ที่สำคัญยังเป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายก็ครบครันด้วย Wi-Fi 5 AC และ Bluetooth 5.0 ส่วนพอร์ตการเชื่อมต่อก็มีทุกรูปแบบเป็นมาตรฐานที่รองรับกับทุกอุปกรณ์อีกด้วย ที่สำคัญมีซอฟต์แวร์ Creator Center ช่วยปรับแต่งการทำงาน พร้อมการรับประกัน 2 ปี ตามมาตรฐานของ MSI รวมถึงในชุดจัดจำหน่ายยังมี Softcase ซองหนังไว้ให้เราใช้งานร่วมกันเวลาพกพากับกระเป๋าอื่นๆ ที่ไม่มีช่องใส่โน๊ตบุ๊คอีกด้วย
- Core i5-10210U / GeForce MX330 / RAM 8GB / SSD 512GB /15.6″ IPS 60Hz ราคา 25,900 บาท
- Core i7-10510U / GeForce MX330 / RAM 8GB / SSD 512GB / 15.6″ IPS 60Hz ราคา 28,900 บาท
MSI Bravo 15 ราคา 29,900 – 32,900 บาท
MSI Bravo 15 จัดว่าเป็น MSI Notebook ประเภท Gaming Notebook สเปก AMD จอ 15.6″ น้ำหนักเบาสุดๆ ที่ 1.96 กิโลกรัม สเปกชิปประมวลผล Ryzen 4000H อีกหนึ่งรุ่นในตลาด จากทาง MSI ที่น่าสนใจจริงๆ ได้สเปกเป็นชิปประมวลผล AMD Ryzen 5 4600H /Ryzen 7 4800H ที่เป็นรุ่นใหม่ล่าสุด ล้ำด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ 7 นาโนเมตร สถาปัตยกรรม Zen 2 (Renoir) จับคู่มากับการ์ดจอ AMD Radeon RX5500M ซึ่งได้เทคโนโลยี 7 นาโนเมตร สถาปัตยกรรม RDNA แน่นอนว่าสเปกนี้ทำให้เราเล่นเกมได้แรงลื่น กว่าสเปกก่อนๆ อย่าง Ryzen 3000H + Radeon RX5500M ใน MSI Apha 15 รุ่นพี่ที่ออกมาก่อน
ในส่วนของสเปกอื่นๆ MSI Bravo 15 เป็น Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 15.6″ ขอบจอบางเฉียบ พาเนลเลือกใช้เป็น IPS ที่รองรับ Refresh Rate 120Hz ที่ให้ทั้งสีสันที่สวยงามและความลื่นไหลไปพร้อมๆ กัน โดยติดตั้งหน่วยความแรมเป็นขนาด 8GB มาตรฐาน DDR4 Bus 3200Hz และใส่ที่เก็บข้อมูลมาเป็นแบบ SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB ซึ่งได้ทั้งความลื่นไหลและความจุสูงไปในตัวเดียว โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 29,900 บาทกับรุ่น Ryzen 5 4600H และ 32,900 บาทกับรุ่น Ryzen 7 4800H ซึ่งมีราคาต่างกันที 3,000 บาท
รายละเอียดของชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 4800H เป็น CPU ที่ทำงานแบบ 8 คอร์ 16 เธรด มีความเร็วอยู่ที่ 2.9 – 4.2GHz โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ 7 นาโนเมตร เช่นเดียวกับการ์ดจอ Radeon RX5500M ส่งผลให้ได้ประสิทธิภาพการทำงานที่ดียิ่ง พร้อมด้วยความร้อนที่น้อยลงไปอีก และประหยัดแบตเตอรี่มากกว่าเดิมด้วย เรียกได้ว่ามีความน่าสนใจจริงๆ สำหรับการมาของ AMD Ryzen รุ่นใหม่ตระกูล 4000 H Series ซึ่งได้เห็นตัวจริงๆ ครั้งแรกบน MSI Bravo 15 นั่นเอง (ส่วน MSI Bravo 17 คาดว่าจะตามภายหลังอีกที)
โดย MSI Bravo 15 เป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอขนาด 15.6″ Full HD พาเนล IPS มี Refesh Rate ที่ 120 Hz แน่นอนว่ารองรับเทคโนโลยี AMD FreeSync Premium ให้ภาพลื่นไหลและไม่ฉีกขาด ลำโพงทำงานร่วมกับซอฟแวร์ของ Nahimic เวอร์ชั่น 3 ทำให้สามารถขับเสียงได้ดียิ่งกว่าเดิม พร้อมด้วยกล้องเว็บแคม HD (720p) และมีไมค์ดิจิตอล 2 ตัว ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน ทั้ง HDMI, 2 x USB 3.2 Type-A Gen 1, 2 x USB 3.2 Type-C Gen 1, Kensington lock slot, LAN RJ-45, HDMI, รูหูฟังกับไมค์ 3.5 มิลลิเมตร พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Wi-Fi 6 AX + Bluetooth 5.1
- Ryzen 5 4600H / Radeon RX5500M / RAM 8GB / SSD 512GB / จอ 15.6″ IPS 120Hz ราคา 29,990 บาท
- Ryzen 7 4800H / Radeon RX5500M / RAM 8GB / SSD 512GB / จอ 15.6″ IPS 120Hz ราคา 32,990 บาท
MSI Bravo 17 ราคา 35,900 – 37,900 บาท
MSI Bravo 17 ถือว่าเป็น MSI Notebook ประเภท Gaming Notebook รุ่นถัดมาจาก MSI Bravo 15 ที่เป็น AMD Notebook รุ่นใหม่ล่าสุด ที่ใช้ทั้งชิปประมวลผล Ryzen 4000H และการ์ดจอเป็น AMD Radeon RX5500M โดยมีขนาดหน้าจอที่ใหญ่กว่าที่ 17.3″ แตกต่างจาก MSI Bravo 15 ที่เป็น 15.6″ ให้ความคุ้มค่าไม่แพ้กัน ความละเอียดเป็น Full HD พาเนล IPS มี Refesh Rate ที่ 144Hz แน่นอนว่ารองรับ FreeSync ให้ภาพไม่ฉีกขาด โดดเด่นด้วยน้ำหนักเพียง 2.2 กิโลกรัม ขอบจอบางเฉียบ มิติตัวเครื่องเล็กกระทัดรัด นับได้ว่าเป็นหนึ่งใน Gaming Notebook 17.3″ ที่น่าสนใจที่สุดในตลาด
สเปกใช้ชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 4800H เป็น CPU ที่ทำงานแบบ 8 คอร์ 16 เธรด มีความเร็วอยู่ที่ 2.90 – 4.20GHz โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ 7 นาโนเมตร เช่นเดียวกับการ์ดจอ Radeon RX5500M ส่งผลให้ได้ประสิทธิภาพการทำงานที่ดียิ่ง พร้อมด้วยความร้อนที่น้อยลงไปอีก และประหยัดแบตเตอรี่มากกว่าเดิมด้วย มีที่เก็บข้อมูลเป็นมาตรฐาน SSD แบบ M.2 NVMe ความจุ 512GB ที่ทั้งแรงและลื่นไหล ในส่วนของแรมมีมาให้ 8GB / 16GB แบบ DDR4 Bus 3200MHz อัปเกรดได้สูงสุด 32 GB (ใส่ Ram ได้ 2 แถว) นับได้ว่าเพียงพอต่อการใช้งานแล้ว
ลำโพงทำงานร่วมกับซอฟแวร์ของ Nahimic เวอร์ชั่น 3 ทำให้สามารถขับเสียงได้ดียิ่งกว่าเดิม พร้อมด้วยกล้องเว็บแคม HD (720p) และมีไมค์ดิจิตอล 2 ตัว ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน ทั้ง 1 x HDMI, 3 x USB 3.1 Type-A, 1 x USB 3.1 Type C, Kensington lock slot, Lan RJ-45 , รูหูฟังกับไมค์แบบแยกออกจากกัน พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Wi-Fi 6 AX + Bluetooth 5.0 พร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 10 แท้ ซึ่งดูจากราคาก็นับว่ามีความคุ้มค่ามากๆ เริ่มต้นเพียง 35,900 บาท สำหรับรุ่นแรม 8GB และ 37,900 บาทกับรุ่นแรม 16GB รายละเอียดอื่นๆ เหมือนกันหมด
หน้าตาการออกแบบเอง MSI Bravo 17 โดดเด่นทั้งในส่วนของดีไซน์ภายนอกภายใน ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าทำได้แตกต่างชัดเจนคือส่วนของโลโก้ฝาหลังด้วยนกธันเดอร์เบิร์ดสยายปีกสีเงินมันวาว สวยดุดันตามสไตล์ของ Gaming Notebook ที่บรรดาเกมเมอร์ชื่นชอบกัน โดยเป็นโทนสีดำตลอดทั้งตัวเครื่องตัดกับสีแดงเช่นเดิม มีความบางที่ 22~23.1 มิลลิเมตร ทำให้พกพาได้สะดวกกว่า Gaming Notebook หน้าจอ 17.3″ ทั่วไป ลวดลาย Brushed Aluminum ที่เขียนลงไปบนฝาพับ ให้สัมผัสที่เรียบหรู แต่ดูมีมิติมากยิ่งขึ้น รวมถึงยังมีการยกตัวเครื่องให้สูงขึ้นเมื่อกางฝาพับออก ทำให้การระบายความร้อนทำได้อย่างเต็มที่ และยังทำให้ได้องศาในการวางมือบนคีย์บอร์ดที่ยอดเยี่ยมกว่าเดิม
คีย์บอร์ดของ MSI Bravo 17 เป็น Gaming Notebook โดดเด่นมากๆ จากการที่ใช้ Gaming Keyboard ที่ร่วมพัฒนากับแบรนด์ SteelSeries โดยพัฒนาและออกแบบมาสำหรับการเล่นเกมบน Gaming Notebook จาก MSI โดยเฉพาะ ทั้งอารมณ์การตอบสนองของแป้นพิมพ์ แรงกด และการใช้ปุ่มหลายๆ ปุ่มพร้อมๆ กัน ที่สำคัญได้ไฟ LED ที่เป็น Per Key RGB พร้อมเทคโนโลยีใหม่อย่าง Silver Lining Print ขอบโปร่งแสงสวยงาม และในส่วนของช่องระบายความร้อน มีด้วยกัน 4 ช่องคือด้านหลัง 2 ช่อง และซ้ายขวาอย่างละ 1 ช่อง โดยใช้พัดลม 2 ตัว ฮีทไปป์ 6 – 7 เส้น ตามมาตรฐานของ Cooler Boots
- Ryzen 7 4800H / RX5500M / RAM 8GB / SSD 512GB / จอ 17.3″ IPS 144Hz ราคา 35,900 บาท
- Ryzen 7 4800H / RX5500M / RAM 8GB / SSD 512GB / จอ 17.3″ IPS 144Hz ราคา 37,900 บาท
MSI GL65 Leopard ราคา 33,900 – 36,900 บาท
MSI GL65 Leopard จัดว่าเป็น MSI Notebook ประเภท Gaming Notebook ตัวแรง หน้าจอ 15.6″ ที่จัดเต็มไม่แพ้รุ่นท็อป แต่ได้ราคาที่คุ้มค่าต่อสเปกสุดๆ โดยจัดเต็มจากชิปประมวลผล Intel Core i7-10750H จับคู่มากับการ์ดจอ NVIDIA GeForce GTX 1650 / GTX 1650 Ti ได้แรมมาขนาด 8GB / 16GB DDR4 Bus 2666MHz เป็นมาตรฐาน ติดตั้งแหล่งเก็บข้อมูล SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB (อัปเกรด SSD M.2 / HDD 2.5″ SATA 3 ได้อีก) หน้าจอ 15.6″ ความละเอียด Full HD พาเนล IPS เกรดสูง รองรับ Refresh Rate ที่ 144Hz มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 10 และซอฟต์แวร์ Dragon Center เวอร์ชันใหม่
ตัวเครื่องยังมีลำโพง 2 ชาแนลแบบ Giant Speaker บนซอฟแวร์เสียง Nahimic 3 ทำให้การขับเสียงเวลาเล่นเกม หรือดูหนังฟังเพลงทำได้อย่างยอดเยี่ยมอีกด้วย ทางด้านพอร์ทเชื่อมต่อเองมีมาให้อย่างครบถ้วนไม่ว่าจะเป็น USB 3.2 Type-A จำนวน 3 ช่อง, USB 3.2 Type-C หนึ่งช่อง, HDMI, mini-DisplayPort, SD(XC/HC) card reader, ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5, ช่องเสียบไมค์ขนาด 3.5 และช่องสาย Lan RJ45การเชื่อมต่อไร้สายอย่างก็รองรับตัวที่เป็น Bluetooth 5.1 และ Wi-Fi 6 AX น้ำหนักตัวอยู่ที่ 2.3 กิโลกรัม ได้ประกัน 2 ปี มี Windows 10 แท้
MSI GL65 Leopard มาพร้อมกับการดีไซน์สีสันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์สีโทนดำสลับแดง ดูโดยรวมแล้วเรียบง่ายกว่า ดุดันสไตล์เกมมิ่งโน๊ตบุ๊คระดับ Hi-End ในราคาคุ้มค่า มีความบางของตัวเครื่องเพียง 27.5 มิลลิเมตร และเบาเพียง 2.3 กิโลกรัม รอบๆ ตัวเครื่องยังถูกออกแบบมาให้รองรับการใช้งานต่าง ๆได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยสนนราคาอยู่ที่ 48,900 บาท ถือว่าเป็น Gaming Notebook ในช่วงราคานี้ที่น่าสนใจมากๆ เพราะได้ทั้งสเปกและฟีเจอร์ที่จัดเต็มเหมือนตระกูล GE / GP ในราคาถูกลงกว่าเดิม
คีย์บอร์ดของ MSI GL65 Leopard เป็น Gaming Keyboard ที่ร่วมพัฒนากับแบรนด์ SteelSeries โดยพัฒนาและออกแบบมาสำหรับการเล่นเกมบน Gaming Notebook จาก MSI โดยเฉพาะ ทั้งอารมณ์การตอบสนองของแป้นพิมพ์ แรงกด และการใช้ปุ่มหลายๆ ปุ่มพร้อมๆ กัน โดดเด่นด้วยการกด Fn แล้ว จะมีไฟสีแดงไฮไลท์ขึ้นมา พร้อม Silver Lining Print ขอบโปร่งแสงสวยงาม นอกจากนี้ยังมี Hotkey ตรงมุมขวาบนของชุดแป้นคีย์บอร์ด ไม่ว่าจะเป็นปุ่มเร่งรอบพัดลมและปุ่มเปิด Steelseries Engine 3
- Core i7-10750H / GTX 1650 / RAM 8GB / SSD 512GB / จอ 15.6″ IPS 144Hz ราคา 33,900 บาท
- Core i7-10750H / GTX 1650 Ti / RAM 16GB / SSD 512GB / จอ 15.6″ IPS 144Hz ราคา 36,900 บาท
MSI GL75 Leopard ราคา 35,900 – 38,900 บาท
MSI GL75 จัดว่าเป็น MSI Notebook ประเภท Gaming Notebook จากทาง MSI ที่ได้หน้าจอ 17.3″ 144Hz ที่น่าซื้อที่สุดรุ่นนึงในตลาด เพราะตลอดที่ผ่านมาทาง MSI จริงจังกับการพัฒนาโน๊ตบุ๊คเพื่อการเล่นเกมมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ โดยการแบ่งซีรีส์ออกอย่างชัดเจนและหลากหลาย อย่างล่าสุดอย่าง MSI GL75 ที่เป็น Gaming Notebook ขอบจอบางมาพร้อมประสิทธิภาพสูง ราคาคุ้มค่าไม่แพงเมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้ โดย MSI GL75 มาพร้อมกับระบบ Cooler Boost 5 ที่มีฮีทท์ไปป์ 7 เส้น พัดลมระบายความร้อน 2 ตัว ช่องเป่าลมร้อน 4 ช่อง บอกเลยว่าหมดห่วงเรื่องระบายความร้อน
สเปกหลักๆเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-10750H (2.60 GHz, 12 MB L3 Cache, up to 5.00 GHz) ทำงานแบบ 6 คอร์ 12 เธร์ด นับว่าเป็นตัวแรงยอดนิยม มาพร้อมกับการ์ดจอให้เลือก 2 รุ่นด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น NVIDIA GeForce GTX 1650/1660Ti ที่สำคัญได้แรมมาจัดเต็มที่ 16GB และ SSD M.2 NVMe ที่ 512GB หน้าจอใหญ่ 17.3″ Full HD พาเนล IPS แบบ Refresh Rate ที่ 144Hz คุณภาพเยี่ยม ตอบสนองทุกการใช้งานได้อย่างราบรื่น รวดเร็ว ออกแบบโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ให้มีความสวย ทันสมัยให้ความแข็งแรง ทนทาน เพิ่มความโดดเด่น ใช้งานง่ายและสะดวก ดีไซน์ใหม่ สวยล้ำกว่าเดิม
ตัวเครื่องยังมีลำโพง 2.0 ชาแนลขนาดใหญ่ Giant Speaker ทำงานผ่านทางซอฟแวร์เสียง Nahimic 3 ทำให้การขับเสียงเวลาเล่นเกม หรือดูหนังฟังเพลงทำได้อย่างยอดเยี่ยมอีกด้วย ทางด้านพอร์ทเชื่อมต่อเองมีมาให้อย่างครบถ้วนไม่ว่าจะเป็น USB 3.1 Type-A จำนวน 3 ช่อง, USB 3.1 Type-C หนึ่งช่อง, HDMI, SD(XC/HC) card reader, ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5, ช่องเสียบไมค์ขนาด 3.5 และช่องสาย Lan RJ45 การเชื่อมต่อไร้สายอย่างก็รองรับตัวที่เป็น Bluetooth 5.0 และ Wi-Fi 6 AX มีน้ำหนักตัวอยู่ที่ 2.5 กิโลกรัม ประกัน 2 ปี มี Windows 10 แท้ โดยสนนราคาอยู่ที่ 35,900 / 38,900 บาทเท่านั้น
แม้เป็น Gaming Notebook หน้าจอขนาด 17.3″ แต่ได้มิติตัวเครื่องเทียบเท่ากับโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 15.6″ แบบเดิมๆ ใช้งานเต็มตาสุดๆ แกนฝาพับแข็งแรงพัฒนาขึ้นกว่าเดิมจากรุ่นก่อน ส่วนคีย์บอร์ดจะเป็นไซต์มาตรฐานพร้อมมี Numpad มาให้ปกติ ทำให้พิมพ์สัมผัสได้ถนัดมือขึ้น ซึ่ง MSI GL75 ทุกรุ่นเหนือชั้นกว่า Gaming Notebook ทั่วไป โดยคีย์บอร์ดเป็นของ SteeSeries พร้อมมีไฟ RGB Per-key ด้วย ทำให้ตอบสนองและปรับแต่งได้ตามใจ Gamer ได้อย่างลงตัวสุดๆ เรียกได้ว่าเป็นฟีเจอร์ที่ยกมาจากรุ่นพี่อย่าง GS / GE / GT เลยก็ว่าได้