ASUS Notebook ปี 2020 เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ได้รับความน่าสนใจมาโดยตลอด เพราะมาพร้อมกับผลิตภัณฑ์มากมายทั้งในส่วนของ Notebook เน้นคุ้มค่าใช้งานพื้นฐานอย่าง VivoBook หรือหรูหราบางเบาก็จะเป็น ZenBook รวมไปถึง Gaming Notebook คุ้มๆ อย่าง ASUS TUF Gaming ที่มีให้เลือกมากมายตั้งแต่เริ่มต้นจนสุดทาง ทั้งหมดนี้พร้อมกับสเปกใหม่ล่าสุด ใครสนใจจะซื้อ Notebook รุ่นใหม่ๆ ต้องมี ASUS เป็นตัวเลือกแรกๆ แน่นอน สนนราคามีให้เลือกตั้งแต่หมื่นบาทกลางๆ ทุกรุ่นได้ประกัน 2 ปี ส่งเคลมร้าน 7-11 ได้ พร้อมปีแรกมีประกันอุบัติเหตุ Perfect Warranty ให้ด้วย
โดยในบทความนี้เราจะมาจัดอันดับ ASUS Notebook น่าซื้อปลายปี 2020 ราคาถูกคุ้ม ทั้งบางเบา 2-in- 1 Gaming สเปกหลักๆ มาพร้อมกับชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 หรือ AMD Ryzen 4000 ได้แรมพื้นฐานมาขนาด 4 – 8 – 16GB ได้ ที่เก็บข้อมูลเป็น SSD M.2 NVMe ความจุ 256 – 512GB ได้หน้าจอที่ใหญ่เหมาะสมกับการใช้งานด้วยขนาด 14″ – 15.6″ ความละเอียด Full HD พาเนลเป็น IPS 60 / 120 / 144Hz หรือ TN ให้สีสันที่สวยงาม ทุกรุ่นมี Windows 10 แท้ หรือบางรุ่นได้ Office Home & Student 2019 (มูลค่า 4,299 บาท) ด้วย ซึ่งจะมีรุ่นไหนบ้าง ไปชมกันต่อเลยครับ
ASUS VivoBook 14 D413 ราคา 13,900 – 15,900 บาท
ASUS VivoBook 14 D413 เป็น ASUS Notebook หน้าจอ 14″ สเปก AMD Ryzen 3000U ซึ่งได้ประสิทธิภาพที่เพียงพอกับการใช้งานพื้นฐานทั่วไปแน่นอน ที่ความผสมผสานที่ลงตัวระหว่างดีไซน์ใหม่เหมือนกับสเปก AMD Ryzen 4000U และคงความเป็นเอกลักษณ์ของ VivoBookที่เน้นสีสันและความสนุกสนาน ช่วยการทำงานมัลติทาสกิ้ง และการใช้งานเพื่อความบันเทิงได้อย่างดีเยี่ยม ที่สำคัญยังสีสันตัวเครื่องที่โดดเด่น มาพร้อมสีสัน 2 เฉดสี อย่างสี Cobalt Blue และ Indie Black ที่แตกต่างจากคู่แข่ง พร้อมความพิเศษเพิ่มลูกเล่นบนแป้น ‘Enter’ ด้วยขอบตัดสีเหลืองสะดุดตาแบบสุดๆ พร้อมกันนั้นยังมีสติ๊กเกอร์ให้เราสามารถแปะแต่งเพิ่มเติมอีกด้วย
สเปกภายในของตัว ASUS VivoBook 14 D413 มาพร้อมสเปกภายในเป็นชิปประมวลผล AMD Ryzen 4000 U Series อย่าง Ryzen 3 3250U / Ryzen 5 3500U ได้การ์ดจอออนชิป Radeon ที่รองรับทุกๆ การใช้งาน มาพร้อมขอบหน้าจอบางพิเศษ NanoEdge ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล พาเนลคุณภาพเพียงพออย่าง TN ในส่วนของสเปกอื่นๆ ก็น่าสนใจด้วยแรม 8GB DDR4 Bus 2400MHz พร้อม SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB แน่นอนว่าได้ Windows 10 ใช้งานทันที พร้อมลำโพงเสียงคุณภาพสูงจากแบรนด์ลำโพงระดับโลก Harman/Kardon ราคาขายไทยอยู่ที่ 13,900 / 15,900 บาท ได้ประกัน 2 ปีตามมาตรฐาน ASUS และประกันอุบัติเหตุในปีแรกด้วย
โดดเด่นด้วยสีสันทูโทนรวมถึงการออกแบบทำมาได้สวยมาก ตัวเครื่องภายนอกและด้านในได้วัสดุคุณภาพสูงที่แข็งแรงทนทาน โดยเฉพาะส่วนของส่วนของฝาหน้าจอที่เป็นอลูมิเนียมอัลลอยที่ดูสวยงามพร้อมความเรียบง่าย แน่นอนว่ามีโลโก้ ASUS VivoBook อย่างโดดเด่น ส่วนตัวด้านล่างก็จะเป็นพลาสติกที่แข็งแรง ทำให้ตัวเครื่องน้ำหนักที่เบา มีการนำเสนอพื้นผิวแบบเรียบเนียนสัมผัสดี ทั้งหมดนี้อยู่ในน้ำหนักตัวเครื่องเพียง 1.4 กิโลกรัม พร้อมความบางเพียง 15.9 มิลลิเมตร และขอบจอบางเพียง 5.7 มิลลิเมตรเท่านั้น ถือว่าเป็นมาตรฐานที่ดีมากๆ สำหรับโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 14″ ปี 2020 เหมาะกับสำหรับคนต้องการคอมพิวเตอร์เพื่อใช้งานพื้นฐานในราคาที่ถูกและคุ้มค่าที่สุด
- Ryzen 3 3250U / Radeon RX Vega 3 / RAM 8GB / SSD 512GB / จอ 14″ TN ราคา 13,900 บาท
- Ryzen 5 3500U / Radeon RX Vega 8 / RAM 8GB / SSD 512GB / จอ 14″ TN ราคา 15,900 บาท
ASUS VivoBook Flip 14 TP412 ราคา 13,900 – 16,900 บาท
ASUS VivoBook Flip 14 TP412 เป็น ASUS Notebook ประเภท 2-in-1 Notebook ปี 2020 รุ่นใหม่ล่าสุด บาง 17.6 มิลลิเมตร น้ำหนักเพียง 1.5 กิโลกรัม ดีไซน์หรูหรากะทัดรัด หน้าจอ 14″ มาพร้อมชิปประมวลผล Intel อย่าง Pentium Gold 5405U (2.30 GHz, 2M Cache L3) หรือ Core i3-10110U (2.10 GHz, 6 MB L3 Cache up to 4.10 Ghz) ส่วนสเปกอื่นๆ ก็มาพร้อมกับหน่วยความจำแรมขนาด 4GB DDR4 และแหล่งเก็บข้อมูล SSD M.2 ความจุ 256GB พร้อมกับ Windows 10 แท้ในตัว ซึ่งมีราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ 13,900 – 16,900 บาท รองรับการพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้อย่างสบายๆ ในราคาไม่แพง
ตัวเครื่องบางเพียง 17.6 มม. บางกว่าเก่าถึง 11% และเบาเพียง 1.6 กิโลกรัม มาพร้อมกับความเรียบหรูแต่คุ้มค่า เป็นโน๊ตบุ๊คที่บางที่ราคาถูกที่สุดจากทาง ASUS ที่ได้บานพับ 360 องศา หน้าจอสัมผัส Full HD พาเนล TN ขอบบาง 6.15 มิลลิเมตร ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล NanoEdge ที่บางเฉียบเป็นพิเศษ ทำให้ ASUS VivoBook Flip 14 เหมาะกับจอภาพ Full HD ขนาด 14″ ในตัวเครื่องขนาด 13.3″ โดยมีอัตราส่วนจอภาพมากถึง 82% ของตัวเครื่องเพื่อการรับชมที่สมจริง รองรับการใช้งานหลากหลายโหมดได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งยังมีอุปกรณ์เสริมอย่าง ASUS Active Pen
การเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน ทั้ง HDMI, 2 x USB 2.0 Type-A, 1 x USB 3.1 Type-A, USB 3.1 Type-C, Kensington Lock, 2-in-1 SD และ Headset 3.5mm พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 4.2 และ Wi-Fi มาตรฐาน 5 AC ได้ระบบปฏิบัติการ Windows 10 แท้ในตัว มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ Fingerprint สแกนลายนิ้วมือเพื่อการถอดรหัสเข้าสู่ระบบที่รวดเร็วและง่ายดายโดยผ่านคุณสมบัติของ Windows Hello
สำหรับ ASUS VivoBook Flip 14 TP412 รุ่นที่ต่อยอด ASUS VivoBook Flip รุ่นก่อนๆ มาดีไซน์โดยรวมถือว่าคล้ายเดิม ในตระกูลของ 2-in-1 Notebook มีสไตล์นี้มาพร้อมกับกรอบโลหะสุดอลังการ ด้วยสีน้ำเงิน Galaxy Blue บานพับโลหะที่พับได้รอบถึง 360 องศาของ VivoBook Flip 14 TP412 ที่ออกแบบมาเพื่อความทนทาน ได้รับการทดสอบการเปิดและปิดอย่างทรหดกว่า 20,000 ครั้ง เพื่อให้ได้ความทนทานสูงสุด โดยเหมาะมากๆ สำหรับคนทำงานนักเรียนนักศึกษาที่เน้นใช้งานทั่วไปแต่ลื่นไหล และใช้งานได้หลากหลาย
- Pentium Gold 5405U / UHD 610 / RAM 4GB / SSD 256GB / จอ 14″ TN Touch ราคา 13,900 บาท
- Core i3-10110U / UHD 620 / RAM 4GB / SSD 256GB / จอ 14″ TN Touch ราคา 16,900 บาท
ASUS VivoBook Flip 14 TM420 ราคา 22,900 – 26,900 บาท
ASUS VivoBook Flip 14 TM420 นั้นถือเป็น ASUS Notebook ประเภท 2-in-1 Notebook ปี 2020 ที่ได้ความบางเบาราคาคุ้มค่ารุ่นล่าสุด สีสันไม่ซ้ำใครด้วยสีดำ Bespoke Black โดดเด่นด้วยชิปประมวลผล AMD Ryzen 4000U อีกทั้งยังแถมปากกา Stylus ใช้วาดรูปขีดเขียนอีกด้วย ซึ่งบอกเลยว่าเป็น 2-in-1 Notebook ที่มีราคาถูกมากๆ ตอนนี้ในตลาดเหลือเพียง 22,900 บาท จากดีไซน์ที่สวยงามหรูหรา พกพาสะดวก พร้อมสเปกและฟีเจอร์ที่เกินราคา กว่า 2-in-1 Notebook ทั่วไป กับขนาดหน้าจอ 14″ แต่ตัวเครื่องเล็กกระทัดรัดเทียบเท่า 13.3″ นี้ โดยมีน้ำหนักที่ 1.5 กิโลกกรัม พร้อมดีไซน์หรูหราตามสไตล์ของ ZenBook จากทาง ASUS
สเปกเต็มๆ ของ ASUS VivoBook Flip 14 TM420 ใช้ชิปประมวลผล AMD Ryzen 5 4500U / Ryzen 7 4700U ที่เป็นสถาปัตยกรรมใหม่ล่าสุดที่การผลิต 12 นาโนเมตร โดยมีค่าการกินไฟ TDP ที่ 15 Watt เท่านั้น การ์ดจอออนบอร์ดเป็น Radeon RX VEGA 8 ประสิทธิภาพใช้ได้ดี ควบคู่กับแรมขนาด 8GB / 16GB DDR4 Bus 32000MHz และ SSD M.2 NVMe ความจุ 512 GB ส่วนหน้าจอจะเป็นแบบมัลติทัชขนาด 14″ แบบกระจก รองรับสัมผัสมัลติทัชและปากกา Stylus รองรับแรงกดได้หลายระดับ พาเนลจอเป็น IPS ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล (Full HD)
วัสดุหลักของ ASUS VivoBook Flip 14 TM420 เป็นพลาสติกเกรดสูงที่แทบจะไร้รอยต่อตลอดทั้งตัวเครื่อง โดยมีกล้องเว็บแคมและมีไมค์ดิจิตอลในตัว ที่สำคัญมีระบบสแกนลายนิ้วมือที่สามารถใช้งานร่วมกับ Windows Hello เพื่อปลดล็อคตัวเครื่องได้อีกด้วยตัวคีย์บอร์ดยังมีไฟ LED Backlit สีขาวมาให้ด้วย พร้อหน้าจอพับปรับได้ 360 องศา มีบันเดิลปากกา Stylus อย่าง ASUS Active Pen มาให้เลยในกล่องเลย ประกัน 2 ปีเต็มตามมาตรฐาน ASUS พร้อมประกันอุบัติเหตุใน 1 ปีแรกอีกด้วย โดดเด่นด้วยการเคลมผ่านทางร้าน 7-11 ได้
โดดเด่นด้วยการออกแบบจอภาพไร้กรอบ NanoEdge แบบใหม่ที่ทำให้กรอบจอภาพมีขนาดเล็กลงกว่ารุ่นก่อนเกือบ 10% จอแสดงผลขนาด 14″ แบบขอบจอบางทั้ง 4 ด้านทำให้มีอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องสูงถึง 90% ทำให้ตัวเครื่องมีขนาดกะทัดรัดยิ่งขึ้น ได้บานพับ ErgoLift 360° ที่ว่านี้นั้นทาง ASUS ได้ทำการวิจัยออกมาเป็นอย่างดี ว่ามันจะช่วยให้เราใช้งานโน๊ตบุ๊คนั้นสามารถที่จะพิมพ์ได้อย่างสบาย เวลาที่กางบานพับออกมานั้นมันจะทำให้ส่วนของฐานคีย์บอร์ดมีระยะห่างกับฐานตั้งซึ่งทำให้ความร้อนที่เกิดขึ้นในส่วนของตัวเครื่องนั้นมีการดูดลมเย็นเข้าไปช่วย พร้อมกันนั้นยังให้เสียงที่ดีขึ้นด้วย
- Ryzen 5 4500U / Radeon 6 / RAM 8GB / SSD 512GB / จอ 14″ IPS Touch ราคา 22,900 บาท
- Ryzen 7 4700U / Radeon 7 / RAM 16GB / SSD 512GB / จอ 14″ IPS Touch ราคา 26,900 บาท
ASUS TUF Gaming A15 FA506 ราคา 25,900 – 27,900 บาท
ASUS TUF Gaming A15 FX506 เป็น ASUS Notebook ประเภท Gaming Notebook โดยอัพเดทมีรุ่นใหม่ได้ โปรแกรม Office Home & Student 2019 (มูลค่า 4,299 บาท) ทำให้ใช้งานโปรแกรม Word / Excel / Power Point ได้ทันที น่าสนใจจากกดีไซน์โดดเด่นด้วยฝาโลหะพ่นทรายให้พื้นผิวสีเทาที่สวยงาม โลโก้ TUF Gaming ที่เรียบหรูสลักด้วยเลเซอร์ทำให้ดูโดดเด่นยิ่งขึ้น พร้อมการออกแบบสไตล์รังฝังที่ยอมรับว่าสวยงามจริงๆ แน่นอนว่าด้วยความที่เป็น TUF Gaming ก็จะได้รับการรับรองตามมาตรฐานทางการทหาร MIL-STD-810H โดยสามารถทนต่อแรงสั่นสะเทือน, อุณหภูมิและความชื้นสูง ส่งผลให้มีความทนทานกว่า Gaming Notebook ทั่วไป
ASUS TUF Gaming A15 FA506 มาพร้อมกับชิปประมวลผล AMD Ryzen 5 4600H (3.00 GHz up to 4.00 GHz, 8 MB L3 Cache) ทำงานแบบ 6 Core/ 12 Thread หรือ AMD Ryzen 7 4800H (2.90 GHz up to 4.20 GHz, 8 MB L3 Cache) ทำงานแบบ 8 Core/ 16 Thread ส่วนการ์ดจอแยกจะเป็น NVIDIA GeForce GTX 1650 Ti (4GB GDDR6) รุ่นใหม่ที่แรงกว่าเดิมได้หน้าจอขนาด 15.6″ ความละเอียด Full HD ที่ 1920 x 1080 พิกเซล พาเนล IPS เกรดคุณภาพดี รองรับ Refresh Rate ที่ 144Hz ให้ความลื่นไหลอย่างที่สุดด้วย พร้อมเทคโนโลยี Adaptive Sync ทำให้ภาพไม่ฉีกขาด (Tearing)
แรมได้มาขนาด 8GB DDR4 Bus 3200 MHz แบบ Single Channel (8GB x 1 แถว) มาพร้อมกับที่เก็บข้อมูลแบบ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ที่มีความลื่นไหล ส่วนรุ่นท็อปสุดจะได้เป็นแรมขนาด 16GB DDR4 Bus 3200 MHz แบบ Dual Channel (8GB x 2 แถว) ทำให้เพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกมหรือทำงานเข้าไป อีกทั้งมาพร้อมกับที่เก็บข้อมูลแบบ SSD M.2 NVMe ความจุ 512B ที่ลื่นไหลและเพียงพอในการสำรองไฟล์ต่างๆ รวมไปถึงมีไฟ RGB คีย์บอร์ด แบบ All Zone ปุ่ม WASD ทำไฮไลท์ไว้ สามารถรองรับการกดได้ 20 ล้านครั้ง Travel Key 1.8 mm การวางเลเอาท์จะเหมือนกับคีย์บอร์ดแยกจริงๆ
รวมไปถึงมีลำโพงคุณภาพสูงระบบเสียง DTS:X Ultra พร้อมพอร์ตการเชื่อมต่อครบครัน ทั้ง 2 x USB 3.2 Gen 2 Type-A และ 1 x USB 3.2 Gen2 Type-C โดยทำงานเป็น DisplayPort 1.4 ระบบการเชื่อมต่อไร้สายเป็นมาตรฐานใหม่อย่าง Wi-Fi 5 AC และ Bluetooth 5.0 ติดตั้งระบบปฎิบัติการติดตั้ง Windows 10 แท้ และซอฟต์แวร์ Utility อย่าง Armory Crate มาให้ในตัว ส่วนการรับประกัน 2 ปี ส่งเคลม 7-11 และที่สำคัญเมื่อเอาซีเรียลไปลงทะเบียนในเว็บไซต์ ASUS จะได้รับประกันอุบัติเหตุฟรี 1 ปีแรกจากทาง ASUS อีกด้วย อุ่นใจจัดเต็ม จัดได้ว่าเป็นมาตรฐานการรับประกันของทาง ASUS ปกติ
ส่วนน้ำหนักก็อยู่ที่ 2.3 กิโลกรัม จัดได้ว่าเป็น Notebook ที่สเปกแรงมากๆ แต่น้ำหนักเบาๆ พกพาสะดวก อีกทั้งแบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานกว่า 7 ชั่วโมงโดยประมาณ และร้อนน้อยด้วยเมื่อใช้งานหนักๆ นอกเหนือจากนี้ ASUS TUF Gaming A15 FA506 ยังมี Armory Crate ซอฟต์แวร์ Utility ที่ยกมาจาก ROG รุ่นอื่นๆ พร้อมด้วย อีกทั้งยังมีช่องด้านบนเหนือคีย์บอร์ดมีช่องดูดลมอีกช่องช่วยนำพาอากาศเย็นเข้าไปอีก เรียกได้ว่าเป็น Gaming Notebook ปี 2020 ที่น่าสนใจจริงๆ
- Ryzen 5 4600H / GTX 1650 / RAM 8GB / SSD 512GB / จอ 15.6″ IPS 144Hz / Office แท้ ราคา 25,990 บาท
- Ryzen 5 4600H / GTX 1650 Ti / RAM 8GB / SSD 512GB / จอ 15.6″ IPS 144Hz / Office แท้ ราคา 27,990 บาท
ASUS ZenBook 14 UM425IA ราคา 24,900 – 29,900 บาท
ASUS ZenBook 14 UM425IA เป็น ASUS Notebook สายบางเบารุ่นใหม่ล่าสุด สเปก AMD Ryzen 4000U มาพร้อมขนาดหน้าจอ 14 นิ้ว โดดเด่นด้วยความบางเฉียบสุดๆ เพียง 14 มม. และเบามากๆ ที่น้ำหนัก 1.22กก. เท่านั้น เรียกได้ว่ามีการปรับปรุงจากรุ่นก่อนทั้งหมด แต่ยังมาพร้อมพอร์ทเชื่อมต่อครบครัน ได้แก่ HDMI, USB Type A, USB Type-C และ microSD card reader นำเสนอนวัตกรรมขอบจอบางทั้ง 4 ด้าน ให้อัตราส่วนขนาดจอต่อตัวเครื่องที่ 90% พร้อมอายุการใช้งานแบตเตอรี่สูงสุด 22 ชม. พร้อมดีไซน์ใหม่ในสีเทา (Pine Grey) ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร
ชิปประมวลผลรุ่นล่าสุดอย่าง AMD 4000U series ซึ่งได้ Ryzen 5 4500U / Ryzen 7 4700U เป็นตัวเลือกที่แรงลื่น ได้หน่วยความจำแรมสูงสุดที่ 8GB / 16GB DDR4 Bus 3733 MHz ส่วนที่เก็บข้อมูลเป็น SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB รองรับการเชื่อมต่อไร้สาย Wi-Fi 6 (802.11ax) ติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home แท้ใช้งานได้ทันที และโปรแกรม Microsoft Office Home and Student 2019 ทำให้เราใช้งานเอกสาร Word / Excel / Power Point ได้ฟรีๆ ด้วย พร้อมความโดดเด่นเรื่องประกันก็คือได้มาตรฐาน 3 ปี On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้านด้วย
โดย ASUS ZenBook 14 UM425IA วัสดุหลักเป็นอะลูมิเมียมเกรดสูงแบบ Unibody ที่ไร้รอยต่อ ผสานกับลวดลายการออกแบบอันเป็นแบบฉบับของ ZenBook ปี 2020 เพิ่มสีสันให้กับรายละเอียดแบบเนี๊ยบเฉียบตลอดทั้งตัวเครื่อง ที่สำคัญตัวเครื่องก็ผ่านการทดสอบตามมาตรฐาน MIL-STD-810G ระดับกองทัพสหรัฐฯ ที่มีการทดสอบในหลากหลายด้าน เช่น ทดสอบการตกหล่น ทดสอบการสั่นสะเทือน ทดสอบการทำงานในสภาวะอุณหภูมิต่าง ๆ ทำให้มั่นใจได้เลยว่าจะสามารถใช้งานว่าเครื่องนี้ได้ในแทบทุกสภาพแวดล้อมอย่างแน่นอน
อีกหนึ่งเทคโนโลยีที่เข้ามาเสริมให้การทำงานเป็นไปได้อย่างเต็มประสิทธิภาพของ ASUS ZenBook 14 UM425IA ก็คือ บานพับ ErgoLift Hinge นั้นเวลาที่กางออกมาใช้งานในรูปแบบโน๊ตบุ๊คจะทำให้คีย์บอร์ดทำมุม 3 องศากับฐานตั้ง พร้อมกางจอได้สูงสุดที่ 140 องศา จากการที่มีบานพับแบบพิเศษช่วยยกตัวเครื่องสูงขึ้นจากพื้น โดยขอบตัวเครื่องด้านหลังจะมียางรองพร้อมทำหน้าที่เป็นฐานรองด้านหลัง รวมไปถึงในการเข้าใช้งานก็สามรถทำได้ง่ายและปลอดภัยด้วยการสแกนใบหน้าผ่านทาง 3D IR Camera ที่ใช้งานร่วมกับ Windows Hello นั่นเอง