Connect with us

Hi, what are you looking for?

Tips & Tricks

“OK Google” แค่สั่งก็ได้ดังใจ เหมือนอยู่ในโลกอนาคต

How To สั่งงาน “OK Google” สั่งงานได้เหมือนมีผู้ช่วยประจำตัว

OK Google ok google

หลาย ๆ คนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่าทาง Google นั้นได้มี AI อัจฉริยะที่จะคอยทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยส่วนตัวให้กับผู้ใช้ นั่นก็คือ Google Assistant ที่เพียงแค่เราออกคำสั่งเริ่มต้นด้วย ‘OK Google’ ผู้ช่วยส่วนตัวของเราก็จะทำตามคำสั่งของเราทันที แต่จะมีคำสั่งอะไรบ้างที่ผู้ช่วยอัจฉริยะนี้จะสามารถทำให้เราได้ ทีมงาน Notebookspec จึงได้รวบรวมตัวอย่างคำสั่ง OK Google ที่จะสามารถใช้งานและเพิ่มความสะดวกสบายให้กับเราเพียงแค่พูดออกมา จะมีอะไรบ้างนั้นไปดูกันเลย


Google Assistant นั้นเป็นระบบที่ผู้ใช้สามารถสั่งงานได้โดยการใช้คำสั่งเสียง แต่เดิมนั้นระบบนี้จะอยู่ในสมาร์ทโฟน Google Pixel ที่ทาง Google เป็นผู้พัฒนาขึ้น ซึ่งต่อมาก็ได้รับการอัพเกรดให้สามารถใช้งานได้ในสมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการทั้งใน iOS และ Android เป็นที่เรียบร้อยแล้วผ่านทางแอพพลิเคชัน Google Assistant

Advertisement

สำหรับความสามารถเด็ด ๆ ที่เราจะเห็นได้ใน Google Assistant นั่นก็คือ

  • Google Assistant สามารถใช้งานได้กับสมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการ iOS และ Android
  • Google Assistant สามารถแยกแยะระหว่างเสียงคนกับเสียงภายนอกได้
  • มีฐานข้อมูลที่มากมายและกว้างขวางด้วยระบบของ Google จึงทำให้การค้นหาเป็นไปได้อย่างกว้างขวาง แถมยังสามารถพูดคุยเล่นกับผู้ใช้ได้ด้วย
  • สามารถส่งต่อ เปิด/ปิดแอพฯ หรือเชื่อมต่อไปยังแอพพลิเคชันอื่น ๆ ได้
  • รองรับคำสั่งใช้งานได้หลากหลายภาษา

การใช้งาน Google Assistant และคำสั่ง OK Google

ในการใช้งานนั้นก็ง่ายมาก ๆ สำหรับสมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android นั้น เมื่อดาวน์โหลดแอพพลิเคชันมาแล้ว (แต่โดยปกตินั้นในสมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบ Android มักจะมี Google Assistant มาให้อยู่แล้ว) เราก็สามารถเรียกใช้งานได้เลยเพียงแค่พูดว่า ‘OK Google’ หรือ ‘Hey Google’ หรืออีกวิธีนึงคือการกดปุ่ม Home ค้างไว้ (ในสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ๆ คาดว่าน่าจะเป็นการกดปุ่ม Power ค้างไว้) จากนั้นเจ้า Google Assistant ก็จะโผล่ขึ้นมา แล้วให้เราพูดคำสั่งได้ตามต้องการ

** วิธีเปิดการทำงานด้วยเสียงสำหรับสมาร์ทโฟน ระบบปฏิบัติการ Android ให้ไปที่ Google app > Settings > Google Assistant > Turn on **


การตั้งค่า OK Google บนอุปกรณ์ต่างๆ

Android

สำหรับสาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์ในใช้งานระบบปฏิบัติการ Android นั้น ส่วนใหญ่จะมี Google Assistant มาให้อยู่แล้ว พร้อมกับ Google App แต่ถ้าใครยังไม่มีให้ไปดาวน์โหลดมาก่อน

โดยจะต้องมีเงื่อนไขดังนี้

  • Android 5.0 หรือสูงกว่า
  • แอพพลิเคชัน Google 6.13 ขึ้นไป
  • มีบริการ Google Play
  • หน่วยความจำ 1.0 GB

ส่วนการใช้งานนั้น เมื่อเปิดการใช้เสียงเรียบร้อยแล้ว ก็ให้พูดใส่มือถือว่า OK Google หรือ Hey Google และพูดคำสั่งเข้าไปได้เลย หรืออีกวิธีคือการกดปุ่ม Home ค้างไว้ และค่อยพูดคำสั่งไปก็ได้

  • เมื่อโหลดมาเรียบร้อยแล้ว ก็ให้เข้าไปที่ Google App และเลือกเมนู More > Setting > Google Assistant > Voice Match และให้ทำการเปิด Hey Google จากนั้นระบบจะให้เราพูดว่า OK Google กับ Hey Google 4 ครั้งเพื่อจำเสียงของเรา เพียงเท่านี้ก็จะสามารถเรียกใช้งาน Hey Google ได้แล้ว หรือถ้าใครอยากปิดการใช้งานเสียง Google Assistant ก็ให้เข้าไปตามเดิมแล้วเลือกปิด ก็จะปิดการใช้งานเสียงได้แล้ว รวมไปถึงการเปิดให้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ ได้อีกนะ โดยการเพิ่ม Device เข้าไปในเมนู Voice Match นี้เลย
  • ** วิธีเปิดการทำงานด้วยเสียงสำหรับสมาร์ทโฟน ระบบปฏิบัติการ Android ให้ไปที่ Google app > Settings > Google Assistant > Turn on **

iOS

สำหรับผู้ใช้งานระบบปฏิบัติการ iOS นั้น ตัว Google Assistant จะไม่รวมอยู่ในระบบด้วย ทำให้เราจำเป็นต้องดาวน์โหลดแอพพลิเคชันมา เพื่อเปิดการทำงานนั่นเอง โดยจะมีเงื่อนไขว่า อุปกรณ์ iOS ต้องใช้ iOS 10 ขึ้นไป

  • เมื่อดาวน์โหลดแอพพลิเคชัน และติดตั้งเรียบร้อยแล้ว ให้ชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชี Google
  • เลือก ดำเนินการต่อ ในหน้าที่พูดถึง Google Partners
  • จากนั้นกด ถัดไป และอนุญาตการเข้าถึงข้อมูลอุปกรณ์ รวมไปถึงการใช้ไมโครโฟนเพื่อเปิดการทำงานของคำสั่งเสียง
  • เพียงเท่านี้ก็สามารถที่จะใช้งาน Google Assistant ได้แล้ว

การใช้งานบนอุปกรณ์ iOS นั้นอาจจะไม่มีความคล่องตัวเท่ากับอุปกรณ์ระบบปฏิบัติการ Android และนอกจากนี้เรายังสามารถใช้งาน Siri ให้เปิดการทำงานของ Google Assistant ได้ด้วย


Apple Watch

การตั้งค่า Apple Watch ให้สามารถใช้งาน Google Assistant ได้นั้นง่ายดายมาก ๆ สามารถทำได้ดังนี้เลย

  • แตะหน้าจอของ Apple Watch
  • ปัดลงจากด้านบนแล้วเลือกไอคอนการตั้งค่า (ไอคอนฟันเฟือง)
  • แตะที่ ส่วนบุคคล (Privacy)
  • เปิดสวิตช์ การตรวจจับ “OK Google”

วิธีตั้งค่าคำสั่ง OK Google ภาษาไทย 

Google Assistant มีความสามารถที่รองรับการใช้งานคำสั่งได้หลากหลายภาษา สำหรับการตั้งค่าให้รองรับการโต้ตอบเป็นภาษาไทยนั้นง่ายมาก ๆ สามารถทำได้ดังนี้

OK Google
  • เริ่มต้นให้เราเข้าไปที่แอพพลิเคชั่น Google Assistant
  • จากนั้นให้กดที่สัญลักษณ์ Account ของเรา >> จะเข้าสู่หน้า Settings >> จากนั้นให้เลือกที่ Assistant >> Languages >> เลือกภาษาที่เราต้องการจะใช้ในการโต้ตอบกับ AI โดยเราสามารถเลือกได้ 2 ภาษาด้วยกัน

ตัวอย่างคำสั่ง OK Google

Google Assistant มีความสามารถที่จะรอบรับการใช้งานตามคำสั่งของผู้ใช้มากมาย ทั้งการแจ้งเตือน รับ/ส่งข้อมูล แชร์ข้อมูล การเตือนความจำ การค้นหาสถานที่ ฯลฯ มาดูตัวอย่างคำสั่งการใช้งาน Google Assistant ว่าอะไรบ้าง 

  • Increase/decrease brightness (เพิ่ม/ลดแสงหน้าจอ)
  • Take a picture (ถ่ายภาพ)
  • Show me my messages (ดูข้อความ)
  • What’s my next appointment? (การนัดหมาย)
    • What am I doing tomorrow? 
    • What’s my next meeting?
    • Show me my agenda (ดูกำหนดการ โดยจะเปิดตารางงานจาก Google Calendar)
  • When is my next alarm? (การตั้งปลุก)
  • Set the volume to full. (เปิดเสียงสุด)
  • Remember “…..” (ตามด้วยสิ่งที่อยากให้ช่วยจำ เมื่อต้องการที่จะดูก็เพียงแค่ถาม)
    • What I have told you to remember?
    • Forget all of that (ลืมทั้งหมดที่เราเคยให้จำ)
  • Where is my tablet? (ในกรณีที่เรามีอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับ Google Assistant ร่วมกัน เราสามารถใช้คำสั่งนี้เพื่อหาอุปกรณ์ของเราได้)
  • Reminder (เตือนความจำ)
    • Add “…..” to reminder 
    • Remind me to “…..” (สร้างการเตือนความจำขึ้นมา สามารถใส่ข้อความ, ตั้งเวลา, สถานที่ ทำให้เราไม่พลาดนัดสำคัญ เช่น Remind me to visit my mom at 6pm.)
  • Show me my emails (เรียกดู Email)
  • Shopping List (ลิสต์รายการสิ่งของที่เราต้องการจะซื้อ)
    • Add “…..” to Shopping List เช่น Add Books to shopping list.
  • Calculator (คิดเลข) เช่น Fifty percent of six thousand. (50% ของ 6000 คือเท่าไร?)
  • Send a text (ส่งข้อความ)
    • Send “…..” to “…..” (ส่งข้อความหารายชื่อในสมุดโทรศัพท์ ตามที่เราตั้งชื่อไว้)
    • Call “…..” (โทรออกหาเบอร์ตามรายชื่อที่เราตั้งไว้)
  • Translate (แปลภาษา)
    • Translate “…..” to “…..” เช่น Translate delusion to Thai. หรือ What is hello in Korean language?
  • Take me home (เราตั้งค่าตำแหน่งบ้านของเราได้ที่ Google app หรือ Google map (สถานที่อื่น ๆ ก็ได้) เช่น Take me to workplace. หรือ How long is Chatuchak Market to Central World.)
  • Show me
    • Show me “…..” (ค้นหาอะไรก็ได้ในสมาร์ทโฟนของเราหรืออินเทอร์เน็ต)
  • Who, What, Where, When, Why, How (ความสามารถในการค้นหาเฉกเช่นเดียวกับการเสิร์ชในเว็บไซต์ของ Google เช่น What Do Different Cat Noises Mean?
  • Open, Play (เปิด/ปิด, เล่นเพลง วิดีโอ ฯลฯ จากแอพพลิเคชั่นในสมาร์ทโฟนของเรา ไม่ว่าจะเป็น Open Gallery, Open Camera, Take a Selfie, Play song on Spotify ฯลฯ )

เพื่อคำสั่งที่สามารถใช้งานได้เต็มรูปแบบ เราจะต้องเข้าไปตั้งค่าให้ระบบเข้าถึงข้อมูลของเราได้ด้วย โดยสามารถเข้าไปตั้งค่าความสามารถต่าง ๆ 

OK Google

ทั้งนี้เมื่อเราตั้งค่าให้ Google Assistant รองรับคำสั่งตามภาษาที่เราพูด (ในที่นี้ทีมงานตั้งให้รองรับคำสั่งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ) เราก็สามารถออกคำสั่งเป็นภาษานั้น ๆ ที่ต้องการได้เลย และสำหรับใครที่ต้องการหรืออยากรู้คำสั่งงาน Google Assistant เพิ่มเติมก็สามารถเข้าไปดูได้ที่ ok-google.io ซึ่งทางเว็บไซต์ได้ลิสต์คำสั่งมากมายที่เราสามารถสั่งงานได้กับ ‘OK Google’ นี้

ในยุคที่เทคโนโลยีพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด มนุษย์ที่เป็นผู้ใช้งานอย่างเรา ๆ นั้นก็ต้องไล่ตามให้ทัน ใช้งานเทคโนโลยีเหล่านี้ให้คุ้มค่าที่สุด เพราะในปัจจุบันนี้แค่เสียงของเราก็สามารถใช้ทำอะไรได้มากมาย ใครที่อยากลองใช้งาน AI ผู้ช่วยสุดอัจฉริยะจาก Google นี้ก็ต้องลองใช้งานดู ไม่แน่ว่านอกจากจะให้ความสะดวกสบายกับเราแล้ว Google Assistant อาจจะเป็นความบันเทิงให้เราได้อีกด้วย ในกรณีที่มันเล่นตบมุกกับเรา

OK Google

และทั้งหมดนี้ก็คือการสอนใช้งาน และตั้งค่า Google Assistant ที่รองรับคำสั่งใช้งานด้วยเสียง เพียงแค่พูดว่า “OK Google” เราก็สามารถพูดคุยและสั่งให้ Google Assistant ทำงานต่างๆ ได้แล้ว เรียกว่าช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่เราได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว ไม่ต้องวุ่นวายเข้าไปเลือกเมนูเอง รวมไปถึงบางครั้งก็สามารถเป็นเพื่อนคลายเหงาให้เราได้สั่งคำสั่ง หรือพูดคำพูดแปลกๆ ให้ Google ได้งงได้ด้วย ใครที่สนใจก็สามารถลองไปเล่น ลองไปใช้งานกันได้เลย


อ่านบทความเพิ่มเติม/เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

แก้ไข PDF
ลบไฟล์ขยะ Windows 10
แคปหน้าจอคอม
โหลดคลิปจากยูทูป
Youtube Download ดูยูทูปออฟไลน์ง่าย ๆ
ย้ายรูป Android
Click to comment
Advertisement

บทความน่าสนใจ

Tips & Tricks

กำแพงภาษาอาจเป็นปัจจัยที่ทำให้ใครหลายคนไม่อยากเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศเพราะกลัวจะสื่อสารไม่ได้คุยกับใครไม่รู้เรื่อง แต่ในยุคนี้ก็มีแอพแปลภาษาให้โหลดไปติดตั้งในสมาร์ทโฟนเอาไว้สื่อสารกับชาวต่างชาติได้ง่ายขึ้นมาก ไม่ว่าจะเป็นคนชาติไหนก็สามารถพูดสื่อสารกันได้ตั้งแต่ถามเส้นทางการเดินทางไปจนติดต่อคุยงานกันในยามจำเป็นก็ยังได้ แม้จะไม่ถึงระดับของล่ามที่ฝึกฝนภาษานั้นมาเป็นเวลานานจนเชี่ยวชาญแต่ในนาทีสำคัญมันก็ช่วยแก้ปัญหาให้เราได้แน่นอนแถมส่วนใหญ่เป็นแอพฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มหรือถ้าจ่ายค่าบริการเพิ่มก็ได้ฟีเจอร์มาเพิ่มคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นอีกหลายอย่าง ถ้าพูดถึงแอพฯ เหล่านี้เมื่อไหร่ เป็นใครก็ต้องคิดถึง Google Translate ก่อนเป็นชื่อแรกแน่นอนแ แต่บางประเทศ เช่น จีนแผ่นดินใหญ่ปลายทางยอดนิยมของชาวไทยตอนนี้หรือรัสเซียก็ไม่สามารถใช้ Google ได้ ยกเว้นจะ Roaming สัญญาณเน็ตเข้าไป ก็มีทางออกโดยหันมาใช้แอพฯ เฉพาะของที่นั่นแทน ซึ่งใช้งานได้ดีพอกันและออกแบบมาเพื่อภาษานั้นโดยเฉพาะด้วย ทำให้การแปลภาษาลื่นไหลสื่อสารกับผู้คนได้ต่อเนื่อง แถมแอพฯ เหล่านี้ก็พัฒนาตัวเองให้แปลเอกสารและไฟล์...

CONTENT

Android TV 2024 จอใหญ่ ราคาดี ยังน่าใช้อยู่มั้ย เน้นเล่นเกม ดูหนัง แบบใดถึงเหมาะ? Android TV เป็นระบบปฏิบัติการสำหรับทีวีที่พัฒนาโดย Google ซึ่งนำเสนอประสบการณ์ความบันเทิงแบบครบวงจรบนหน้าจอใหญ่ ด้วยความสามารถในการเข้าถึงแอปพลิเคชันมากมาย, การเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ และฟีเจอร์ที่ใช้งานง่าย ทำให้กลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการยกระดับประสบการณ์การรับชมทีวีให้ดียิ่งขึ้น แอนดรอยด์ทีวี ข้อดีของแอนดรอยด์ทีวี อุปกรณ์ที่ใช้แทนแอนดรอยด์ทีวี คุณสมบัติที่น่าสนใจของแอนดรอยด์ทีวี สิ่งที่ควรระวังในการใช้งาน แอนดรอยด์ทีวี...

Tips & Tricks

How To พิมพ์ด้วยเสียง ไม่ต้องใช้คีย์บอร์ด ทั้ง MS Word, Google Docs, iOS และ Android อัพเดท 2024 เมื่อเทคโนโลยีด้านการเขียนถูกพัฒนาขึ้น แต่เดิมที่อาศัยการเขียนมือก็เปลี่ยนเป็นการพิมพ์ดีด และนำไปสู่การพิมพ์ผ่านแป้นพิมพ์หรือ Keyboard เพื่อในการทำวงานร่วมกับคอมพิวเตอร์และอื่นๆ ต่อมาก็เกิดการพิมพ์บนหน้าจอสัมผัสขึ้น ทั้งสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต รวมไปถึงคอมพิวเตอร์ในบางรุ่น ซึ่งเราก็จะเห็นได้ว่าสิ่งเหล่านี้มีพัฒนาการและเติบโตขึ้นอย่างมาก...

Special Story

การเรียนรู้เกิดขึ้นได้ตลอดเวลาทั้งชีวิต ยิ่งยุคนี้ที่ทุกคนต้องหมั่นหาความรู้เพิ่มความสามารถให้ตัวเองตลอดเวลาแต่จะไปเข้าคอร์สเรียนก็ไม่สะดวก การเรียนออนไลน์จึงได้รับความนิยมมากขึ้นเพราะผู้เรียนไม่จำเป็นต้องเดินทางไปเข้าห้องเรียนเหมือนแต่ก่อนแล้ว แค่เปิดคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนเข้าระบบให้เรียบร้อยแล้วกดดูสื่อการเรียนรู้ได้ทันที มีแบบฝึกหัดทดสอบความรู้หลังเรียนและสอบวัดความสามารถเพื่อจบการศึกษาและรับใบประกาศนียบัตรได้ นับว่าครบวงจรให้ผู้เรียนเอาไปใช้ประกอบอาชีพต่อได้ ไม่ว่าจะพัฒนาในสายงานของตัวเองหรือข้ามสายงานไปเลยก็ได้ทั้งนั้น ข้อดีอีกอย่าง คือ มหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศไทยหลายแห่งก็สร้างเว็บไซต์รวมคอร์สการเรียนการสอนวิชาต่างๆ เอาไว้ให้เข้าไปเรียนได้ตามสะดวก ไม่จำกัดว่าต้องเป็นบุคลากรหรือนิสิตนักศึกษาปัจจุบัน จะเป็นใครก็ได้ที่อยากหาความรู้ให้กับตัวเองก็สมัครเข้าเรียนได้ทันที ตอบโจทย์ยุคที่ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว Advertisement ว่าด้วยการเรียนออนไลน์ต้องเตรียมอะไรบ้าง? อินเทอร์เน็ตสำหรับเรียนออนไลน์แค่มีความเร็ว 10 Mbps ขึ้นไปก็เข้าเรียนได้แล้ว ระบบการเรียนออนไลน์จะเปิดคอร์ให้เรียนผ่านหน้าเว็บไซต์เป็นหลัก บางแห่งจะมีแอปฯ ให้ใช้ เว็บเรียนทางออนไลน์กับทางมหาวิทยาลัยและบริษัทชั้นนำจะมีประกาศนียบัตรรับรองความสามารถส่งให้ผู้จบการศึกษา...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึก