HP ENVY 15 จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊ค Creator ประสิทธิภาพสูง ที่ได้หน้าจอเป็น AMOLED รุ่นใหม่ล่าสุด ประจำปี 2020 มีสเปกสุดแรง ดีไซน์บางเบาพกพาสะดวก หน้าจอขนาด 15.6″ AMOLED ความละเอียด 4K UHD กับสเปกที่จัดเต็มด้วยชิปประมวลผล Intel Core i7-10750H ส่วนการ์ดจอเป็น NVIDIA GeForce RTX 2060 Max-Q โดยมีน้ำหนักแค่ 2.14 กิโลกรัมเท่านั้น แน่นอนว่าติดตั้ง Windows 10 ใช้งานได้ทันที อีกทั้งยังได้โปรแกรมทำงานเอกสาร Office Home & Student 2019 (Word / Excel / Power Point) มูลค่า 4,299 บาทฟรีๆ ด้วย
มาพร้อมกับแรมขนาด 16GB Bus 2933MHz (8GB x 2 แถว) และ SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 1TB (512GB x 2 ตัว) ส่วนการเชื่อมต่อก็จัดเต็มด้วย Wi-Fi 6 AX + Bluetooth 5.0 และพอร์ต Thunderbolt 3 x 2 พอร์ต เรียกได้ว่าสเปกและฟีเจอร์อื่นๆ ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน เพราะแรงลื่นระดับ Gaming Notebook ตัวท็อป สนนราคาขายจริงที่มีอยู่หลากหลายสเปก เริ่ม 46,900 – 62,900 บาทเท่านั้นเอง กับสเปกการ์ดจอ GTX 1650 Ti / SSD 512GB ทุกรุ่นได้ประกัน 2 ปี On-site Service และบริการหลังการขาย HP SmartFriend ที่เยี่ยมยอด
VDO Review
NBS Verdict
HP ENVY 15 เป็น Notebook สาย Creator ระดับสูงเน้นใช้งานมืออาชีพ เครื่องเดียวจบครบในตัวเดียว ประสิทธิภาพแรงลื่นไหล ด้วยสเปกชิปประมวลผลซึ่งให้ประสิทธิภาพสูงอย่าง Core i7-10750H ที่นิยมใช้งานกันทั่วไป ส่วนการ์ดจอก็เป็น NVIDIA GeForce RTX 2060 Max-Q รุ่นใหม่ที่แรงและร้อนน้อยกว่า ได้แรมขนาด 16GB DDR4 Bus 2933 MHz และ SSD M.2 ความจุ 1TB จอสวยเทพ AMOLED 4K UHD ขอบเขตสีขั้นสูง sRGB 100% ให้ประสบการณ์ทำงานทุกอย่างที่เหนือชั้นกว่าโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 15.6″ ทั่วไปมาก เพราะได้สเปก Gaming แต่ดีไซน์พรีเมียมบางเบา
โดดเด่นด้วยลำโพง Bang & Olufen คุณภาพสูงที่หาได้ยากมากในโน๊ตบุ๊คราคาระดับนี้ รองรับการเชื่อมต่อที่ครบครันทั้งแบบมีสายไร้สาย ทั้ง Wi-Fi 6 AX (2 x 2)และ Thunderbolt 3 จำนวน 2 พอร์ต รองรับการทำงานหนักๆ อย่างตัดต่อวีดีโอพร้อมต่อหลายๆ หน้าจอ และเล่นเกมตอบโจทย์ได้ลงตัวที่สุด เน้นความเป็นไฮเอนด์และความต่าง ซึ่งได้ฟีเจอร์ครบครับ HP ENVY 15 คือคำตอบ ในราคาที่ต้องยอมรับว่าอยู่มีเกณฑ์ที่สูงกว่า Notebook ทั่วไปก็จริง แต่ก็อยู่ในเกณฑ์รับได้ แต่ถ้าเทียบกับรุ่นที่ใกล้เคียงกันแล้วเรื่อง สเปก ฟีเจอร์ ดีไซน์ ก็ถือว่าสมราคา กับตัวท็อปสุดที่นำมารีวิวเพียง 62,900 บาทเท่านั้น
แน่นอนว่า HP ENVY 15 ได้ดีไซน์งานประกอบที่เยี่ยมยอด เบาเพียง 2.14 กิโลกรัม เปรียบเทียบกับสเปค ฟีเจอร์ และการออกแบบสไตล์ Notebook สายงานสร้างสรรค์ระดับมืออาชีพ หรือคนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คแรงที่สุด และได้ฟีเจอร์พิเศษรอบด้านซักเครื่อง สำหรับหลายๆ คนที่มีงบประมาณในการซื้อที่สูงซักหน่อย เพราะเอาเข้าจริงในประสิทธิภาพที่ใกล้เคียงกันอาจจะมีตัวเลือกที่ถูกกว่านี้ อย่างพวก Gaming Notebook แต่ด้วยฟีเจอร์หรือคุณสมบัติต่างๆ ก็คงไม่ครบครันขนาดนี้
มีประกันจัดเต็ม ระยะเวลา 2 ปีแบบ On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน และมีบริการหลังการขาย HP SmartFriend พร้อมด้วยโปรแกรม Office Home & Student 2019 (Word / Excel / Power Point) มูลค่า 4,299 บาท ให้ใช้งานฟรีทันที ทำให้ HP ENVY 15 เป็นอะไรที่น่าสนใจมากๆ นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นที่ยี่ห้ออื่นไม่มีคือ HP Webcam Kill ป้องกันเพื่อความปลอดภัย อย่างที่หาไม่ได้ในโน๊ตบุ๊คแบรนด์อื่นๆ แน่นอน อย่างไรก็ตามข้อสังเกตที่ควรรู้ก็คือ แบตใช้งานได้น้อยไปนิดที่ 2:28 ชั่วโมง และชิปประมวลผลร้อนไปหน่อยที่ 100 เซลเซียส เมื่อทำงานหนักๆ แต่ก็ไม่มีผลต่อการใช้งานอะไรนะ
ข้อดี
- ดีไซน์การออกแบบสวยงามถูกใจคนทำงานมืออาชีพ งานประกอบแน่นวัสดุดี แนวเรียบหรู
- ตัวเครื่องบางเฉียบ 1.84 ม.ม. เล็กกระชับกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป โดยมีน้ำหนักเพียง 2.14 กิโลกรัม
- สเปคสูงมากทั้ง Core i7-10750H และการ์ดจอ GeForce RTX 2060 Max-Q
- หน้าจอแสดงผลขนาด 15.6″ ดีที่สุด AMOLED / 4K UHD / sRGB 100% / รองรับ HDR / ทัชสกรีนได้
- พอร์ตเชื่อมต่อครบครันทีเดียวไม่ว่าจะเป็น USB 3.2, HDMI และ Mini DisplayPort 1.4
- พร้อมพอร์ตความเร็วสูง Thunderbolt 3 ที่เป็นฟอร์ม USB-C ใช้งานเป็น DisplayPort / PD ได้
- มาพร้อมลำโพงคุณภาพสูง 2W x 2 จาก Bang & Olufen ให้เสียงที่ดีเยี่ยม
- รองรับไดร์ฟ SSD แบบ NVMe M.2 ให้การเข้าถึงข้อมูลได้รวดเร็วสูง ความจุ 512GB
- มีซอฟต์แวร์ ที่ใช้ได้จริง มาช่วยปรับแต่ง ให้สะดวกในการใช้งาน
- มีระบบใช้งาน Windows Hello ผ่านทางการสแกนลายนิ้ว Fingerprint
- สวิตช์ Webcam Kill ปิดกล้องเว็บแคมได้เพื่อความปลอดภัย
- มี Windows 10 แท้ในตัวเครื่อง พร้อมซอฟต์แวร์ HP ต่างๆ ที่ดี
- มี Office Home & Student 2019 (Word / Excel / Power Point) มูลค่า 4,299 บาท ให้ฟรีๆ
- ประกัน 3 ปี แบบ On-site Service ที่ยาวนานกว่ารุ่นก่อนๆ ที่เป็น 2 ปี
- มีบริการหลังการขาย HP SmartFriend ที่เยี่ยมยอด
ข้อสังเกต
- มีรุ่นราคาถูกกว่า ใช้หน้าจอเป็น IPS ความละเอียด Full HD
- แบตเตอรี่ใช้งานแบบประหยัดได้เพียง 2:28 ชั่วโมง
- ชิปประมวลผลร้อนไปหน่อยที่ 100 เซลเซียส เมื่อทำงานหนักๆ
Specification
HP ENVY 15 รุ่นแอดมินโป้งที่ได้รับมารีวิวเป็นรุ่นหน้าจอ AMOLED ใช้ชิประมวลผลรุ่นล่าสุดอย่าง Intel Core i Gen 10H ในรุ่น Core i7-10750H ทำงานที่ความเร็ว 2.60 – 5.00 GHz แบบ 6 คอร์ 12 เธร์ด ทำงานร่วมกับการ์ดจอระดับสูงรุ่นใหม่อย่าง NVIDIA GeForce RTX 2060 Max-Q (6GB GDDR6) แรมมาตรฐานเป็น DDR4 Bus 2933MHz ขนาด 16GB พร้อม SSD M.2 NVMe ความจุ 1TB มีหน้าจอความละเอียดสูงระดับ 3840 x 2160 พิกเซล 4K Ultra HD พาเนล AMOLED ที่ดีที่สุด งมีความละเอียดมากกว่า Full HD (1920 x 1080) ถึง 4 เท่า แสดงผล HDR ได้ ให้ช่วงสี Adobe RGB 100% พร้อมทัชกรีนได้ 10 จุด ส่งผลให้เราได้พบประสบการณ์ใช้งานที่ดีเยี่ยม
ความหนาของตัวเครื่อง 18.4 มิลลิเมตร และหนักเพียง 1.98 กิโลกรัม โดยพอร์ตการเชื่อมต่อก็ครบครันด้วย USB 3.2 Type-A, USB 3.2 Type-C, Mini DisplayPort, HDMIพร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 5.0 และ Wi-Fi 6 AX 2 x 2 (MU-MIMO / Miracast) แน่นอนว่าได้ Windows 10 แท้ใช้งานได้ทันที ที่สำคัญคือได้โปรแกรม Office Home & Student 2019 (มูลค่า 4,299 บาท) ไปใช้งานฟรีๆ ติดเครื่องไปใช้งานยาวๆ ได้เลย คุ้มค่าสุดๆ ประกันเทพ On-site 2 ปีเต็ม + บริการ HP SmartFriend เช่น Cal Center 24/7
- Core i7-10750H / GTX 1650 Ti/ RAM 16GB / SSD 512GB / จอ IPS FHD / Office แท้ ราคา 46,900 บาท
- Core i7-10750H / RTX 2060 Max-Q / RAM 16GB / SSD 512GB / จอ IPS FHD / Office แท้ ราคา 50,900 บาท
- Core i7-10750H / RTX 2060 Max-Q / RAM 16GB / SSD 1TB / จอ AMOLED UHD / Office แท้ ราคา 62,900 บาท
Hardware / Design
สำหรับ HP ENVY 15 ถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คประสิทธิภาพสูงแต่บางเบาขนาดหน้าจอ 15.6″ รุ่นล่าสุดอีกรุ่นหนึ่งที่ครบเครื่อง โดยเป็นตระกูลเน้นกลุ่ม Creator ที่เป็นรุ่นสูงกว่าซีรีส์ Pavilion หรือ ENVY หน้าจอ 13.3″ ในเรื่องของการดีไซน์ที่เน้นความบางเบา พกพาได้สะดวก โดยยังรักษาความเป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงานมืออาชีพได้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยน้ำหนักเพียง 2.14 กิโลกรัม ทำให้ถือมือเดียวได้สบายๆ การออกแบบให้ความรู้สึกที่ให้ความพรีเมียมด้วยวัสดุอลูมิเนียมตลอดทั้งตัวเครื่อง ทั้งด้านนอกฝาหลังและด้านในตัวเครื่องจนไปถึงชิ้นส่วนใต้ตัวเครื่องด้วย เรียกได้ว่าดูดีเกินราคาค่าตัวจริงๆ
โดยฝาหลังและดีไซน์ทั้งหมดมีการเลือกใช้ให้มีความเข้ากันอย่างที่สุด กับพื้นผิวส่วนของฝาหลังและตัวเครื่องเป็นลักษณะแบบด้าน พร้อมกับใช้สีเงินเทาโทนสว่าง Natural Silver พื้นผิวแบบบลัชปัดเสี้ยน ดูให้ความเป็นโลหะมากๆ พร้อมกันนั้นก็ยังได้การออกแบบโดยรวมตั้งแต่โลโก้ ขอบตัวเครื่อง ทัชแพด แกนบานพับ ช่องระบายความร้อน ที่โน๊ตบุ๊คสายทำงานมืออาชีพต้องดูแล้วทันสมัยเอาใจคนทำงานที่ปกติแล้วโน๊ตบุ๊คอาจจะดูธรรมดาสีดำๆ ให้กลายเป็นโน๊ตบุ๊คที่ดูน้อยแต่เรียบหรูนั่นเอง เรียกได้ว่าเห็นเราใช้ HP ENVY 15 ต้องอิจฉาสมชื่อแน่นอน
ที่สำคัญไม่พูดไม่ได้เลยกับขอบหน้าจอที่บางลงได้อีก ทำให้มีพื้นที่ในการแสดงผลเกือบของหน้าจอทั้งหมด ทั้งด้านซ้ายขวาและขอบบน ซึ่งยังสามารถติดตั้งกล้องเว็บแคมไว้ขอบหน้าจอด้านบนได้อย่างปกติ ส่วนความบางตัวเครื่องอยู่ที่ 18.4 มิลลิเมตรเท่านั้น ถือว่า HP นำเสนอโน๊ตบุ๊คที่ทั้งเบามากๆ แถมยังบางสุดๆ ท้าชนกับแบรนด์อื่นๆ ได้อย่างสบายๆ เลยครับ สำหรับการเปิดปิดฝาของหน้าจอก็ทำได้ง่ายเพราะขอบตัวเครื่องด้านหน้าได้มีการเว้นร่องเว้าเอาไว้สวยงาม นอกจากนี้รุ่นหน้าจอ AMOLED 4K UHD ที่เรานำมารีวิวนี้ยังรองรับการทัชสกรีน ที่ช่วยให้การทำงานง่ายขึ้นอีกด้วย
ด้านฐานล่างตัวเครื่องมียางรองแบบยาวจำนวน 2 จุดหลักๆ ช่วยยกตัวเครื่องให้สูงขึ้น ช่วยส่งมวลลมเย็นถูกดูดเข้าช่องลมขนาดใหญ่ได้มากขึ้นส่งผลให้มีประสิทธิภาพในการระบายความร้อนที่ดี ส่วนขอบด้านหลังที่เป็นบานพับจะเป็นโลโก้ ENVY ที่ตอกย้ำความพรีเมียม และสวิตช์ Webcam Kill ปิดการใช้งานกล้องเว็บแคม ที่ช่วยเราให้เรื่องของความปลอดภัย ไม่ต้องหากระดาษมาแปะที่กล้องเว็บแคมโดยตรงอีกต่อไปเหมือนโน๊ตบุ๊คปกติ ได้สามารถกดที่ปุ่ม F12 ได้เลย เรียกได้ว่าเป็นไปตามทิศทางของ HP ENVY Series ปี 2020 นั่นเอง ส่วนดีไซน์ซ้ายและขวาของคีย์บอร์ดนั้นไม่ใช่ลำโพง แต่คาดว่าเป็นช่องดูดลมเย็น
โดยวัสดุที่ทาง HP เลือกใช้ประกอบตัวเครื่องทั้งหมดเป็นอะลูมิเนียมที่ตัดผ่านกระบวนการ CNC ทั้งหมด พร้อมกับโลโก้ HP ระดับสูงที่เป็นสีเงินเงางามบริเวณกลางฝาหลัง ซึ่งโดยรวมแล้ว HP ENVY 15 ไม่ใช่แค่บางเบาและสเปกดีแต่ในประสบการณ์ใช้งานที่ดีเยี่ยมด้วย เรียกได้ว่าเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ในโน๊ตบุ๊คสายทำงานระดับมืออาชีพที่ให้ความสำคัญกับความบางเบาเน้นพกพา โดยรวมแล้วสำหรับดีไซน์การออกแบบของเรียกได้ว่า HP ได้ก้าวไปอีกขั้นกับโน๊ตบุ๊คราคานี้สเปคแบบนี้ โดดเด่นด้วยสติ๊กเกอร์ที่แจ้งไว้เลยว่ามี Ofiice Home & Student 2019 มาให้ในตัวด้วย
Keyboard / Touchpad
คีย์บอร์ดของ HP ENVY 15 ก็เรียกได้ว่าพัฒนาไปจากรุ่นก่อนๆ ให้ความรู้สึกว่ากดได้ดีขึ้นไปอีก ซึ่งปุ่มกดมีมีขนาดใหญ่และมีความเหมาะสมกับขนาดตัวเครื่องส่วน Layout คีย์บอร์ดยังคงเป็น 4 แถวขนาด Full Size ด้วยคีย์บอร์ดไซต์มาตรฐานแบบแยกปุ่ม ซึ่งตอบสนองได้เป็นอย่างดีทั้งขนาดแป้นพิมพ์ที่รับกันนิ้วและช่องว่างระหว่างแป้นที่ทำให้มีความแม่นยำในการกด รวมทั้งแป้นก็เด้งกับนิ้วเมื่อกดลงไปอย่างพอดี ที่สำคัญยังมีไฟคีย์บอร์ดส่องสว่าง ไว้ใช้งานในที่แสงน้อยหรือในที่มืดได้เป็นอย่างดี หรือจะปิดไว้ก็สามารถทำได้ และขาดไม่ได้เลยสำหรับสแกนลายนิ้วมือผ่านทาง Windows Hello ที่ถูกย้ายเข้ามาแทนที่ปุ่ม Crtl นั่นเอง
ทัชแพดเป็นแบบซ่อนปุ่มคลิกซ้ายคลิกขวามีขนาดที่พอดีเมื่อเทียบกับขนาดตัวเครื่อง โดยสามารถลากนิ้วได้ลื่น ไม่เกิดอาการสะดุดหรือหน่วงใดๆ สามารถตอบสนองการใข้งานได้เป็นอย่างดี ทั้งในการใช้งานแบบปกติหรือใช้งานฟังก์ชันการทำงานแบบ Multi-Touch Gesture ใน Windows 10 อย่างเต็มที่ และแน่นอนยังมีการติดตั้ง FingerPrint สำหรับสแกนลายนิ้วมือผ่านทาง Windows Hello เพื่อให้ Login ได้สะดวกและปลอดภัยที่สุดนั่นเอง
Screen / Speaker
หน้าจอของ HP ENVY 15 มีขนาดที่ 15.6″ ขอบหน้าจอบางสุดๆ ที่ 3 มิลลิเมตร แบบจอกระจกรองรับการทัชกรีนได้ โดยมีความละเอียด 4K UHD (3840 x 2160 พิกเซล) พาเนล AMOLED ของ Samsung คุณภาพสูงสุดในตลาด สำหรับการแสดงสีสันมาตรฐาน DCI-P3 รองรับ VESA Display HDR 400 พร้อมมาตรฐานการแสดงผลที่เหนือชั้นกว่าโน๊ตบุ๊คพาเนล IPS ความละเอียด Full HD เทียบกับโน๊ตบุ๊คหน้าจอพาเนลทั่วไปแล้วล่ะก็ ต้องบอกว่า HP ENVY 15 มีความเหนือชั้นไปมากจริงๆ เรียกได้ว่ารองรับทุกการทำงานหรือความบันเทิง รวมไปถึงการเล่นเกมแบบเต็มประสบการณ์อย่างสุดๆ ทั้งความลื่นไหลและสีสัน
อีกทั้งใส่ยางขอบจอมาตลอดแนวของจอเลย ต่างจากโน๊ตบุ๊คอื่นๆ ที่มักจะติดตั้งมาเป็นจุดๆ ในบางตำแหน่งเท่านั้น ซึ่งยางนี้จะมีประโยชน์ก็ในการซับแรงกระแทกที่เกิดในเวลาที่จอพับอยู่ได้ และที่ถึงแม้ขอบจอจะบางแต่ก็ยังติดตั้งกล้องเว็บแคมไปอยู่บริเวณเหนือชุดคีย์บอร์ด ที่สำคัญยังมาพร้อมฟีเจอร์ม่านชัตเตอร์ปิดเลนส์กล้องที่ทำให้เรามั่นใจว่ากล้องจะเห็นในเวลาที่เราต้องการใช้งานเท่านั้น การใช้งานก็ง่ายมากๆ ด้วยการใช้นิ้วเลื่อนเปิดหรือปิดการใช้งานเท่านั้น
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ HP ENVY 15 ที่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใช้หน้าจอพาเนล AMOLED ทางทีมงานเลยถือโอกาสทดสอบหน้าจอแบบละเอียดๆ ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด โดยทดสอบออกมาแล้วเผยให้เห็นขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 100% และ AbodeRGB ที่ 93%
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องแถวซ้ายทั้งหมดที่ให้ความสว่างที่มากที่สุด เห็นได้ว่าเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ไม่มีผิดเพี้ยน ซึ่งเป็นช่องขวาแถวบน แต่สำหรับช่องขวาแถวกลางจะมีแสงสว่างที่ลดลงไปถึงระดับ 9% ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนนรวม 4.0
ระบบเสียง HP ENVY 15 เลือกใช้ของ Bang & Olufsen พร้อมฟีเจอร์ HP Audio Boost ซึ่งวางส่วนของลำโพงไว้ด้านล่าง 2 ตัว แบบ Dual speakers ทำให้เสียงที่ออกมากระจายกว้างไม่มีอะไรปิดกั้น ซึ่งให้เสียงที่ดีและดังพอสมควร จนไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องใช้งานในที่เสียงดัง สามารถตอบสนองเรื่องความบันเทิง การฟังเพลงสำหรับคนที่ชอบทำงานได้โอเคเลย ถึงแม้ว่าอาจจะไม่ได้มีเสียงเบสมาก และเสียงจะค่อนไปทางเสียงกลาง เสียงแหลมมากกว่าก็ตาม แต่ก็จัดว่าดีกว่าโน๊ตบุ๊คบางเบาทั่วๆ ไปแบบรู้สึกได้
Connector / Thin And Weight
ส่วน HP ENVY 15 ติดตั้งพอร์ตการเชื่อมต่อประกอบไปด้วย ช่องชาร์จไฟ Power/DC-in Port 1 / 2 x Type-A USB 3.2 Gen 1 Port / 2 x Thunderbolt 3 Port (USB Type-C with support for USB 3.1 Gen 2 10Gbps, 40Gbps Thunderbolt, and DisplayPort 1.4) / 1 x HDMI 2.0 Output Port / 1 x Audio Out (Compatible with inline mic headset) / Wedge-shaped lock slot (cable and lock sold separately) / MicroSD Card Reader ส่วนการเชื่อมต่อไร้สายเป็น Wi-Fi 6 AX (2×2) + Bluetooth V5.0 จัดเต็มกันไปเลย
สำหรับ HP ENVY 15 นับได้ว่าเหนือชั้นกว่า Notebook หน้าจอ 15.6″ หลายรุ่น ในส่วนของความบางเบาของตัวเครื่อง ตอบสนองการพกพาได้เป็นอย่างดี มีน้ำหนักตัวค่อนข้างมากถึง 2.14 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับ Gaming Notebook รุ่นอื่นๆ จัดว่าเบากว่า แถมมิติตัวเครื่องยังเล็กกระทัดรัด ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่พัฒนาดียิ่งขึ้น ซึ่งถ้ารวมอแดปเตอร์แล้วจะมีน้ำหนักประมาณ 2.5 กิโลกรัม ไม่ลำบากในการพกพามากนัก จากการที่ตัวอแดปเตอร์เองมีขนาดที่ค่อนข้างกระทัดรัดประมาณนึง
Inside / Upgrade
การแกะเครื่อง HP ENVY 15 เพื่อที่จะนำมาทำความสะอากในอนาคตนั้นทำง่ายมาก เพียงแกะน็อตออกทุกตัวแล้วใช้บัตรแข็งๆ ค่อยๆ แงะจากด้านหลังตรงแกนฝาพับตัวเครื่องแล้วค่อยๆ รูดไปตามแนวฝาหลังและแกะแผ่นออกมาทั้งหมด เมื่อแกะออกมาแล้วก็จะเห็นฮาร์ดแวร์หลายๆ ถูกออกแบบจัดระเบียบได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว มีพัดลมขนาดใหญ่ พร้อมระบายความร้อนแบบพัดลม 2 ตัวดีไซน์บาง โดยมีชุดฟินสีดำ เป่าออก 3 ทิศทาง เรียกได้ว่าเอาอยู่กับสเปกแบบนี้แล้ว
ซึ่งหลังจากที่แกะออกมาแล้วนั้นจะเห็นแผ่นสีดำ สีเทาแปะติดไว้อยู่ในหลายๆ ส่วนเพื่อกันไฟฟ้าสถิต และในส่วนของฮาร์ดแวร์ที่ใส่ที่เก็บข้อมูลอย่าง SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 1TB แบบ 512GB x 2 ทำ Raid 0 มาให้พร้อมใช้งาน ส่วนช่องแรมใส่มาแล้วที่ขนาด 16GB โดยมีแรมขนาด 16GB แบบถอดได้จำนวน 2 แถว ซึ่งมีแผ่นสติกเกอร์ปิดทับมาอีกชั้นหนึ่ง อย่างไรก็ตามไม่รองรับการใส่ฮาร์ดดิสก์ขนาด 2.5″ ซึ่งโดยส่วนตัวคิดว่าคงไม่ต้องอัพเกรดอะไรกันแล้วล่ะ ให้การใช้งานทุกอย่างลื่นไหลไร้คอขวด สำหรับสเปกฮาร์ดแวร์ภายในถือว่าเหลือเฟือไม่ต้องอัพเกรดแล้วล่ะ
Performance / Software
สำหรับ HP ENVY 15 มาพร้อมกับชิปประมวลผลรุ่นยอดนิยมของ Gaming Notebook อย่าง Intel Core i Gen 10 H อย่าง Core i7-10750H เน้นนำไปใช้งานหนักๆ มากกว่ารุ่นรองอย่าง Core i5-10300H ที่ใช้กันในหลายๆ รุ่น ไม่จะเป็นการโปรเซสหรือเล่นเกม 3 มิติ ที่กินทรัพยากรสูง โดยมีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.60 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 5.00 GHz เป็นซีพียูแบบ 6 Core 12 Threads มาพร้อมแรมภายในขนาด 16GB DDR4 Bus 2933 MHz แบบ 8GB x 2 แถว ทำงาน Dual Channel ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้ใช้งานลื่นไหลทันทีแบบสบายๆ
การ์ดจอเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel UHD Graphics 630 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติ ก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น โดยมีการ์ดจอแยกตัวแรงระดับบนอย่าง NVIDIA GeForce RTX 2060 Max-Q ที่ต้องบอกว่าแรงเทียบเท่าระดับพีซีแบบสบายๆ และแรงกว่า GTX 1070 แบบรู้สึกได้จากการที่สามารถขับเฟรมเรทได้ลื่นไหล แต่ก็ร้อนน้อยเพราะเป็น Max-Q พร้อมมีฟีเจอร์อย่างที่ใน RTX Series มี ตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว
พร้อมกันนั้นยังมาเทคโนโลยี“ Ray Tracing” ที่สามารถแสดงผลการติดตามแสงของวัตถุ และสภาพแวดล้อมในแบบเรียลไทม์ ระหว่างกระบวนการเรนเดอร์กราฟิกสามารถคำนวณการสะท้อน และหักเหแสงได้อย่างถูกต้อง ครอบคลุมทั้งแสง และเงาทางกายภาพ ทำให้เกมนั้นสมจริงมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เรียกได้ยิ่งตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว เหนือชั้นกว่าการ์ดจอ GTX Series ก่อนหน้านี้ทีเดียว ที่ไม่ใช่แค่ลื่นไหลแต่สวยสมจริงยิ่งกว่าด้วย
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH 15 / 20 ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูงสุดๆ เป็นที่น่าประทับใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลรุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าพอตัว รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับบน ที่เน้นการทำงานเป็นหลัก สมกับเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-10750H จริงๆ กับรุ่นที่ยอดนิยมสุดๆ ในตลาด Gaming Notebook เลือกใช้งาน จากความแรงที่ได้ในราคาคุ้มค่า
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ก็ทำผลทดสอบเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 1TB (512GB x 2 Raid 0) แบบ M.2 NVMe PCIe ระดับสูง แน่นอนว่าเร็วกว่า SSD M.2 SATA 3 แบบทั่วไป ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 3442 MB/s และเขียนที่ 2655 MB/s เป็นระดับความเร็วในการเขียนอ่านทำงานโดยรวมที่น่าประทับใจ จัดว่าเป็น SSD M.2 NVMe ระดับสูงที่ความเร็วดีมากๆ
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 4220 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ และจากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมชิปประมวลผล Core i7-10750H มีการ์ดจอแยกอย่าง RTX 2060 Max-Q แต่ถ้าเทียบจริงๆ จะเห็นถึงคะแนนที่อาจจะดูน้อยไปหน่อย แต่ใช้งานจริงๆ ลื่นไหลตอบสนองทุกอย่างเป็นอย่างดี
ะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 7 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยมากกว่า 60 FPS ขึ้นไปแทบทุกเกม ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-10750H ที่สามารถรีดพลัง NVIDIA GeForce RTX 2060 Max-Q ออกมาได้อย่างเต็มที่ ประกอบกับยังใช้แรม 16GB DDR4 Bus 2933 MHz รวมไปถึง SSD NVMe PCIe ก็ส่งผลช่วยด้วย อย่างไรก็ตามในการทดสอบเราเลือกใช้ความละเอียด Full HD แทนที่ 4K UHD Native เพื่อดูถึงเฟรมเรทว่าขับได้แค่ไหน
ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง Resident Evil 3 / Battlefield V/ FarCry 5 / GTA V ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด ตามภาพด้านบน ที่ต้องบอกว่าภาพก็สวยจนน่าประทับใจ เรียกได้ว่าเหลือๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์ที่สุดแล้ว โดย Battlefield V เปิด DX12 แต่เลือกปิด DLSS / Ray Tracing ที่แม้จะทำให้ภาพสวยแต่ก็กินทรัพยากรเครื่องพอตัวอยู่ เฟรมเรทเฉลี่ยของทั้ง 4 เกม อยู่ที่ระดับลื่นไหล 70 – 90 – 120 เฟรมเรท ซึ่งนับว่าเกินสเปกหน้าจอที่เป็น 60 Hz ไปแล้ว
เกมออนไลน์กินสเปกเบาๆ หน่อยอย่าง DOTA 2 / Overwatch รวมไปถึง PUBG ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่สูงสุด แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็สบายๆ ค่าเฟรมเรทอยู่ที่ราวๆ 120 ขึ้นไปตลอด (PUBG ได้ 93) ซึ่งสรุปโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าเล่นได้สบายๆ แต่ถ้าเทียบกับ Notebook รุ่นอื่นที่สเปกใกล้เคียงกัน เรียกได้ว่าทรงประสิทธิภาพมากกว่าด้วยซ้ำ ทำให้บางเกมเราอาจจะเล่นที่ความละเอียด 4K UHD ที่ปรับกราฟิกกลางๆ ได้เลยทีเดียว
HP ENVY 15 นำมาซึ่งประสิทธิภาพและความอเนกประสงค์ในการสร้างและทำงานร่วมกันอย่างปลอดภัยทุกที่ ทุกเวลา สามารถกำหนดปรับแต่งค่าการใช้งานของเครื่องด้วยตนเองจาก HP Command Center มีระบบควบคุมความร้อนดีเยี่ยมด้วย โดยทำงานร่วมกับเทคโนโลยี HP CoolSense คอยปรับความเร็วของพัดลมเพื่อช่วยให้โน๊ตบุ๊คเย็นอยู่ตลอด เวลาโดยอัตโนมัติ ไร้ปัญหาการสตรีมมิ่งสำหรับดูหนังฟังเพลง หรือเล่นเกมให้ลื่นไหล
อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจของ HP ENVY 15 รวมไปถึงโน๊ตบุ๊ค HP ทุกรุ่น ก็คือมาพร้อมซอฟต์แวร์บันเดิลอย่าง HP Support Assistant โดยเป็นโปรแกรมซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้เราดูแลคอมพิวเตอร์ได้อย่างเหมาะสม ป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น และช่วยแก้ปัญหาได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว โปรแกรมนี้ยังระบุข้อมูลที่สำคัญสำหรับแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งนั่นหมายรวมไปถึงการอัพเดทไดร์เวอร์ต่างๆ และ Windows ด้วย จัดได้ว่าดีและใช้งานได้จริง
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ที่ติดตั้งมาให้ใน HP ENVY 15 เครื่องนี้เป็นแบบฝังตามปกติ ความจุประมาณ 4000 mAh ส่วนของการทดสอบระยะเวลาใช้งานของแบตเตอรี่โดยตั้งค่าความสว่างหน้าจอและเสียงให้ระดับต่ำ พร้อมปรับเป็น Power Saver Mode แล้วเล่นเว็บสลับกับดู Youtube แล้ววัดผลจากการเปิดโปรแกรม BatteryMon แจ้งระยะเวลาใช้งานต่อเนื่องในเงื่อนไขดังกล่าวราวๆ 2:28 ชั่วโมงโดยประมาณ เรียกได้ว่าน่าประทับใจทีเดียวกับการที่ Notebook จอ 15.6″ สเปกแรงขนาดนี้ ใช้งานแบตเตอรี่ได้นานประมาณนึง คาดว่าอาจจะเป็นเพราะหน้าจอ 4K นั่นเอง
เครื่องนี้ที่ให้ฮีทไปป์มาทั้งหมด 5 เส้น ระบบระบายความร้อน แบบพัดลม 2 ตัวแบบบาง ช่องระบายความร้อน 3 ช่อง เรียกได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คอีกรุ่นที่มีการระบายความร้อนได้ดี เมื่อใช้งานแบบปกติจะอยู่ที่ประมาณ 40 – 50 องศาเซลเซียส ภายในห้องปรับอากาศอุณหภูมิประมาณ 25 – 27 องศาเซลเซียส จากนั้นทำการทดสอบเบิร์นให้เครื่องทำงาน 100% โดยทางทีมงานได้ทำการเล่นเกมหนักๆ เป็นเวลานานๆ อย่างไรก็ตามต้องบอกก่อนว่าเราจำเป็นต้องดูอุณหภูมิชิปประมวลผลผ่านทาง Core Temp ไปก่อน เพราะซอฟต์แวร์ Hardware Monitor ยังไม่รองรับนั่นเอง
เห็นได้ว่าอุณหภูมิสูงสุดของชิปประมวลผลอยู่ที่ไม่เกิน 93 – 100 องศาเซลเซียส และการ์ดจออยู่ที่ 43 – 77 องศาเซลเซียส ที่สามารถควบคุมได้เป็นอย่างดีในระดับนึง ในการทำงานก็ปกติดีทุกอย่าง แม้ความร้อนที่เกิดขึ้นกับชิปประมวลผลค่อนข้างสูงเมื่อใช้งานประมวลผลหนักๆ ต่อเนื่อง ส่วนเสียงพัดลมก็ดังขึ้นมาประมาณนึงแต่ก็อยู่ในเกณฑ์รับได้ จากการที่เปิดโหมด Performance ทำให้พัดลมหมุนรอบเร็วสุดเมื่อทำงานหนักๆ (สามารถปรับบังคับเร่งรอบเองได้ด้วย) อย่างไรก็ตามไม่ถือว่ารบกวนอะไรมากมายสำหรับคนที่ทำงานอยู่แล้ว โดยรวมแล้วมีการจัดการอุณหภูมิได้อย่างไม่น่าเป็นห่วง ซึ่งเมื่อใช้งานทั่วไปในส่วนของเสียงพัดลมจะมีความเบามากๆ แทบไม่ได้ยินเสียงเลย
Conclusion / Award
สรุปรีวิวจากการทดสอบใช้งานจริงของ HP ENVY 15 สำหรับการดีไซน์และออกแบบตัวเครื่องนับว่ามีความก้าวล้ำกว่ารุ่นก่อนๆ ไปมาก ด้วยแนวคิดใหม่ๆ พร้อมวัสดุคุณภาพสูง งานประกอบที่แน่นๆ และสวยงามน่าประทับใจ ประกอบกับการดีไซน์ที่ตอบสนองความต้องการของเกมเมอร์ที่ต้องการ Gaming Notebook ที่แตกต่างและโดดเด่นสะดุดตา พรีเมียมแบบสุดๆ อย่างที่หาไม่ได้ในแบรนด์อื่นๆ กับความเบาเพียง 2.14 กิโลกรัมเท่านั้น
ที่สำคัญด้วยสเปกใหม่ล่าสุดอย่าง Intel Core i Gen 10H + NVIDIA GeForce RTX 20 Series ดีไซน์ตัวเครื่องออกแบบมาใหม่หมด บอดี้เป็นอลูมิเนียมอัลลอยด์ที่แทบจะไร้รอยต่อ เน้นความเรียบง่ายที่เชื่อว่าหลายคนต้องชื่นชอบ สไตล์ของ Gigabyte ซึ่งแตกต่างจากรุ่นอื่นๆ แบบชัดเจน โดย HP ENVY 15 จะมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 15.6″ ที่ดีที่สุด AMOLED / 4K UHD / รองรับ HDR โดยทดสอบแล้วขอบเขตสี 100% sRGB แบบขอบหน้าจอบางเฉียบ
ส่วนแรมตัวเครื่องให้มาจัดเต็มที่ขนาด 16GB DDR4 ความจุ SSD M.2 NVMe ตัวแรง ความจุ 512GB แถมตัวเครื่องยังสามารถใส่ SSD M.2 NVMe iมาพร้อมกับ Windows 10 แท้พร้อมใช้งานอีกด้วย ส่วนพอร์ตเชื่อมต่อก็มีมาให้ครบครันหายห่วงทั้ง Thunderbolt 3 x 2, USB 3.2 Type-A x 2 เรียกได้ว่าเป็น Notebook สายงานสร้างสรรค์ระดับท็อปที่สมบูรณ์รอบด้านจริงๆ อีก 1 รุ่นตลาดประเทศไทย (ถ้ายอมรับเรื่องแบตที่น้อยและความร้อนที่เกิดขึ้นได้) เหมาะกับคนที่งบประมาณสูงหน่อยต้องให้ความสนใจ โดยราคาของ HP ENVY 15 มีความหลากหลายมากๆ สนนราคาอยู่ที่ 46,900 – 62,900 บาท ขึ้นอยู่กับสเปก
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง HP ENVY 15 ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Performance
HP ENVY 15 รุ่นที่รีวิวเป็นสเปกชิปประมวลผลเป็น Intel Core i7-10750H ความเร็ว 2.30 – 5.10 GHz ทำงานแบบ 8 คอร์ 16 เธร์ด ประสิทธิภาพไว้ใจได้ พร้อมการ์ดจอตัวบนอย่าง NVIDIA GeForce RTX 2060 Max-Q (6GB GDDR6) รุ่นใหม่ล่าสุด มีที่เก็บข้อมูลรองรับการติดตั้ง SSD แบบ M.2 NVMe ความจุ 512GB ในส่วนของแรมเองมีมาให้ 16GB แบบ DDR4 แน่นอนทั้งตัวเครื่องนั้นแทบไม่ต้องอัพเกรดอะไร ลื่นไหลที่สุดอย่างไร้กังวล รองรับการทำงานต่างๆ พร้อมๆ กันได้หลายๆ งาน รวมถึงเล่นเกมได้อย่างลื่นไหลอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน อีกทั้งได้หน้าจอดีที่สุด AMOLED 4K UHD
Best Design
ดีไซน์โดยรวมของ HP ENVY 15 มีความโดดเด่นเรื่องความพรีเมียมพรูหรา รวมถึงหน้าจอขอบบางแบบบางพิเศษ ที่ทำให้สามารถใช้งานจอขนาด 15.6″ ภายในตัวเครื่องที่มีขนาดเล็กกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปที่ใช้จอขนาดเดียวกัน ด้วยการที่ตัวเครื่องมีความบางและน้ำหนักเบาเป็นพิเศษ ที่เชื่อได้เลยว่าทาง HP ได้ใส่ใจในส่วนของรายละเอียดนี้เป็นอย่างมาก ประกอบกับวัสดุหลักในการผลิตยังใช้เป็นอลูมิเนียมที่ให้ในเรื่องของความแข็งแรงทนทาน และยังบ่องบอกได้ถึงความสวยงามหรูหราอีกด้วย ฉะนั้นในเรื่องของรางวัล Best Design ทำให้ได้ไปอย่างไม่ยากเย็น
VDO Review
NBS Verdict
HP ENVY 15 เป็น Notebook สาย Creator ระดับสูงเน้นใช้งานมืออาชีพ เครื่องเดียวจบครบในตัวเดียว ประสิทธิภาพแรงลื่นไหล ด้วยสเปกชิปประมวลผลซึ่งให้ประสิทธิภาพสูงอย่าง Core i7-10750H ที่นิยมใช้งานกันทั่วไป ส่วนการ์ดจอก็เป็น NVIDIA GeForce RTX 2060 Max-Q รุ่นใหม่ที่แรงและร้อนน้อยกว่า ได้แรมขนาด 16GB DDR4 Bus 2933 MHz และ SSD M.2 ความจุ 1TB จอสวยเทพ AMOLED 4K UHD ขอบเขตสีขั้นสูง sRGB 100% ให้ประสบการณ์ทำงานทุกอย่างที่เหนือชั้นกว่าโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 15.6″ ทั่วไปมาก เพราะได้สเปก Gaming แต่ดีไซน์พรีเมียมบางเบา
โดดเด่นด้วยลำโพง Bang & Olufen คุณภาพสูงที่หาได้ยากมากในโน๊ตบุ๊คราคาระดับนี้ รองรับการเชื่อมต่อที่ครบครันทั้งแบบมีสายไร้สาย ทั้ง Wi-Fi 6 AX (2 x 2)และ Thunderbolt 3 จำนวน 2 พอร์ต รองรับการทำงานหนักๆ อย่างตัดต่อวีดีโอพร้อมต่อหลายๆ หน้าจอ และเล่นเกมตอบโจทย์ได้ลงตัวที่สุด เน้นความเป็นไฮเอนด์และความต่าง ซึ่งได้ฟีเจอร์ครบครับ HP ENVY 15 คือคำตอบ ในราคาที่ต้องยอมรับว่าอยู่มีเกณฑ์ที่สูงกว่า Notebook ทั่วไปก็จริง แต่ก็อยู่ในเกณฑ์รับได้ แต่ถ้าเทียบกับรุ่นที่ใกล้เคียงกันแล้วเรื่อง สเปก ฟีเจอร์ ดีไซน์ ก็ถือว่าสมราคา กับตัวท็อปสุดที่นำมารีวิวเพียง 62,900 บาทเท่านั้น
แน่นอนว่า HP ENVY 15 ได้ดีไซน์งานประกอบที่เยี่ยมยอด เบาเพียง 2.14 กิโลกรัม เปรียบเทียบกับสเปค ฟีเจอร์ และการออกแบบสไตล์ Notebook สายงานสร้างสรรค์ระดับมืออาชีพ หรือคนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คแรงที่สุด และได้ฟีเจอร์พิเศษรอบด้านซักเครื่อง สำหรับหลายๆ คนที่มีงบประมาณในการซื้อที่สูงซักหน่อย เพราะเอาเข้าจริงในประสิทธิภาพที่ใกล้เคียงกันอาจจะมีตัวเลือกที่ถูกกว่านี้ อย่างพวก Gaming Notebook แต่ด้วยฟีเจอร์หรือคุณสมบัติต่างๆ ก็คงไม่ครบครันขนาดนี้
มีประกันจัดเต็ม ระยะเวลา 2 ปีแบบ On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน และมีบริการหลังการขาย HP SmartFriend พร้อมด้วยโปรแกรม Office Home & Student 2019 (Word / Excel / Power Point) มูลค่า 4,299 บาท ให้ใช้งานฟรีทันที ทำให้ HP ENVY 15 เป็นอะไรที่น่าสนใจมากๆ นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นที่ยี่ห้ออื่นไม่มีคือ HP Webcam Kill ป้องกันเพื่อความปลอดภัย อย่างที่หาไม่ได้ในโน๊ตบุ๊คแบรนด์อื่นๆ แน่นอน อย่างไรก็ตามข้อสังเกตที่ควรรู้ก็คือ แบตใช้งานได้น้อยไปนิดที่ 2:28 ชั่วโมง และชิปประมวลผลร้อนไปหน่อยที่ 100 เซลเซียส เมื่อทำงานหนักๆ แต่ก็ไม่มีผลต่อการใช้งานอะไรนะ
ข้อดี
- ดีไซน์การออกแบบสวยงามถูกใจคนทำงานมืออาชีพ งานประกอบแน่นวัสดุดี แนวเรียบหรู
- ตัวเครื่องบางเฉียบ 1.84 ม.ม. เล็กกระชับกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป โดยมีน้ำหนักเพียง 2.14 กิโลกรัม
- สเปคสูงมากทั้ง Core i7-10750H และการ์ดจอ GeForce RTX 2060 Max-Q
- หน้าจอแสดงผลขนาด 15.6″ ดีที่สุด AMOLED / 4K UHD / sRGB 100% / รองรับ HDR / ทัชสกรีนได้
- พอร์ตเชื่อมต่อครบครันทีเดียวไม่ว่าจะเป็น USB 3.2, HDMI และ Mini DisplayPort 1.4
- พร้อมพอร์ตความเร็วสูง Thunderbolt 3 ที่เป็นฟอร์ม USB-C ใช้งานเป็น DisplayPort / PD ได้
- มาพร้อมลำโพงคุณภาพสูง 2W x 2 จาก Bang & Olufen ให้เสียงที่ดีเยี่ยม
- รองรับไดร์ฟ SSD แบบ NVMe M.2 ให้การเข้าถึงข้อมูลได้รวดเร็วสูง ความจุ 512GB
- มีซอฟต์แวร์ ที่ใช้ได้จริง มาช่วยปรับแต่ง ให้สะดวกในการใช้งาน
- มีระบบใช้งาน Windows Hello ผ่านทางการสแกนลายนิ้ว Fingerprint
- สวิตช์ Webcam Kill ปิดกล้องเว็บแคมได้เพื่อความปลอดภัย
- มี Windows 10 แท้ในตัวเครื่อง พร้อมซอฟต์แวร์ HP ต่างๆ ที่ดี
- มี Office Home & Student 2019 (Word / Excel / Power Point) มูลค่า 4,299 บาท ให้ฟรีๆ
- ประกัน 3 ปี แบบ On-site Service ที่ยาวนานกว่ารุ่นก่อนๆ ที่เป็น 2 ปี
- มีบริการหลังการขาย HP SmartFriend ที่เยี่ยมยอด
ข้อสังเกต
- มีรุ่นราคาถูกกว่า ใช้หน้าจอเป็น IPS ความละเอียด Full HD
- แบตเตอรี่ใช้งานแบบประหยัดได้เพียง 2:28 ชั่วโมง
- ชิปประมวลผลร้อนไปหน่อยที่ 100 เซลเซียส เมื่อทำงานหนักๆ
Specification
HP ENVY 15 รุ่นแอดมินโป้งที่ได้รับมารีวิวเป็นรุ่นหน้าจอ AMOLED ใช้ชิประมวลผลรุ่นล่าสุดอย่าง Intel Core i Gen 10H ในรุ่น Core i7-10750H ทำงานที่ความเร็ว 2.60 – 5.00 GHz แบบ 6 คอร์ 12 เธร์ด ทำงานร่วมกับการ์ดจอระดับสูงรุ่นใหม่อย่าง NVIDIA GeForce RTX 2060 Max-Q (6GB GDDR6) แรมมาตรฐานเป็น DDR4 Bus 2933MHz ขนาด 16GB พร้อม SSD M.2 NVMe ความจุ 1TB มีหน้าจอความละเอียดสูงระดับ 3840 x 2160 พิกเซล 4K Ultra HD พาเนล AMOLED ที่ดีที่สุด งมีความละเอียดมากกว่า Full HD (1920 x 1080) ถึง 4 เท่า แสดงผล HDR ได้ ให้ช่วงสี Adobe RGB 100% พร้อมทัชกรีนได้ 10 จุด ส่งผลให้เราได้พบประสบการณ์ใช้งานที่ดีเยี่ยม
ความหนาของตัวเครื่อง 18.4 มิลลิเมตร และหนักเพียง 1.98 กิโลกรัม โดยพอร์ตการเชื่อมต่อก็ครบครันด้วย USB 3.2 Type-A, USB 3.2 Type-C, Mini DisplayPort, HDMIพร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 5.0 และ Wi-Fi 6 AX 2 x 2 (MU-MIMO / Miracast) แน่นอนว่าได้ Windows 10 แท้ใช้งานได้ทันที ที่สำคัญคือได้โปรแกรม Office Home & Student 2019 (มูลค่า 4,299 บาท) ไปใช้งานฟรีๆ ติดเครื่องไปใช้งานยาวๆ ได้เลย คุ้มค่าสุดๆ ประกันเทพ On-site 2 ปีเต็ม + บริการ HP SmartFriend เช่น Cal Center 24/7
- Core i7-10750H / GTX 1650 Ti/ RAM 16GB / SSD 512GB / จอ IPS FHD / Office แท้ ราคา 46,900 บาท
- Core i7-10750H / RTX 2060 Max-Q / RAM 16GB / SSD 512GB / จอ IPS FHD / Office แท้ ราคา 50,900 บาท
- Core i7-10750H / RTX 2060 Max-Q / RAM 16GB / SSD 1TB / จอ AMOLED UHD / Office แท้ ราคา 62,900 บาท
Hardware / Design
สำหรับ HP ENVY 15 ถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คประสิทธิภาพสูงแต่บางเบาขนาดหน้าจอ 15.6″ รุ่นล่าสุดอีกรุ่นหนึ่งที่ครบเครื่อง โดยเป็นตระกูลเน้นกลุ่ม Creator ที่เป็นรุ่นสูงกว่าซีรีส์ Pavilion หรือ ENVY หน้าจอ 13.3″ ในเรื่องของการดีไซน์ที่เน้นความบางเบา พกพาได้สะดวก โดยยังรักษาความเป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงานมืออาชีพได้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยน้ำหนักเพียง 2.14 กิโลกรัม ทำให้ถือมือเดียวได้สบายๆ การออกแบบให้ความรู้สึกที่ให้ความพรีเมียมด้วยวัสดุอลูมิเนียมตลอดทั้งตัวเครื่อง ทั้งด้านนอกฝาหลังและด้านในตัวเครื่องจนไปถึงชิ้นส่วนใต้ตัวเครื่องด้วย เรียกได้ว่าดูดีเกินราคาค่าตัวจริงๆ
โดยฝาหลังและดีไซน์ทั้งหมดมีการเลือกใช้ให้มีความเข้ากันอย่างที่สุด กับพื้นผิวส่วนของฝาหลังและตัวเครื่องเป็นลักษณะแบบด้าน พร้อมกับใช้สีเงินเทาโทนสว่าง Natural Silver พื้นผิวแบบบลัชปัดเสี้ยน ดูให้ความเป็นโลหะมากๆ พร้อมกันนั้นก็ยังได้การออกแบบโดยรวมตั้งแต่โลโก้ ขอบตัวเครื่อง ทัชแพด แกนบานพับ ช่องระบายความร้อน ที่โน๊ตบุ๊คสายทำงานมืออาชีพต้องดูแล้วทันสมัยเอาใจคนทำงานที่ปกติแล้วโน๊ตบุ๊คอาจจะดูธรรมดาสีดำๆ ให้กลายเป็นโน๊ตบุ๊คที่ดูน้อยแต่เรียบหรูนั่นเอง เรียกได้ว่าเห็นเราใช้ HP ENVY 15 ต้องอิจฉาสมชื่อแน่นอน
ที่สำคัญไม่พูดไม่ได้เลยกับขอบหน้าจอที่บางลงได้อีก ทำให้มีพื้นที่ในการแสดงผลเกือบของหน้าจอทั้งหมด ทั้งด้านซ้ายขวาและขอบบน ซึ่งยังสามารถติดตั้งกล้องเว็บแคมไว้ขอบหน้าจอด้านบนได้อย่างปกติ ส่วนความบางตัวเครื่องอยู่ที่ 18.4 มิลลิเมตรเท่านั้น ถือว่า HP นำเสนอโน๊ตบุ๊คที่ทั้งเบามากๆ แถมยังบางสุดๆ ท้าชนกับแบรนด์อื่นๆ ได้อย่างสบายๆ เลยครับ สำหรับการเปิดปิดฝาของหน้าจอก็ทำได้ง่ายเพราะขอบตัวเครื่องด้านหน้าได้มีการเว้นร่องเว้าเอาไว้สวยงาม นอกจากนี้รุ่นหน้าจอ AMOLED 4K UHD ที่เรานำมารีวิวนี้ยังรองรับการทัชสกรีน ที่ช่วยให้การทำงานง่ายขึ้นอีกด้วย
ด้านฐานล่างตัวเครื่องมียางรองแบบยาวจำนวน 2 จุดหลักๆ ช่วยยกตัวเครื่องให้สูงขึ้น ช่วยส่งมวลลมเย็นถูกดูดเข้าช่องลมขนาดใหญ่ได้มากขึ้นส่งผลให้มีประสิทธิภาพในการระบายความร้อนที่ดี ส่วนขอบด้านหลังที่เป็นบานพับจะเป็นโลโก้ ENVY ที่ตอกย้ำความพรีเมียม และสวิตช์ Webcam Kill ปิดการใช้งานกล้องเว็บแคม ที่ช่วยเราให้เรื่องของความปลอดภัย ไม่ต้องหากระดาษมาแปะที่กล้องเว็บแคมโดยตรงอีกต่อไปเหมือนโน๊ตบุ๊คปกติ ได้สามารถกดที่ปุ่ม F12 ได้เลย เรียกได้ว่าเป็นไปตามทิศทางของ HP ENVY Series ปี 2020 นั่นเอง ส่วนดีไซน์ซ้ายและขวาของคีย์บอร์ดนั้นไม่ใช่ลำโพง แต่คาดว่าเป็นช่องดูดลมเย็น
โดยวัสดุที่ทาง HP เลือกใช้ประกอบตัวเครื่องทั้งหมดเป็นอะลูมิเนียมที่ตัดผ่านกระบวนการ CNC ทั้งหมด พร้อมกับโลโก้ HP ระดับสูงที่เป็นสีเงินเงางามบริเวณกลางฝาหลัง ซึ่งโดยรวมแล้ว HP ENVY 15 ไม่ใช่แค่บางเบาและสเปกดีแต่ในประสบการณ์ใช้งานที่ดีเยี่ยมด้วย เรียกได้ว่าเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ในโน๊ตบุ๊คสายทำงานระดับมืออาชีพที่ให้ความสำคัญกับความบางเบาเน้นพกพา โดยรวมแล้วสำหรับดีไซน์การออกแบบของเรียกได้ว่า HP ได้ก้าวไปอีกขั้นกับโน๊ตบุ๊คราคานี้สเปคแบบนี้ โดดเด่นด้วยสติ๊กเกอร์ที่แจ้งไว้เลยว่ามี Ofiice Home & Student 2019 มาให้ในตัวด้วย
Keyboard / Touchpad
คีย์บอร์ดของ HP ENVY 15 ก็เรียกได้ว่าพัฒนาไปจากรุ่นก่อนๆ ให้ความรู้สึกว่ากดได้ดีขึ้นไปอีก ซึ่งปุ่มกดมีมีขนาดใหญ่และมีความเหมาะสมกับขนาดตัวเครื่องส่วน Layout คีย์บอร์ดยังคงเป็น 4 แถวขนาด Full Size ด้วยคีย์บอร์ดไซต์มาตรฐานแบบแยกปุ่ม ซึ่งตอบสนองได้เป็นอย่างดีทั้งขนาดแป้นพิมพ์ที่รับกันนิ้วและช่องว่างระหว่างแป้นที่ทำให้มีความแม่นยำในการกด รวมทั้งแป้นก็เด้งกับนิ้วเมื่อกดลงไปอย่างพอดี ที่สำคัญยังมีไฟคีย์บอร์ดส่องสว่าง ไว้ใช้งานในที่แสงน้อยหรือในที่มืดได้เป็นอย่างดี หรือจะปิดไว้ก็สามารถทำได้ และขาดไม่ได้เลยสำหรับสแกนลายนิ้วมือผ่านทาง Windows Hello ที่ถูกย้ายเข้ามาแทนที่ปุ่ม Crtl นั่นเอง
ทัชแพดเป็นแบบซ่อนปุ่มคลิกซ้ายคลิกขวามีขนาดที่พอดีเมื่อเทียบกับขนาดตัวเครื่อง โดยสามารถลากนิ้วได้ลื่น ไม่เกิดอาการสะดุดหรือหน่วงใดๆ สามารถตอบสนองการใข้งานได้เป็นอย่างดี ทั้งในการใช้งานแบบปกติหรือใช้งานฟังก์ชันการทำงานแบบ Multi-Touch Gesture ใน Windows 10 อย่างเต็มที่ และแน่นอนยังมีการติดตั้ง FingerPrint สำหรับสแกนลายนิ้วมือผ่านทาง Windows Hello เพื่อให้ Login ได้สะดวกและปลอดภัยที่สุดนั่นเอง
Screen / Speaker
หน้าจอของ HP ENVY 15 มีขนาดที่ 15.6″ ขอบหน้าจอบางสุดๆ ที่ 3 มิลลิเมตร แบบจอกระจกรองรับการทัชกรีนได้ โดยมีความละเอียด 4K UHD (3840 x 2160 พิกเซล) พาเนล AMOLED ของ Samsung คุณภาพสูงสุดในตลาด สำหรับการแสดงสีสันมาตรฐาน DCI-P3 รองรับ VESA Display HDR 400 พร้อมมาตรฐานการแสดงผลที่เหนือชั้นกว่าโน๊ตบุ๊คพาเนล IPS ความละเอียด Full HD เทียบกับโน๊ตบุ๊คหน้าจอพาเนลทั่วไปแล้วล่ะก็ ต้องบอกว่า HP ENVY 15 มีความเหนือชั้นไปมากจริงๆ เรียกได้ว่ารองรับทุกการทำงานหรือความบันเทิง รวมไปถึงการเล่นเกมแบบเต็มประสบการณ์อย่างสุดๆ ทั้งความลื่นไหลและสีสัน
อีกทั้งใส่ยางขอบจอมาตลอดแนวของจอเลย ต่างจากโน๊ตบุ๊คอื่นๆ ที่มักจะติดตั้งมาเป็นจุดๆ ในบางตำแหน่งเท่านั้น ซึ่งยางนี้จะมีประโยชน์ก็ในการซับแรงกระแทกที่เกิดในเวลาที่จอพับอยู่ได้ และที่ถึงแม้ขอบจอจะบางแต่ก็ยังติดตั้งกล้องเว็บแคมไปอยู่บริเวณเหนือชุดคีย์บอร์ด ที่สำคัญยังมาพร้อมฟีเจอร์ม่านชัตเตอร์ปิดเลนส์กล้องที่ทำให้เรามั่นใจว่ากล้องจะเห็นในเวลาที่เราต้องการใช้งานเท่านั้น การใช้งานก็ง่ายมากๆ ด้วยการใช้นิ้วเลื่อนเปิดหรือปิดการใช้งานเท่านั้น
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ HP ENVY 15 ที่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใช้หน้าจอพาเนล AMOLED ทางทีมงานเลยถือโอกาสทดสอบหน้าจอแบบละเอียดๆ ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด โดยทดสอบออกมาแล้วเผยให้เห็นขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 100% และ AbodeRGB ที่ 93%
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องแถวซ้ายทั้งหมดที่ให้ความสว่างที่มากที่สุด เห็นได้ว่าเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ไม่มีผิดเพี้ยน ซึ่งเป็นช่องขวาแถวบน แต่สำหรับช่องขวาแถวกลางจะมีแสงสว่างที่ลดลงไปถึงระดับ 9% ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนนรวม 4.0
ระบบเสียง HP ENVY 15 เลือกใช้ของ Bang & Olufsen พร้อมฟีเจอร์ HP Audio Boost ซึ่งวางส่วนของลำโพงไว้ด้านล่าง 2 ตัว แบบ Dual speakers ทำให้เสียงที่ออกมากระจายกว้างไม่มีอะไรปิดกั้น ซึ่งให้เสียงที่ดีและดังพอสมควร จนไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องใช้งานในที่เสียงดัง สามารถตอบสนองเรื่องความบันเทิง การฟังเพลงสำหรับคนที่ชอบทำงานได้โอเคเลย ถึงแม้ว่าอาจจะไม่ได้มีเสียงเบสมาก และเสียงจะค่อนไปทางเสียงกลาง เสียงแหลมมากกว่าก็ตาม แต่ก็จัดว่าดีกว่าโน๊ตบุ๊คบางเบาทั่วๆ ไปแบบรู้สึกได้
Connector / Thin And Weight
ส่วน HP ENVY 15 ติดตั้งพอร์ตการเชื่อมต่อประกอบไปด้วย ช่องชาร์จไฟ Power/DC-in Port 1 / 2 x Type-A USB 3.2 Gen 1 Port / 2 x Thunderbolt 3 Port (USB Type-C with support for USB 3.1 Gen 2 10Gbps, 40Gbps Thunderbolt, and DisplayPort 1.4) / 1 x HDMI 2.0 Output Port / 1 x Audio Out (Compatible with inline mic headset) / Wedge-shaped lock slot (cable and lock sold separately) / MicroSD Card Reader ส่วนการเชื่อมต่อไร้สายเป็น Wi-Fi 6 AX (2×2) + Bluetooth V5.0 จัดเต็มกันไปเลย
สำหรับ HP ENVY 15 นับได้ว่าเหนือชั้นกว่า Notebook หน้าจอ 15.6″ หลายรุ่น ในส่วนของความบางเบาของตัวเครื่อง ตอบสนองการพกพาได้เป็นอย่างดี มีน้ำหนักตัวค่อนข้างมากถึง 2.14 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับ Gaming Notebook รุ่นอื่นๆ จัดว่าเบากว่า แถมมิติตัวเครื่องยังเล็กกระทัดรัด ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่พัฒนาดียิ่งขึ้น ซึ่งถ้ารวมอแดปเตอร์แล้วจะมีน้ำหนักประมาณ 2.5 กิโลกรัม ไม่ลำบากในการพกพามากนัก จากการที่ตัวอแดปเตอร์เองมีขนาดที่ค่อนข้างกระทัดรัดประมาณนึง
Inside / Upgrade
การแกะเครื่อง HP ENVY 15 เพื่อที่จะนำมาทำความสะอากในอนาคตนั้นทำง่ายมาก เพียงแกะน็อตออกทุกตัวแล้วใช้บัตรแข็งๆ ค่อยๆ แงะจากด้านหลังตรงแกนฝาพับตัวเครื่องแล้วค่อยๆ รูดไปตามแนวฝาหลังและแกะแผ่นออกมาทั้งหมด เมื่อแกะออกมาแล้วก็จะเห็นฮาร์ดแวร์หลายๆ ถูกออกแบบจัดระเบียบได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว มีพัดลมขนาดใหญ่ พร้อมระบายความร้อนแบบพัดลม 2 ตัวดีไซน์บาง โดยมีชุดฟินสีดำ เป่าออก 3 ทิศทาง เรียกได้ว่าเอาอยู่กับสเปกแบบนี้แล้ว
ซึ่งหลังจากที่แกะออกมาแล้วนั้นจะเห็นแผ่นสีดำ สีเทาแปะติดไว้อยู่ในหลายๆ ส่วนเพื่อกันไฟฟ้าสถิต และในส่วนของฮาร์ดแวร์ที่ใส่ที่เก็บข้อมูลอย่าง SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 1TB แบบ 512GB x 2 ทำ Raid 0 มาให้พร้อมใช้งาน ส่วนช่องแรมใส่มาแล้วที่ขนาด 16GB โดยมีแรมขนาด 16GB แบบถอดได้จำนวน 2 แถว ซึ่งมีแผ่นสติกเกอร์ปิดทับมาอีกชั้นหนึ่ง อย่างไรก็ตามไม่รองรับการใส่ฮาร์ดดิสก์ขนาด 2.5″ ซึ่งโดยส่วนตัวคิดว่าคงไม่ต้องอัพเกรดอะไรกันแล้วล่ะ ให้การใช้งานทุกอย่างลื่นไหลไร้คอขวด สำหรับสเปกฮาร์ดแวร์ภายในถือว่าเหลือเฟือไม่ต้องอัพเกรดแล้วล่ะ
Performance / Software
สำหรับ HP ENVY 15 มาพร้อมกับชิปประมวลผลรุ่นยอดนิยมของ Gaming Notebook อย่าง Intel Core i Gen 10 H อย่าง Core i7-10750H เน้นนำไปใช้งานหนักๆ มากกว่ารุ่นรองอย่าง Core i5-10300H ที่ใช้กันในหลายๆ รุ่น ไม่จะเป็นการโปรเซสหรือเล่นเกม 3 มิติ ที่กินทรัพยากรสูง โดยมีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.60 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 5.00 GHz เป็นซีพียูแบบ 6 Core 12 Threads มาพร้อมแรมภายในขนาด 16GB DDR4 Bus 2933 MHz แบบ 8GB x 2 แถว ทำงาน Dual Channel ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้ใช้งานลื่นไหลทันทีแบบสบายๆ
การ์ดจอเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel UHD Graphics 630 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติ ก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น โดยมีการ์ดจอแยกตัวแรงระดับบนอย่าง NVIDIA GeForce RTX 2060 Max-Q ที่ต้องบอกว่าแรงเทียบเท่าระดับพีซีแบบสบายๆ และแรงกว่า GTX 1070 แบบรู้สึกได้จากการที่สามารถขับเฟรมเรทได้ลื่นไหล แต่ก็ร้อนน้อยเพราะเป็น Max-Q พร้อมมีฟีเจอร์อย่างที่ใน RTX Series มี ตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว
พร้อมกันนั้นยังมาเทคโนโลยี“ Ray Tracing” ที่สามารถแสดงผลการติดตามแสงของวัตถุ และสภาพแวดล้อมในแบบเรียลไทม์ ระหว่างกระบวนการเรนเดอร์กราฟิกสามารถคำนวณการสะท้อน และหักเหแสงได้อย่างถูกต้อง ครอบคลุมทั้งแสง และเงาทางกายภาพ ทำให้เกมนั้นสมจริงมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เรียกได้ยิ่งตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว เหนือชั้นกว่าการ์ดจอ GTX Series ก่อนหน้านี้ทีเดียว ที่ไม่ใช่แค่ลื่นไหลแต่สวยสมจริงยิ่งกว่าด้วย
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH 15 / 20 ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูงสุดๆ เป็นที่น่าประทับใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลรุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าพอตัว รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับบน ที่เน้นการทำงานเป็นหลัก สมกับเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-10750H จริงๆ กับรุ่นที่ยอดนิยมสุดๆ ในตลาด Gaming Notebook เลือกใช้งาน จากความแรงที่ได้ในราคาคุ้มค่า
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ก็ทำผลทดสอบเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 1TB (512GB x 2 Raid 0) แบบ M.2 NVMe PCIe ระดับสูง แน่นอนว่าเร็วกว่า SSD M.2 SATA 3 แบบทั่วไป ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 3442 MB/s และเขียนที่ 2655 MB/s เป็นระดับความเร็วในการเขียนอ่านทำงานโดยรวมที่น่าประทับใจ จัดว่าเป็น SSD M.2 NVMe ระดับสูงที่ความเร็วดีมากๆ
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 4220 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ และจากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมชิปประมวลผล Core i7-10750H มีการ์ดจอแยกอย่าง RTX 2060 Max-Q แต่ถ้าเทียบจริงๆ จะเห็นถึงคะแนนที่อาจจะดูน้อยไปหน่อย แต่ใช้งานจริงๆ ลื่นไหลตอบสนองทุกอย่างเป็นอย่างดี
ะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 7 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยมากกว่า 60 FPS ขึ้นไปแทบทุกเกม ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-10750H ที่สามารถรีดพลัง NVIDIA GeForce RTX 2060 Max-Q ออกมาได้อย่างเต็มที่ ประกอบกับยังใช้แรม 16GB DDR4 Bus 2933 MHz รวมไปถึง SSD NVMe PCIe ก็ส่งผลช่วยด้วย อย่างไรก็ตามในการทดสอบเราเลือกใช้ความละเอียด Full HD แทนที่ 4K UHD Native เพื่อดูถึงเฟรมเรทว่าขับได้แค่ไหน
ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง Resident Evil 3 / Battlefield V/ FarCry 5 / GTA V ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด ตามภาพด้านบน ที่ต้องบอกว่าภาพก็สวยจนน่าประทับใจ เรียกได้ว่าเหลือๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์ที่สุดแล้ว โดย Battlefield V เปิด DX12 แต่เลือกปิด DLSS / Ray Tracing ที่แม้จะทำให้ภาพสวยแต่ก็กินทรัพยากรเครื่องพอตัวอยู่ เฟรมเรทเฉลี่ยของทั้ง 4 เกม อยู่ที่ระดับลื่นไหล 70 – 90 – 120 เฟรมเรท ซึ่งนับว่าเกินสเปกหน้าจอที่เป็น 60 Hz ไปแล้ว
เกมออนไลน์กินสเปกเบาๆ หน่อยอย่าง DOTA 2 / Overwatch รวมไปถึง PUBG ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่สูงสุด แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็สบายๆ ค่าเฟรมเรทอยู่ที่ราวๆ 120 ขึ้นไปตลอด (PUBG ได้ 93) ซึ่งสรุปโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าเล่นได้สบายๆ แต่ถ้าเทียบกับ Notebook รุ่นอื่นที่สเปกใกล้เคียงกัน เรียกได้ว่าทรงประสิทธิภาพมากกว่าด้วยซ้ำ ทำให้บางเกมเราอาจจะเล่นที่ความละเอียด 4K UHD ที่ปรับกราฟิกกลางๆ ได้เลยทีเดียว
HP ENVY 15 นำมาซึ่งประสิทธิภาพและความอเนกประสงค์ในการสร้างและทำงานร่วมกันอย่างปลอดภัยทุกที่ ทุกเวลา สามารถกำหนดปรับแต่งค่าการใช้งานของเครื่องด้วยตนเองจาก HP Command Center มีระบบควบคุมความร้อนดีเยี่ยมด้วย โดยทำงานร่วมกับเทคโนโลยี HP CoolSense คอยปรับความเร็วของพัดลมเพื่อช่วยให้โน๊ตบุ๊คเย็นอยู่ตลอด เวลาโดยอัตโนมัติ ไร้ปัญหาการสตรีมมิ่งสำหรับดูหนังฟังเพลง หรือเล่นเกมให้ลื่นไหล
อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจของ HP ENVY 15 รวมไปถึงโน๊ตบุ๊ค HP ทุกรุ่น ก็คือมาพร้อมซอฟต์แวร์บันเดิลอย่าง HP Support Assistant โดยเป็นโปรแกรมซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้เราดูแลคอมพิวเตอร์ได้อย่างเหมาะสม ป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น และช่วยแก้ปัญหาได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว โปรแกรมนี้ยังระบุข้อมูลที่สำคัญสำหรับแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งนั่นหมายรวมไปถึงการอัพเดทไดร์เวอร์ต่างๆ และ Windows ด้วย จัดได้ว่าดีและใช้งานได้จริง
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ที่ติดตั้งมาให้ใน HP ENVY 15 เครื่องนี้เป็นแบบฝังตามปกติ ความจุประมาณ 4000 mAh ส่วนของการทดสอบระยะเวลาใช้งานของแบตเตอรี่โดยตั้งค่าความสว่างหน้าจอและเสียงให้ระดับต่ำ พร้อมปรับเป็น Power Saver Mode แล้วเล่นเว็บสลับกับดู Youtube แล้ววัดผลจากการเปิดโปรแกรม BatteryMon แจ้งระยะเวลาใช้งานต่อเนื่องในเงื่อนไขดังกล่าวราวๆ 2:28 ชั่วโมงโดยประมาณ เรียกได้ว่าน่าประทับใจทีเดียวกับการที่ Notebook จอ 15.6″ สเปกแรงขนาดนี้ ใช้งานแบตเตอรี่ได้นานประมาณนึง คาดว่าอาจจะเป็นเพราะหน้าจอ 4K นั่นเอง
เครื่องนี้ที่ให้ฮีทไปป์มาทั้งหมด 5 เส้น ระบบระบายความร้อน แบบพัดลม 2 ตัวแบบบาง ช่องระบายความร้อน 3 ช่อง เรียกได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คอีกรุ่นที่มีการระบายความร้อนได้ดี เมื่อใช้งานแบบปกติจะอยู่ที่ประมาณ 40 – 50 องศาเซลเซียส ภายในห้องปรับอากาศอุณหภูมิประมาณ 25 – 27 องศาเซลเซียส จากนั้นทำการทดสอบเบิร์นให้เครื่องทำงาน 100% โดยทางทีมงานได้ทำการเล่นเกมหนักๆ เป็นเวลานานๆ อย่างไรก็ตามต้องบอกก่อนว่าเราจำเป็นต้องดูอุณหภูมิชิปประมวลผลผ่านทาง Core Temp ไปก่อน เพราะซอฟต์แวร์ Hardware Monitor ยังไม่รองรับนั่นเอง
เห็นได้ว่าอุณหภูมิสูงสุดของชิปประมวลผลอยู่ที่ไม่เกิน 93 – 100 องศาเซลเซียส และการ์ดจออยู่ที่ 43 – 77 องศาเซลเซียส ที่สามารถควบคุมได้เป็นอย่างดีในระดับนึง ในการทำงานก็ปกติดีทุกอย่าง แม้ความร้อนที่เกิดขึ้นกับชิปประมวลผลค่อนข้างสูงเมื่อใช้งานประมวลผลหนักๆ ต่อเนื่อง ส่วนเสียงพัดลมก็ดังขึ้นมาประมาณนึงแต่ก็อยู่ในเกณฑ์รับได้ จากการที่เปิดโหมด Performance ทำให้พัดลมหมุนรอบเร็วสุดเมื่อทำงานหนักๆ (สามารถปรับบังคับเร่งรอบเองได้ด้วย) อย่างไรก็ตามไม่ถือว่ารบกวนอะไรมากมายสำหรับคนที่ทำงานอยู่แล้ว โดยรวมแล้วมีการจัดการอุณหภูมิได้อย่างไม่น่าเป็นห่วง ซึ่งเมื่อใช้งานทั่วไปในส่วนของเสียงพัดลมจะมีความเบามากๆ แทบไม่ได้ยินเสียงเลย
Conclusion / Award
สรุปรีวิวจากการทดสอบใช้งานจริงของ HP ENVY 15 สำหรับการดีไซน์และออกแบบตัวเครื่องนับว่ามีความก้าวล้ำกว่ารุ่นก่อนๆ ไปมาก ด้วยแนวคิดใหม่ๆ พร้อมวัสดุคุณภาพสูง งานประกอบที่แน่นๆ และสวยงามน่าประทับใจ ประกอบกับการดีไซน์ที่ตอบสนองความต้องการของเกมเมอร์ที่ต้องการ Gaming Notebook ที่แตกต่างและโดดเด่นสะดุดตา พรีเมียมแบบสุดๆ อย่างที่หาไม่ได้ในแบรนด์อื่นๆ กับความเบาเพียง 2.14 กิโลกรัมเท่านั้น
ที่สำคัญด้วยสเปกใหม่ล่าสุดอย่าง Intel Core i Gen 10H + NVIDIA GeForce RTX 20 Series ดีไซน์ตัวเครื่องออกแบบมาใหม่หมด บอดี้เป็นอลูมิเนียมอัลลอยด์ที่แทบจะไร้รอยต่อ เน้นความเรียบง่ายที่เชื่อว่าหลายคนต้องชื่นชอบ สไตล์ของ Gigabyte ซึ่งแตกต่างจากรุ่นอื่นๆ แบบชัดเจน โดย HP ENVY 15 จะมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 15.6″ ที่ดีที่สุด AMOLED / 4K UHD / รองรับ HDR โดยทดสอบแล้วขอบเขตสี 100% sRGB แบบขอบหน้าจอบางเฉียบ
ส่วนแรมตัวเครื่องให้มาจัดเต็มที่ขนาด 16GB DDR4 ความจุ SSD M.2 NVMe ตัวแรง ความจุ 512GB แถมตัวเครื่องยังสามารถใส่ SSD M.2 NVMe iมาพร้อมกับ Windows 10 แท้พร้อมใช้งานอีกด้วย ส่วนพอร์ตเชื่อมต่อก็มีมาให้ครบครันหายห่วงทั้ง Thunderbolt 3 x 2, USB 3.2 Type-A x 2 เรียกได้ว่าเป็น Notebook สายงานสร้างสรรค์ระดับท็อปที่สมบูรณ์รอบด้านจริงๆ อีก 1 รุ่นตลาดประเทศไทย (ถ้ายอมรับเรื่องแบตที่น้อยและความร้อนที่เกิดขึ้นได้) เหมาะกับคนที่งบประมาณสูงหน่อยต้องให้ความสนใจ โดยราคาของ HP ENVY 15 มีความหลากหลายมากๆ สนนราคาอยู่ที่ 46,900 – 62,900 บาท ขึ้นอยู่กับสเปก
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง HP ENVY 15 ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Performance
HP ENVY 15 รุ่นที่รีวิวเป็นสเปกชิปประมวลผลเป็น Intel Core i7-10750H ความเร็ว 2.30 – 5.10 GHz ทำงานแบบ 8 คอร์ 16 เธร์ด ประสิทธิภาพไว้ใจได้ พร้อมการ์ดจอตัวบนอย่าง NVIDIA GeForce RTX 2060 Max-Q (6GB GDDR6) รุ่นใหม่ล่าสุด มีที่เก็บข้อมูลรองรับการติดตั้ง SSD แบบ M.2 NVMe ความจุ 512GB ในส่วนของแรมเองมีมาให้ 16GB แบบ DDR4 แน่นอนทั้งตัวเครื่องนั้นแทบไม่ต้องอัพเกรดอะไร ลื่นไหลที่สุดอย่างไร้กังวล รองรับการทำงานต่างๆ พร้อมๆ กันได้หลายๆ งาน รวมถึงเล่นเกมได้อย่างลื่นไหลอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน อีกทั้งได้หน้าจอดีที่สุด AMOLED 4K UHD
Best Design
ดีไซน์โดยรวมของ HP ENVY 15 มีความโดดเด่นเรื่องความพรีเมียมพรูหรา รวมถึงหน้าจอขอบบางแบบบางพิเศษ ที่ทำให้สามารถใช้งานจอขนาด 15.6″ ภายในตัวเครื่องที่มีขนาดเล็กกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปที่ใช้จอขนาดเดียวกัน ด้วยการที่ตัวเครื่องมีความบางและน้ำหนักเบาเป็นพิเศษ ที่เชื่อได้เลยว่าทาง HP ได้ใส่ใจในส่วนของรายละเอียดนี้เป็นอย่างมาก ประกอบกับวัสดุหลักในการผลิตยังใช้เป็นอลูมิเนียมที่ให้ในเรื่องของความแข็งแรงทนทาน และยังบ่องบอกได้ถึงความสวยงามหรูหราอีกด้วย ฉะนั้นในเรื่องของรางวัล Best Design ทำให้ได้ไปอย่างไม่ยากเย็น