Dell Notebook ในงาน Commart 2020 ครั้งนี้ แม้ไม่ได้ออกบูธด้วยตนเอง ก็จัดโปรโมชั่นภายในงาน Commart 2020 ร่วมกับร้านค้าตัวแทนจำหน่ายออกมา อาทิ Advice / JIB / BaNANA / IT City โดยเป็นในส่วนของ Gift Voucher รวมไปถึงของแถมทั้งจากโปรโมชั่นหลักของ Dell เอง หรือโปรโมชั่นของแต่ละร้าน รวมถึงมีส่วนลดตามหน้าร้านต่างๆ และส่วนลดจากทาง Shopee อีกด้วย
แน่นอนว่ามีการอัพเดท Dell Notebook รุ่นใหม่ๆ ที่ต้องบอกว่ามากันเพียบ พร้อมขายในงานทันทีด้วย ซึ่งน่าตื่นเต้นกับการมีตัวเลือกชิปประมวลผล AMD Ryzen 4000U / Ryzen 4000H แล้ว อย่าง Inspiron 5405 / Inspiron 5505 / G5 15 SE ซึ่งได้ทั้งความสดใหม่ ความแรงลื่น และราคาที่ถูกกว่าที่เคยมีมาของ Dell Notebook เอง
แน่นอนว่าฝั่งของชิปประมวลผล Intel ก็ยังมีให้เลือกเช่นเดิม เพิ่มเติมคือรุ่นใหม่ ที่ใช้เป็น Core i Gen 10H อาทิ Inspiron 7501 / XPS 15 / Alienware m15 R3 / Alienware Area-51m R2 เรียกได้ว่า Dell ก็พร้อมที่จะนำเสนอ Notebook ที่ตอบสนองในทุกๆ การทำงาน ความบันเทิง รวมไปถึงการเล่นเกมด้วย
สำหรับงาน Commart 2020 จัดขึ้นในวันที่ 20 – 23 สิงหาคม 2563 นี้ ที่ไบเทค บางนา Hall EH98 – 99 โดยบทความนี้เราจะมาจัดอันดับ Dell Notebook รุ่นใหม่น่าซื้อ ในงาน Commart 2020 ขนโปรแรงของแถมเพียบ รุ่นไหนน่าซื้อที่สุดกัน แน่นอนว่าเราจะเน้นรุ่นใหม่เป็นหลัก เพราะได้ความสดใหม่ในราคาเอาจริงๆ ก็คุ้มค่าไม่แพ้กัน จะมีรุ่นอะไรบ้าง ไปชมกันต่อเลย
ดู Dell Promotion Brochure ของแถมในงาน Commart 2020 <<<
*** ในงาน Commart 2020 สามารถต่อลดราคาจากป้ายได้อีก บางรุ่นลด 500 บาท / 1,000 บาท / 2,000 บาท / มากกว่านั้น !!! อยู่ที่ต่อรองหน้าร้านอีกที หรือซื้อผ่าน Shopee ลดไป 1,500 บาท / ซื้อผ่าน Lazada ลดไปอีก 1,000 บาท ที่สำคัญในส่วนของแถมพิเศษ ที่ไม่ใช่โปรโมชั่นกลาง Dell ขึ้นอยู่แต่ละร้านด้วยนะครับ ***
Dell Inspiron 5405 ราคา 22,990 – 27,990 บาท
Dell Inspiron 5405 เป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 14″ ขอบบางเฉียบ เน้นพกพา ตามสไตล์ของโน๊ตบุ๊คที่ให้ความบางเบา ได้สเปกชิปประมวลผล AMD Ryzen 4000U ใหม่ล่าสุด และการ์ดจอออนชิป Radeon เป็นโน๊ตบุ๊คที่มาพร้อมกับขนาดตัวเครื่องที่เบาสุดๆ ที่ 1.4 กิโลกรัม เล็กกระทัดรัดบางสุดเพียง 14.9 มิลลิเมตร แรมขนาด 8GB DDR4 Bus 3200Hz พร้อม SSD M.2 NVMe ความจุ 256GB / 512GB สำหรับความละเอียดหน้าจอก็เป็นพาเนล IPS ระดับ Full HD ให้ภาพคมชัดสวยงามสมจริง พร้อมใช้งานด้วย Windows 10 และมีซอฟต์แวร์ต่างๆ มากมาย
สเปกของ Dell Inspiron 5405 จะถูกแบ่งด้วยกันเป็น 2 รุ่นหลักๆ คือ Ryzen 5 4500U ทำงานแบบ 6C/6T (2.30 GHz up to 4.00 GHz, 8 MB L3 Cache) และ Ryzen 7 4700U ทำงานแบบ 8C/8T (2.00 GHz up to 4.10 GHz, 8 MB L3 Cache) แน่นอนว่าให้ทั้งความแรงและใช้งานได้ยาวนาน เป็นสถาปัตยกรรม สถาปัตยกรรม Zen 2 โค้ดเนม Renoir (เรนัวร์) เทคโนโลยีการผลิตที่ 7 นาโนเมตร สุดล้ำหน้ากว่าที่เคยมีมาในตลาดโน๊ตบุ๊ค ที่ได้ความแรงลื่นแบบก้าวกระโดดในราคาไม่แพงเลย
ได้มาตรฐานการเชื่อมต่อรองรับเป็น USB 3.2 Type-A / USB 3.2 Type-C ส่วนไร้สายจะเป็น Wireless AC และ Bluetooth 5.0 ด้วย นอกจากนี้ในส่วนของกล้องด้านหน้ารองรับการใช้งาน VDO Call ที่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใส่ใจในรายละเอียดก็คือ มีน้ำหนักตัวที่เบามากๆ แถมตัวเครื่องยังบางสุดๆ โดยสามารถถือได้ด้วยมือเดียวอย่างสบายๆ ด้วยน้ำหนักเพียง 1.4 กิโลกรัมเท่านั้น ส่วนความบางเครื่องก็เพียง 17.9 มิลลิเมตร การรับประกัน 2 ปี แบบ Dell Premium Support และ On-Site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน ตามมาตรฐานของ Dell ที่เราทุกคนในเรื่องของการบริการที่ประทับใจ
โดย Dell Inspiron 5405 มีให้เลือกทั้งสีสันสีเงิน Platinum Silver ที่ดูแล้วหรูหรา สง่างาม เหมาะกับหนุ่มๆ ที่ต้องการโน๊ตบุ๊คที่เน้นภาพลักษณ์ไว้ใช้งาน รวมไปถึงเหมาะสมกับสาวๆ ที่ดูลงตัวเรียบง่าย พร้อมปุ่ม Power มุมขวาบนของคีย์บอร์ดสีเดียวกับตัวเครื่องที่เป็น Fingerprint ในตัว ซึ่งดูสวยงามลงตัวมากๆ สนนราคาไม่แพงเลย สำหรับสเปก Ryzen 5 4500U อยู่ที่ 22,990 บาท และรุ่น Ryzen 7 4700U ที่ 27,990 บาท ส่วนสเปกอื่นๆ เหมือนกันทั้งหมด
- Ryzen 5 4500U / Radeon 6 / RAM 8GB / SSD 256GB / จอ 14″ IPS ราคา 22,990 บาท
- Ryzen 7 4700U / Radeon 7 / RAM 8GB / SSD 512GB / จอ 14″ IPS ราคา27,990 บาท
Dell Inspiron 5505 ราคา 22,990 – 27,990 บาท
สำหรับ Dell Inspiron 5505 มีความใกล้เคียงกับ Dell Inspiron 5405 ทั้งดีไซน์ภายนอกและสเปกภายใน แต่ว่าได้ขนาดหน้าจอที่ใหญ่กว่า 15.6″ แน่นอนว่ามีน้ำหนักที่มากกว่าที่ 1.72 กิโลกรัม ซึ่งก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้สะดวกสบายอยู่ โดยมีราคาสูงกว่า Dell Inspiron 5405 ในสเปกที่เหมือนกันที่ 1,000 บาท โดยถือว่าเป็นราคาที่รับได้
- Ryzen 5 4500U / Radeon 6 / RAM 8GB / SSD 256GB / จอ 15.6″ IPS ราคา 23,990 บาท
- Ryzen 7 4700U / Radeon 7 / RAM 8GB / SSD 512GB / จอ 15.6″ IPS ราคา 28,990 บาท
Dell G5 15 SE ราคา 38,990 – 42,990 บาท
Dell G5 15 SE เป็น Gaming Notebook เป็นรุ่นแรก ที่ใช้ชิปประมวลผล AMD Ryzen ของ G Series ดีไซน์ดู Gaming แบะแตกต่าง ซึ่งมีความบางตัวเครื่องเพียง 21.6 มิลลิเมตร ส่วนน้ำหนักอยู่ที่ 2.5 กิโลกรัม ขนาดหน้าจอ ตัวเครื่องสีเงินมันวาให้ความพรีเมียมหรูหรา ซึ่งสเปกหลักๆ แล้วเน้นประสิทธิภาพต่อความคุ้มค่า สำหรับการ์ดจอเป็น AMD Radeon RX5600M ที่แรงกว่า RX5500M ประกบคู่กับชิปประมวลผลรุ่นใหม่อย่าง Ryzen 7 4800H / Ryzen 9 4900H รุ่นล่าสุด ได้แรมขนาด 8GB / 16GB Bus 3200MHz และ SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB รองรับการเล่นเกมได้อย่างลื่นไหลกว่ารุ่นก่อนๆ พอสมควร
Dell G5 15 SE ดีไซน์การมีการปรับใหม่ให้ดูสวยงามเฉียบเรียบยิ่งขึ้น มิติตัวเครื่องดูเล็กกระชับลงจากการที่ขอบหน้าจอบางลงตามเทรนด์ของ Notebook ปี 2020 มาพร้อมสีเงินสว่างๆ กลับกับดำ อย่างสี Super Nova Silver ที่ดูหรูหราหน่อยสไตล์แบบทูโทน ที่บอกได้เลยว่าดูดีมากๆ ตามมาตรฐานของ Dell ที่หลายๆ คนชื่นชอบกันอยู่แล้ว วัสดุหลักๆ เป็นพลาสติกคุณภาพดี ที่มีงานประกอบที่แน่นหนา รวมไปถึงระบบระบายความร้อนก็ได้มีการปรับปรุงใหม่ เน้นความเป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมที่คุ้มค่าตามสไตล์ของ Dell
ส่วนของตัวเครื่องหลักๆ แล้วจะใช้เป็นพลาสติกคุณภาพสูงเป็นส่วนประกอบ ทำให้ได้ข้อดีมาก็คือทั้งความแข็งแรงและน้ำหนักที่เบา โดยตัวเครื่องภายนอกทั้งฝาหลังและด้านล่างตัวเครื่องจะเป็นพลาสติก ส่งผลให้ตัวเครื่องดีไซน์ออกแบบมาได้มีควมบางเบาเป็นพิเศษ ซึ่งส่วนของฝาหลังเป็นสีสันแบบเทาเข้มๆ เรียบๆ พร้อมใส่โลโก Dell ไว้ตรงกลางสีเป็นสีไทเทเนียมมันวาวเป็นประกาย เปลี่ยนไปตามทิศทางของแสงที่ดูแล้วไม่ซ้ำใคร
สำหรับตัวเครื่องด้านในก็ยังคงในโทนสีดำส่งผลให้ตัวเครื่องเป็นลักษณะทูโทน โดยโลโก้ใต้หน้าจอจะเป็น Dell สีไทเทเนียม โดยสะท้อนแสงเช่นเดียวกับโลโก้ฝาหลัง ส่วนชิ้นส่วนชุดแป้นคีย์บอร์ดจมีลักษณะแยกชิ้นตามสไตล์ของ Dell ที่ใช้กันในหลายๆ รุ่น ที่ดูแล้วก็ดูสวยงามเข้ากันเป็นดี มุมซ้ายบนจะเป็นชื่อซีรีส์ ก็คือ G5s แบบเรียบๆ และตรงกลางแป้นคีย์บอร์ดจะเป็นปุ่ม Power ตามาตรฐาน ได้การรับประกัน 2 ปี แบบ Dell Premium Support และ On-Site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน ตามมาตรฐานของ Dell ที่เราทุกคนในเรื่องของการบริการที่ประทับใจ
- Ryzen 7 4800H / RX5600M / RAM 8GB / SSD 512GB / จอ 15.6″ WVA 120Hz ราคา 38,990 บาท
- Ryzen 9 4900H / RX5600M / RAM 16GB / SSD 512GB / จอ 15.6″ WVA 120Hz ราคา 42,990 บาท
Dell Inspiron 7501 ราคา 36,990 – 39,990 บาท
Dell Inspiron 7501 จัดได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่สายทำงานบางเบา วัสดุอะลูมิเนียม หนักเพียง 1.6 กิโลกรัม ได้ประสิทธิภาพสูงรุ่นใหม่ล่าสุด ชิปประมวลผลเป็น Core i5/i7 ตระกูล H Gen 10 การ์ดจอเป็น GTX 1650 Ti ที่เป็นรุ่นใหม่ มาพร้อมมาตรฐานใหม่ในเรื่องของขนาดตัวเครื่อง น้ำหนักและดีไซน์การออกแบบที่เล็กกว่าโน๊ตบุ๊คในหน้าจอขนาดเดียวกัน ที่สำคัญด้วยบริการ Dell Pro Support ระยะเวลา 3 ปีเต็ม ซ่อมตรงถึงที่ ทุกที่ ในอีก 1 วันทำการ (On-site Sevice) ทำให้มั่นใจได้เลย บริการหลังการขายของ Dell นั้นยอดเยี่ยมอย่างแน่นอน
โดย Dell Inspiron 7501 ใช้สีสัน Platinum Silver ใช้ชิประมวลผลรุ่นล่าสุดจากทาง Intel อย่าง Core i5-10300H และ i7-10750H ที่เป็นตระกูลเน้นประสิทธิภาพทำงานหนักๆ ได้สบายๆ และการ์ดจอ Gaming ระดับกลางๆ อย่าง NVIDIA GeForce GTX 1650 Ti (4GB GDDR6) ที่ให้ประสิทธิภาพการทำงานรองรับ 3 มิติได้ดี เล่นเกมออนไลน์ได้สบายๆ ส่วนแรมก็ติดตั้งมาให้ขนาด 8GB DDR4 ซึ่งพอเพียงกับการใช้งานแน่นอน พร้อมด้วย SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB ที่สำคัญยังเป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6 AX และ Bluetooth 5.0 ด้วย
ดีไซน์การออกแบบโดยรวมของ Dell Inspiron 7501 ตัวเครื่องดูเล็ก กะทัดรัด เหมาะกับการพกพา ให้ดีไซน์ออกมาได้ขอบหน้าจอบางแบบสุดๆ มีกล้องด้านหน้ารองรับการใช้งาน VDO Call ส่วนของตัวเครื่องจะใช้เป็นโลหะที่ดูสวยงามและทนทาน เป็นส่วนประกอบหลักตลอดทั้งตัวเครื่อง ทำให้ได้ข้อดีมาก็คือทั้งความแข็งแรงและน้ำหนักที่เบา ที่สำคัญส่งผลให้ภาพลักษณ์โดยรวมของตัวเครื่องดูหรูหรามากๆ ให้อารมณ์พรีเมียมสุดๆ ส่งผลให้เราได้พบประสบการณ์ใช้งานที่เหนือชั้นกว่าโน๊ตบุ๊คที่เน้นประสิทธิภาพทั่วๆ ไปในตลาด
- Core i5-10300H / GTX 1650 Ti / RAM 8GB / SSD512GB / จอ 15.6″ IPS ราคา 36,990 บาท
- Core i7-10750H / GTX 1650 Ti / RAM 8GB / SSD512GB / จอ 15.6″ IPS ราคา 39,990 บาท
Dell XPS 15 9500 ราคา 69,990 – 79,990 บาท
Dell XPS 15 9500 รุ่นดีไซน์ใหม่นั้นได้มีการปรับไปใช้วัสดุของตัวเครื่องเป็นอลูมิเนียมคาร์บอนไฟเบอร์ระดับพรีเมี่ยม ซึ่งใช้การออกแบบ CNC-machined aluminum พร้อมทั้งยังใ้ชขอบเป็นวัสดุแบบ double-anodized diamond ในส่วนของขอบต่างๆ ทำให้ตัวเครื่องนั้นนอกจากจะดูสวยงามแล้วมันยังมาพร้อมกับความแข็งแรงทนทานมากขึ้นกว่าเดิมเป็นอย่างมาก ส่วนของจุดที่วางมือในส่วนของคีย์บอร์ดนั้นก็ได้มีการใช้วัสดุเป็นคาร์บอนไฟเบอร์ที่นอกจากจะทำให้ตัวเครื่องเบาและบางลงแล้ว เวลาที่ใช้งานนั้นจะทำให้ผู้ใช้รู้สึกสบายได้มากขึ้นกว่าเดิม สำหรับโลโก้ XPS นั้นก็ได้ใช้วัสดุเป็นสแตนเลสแบบชิ้นเดียวทำให้ตัวเครื่องนั้นดูสวยงามเพิ่มมากขึ้น
จากการที่ตัวเครื่องมีความบางและเบาทาง Dell เองก็มีความจำเป็นจะต้องตัดพอร์ตการเชื่อมต่อแบบ USB Type-A ออกไปจากตัวเครื่อง ทว่าทาง Dell เองนั้นก็ได้มีการใส่พอร์ต USB 3.1 Type-C และ Thunderbolt 3 เข้ามาทดแทน นอกไปจากนั้นแล้วตัวเครื่องยังมาพร้อมกับ full-sized SD card reader และ 3.5mm combo headphone jack ที่ดีไซน์นั้นสวยงามเข้ากันกับพอร์ตอื่นๆ เป็นอย่างดีอีกด้วย (บันเดิล USB Type-C to Type-A และ HDMI 2.0 adapter มาให้ในชุดวางจำหน่ายอีกด้วยเลยไม่ต้องซื้อแยกแต่อย่างใด) การเชื่อมต่อไร้สายก็เป็น Wi-Fi 6 AX + Bluetooth 5.0
ในส่วนของช่องสำหรับลำโพงนั้นทาง Dell XPS 15 9500 เองก็ได้มีการออกแบบโดยตัวช่องนั้นจะมาพร้อมกับรูปแบบ laser-drilled ที่มีรูมากถึง 4,532 รูด้วยอีกต่างหาก แถมด้วยตัวลำโพงนั้นยังได้รับการปรับแต่งโดยคุณ Jack Joseph Puig ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับรองวัล Grammy Award winning producer มาทำการปรับแต่งลำโพงให้ทำให้เสียงที่ออกมาจากตัวเครื่องทั้งผ่านทางลำโพงของตัวเครื่องเองและหูฟังมีเสียงดีที่สถด มาพร้อมกับเทคโนโลยี Waves Nx 3D Audio ในส่วนของไมค์นั้นก็มาพร้อมกับเทคโนโลยี Waves MaxxVoice ซึ่งบนตัวเครื่องจะมีไมค์มากถึง 2 ตัวทำให้การติดต่อสื่อสารนั้นผ่านไมค์นั้นมีคุณภาพดีมากขึ้นเป็นอย่างมาก
ในเรื่องของสเปก Dell XPS 15 9500 จะถูกแบบออกเป็น 2 รุ่นด้วยกันแตกกันที่ความละเอียดหน้าจอ ใช้ชิปประมวลเป็น Intel Core i7-10750H รุ่นตัวแรงยอดนิยม ส่วนการ์ดจอก็มีประสิทธิภาพสูงอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1650 Ti แรมก็ให้มา 16GB DDR4 และได้ที่เก็บข้อมูลเป็น SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB ส่วนหน้าจอมีขนาด 15.6 นิ้ว สัดส่วน 16:10 ความละเอียด Full HD + ที่ 1920 x 1200 พิกเซล และ Ultra HD + ที่ 3840 x 2400 พิกเซล แถมตัวคีย์บอร์ดยังมีไฟ LED Backlit มาให้ด้วย โดยมีความเบาที่ 1.8 กิโลกรัมเท่านั้น เรียกได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คระดับสูงได้อย่างเต็มภาคภูมิ
- Core i7-10750H / GTX 1650 Ti / RAM 16GB / SSD 512GB / จอ 15.6″ IPS FHD + ราคา 69,990 บาท
- Core i7-10750H / GTX 1650 Ti / RAM 16GB / SSD 512GB / จอ 15.6″ IPS UHD + ราคา 79,990 บาท
Dell Alienware m15 R3 ราคา 84,990 – 124,990 บาท
Alienware m15 R3 ปี 2020 เป็นที่สุดของ Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″ ใช้ชิประมวลผลรุ่นล่าสุดที่เน้นสวยงามบางเบา จากทาง Intel อย่าง Core i9-10980HK และการ์ดจอระดับสูงสุดอย่าง NVIDIA GeForce RTX 2080 Super Max-Q ที่ร้อนน้อยกว่า ได้แรมมาตรฐานเป็น DDR4 ขนาด 32GB Bus 3200MHz พร้อม SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 1TB มีหน้าจอความละเอียดสูงระดับ 1920 x 1080 พิกเซล Full HD พาเนล IPS แบบด้าน 300Hz ส่งผลให้เราได้พบประสบการณ์ใช้งานที่ดีเยี่ยม ใครจะเอาไปทำงานหรือเล่นเกมอันนี้ไม่ว่ากัน สนนราคา 124,990 บาท ซึ่งจากสเปกหลักตรงนี้ทำให้รองรับการเล่นเกมในปัจจุบันลื่นๆ ได้ทุกเกมแน่นอน
พร้อมด้วยกล้องเว็บแคม Alienware FHD (1080p) และมีไมค์ดิจิตอลแบบคู่ในตัว ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน ทั้ง Thunderbolt 3 (USB Type-C with support for USB 3.2 Gen 2 10Gbps, 40Gbps Thunderbolt, and DisplayPort 1.2), USB 3.1 Type-A และ RJ-45 Killer Network, Headset พิเศษสุดๆ ด้วย Alienware Graphics Amplifier พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 5.0 และ Wi-Fi 6 มาตรฐาน Killer Wireless 1650i 2×2 AX ที่สำคัญยังโดดเด่นกว่ารุ่นอื่นด้วยการติดตั้ง Tobii Eyetracking ที่เราสามารใช้ดวงตาในการเล่นเกมอีกด้วย
ดีไซน์การออกแบบจะเห็นว่า Alienware m15 R3 มีความล้ำสมัยแบบสุดๆ เป็นยานอวกาศเหมือนมาจากต่างดาวมากๆ ด้วยรูปลักษณ์ที่ดูไม่เหมือนใครเน้นเรียบง่ายแต่หรูหรามากๆ เลือกใช้สีดำ Dark Side of the Moon ที่เป็นโทนดำทั้งตัวเครื่อง หรือสีขาว Lunar Light แบบขาวนวลพร้อมสลับสีดำ ที่ดูแล้วสะอาดตา เชื่อว่าโดนใจใครหลายๆ คนแน่นอน ในเรื่องของความพรีเมียมแตกต่างจาก Gaming Notebook แบรนด์อื่นๆ แบบชัดเจน เรียกได้ว่าเอาไปใช้งานที่ไหนก็โดดเด่นสุดๆ
ตัวเครื่องโดยรวมให้ดูทันสมัยและเรียบง่าย ตามมาด้วยการใส่รายละเอียดต่างๆ ที่สวยงามตามสไตล์ Alienware ที่สำคัญด้วยเทคโนโลยี Advanced Alienware Cryo-Tech v3.0 ได้ชุดระบายความร้อนก็มีขนาดที่ใหญ่มาก โดยได้พัดลม 2 ตัวขนาดใหญ่ ดูดอากาศเย็นจากใต้ตัวเครื่องพร้อมเปล่าออกผ่านทางฮีทไปป์และฟินขนาดใหญ่ไปทางด้านหลังและด้านข้างออกตัวเครื่อง เชื่อได้เลยว่า Alienware m15 R3 ตัวนี้ต้องจัดการอุณหภูมิได้ดีอย่างแน่นอน
มาพร้อมกับไฟ RGB 16.8 ล้านสี ด้วย AlienFX Lighting Zone ตามสไตล์ของ Alienware ที่เราสามารถปรับแต่งได้ดั่งใจ ทั้งส่วนของคีย์บอร์ดที่ดูแล้วสวยงาม อีกทั้งด้านหลังตัวเครื่องที่เป็นการแยกชุดระบายความร้อนออกมาตามสไตล์ของ Alienware ก็ยังมีการติดตั้งไฟ RGB เอาไว้ ทั้งโลโก้หลังและปุ่ม Power ที่ยอมรับเลยว่าตรงนี้ดูเก๋มากๆ โดดเด่นแบบสุด ให้อารมณ์ด้วยรวมของตัวเครื่องแบบรถยุโรปราคาแพงทีเดียว ที่สำคัญช่องระบายความร้อนก็เป็นแบบรังผึ้งที่ลงตัวสุดๆ ทั้งขอบด้านหลังและเหนือชุดคีย์บอร์ด
แน่นอนว่านั่นก็มาจากการที่ Dell มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ พร้อมกับมาตรฐานของ Dell ที่มีแฟนๆ เชื่อมั่นอยู่เสมอมา ที่สำคัญด้วยบริการ Dell Premium Support ซ่อมตรงถึงที่ ทุกที่ ในอีก 1 วันทำการ (On-site Sevice) ระยะเวลา 2 ปีเต็มด้วย ทำให้มั่นใจได้เลย บริการหลังการขายของ Dell นั้นยอดเยี่ยมอย่างแน่นอน
- Core i7-10750H / RTX 2070 / RAM 16GB / SSD 512GB / จอ 15.6″ IPS 144Hz ราคา 84,990 บาท
- Core i9-10980HK / RTX 2080 Super Max-Q / RAM 32GB / SSD 1TB / จอ 15.6″ 300Hz ราคา 124,990 บาท
Dell Alienware Area-51m R2 ราคา 119,990 – 139,990 บาท
นอกเหนือจากนี้ยังมีท็อปที่สุดอย่าง Alienware Area-51m R2 มีความเป็นยานอวกาศมากๆ สมกับชื่อผลิตภัณฑ์จากทางต่างดาวจริงๆ อย่างที่ๆม่เคยมีมาก่อน ด้วยรูปลักษณ์ที่ดูไม่เหมือนใครเน้นเรียบง่ายแต่หรูหรามากๆ เลือกใช้สีขาวมาแซมที่ดูแล้วสะอาดตา ฝาหลังมีโลโก้ Area-51 อยู่ วัสดุหลักๆ ก็จะเป็นโลหะและพลาสติกเกรดสูง นับว่าที่เป็นที่สุดของ Gaming Notebook หน้าจอ 17.3″ จากทาง Dell โดยมีขนาดตัวเครื่องที่หนาและน้ำหนักที่มากกว่าที่ 4.1 กิโลกรัม รวมไปถึงเทคโนโลยีอื่นๆ ก็จัดเต็มเหมือนกัน
แต่สเปกภายในนั้นใส่เต็มยิ่งกว่า เพราะเลือกใช้ชิปประมวลผล Core i7-10700K / Core i9-10900K ที่ยกมาจาก Desktop PC ซึ่งให้ประสิทธิภาพแรงกว่า Gaming Notebook ในตลาดทั้งหมด อีกทั้งการ์ดจอก็เป็นระดับบนรุ่นล่าสุดอย่าง NVIDIA GeForce RTX 2070 Super / RTX 2080 Super แบบพิเศษ ที่สามารถถอดอัพเกรดได้ โดยใช้มาตรฐานเป็น DGFF (Dell Graphics Form Factor) แตกต่างจากคู่แข่งที่เป็น MXM แน่นอนว่าทำให้อนาคตเราสามารถอัพเกรดการ์ดจอใหม่ได้ด้วยการถอดเปลี่ยน อารมณ์เดียวกับ Desktop PC เลยทีเดียว (สมมุติว่ามี RTX 3080 มาแล้วแบบนี้)
มาพร้อมกับไฟ RGB ตามสไตล์ของ Alienware ที่เราสามารถปรับแต่งได้ดั่งใจ ทั้งส่วนของคีย์บอร์ดที่ดูแล้วสวยงาม อีกทั้งด้านหลังตัวเครื่องที่เป็นการแยกชุดระบายความร้อนออกมาตามสไตล์ของ Dell และ Alienware ก็ยังมีการติดตั้งไฟ RGB เอาไว้ ที่ยอมรับเลยว่าตรงนี้ดูเก๋มากๆ โดดเด่นแบบสุด ให้อารมณ์ด้วยรวมของตัวเครื่องแบบรถยุโรปราคาแพงทีเดียว ที่สำคัญช่องระบายความร้อนก็เป็นแบบรังผึ้งที่ลงตัวสุดๆ ทั้งขอบด้านหลังและด้านล่างตัวเครื่อง
สรุปคือ Alienware เค้าออกแบบมาได้เยี่ยมยอดจริงๆ Alienware Area-51m จำเป็นต้องใช้อแดปเตอร์ถึงสองตัวด้วยกัน (280 Watt x2) ในการจ่ายไฟใช้งาน ซึ่งตรงนี้ก็ไม่ใช้เรื่องแปลกอะไร เพราะก่อนหน้านี้เราคงเคยเห็นใน Gaming Notebook ตัวท็อปของหลายๆ แบรนด์ไปแล้ว