งาน Commart 2020 จัดขึ้นช่วงสัปดหา์สุดท้ายของเดือนสิงหาคม จัดว่าเป็นมหกรรมงานคอมพิวเตอร์ไอทีที่ใหญ่ที่สุดในไทย ที่จัดขึ้นมาตลอดหลายปี แน่นอนว่าสำหรับคนที่จะซื้อ Notebook รุ่นใหม่ๆ ควรต้องมาเดินดูในงาน Commart 2020 นี้แน่นอน จากการที่มีรุ่นให้เราได้เลือกซื้อตามใจเห็นตัวจริงกันไปแล้ว อีกทั้งยังได้ราคาโปรโมชั่นราคาถูกสุดๆ จากการที่หน้าร้านแต่ละร้านแข่งกัน ที่หาไม่ได้ตามร้านค้าออนไลน์ อีกทั้งได้ของแถมพิเศษๆ ที่ขนมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะอีกด้วย
สำหรับคนที่อยากได้ Notebook ที่เน้นความบางเบา แต่ได้ประสิทธิภาพสูงด้วย แน่นอนว่าสเปกชิปประมวลผลเป็นเรื่องสำคัญและต้องมาก่อน โดย Intel ได้ส่งชิปประมวลผลรุ่นใหม่อย่าง Intel Core i Gen 10 ออกมาในตลาดแล้ว โดยถูกแบ่งออกเป็น 2 สถาปัตยกรรม Ice Lake เทคโนโลยีการผลิตที่ 10 นาโนเมตร รองรับงาน AI ที่จะรองรับในอนาคต รวมไปถึงการ์ดจอออนชิปตัวใหม่ที่สวยสมจริงยิ่งขึ้น อาทิ Core i3-1005G1 / Core i5-1035G1 / Core i7-1065G7
และสถาปัตยกรรม Comet Lake เทคโนโลยีการผลิตที่ 14 นาโนเมตร ให้ความแรงลื่นที่มากกว่า อาทิ Core i3-10110U / Core i5-10210U / Core i7-10510U ที่เป็นทั้ง 2 สถาปัตยกรรมนี้เป็น U-Series (Ultra-low-voltage) ซึ่งประหยัดพลังงานพิเศษ ร้อนน้อย ส่งผลให้ใช้งานแบตเตอรี่ได้ยาวนาน อีกทั้งได้มาตรฐานการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6 AX เหมือนกัน และใน Notebook บางรุ่นจะได้มาตรฐาน Thunderbolt 3 ล้ำที่สุดด้วย
ในบทความนี้เราเลยจะมาจัดอันดับ Notebook บางเบาน่าซื้อ งาน Commart 2020 สเปก Intel Core i Gen 10U เน้นพกพา แบตยาวนาน ใช้งานสะดวก ซึ่งจะซื้อในงาน Commart 2020 ที่จัดขึ้นช่วงวันที่ 20 – 23 สิงหาคมนี้ ที่ ไบเทคนางนา หรือจะซื้อตามร้านทั่วไปตามห้างหรือร้านออนไลน์ก็ได้ อันนี้ไม่ว่ากันเอาตามที่สะดวก ซึ่งจะมีรุ่นไหนบ้างนั้น ไปชมกันต่อเลย
Acer Swift 3 ราคา 13,900 – 23,900 บาท
Acer Swift 3 เป็นโน๊ตบุ๊คบางเบาที่จัดเต็มเรื่องความคุ้มค่า การพกพา งานประกอบ และสิทธิภาพที่ดีเยี่ยม โดยรุ่นใหม่ได้เปิดตัวมาตั้งแต่ช่วงปลายปีในปี 2019 นี้ จนถึงตอนนี้ปี 2020 ก็ยังนับว่าเป็นโน๊ตบุ๊คประเภท Ultrabook ที่คุ้มค่าที่น่าจับตามองที่สุด ในราคาเริ่มต้น 13,900 บาท กับสเปกที่เพิ่งออกมาให้เป็นสเปก i3-1005G1 / i5-1035G1 / i7-1065G7 + MX 250 / MX350 ได้ฟีเจอร์ครบครันครบเครื่อง พร้อมมีพอร์ต Thunderbolt 3 ที่รองรับการใช้งานที่ดีที่สุด นอกจากนี้ยังได้การเชื่อมต่อไร้สายเป็น Wi-Fi 6 AX ที่ใหม่ที่สุดด้วย พร้อมได้โปรแกรม Office Home & Student 2019 (มูลค่า 4,299 บาท) ไปใช้งานติดเครื่องแบบฟรีๆ ไม่ต้องซื้อเองไปใช้งานด้วย
Acer Swift 3 จะเลือกใช้ชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 สถาปัตยกรรม Ice Lake เทคโนโลยีการผลิตที่ 10 นาโนเมตร ที่แรงกว่าเดิม จัดเต็มเรื่องความคุ้มค่า การพกพา ซึ่งมีน้ำหนักเพียง 1.19 กก. และบางเพียง 15.95มม. เท่านั้น เหมาะกับนักเรียน นักศึกษา คนทำงาน ที่ต้องการโน๊ตบุ๊คคุ้มค่า หรูหรา บางเบา จบครบในเครื่องเดียว ได้ประกันระยะ 3 ปี โดยปีแรกจะเป็นแบบ On-site Service พร้อมบริการซ่อมเครื่องด่วนภายใน 3 ชั่วโมง ทั้งหมดนี้เลยทำให้ Acer Swift 3 เป็นโน๊ตบุ๊คในตลาดปี 2020 ที่น่าซื้อจริงๆ โดยมีสีสันให้เลือกถึง 3 สีด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น Steel Gray / Glacier Blue / Millennial Pink
สเปก ดีไซน์การออกแบบ พร้อมฟีเจอร์ต่างๆ นั้น เป็นการต่อยอดจากรุ่นเดิมที่ดูลงตัว เพราะดูแล้ว Acer ทำการบ้านมาเป็นอย่างดีกับโน๊ตบุ๊คบางเบาราคาคุ้มค่า ที่ราคาไม่แพง แต่ได้สเปกแรงขึ้นด้วยการ์ดจอแยก MX350 เหมาะมากๆ สำหรับคนทำงานจริงจังพนักงานออฟฟิศ หรือนักเรียนนักศึกษา ที่เน้นใช้งานทั่วไปให้ประสิทธิภาพพอตัว รวมไปถึงเล่นเกม 3 มิติบ้าง แต่พกพาไปที่นู้นที่นั่นบ่อยๆ ซึ่งรองรับการทำงานได้ยาวนานกว่าโน๊ตบุ๊คปกติ ทำให้เราสามารถพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้อย่างคล่องตัวเหมือนอย่างที่ Ultrabook ราคาแพงหลายหมื่นบาทสมัยก่อนทำได้เลยล่ะ
พอร์ตเชื่อมต่อนั้นก็ยังมีพอร์ตมาตรฐานซึ่งมาให้ค่อนข้างครบ อย่าง Thunderbolt 3 (เป็น USB 3.1 Type-C + DisplayPort + Power Delivery), USB 3.1 Type-A, USB 2.0 Type-A, HDMI สำหรับเชื่อมต่อจอภายนอก ที่สำคัญยังมาพร้อม Dual-Band Intel Wi-Fi 6 (GIG+) 802.11ax ที่แรงขึ้น 3 เท่า และการเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth 5.0 ใหม่ล่าสุด แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน พร้อมยังสามารถชาร์จได้รวดเร็วด้วยการชาร์จเพียง 30 นาที ก็สามารถใช้งานได้ถึง 4 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์สแกนลายนิ้วมือแบบใหม่ที่เพียงแตะเท่านั้น คล้ายๆ ใช้งานพวกสมาร์ทโฟน ซึ่งถือว่าเป็นอะไรที่ใช้งานได้ง่ายและสะดวกมากๆ
- Core i3-1005G1 / Graphics G1 / RAM 4GB / SSD 512GB / 14″ IPS Full HD ราคา 13,990 บาท
- Core i5-1035G1 / MX350 / RAM 8GB / SSD 512GB / จอ 14″ IPS Full HD / Office แท้ ราคา 23,900 บาท
- Core i7-1065G7 / MX350 / RAM 8GB / SSD 512GB / จอ 14″ IPS Full HD / Office แท้ ราคา 28,900 บาท
Asus VivoBook S14 S413 ราคา 15,900 บาท
ASUS VivoBook S14 S413 รุ่นปี 2020 จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงานหรือความบันเทิงรูปแบบ Thin & Light อย่างแท้จริง ที่จะเน้นเรื่องของความบางเบาและสวยงามเป็นหลัก พร้อมความหรูหราที่ดูดียิ่งกว่ารุ่นราคาใกล้เคียงกัน โดยเป็นโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่ให้ความไลฟ์สไตล์เหมาะทั้งนักเรียนนักศึกษาและคนทำงาน สเปคคุ้มๆ ที่จะมาพร้อมกับสีสันสดใส โดยมีราคาที่คุ้มค่าสุด ซึ่งขอบจอด้านในจะตัดเป็นสีดำดูแล้วมีความสวยงามลงตัว อีกทั้งยังมีน้ำหนักเพียง 1.4 กิโลกรัมเท่านั้น โดยมาพร้อมกับชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 ที่มีให้เลือกตั้งแต่ Core i3 / Core i5 / Core i7
สเปกภายในของตัว ASUS VivoBook S14 S413 แน่นอนว่าเริ่มต้นเป็นชิปประมวลผล Intel Core i3-10110U โดยมาพร้อมขนาดหน้าจอ 14″ ขอบหน้าจอบางพิเศษ NanoEdge ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล พาเนลคุณภาพสูงอย่าง IPS ในส่วนของการ์ดจอออนชิปเป็น UHD Graphics 620 ที่ให้ประสิทธิภาพการทำงานรองรับ 3 มิติได้ดี เล่นเกมออนไลน์ได้บ้าง สเปกอื่นๆ ก็น่าสนใจด้วยแรม 4GB พร้อม SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB บนระบบปฏิบัติการ Windows 10 แท้ที่มีมาให้อยู่แล้ว
ส่วนอีก 2 สเปกที่แรงกว่าก็มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน โดยได้ชิปประมวลผล Intel Core i5-10210U / Core i7-10510U ได้รับการติดตั้งการ์ดจอแยกรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง NVIDIA GeForce MX350 ที่แรงเทียบเท่ากับ GTX 960M รุ่นก่อนๆ แน่นอนว่าทำให้เราเพียงพอต่อการเล่นเกมได้ลื่นไหล ซึ่งดีกว่า Notebook บางเบาทั่วไป ได้แรม 8GB และ SSD 512GB อีกทั้งได้โปรแกรม Office Home & Student 2019 (มูลค่า 4,299 บาท) มาใช้งานทันที ทั้ง Word / Excel / Power Point
มาตรฐานการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6 AX และ Bluetooth 5.0 ด้วย พร้อมการรับประกัน 2 ปี ตามมาตรฐานของ ASUS ที่สามารถส่งเคลมผ่านทาง 7-11 ได้ รวมถึงถ้าลงทะเบียนในเว็บไซต์ ปีแรกจะมีประกันอุบัติเหตุมาให้ด้วย ที่สำคัญยังเปิดตัวสีใหม่รับปี 2020 มาพร้อมสีสันใหม่อย่าง Indie Black / Transparent Silver / Hearty Gold / ที่แตกต่างจากคู่แข่ง พร้อมความพิเศษเพิ่มลูกเล่นบนแป้น ‘Enter’ ด้วยขอบตัดสีเหลืองสะดุดตาแบบสุดๆ พร้อมกันนั้นยังมีสติ๊กเกอร์ให้เราสามารถแปะแต่งเพิ่มเติมอีกด้วย
ดีไซน์โดดเด่นด้วยสีสันสดใสโดดเด่นรวมถึงการออกแบบทำมาได้สวยมาก ตัวเครื่องฝาหลังและตัวเครื่องด้านในจะเป็นอะลูมิเนียมตามสีของตัวเครื่อง ซึ่งพิเศษตรงที่ ASUS VivoBook S14 S413 งานประกอบกับชิ้นส่วนใต้ตัวเครื่องเป็นวัสดุคุณภาพสูงให้สัมผัสที่ดูดีเกินราคา ฝาหลังจอที่เป็นอะลูมิเนียมอัลลอยที่ดูแข็งแรงและสวยงามพร้อมความเรียบง่าย แน่นอนว่ามีโลโก้ ASUS VivoBook อย่างโดดเด่น พร้อมความบางเฉียบถือว่าเป็นมาตรฐานที่ดีมากๆ สำหรับโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 14″ ปี 2020
- Core i3-10110U / UHD Graphics 620 / RAM 4GB / SSD 512GB / จอ 14″ IPS ราคา 15,900 บาท
- Core i5-10210U / MX350 / RAM 8GB / SSD 512GB / จอ 14″ IPS / Office แท้ ราคา 23,900 บาท
- Core i7-10510U / MX350 / RAM 8GB / SSD 512GB / จอ 14″ IPS / Office แท้ ราคา 28,900 บาท
Acer Swift 5 ราคา 36,900 บาท
Acer Swift 5 รุ่นใหม่ปี 2020 สเปกใช้ชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 อย่าง Core i5-1035G1 / Core i7-1065G7 ใช้การ์ดจอออนชิป หรือมีรุ่นการ์ดจอแยกเป็น NVIDIA GeForce MX350 มาพร้อมหน้าจอ 14″ Full HD พาเนล IPS เกรดสูง sRGB 97% โดยมีน้ำหนักเพียง 990 กรัมเท่านั้น ส่วนสเปกอื่นๆ ก็ครบครันทั้งแรมขนาด 8GB / 16GB LPDDR4X แบบออนบอร์ด และที่เก็บข้อมูลเป็น SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB รองรับการทำงานที่เต็มที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นงานเอกสาร ความบันเทิง หรืองานประมวลผลหนักๆ ก็พอได้เลย เหมาะกับคนทำงาน นักเรียน นักศึกษา ที่ต้องการโน๊ตบุ๊คที่เบาที่สุด แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน 10 ชั่วโมง
ได้ระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ทันที ทำงานพื้นฐานได้แบบสบายๆ สนับสนุนการทำงานร่วมกับโปรแกรมต่างๆ ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ ส่วนความบันเทิงดูหนังฟังเพลง ชม Netflix ก็สบายๆ ไปอีก และพอที่จะใช้งานหนักๆ อย่างตัดต่อวีดีโอก็พอได้บ้าง รวมไปถึงเล่นเกม 3 มิติก็ลื่นไหล จากการที่มีรุ่นที่เลือกติดตั้งการ์ดจอแยก NVIDIA GeForce MX350 (2GB GDDR5) ที่แรงพอๆ กับ GTX 960M เลยทีเดียว
ส่วนเรื่องของพอร์ตเชื่อมต่อนั้นก็ยังมีพอร์ตมาตรฐานซึ่งมาให้ค่อนข้างครบ เช่น Thunderbolt 3 (เป็น USB 3.1 Type-C + DisplayPort + Power Delivery), USB 3.1 Type-A, USB 2.0 Type-A, HDMI สำหรับเชื่อมต่อจอภายนอก ที่สำคัญยังมาพร้อม Dual-Band Intel Wi-Fi 6 (GIG+) 802.11ax ที่แรงขึ้น 3 เท่า และการเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth 5.0 ใหม่ล่าสุด ได้ประกันจะเป็นแบบ 3 ปี โดยปีแรกเป็นแบบ On-site Serive ซ่อมฟรีถึงบ้าน และกรณีส่งซ่อมตามศูนย์ก็จะซ่อมอย่างรวดเร็วภายใน 3 ชั่วโมงอีกด้วย ที่สำคัญได้โปรแกรม Office Home & Student 2019 (มูลค่า 4,299 บาท) มาใช้งานทันที นับว่าคุ้มค่าจริงๆ ที่เหนือกว่าหลายๆ แบรนด์
เรียกได้ว่าถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 14″ ที่เบาที่สุดรุ่นหนึ่งในตลาดก็ว่าได้ ส่วนความบางอาจจะไม่มาก โดยอยู่ที่ 14.95 มิลลิเมตร แต่ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีกว่ามาตรฐานโน๊ตบุ๊คพกพามาตรฐานระดับสูงอยู่ดี อีกทั้งในรุ่นใหม่นี้ได้ดีไซน์พิเศษโดยมียางรองขอบเครื่องด้านหลังช่วยยกตัวเครื่องให้เอียงสูงขึ้นเมือเรากางหน้าจอ ส่งผลให้พิมพ์ง่ายขึ้นและมุมมองดีขึ้นด้วย วัสดุจากอลูมิเมียนผสมแม็กนีเซียมอัลลอยด์ให้น้ำหนักเบาเป็นพิเศษแต่ก็ยังแข็งแรงและทนทาน กับสีสัน Charcoal Blue พร้อมแซมด้วยสีทองตามจุดต่างๆ เหมาะทั้งหนุ่มๆ หรือสาวๆ ยุคใหม่ที่ดูทันสมัยสวยงามลงตัว ส่วนสี Moonstone White นับว่าเป็นอีกสีที่ดูหรูหราไม่แพ้กัน เน้นขาวๆ สะอาดๆ
- Core i5-1035G1 / Graphic G1 / RAM 8GB / SSD 512GB / จอ 14″ IPS / Office แท้ ราคา 27,900 บาท
- Core i5-1035G1 / MX350 / RAM 8GB / SSD 512GB / จอ 14″ IPS / Office แท้ ราคา 30,900 บาท
- Core i7-1065G7 / MX350 / RAM 16GB / SSD 512GB / จอ 14″ IPS / MS Office ราคา 36,900 บาท
Lenovo IdeaPad 5 14 ราคา 22,990 – 30,990 บาท
Lenovo IdeaPad 5 14 เป็นโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่ล่าสุด สเปก Intel Core i5-1035G1 + NVIDIA GeForce MX350 (ใหม่สุดๆ) ที่เน้นความบางเบาที่ 19.9 มิลลิเมตร และหนักเพียง 1.58 กิโลกรัม และหรูหราตามสไตล์ของ Ultrabook มีเอกลักษณ์ด้วยดีไซน์ที่เรียบง่ายและมีสไตล์ Lenovo เหมาะสำหรับการใช้งานไปนู้นมานี่เน้นตอบโจทย์คนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คที่ต้องการพกพาไปนอกสถานที่บ่อยๆ รูปลักษณ์ดูดีเกินกว่าค่าตัว โดยรองรับการทำงานพื้นฐานเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นทำงานเอกสาร เล่นอินเตอร์เน็ต ดูหนังฟังเพลงดูซีรีส์สตรีมมิ่งต่างๆ รวมไปถึงเล่นเกม 3 มิติพอได้ โดย Lenovo IdeaPad 5 14 มีราคาเพียง 22,990 บาท
มาพร้อมชิปประมวลผล Intel Core i5-1035G1 หรือ Core i7-1065G7 ทำงานร่วมกับแรม DDR4 Bus 2666MHz ขนาด 8GB การ์ดจอออนบอร์ด Intel UHD Graphics 620 สำหรับใช้งานทั่วไป และมีการ์ดจอแยก NVIDIA GeForce MX350 (2GB GDRR5) ส่วนที่เก็บข้อมูลก็ใช้เป็น SSD M.2 NVMe ความจุ 512 GB ทำให้สเปคโดยรวมนั้นลงตัวมาก ๆ สำหรับการใช้งานทั่วไป เล่นเว็บ ทำเอกสาร ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมได้ลื่นไหล เน้นพกพาไปใช้งานนอกสถานที่อีกส่วนที่น่าสนใจก็คือหน้าจอ โดย Lenovo IdeaPad 5 14ใช้หน้าจอขนาด 14″ ความละเอียดระดับ Full HD พาเนลจอแบบ IPS ที่ให้มุมมองกว้าง
มาพร้อม Windows 10 Home Single Language และซอฟต์แวร์จากทาง Lenovo Vantage ที่ช่วยในการจัดการปรับแต่ง พอร์ตเชื่อมต่อก็มาพร้อมพอร์ตจำเป็นค่อนข้างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น USB 3.1 Type-A จำนวน 2 พอร์ต และ USB 3.1 Type-C (power delivery & display port) ที่เน้นไว้ชาร์จไฟผ่านทางอแดปเตอร์เป็นหลัก ส่วนช่องเสียบหูฟัง 3.5 ม.ม. ยังมีมาให้ การเชื่อมต่อไร้สายเป็น Wi-Fi 6 AX และ Bluetooth 5.1 ที่สำคัญได้โปรแกรม Office Home & Student 2019 (มูลค่า 4,299 บาท) มาใช้งานทันที นับว่าคุ้มค่าจริงๆ ที่เหนือกว่าหลายๆ แบรนด์
แม้ขอบจอจะบางเฉียบแต่ก็ได้ติดตั้งกล้องเว็บแคมไว้ด้านบนเหมือนเดิม ที่สำคัญยังมาพร้อมฟีเจอร์ Privacy Shutter ม่านชัตเตอร์ปิดเลนส์กล้องที่ทำให้เรามั่นใจว่ากล้องจะเห็นในเวลาที่เราต้องการใช้งานเท่านั้น การใช้งานก็ง่ายมากๆ ด้วยการใช้นิ้วเลื่อนเปิดหรือปิดการใช้งานเท่านั้น เพื่อเติมเต็มประสบการณ์การใช้งานที่สมบูรณ์แบบ เรียกได้ว่ามีฟีเจอร์ที่เทียบเท่ากับในส่วนของ ThikPad Series ที่เป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงานระดับมืออาชีพเลยก็ว่าได้ โดยรองรับการใช้งานแบตเตอรี่ได้ยาวนาน 12 ชั่วโมง รองรับ Quick Charging ผ่านทาง USB-C ด้วย
- Core i5-1035G1 / MX350 / RAM 8GB / SSD 512GB / จอ 14″ IPS / Office แท้ / ราคา 22,990 บาท
- Core i7-1065G7 / MX350 / RAM 16GB / SSD 512GB / จอ 14″ IPS / Office แท้ / ราคา 30,990 บาท
ASUS ZenBook Duo UX481 ราคา 35,900 – 40,900 บาท
ASUS ZenBook Duo UX481 ปี 2020 เป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงาน เน้นพกพา ที่ได้ฟีเจอร์ ScreenPad Plus ทำงานแบบ 2 หน้าจอสุดล้ำไม่ซ้ำกับแบรนด์อื่นๆ สเปกชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 แบ่งเป็นสองสเปกคือ Core i5-10210U / Core i7-10510U ได้การ์ดจอเป็น NVIDIA GeForce MX250 + RAM 16GB + SSD 512GB/1TB สนนราคาเริ่ม 35,900 บาท และ 40,990 บาท นับว่าคุ้มมากๆ เมื่อเทียบกับฟีเจอร์ที่ได้ ทำให้กลายเป็นหนึ่งใรสุดยอดโน๊ตบุ๊คแห่งปี 2020 กับราคาที่ตัดสินใจซื้อได้ไม่ยาก จากราคาที่ไม่สูงเกินไป เรียกได้ว่าใกล้เคียงกับรุ่นอื่นๆ แต่ได้ฟีเจอร์หน้าจอที่มากกว่านั่นเอง
ในส่วนของ ScreenPad Plus จะเป็นหน้าจอใหญ่ขนาด 12.6″ โดยอยู่ใต้หน้าจอหลัก 14″ ส่งผลให้ในการใช้งานก็หลากหลายมากๆ จะเป็นหน้าจอที่สองเปิดโปรแกรมเพิ่ม หรือจะใช้งานเป็นส่วนของเครื่องมือโปรแกรมนั้นๆ ทำให้ในการใช้งานของเรานั้นมีความหยืดหยุ่นกว่าเดิมอย่างที่ไม่เคยมีโน๊ตบุ๊คตัวไหนบนโลกทำได้มาก่อน ตัวเครื่องใช้สีสันเป็น Celestial Blue ลักษณะสีน้ำเงินพร้อมแซมด้วยสีเงินลงไปที่ไม่เหมือนใคร ส่วนวัสดุงานประกอบจะเป็นอลูมิเนียมเกรดสูงทั้งหมดพร้อมความทนทานระดับ Military Standard ด้วยการผ่านการทดสอบคุณภาพอย่างเข้มงวด
สเปกของ ASUS ZenBook Duo UX481 จะถูกแบ่งด้วยกันเป็น 2 รุ่นหลักๆ คือ Core i5-10210U / Core i7-10510U ซึ่งในครั้งนี้แอดมินโป้งได้มาเป็นสเปก Core i5 ซึ่งด้านประสิทธิภาพด้วยอย่างการใช้ชิปประมวลผล Intel Core i5-10210U ความเร็ว 1.60 GHz ที่สามารถเร่งการทำงานไปได้ถึง 4.20 GHz โดยเป็นชิปประหยัดพลังงานพิเศษ แบบ 4 คอร์ 8 เทรด ซึ่งแน่นอนว่าให้ทั้งความแรงและใช้งานได้ยาวนาน เป็นสถาปัตยกรรม Intel Core i Gen 10 (Comet Lake) รุ่นล่าสุด ที่เป็นเทคโนโลยีการผลิตที่ 14 นาโนเมตร
โดยมาพร้อมขนาดหน้าจอ 14 นิ้ว ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล พาเนลคุณภาพสูงอย่าง IPS ซึ่งให้สีสันที่สวยสมจริง พร้อม ScreenPad Plus ขนาด 12.6″ ความละเอียด 1920 x 515 พิกเซล พาเนล IPS รองรับ Touchscreen และ ASUS Active Stylus Pen ในส่วนของกราฟิกการ์ดก็เป็น NVIDIA GeForce MX250 2GB GDDR5 ที่ให้ประสิทธิภาพการทำงานรองรับ 3 มิติได้ดี เล่นเกมออนไลน์พอได้ แรมก็ติดตั้งมาให้ขนาด 8GB / 16GB DDR4 ซึ่งพอเพียงกับการใช้งานแน่นอน สำหรับฮาร์ดดิสก์เป็นแบบ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB / 1TB
ที่สำคัญยังเป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6 AX และ Bluetooth 5.0 ด้วย อีกทั้งยังมีน้ำหนักเพียง 1.5 กิโลกรัมเท่านั้น นอกจากนี้ในส่วนของกล้องด้านหน้ารองรับการใช้งาน VDO Call และ IR Camera ที่ใช้งานร่วมกับ Windows Hello ส่วนการรับประกันมีระยะ 2 ปีตามมาตรฐาน ASUS พร้อมประกันอุบัติเหตุใน 1 ปีแรกอีกด้วย รวมถึงติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows 10 แท้