ที่สุดของ Gaming Notebook ขนาด 15.6″ รุ่นล่าสุด อย่าง MSI GE66 Raider ที่เปิดตัวครั้งแรกในงาน CES 2020 ซึ่งบทความนี้เราได้รับเครื่องจริงสเปกจริงมารีวิวแล้ว จัดว่าเป็น Gaming Notebook สุดล้ำ ออกแบบมาสำหรับยุคอนาคต โดยเป็นการผสมผสานการออกแบบระหว่างคอนเซปต์ Sci-Fi รูปทรงภายนอกนั้นมีการนำความเป็นยานอวกาศในโลกอนาคต สื่อถึงเรื่องของประสิทธิภาพและความรวดเร็วในการใช้งานที่เหนือกว่าใคร สเปกภายในเป็น Intel Core i Gen 10H ผสานการทำงานกับ NVIDIA GeForce RTX สเปกอื่นๆ ก็จัดเต็มทั้งแรมและ SSD M.2 เกรดสูง
วัสดุหลักรวมถึงส่วนของฝาพับทำมาจากอลูมิเนียมคุณภาพสูง สีสันโทนไทเทเนียมเงินแบบด้านที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ รูปทรงโดยรวมมีความคล้ายกับ MSI GT76 Titan รุ่นพี่ และในส่วนหลักของแสงที่ส่องสว่างออกมาจากบริเวณด้านหน้าของที่วางมือ ก็คือ Mystic Light แสดงแสงไฟแบบ Panoramic Aurora วัสดุเป็นอะคริลิคที่รมดำเข้ากับตัวเครื่อง ประกอบกับไฟ Per-Key RGB Gaming Keyboard ที่ร่วมพัฒนากับแบรนด์ SteelSeries หน้าจอเป็น IPS ระดับ 240Hz พร้อมลำโพง Duo Wave Speaker ระบบเสียง Dynaudio ทั้งหมดนี้ช่วยให้เพิ่มประสบการณ์การเล่นเกมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
VDO Review
NBS Verdict
****ในบทความนี้ใช้รูปเดียวกับสเปก Core i7-10750H + RTX 2070***
เป็น Gaming Notebook ระดับบนอีกหนึ่งรุ่น เครื่องเดียวจบครบในตัวเดียว ประสิทธิภาพแรงลื่นไหล ด้วยสเปกชิปประมวลผล Core i9-10980HK ส่วนการ์ดจอก็เป็น NVIDIA GeForce RTX 2070 Super ได้แรมขนาด 32GB และ SSD ต้องจัดเต็มที่ 1TB จอสวยเทพ IPS ที่ Refresh Rate 300Hz รองรับการเชื่อมต่อที่ครบครันทั้งแบบมีสายไร้สาย ได้คีย์บอร์ดไฟ RGB ที่ไม่ซ้ำใคร รองรับการทำงานหนักๆ และเล่นเกมตอบโจทย์ได้ลงตัวที่สุด ถ้าให้ซื้อ Gaming Notebook ราคาสูงกว่า Gaming Notebook ทั่วไป เน้นความเป็นไฮเอนด์ซึ่งได้ฟีเจอร์ครบครับ MSI GE66 Raider คือคำตอบ ในราคาที่ต้องยอมรับว่าไม่แพ้เลยถ้าเทียบกับสเปกและฟีเจอร์จัดเต็มแบบนี้โดยอยู่ที่ 82,900 บาท
MSI GE66 Raider เปรียบเทียบกับสเปค ฟีเจอร์ และการออกแบบสไตล์ Gaming Notebook โดนใจเกมเมอร์ หรือคนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คแรงที่สุด ได้ไฟ Mystic Light ที่จัดเต็มยิ่งกว่า ซึ่งติดตั้งที่ขอบตัวเครื่องด้านหน้าเป็นแนวยาววัสดุเป็นอะคริลิคที่รมดำเข้ากับตัวเครื่อง ให้การแสดงผลแบบ Panoramic Aurora ออกแบบมาเพื่อให้สัมผัสถึงแสงไฟ RGB ที่สวยงาม แน่นอนว่าทำงานร่วมกับไฟคีย์บอร์ด RGB Pre-Key เป็นอย่างดี สำหรับหลายๆ คนที่มีงบประมาณในการซื้อที่สูงซักหน่อย เพราะเอาเข้าจริงในประสิทธิภาพที่ใกล้เคียงกันอาจจะมีตัวเลือกที่ถูกกว่านี้ แต่ก็นั่นแหละ ฟีเจอร์หรือคุณสมบัติต่างๆ ก็คงไม่ครบครันขนาดนี้ หรือใครจะเอางบขนาดนี้ไปแยกซื้อโน๊ตบุ๊คกับคอมประกอบก็ไม่ว่ากัน เอาว่าเพื่อนๆ ท่านไหนที่สนใจ Gaming Notebook ระดับสูงรุ่นนี้หรือรุ่นอื่นๆ จาก MSI สามารถสอบถามไปที่ MSI Gaming Shop หรือร้านจำหน่ายโน๊ตบุ๊คชั้นนำทั่วประเทศกันได้เลย
ข้อดี
- ดีไซน์การออกแบบสวยงามถูกใจเกมเมอร์ งานประกอบแน่นวัสดุดี แนวเรียบหรู
- ตัวเครื่องบางเฉียบ เล็กกระชับกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป โดยมีน้ำหนักเพียง 2.38 กิโลกรัม
- สเปคสูงมากทั้ง Core i9-10980HK และการ์ดจอ GeForce RTX 2070 Super
- หน้าจอแสดงผลขนาด 15.6″ รองรับที่ความถี่ 300Hz ขอบเขตสี sRGB ใกล้เคียง 100%
- พอร์ตเชื่อมต่อครบครันทีเดียวไม่ว่าจะเป็น USB 3.2, HDMI และ mini DisplayPort 1.2
- พร้อมพอร์ตความเร็วสูง Thunderbolt 3 ที่เป็นฟอร์ม USB-C ใช้งานเป็น DisplayPort / PD ได้
- มาพร้อมลำโพง Dynaudio แบบ Duo Wave Speaker พร้อมระบบเสียง Nahimic 3 ให้เสียงที่ดี
- รองรับไดร์ฟ SSD แบบ NVMe M.2 ให้การเข้าถึงข้อมูลได้รวดเร็วสูง ความจุสูง 2TB
- ระบบระบายความร้อน Cooler Boost 5 มีประสิทธิภาพดีเยี่ยม
- มีซอฟต์แวร์มากมาย ที่ใช้ได้จริง มาช่วยปรับแต่ง ให้สนุกยิ่งขึ้น
- กล้องเว็บแคมความละเอียดเป็น Full HD ให้ภารที่คมชัดกว่าโน๊ตบุ๊คทั้งหมดในตลาด
- คีย์บอร์ด SteelSeries Per-key RGB ปรับเปลี่ยนสีไฟตามปุ่ม ทำงานร่วมกับเกมได้
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานสูงสุดราวๆ 5 ชั่วโมง
ข้อสังเกต
- ถ้าต้องการรุ่นราคาถูกกว่านี้ มีเป็นสเปก i7-10750H + RTX 2070 ราคา 65,900 บาท
- เป็น Gaming Notebook ระดับสูง ที่ไม่มีพอร์ต Thunderbolt 3 ไว้ใช้งาน
- ไม่มีระบบ Windows Hello ทั้ง IR Camera และ Fingerprint
Specification
MSI GE66 Raider ใช้ชิปประมวลผลตัวท็อปสุดที่ขายในตอนนี้ เป็นชิปประมวลผล Intel Core i9- 10980HK ความเร็ว 2.40 – 5.30 GHz ทำงานแบบ 8 คอร์ 16 เธร์ด ประสิทธิภาพไว้ใจได้ พร้อมการ์ดจอรุ่นใหม่ที่แรงลื่นและร้อนน้อยสุดๆ อย่าง NVIDIA GeForce RTX 2070 Super (8GB GDDR6) โดยแรงกว่า RTX 2070 รุ่นก่อนหน้า ที่ทั้ง 2 อย่างนี้ระดับ Gaming Desktop ตัวไฮเอนด์ มีที่เก็บข้อมูลรองรับการติดตั้ง SSD แบบ M.2 NVMe จำนวน 2 สล็อต โดยตามสเปกได้ติดตั้งมาแล้วที่ความจุ 1TB ในส่วนของแรมเองมีมาให้ 32GB แบบ DDR4 Bus 3200 MHz ขนาด 16GB จำนวน 2 แถว พร้อมรองรับ Dual Channel
นอกจากนี้มาพร้อมจอแสดงผลแบบด้าน 15.6″ ที่ความละเอียด Full HD พาเนลคุณภาพสูง IPS สีสดใสมุมมองกว้าง ขอบเขตสีใกล้เคียง sRGB 100% พร้อมเทคโนโลยี MSI True Color Technology ปรับโปรไฟล์สีให้ตรงกับการใช้งานได้ทุกรูปแบบ ที่สำคัญรองรับ Refresh Rate ถึง 300Hz ส่งผลให้เล่นเกมได้ลื่นไหลสุดๆ และตัวเครื่องยังมีลำโพงจากแบรนด์ Dynaudio แบบ Duo Wave Speaker พร้อมซอฟแวร์เสียง Nahimic เวอร์ชั่น 3 ขับเสียงได้ดียิ่งกว่า มาพร้อม Windows 10 แท้ใช้งานได้ทันที
ส่วนพอร์ตการเชื่อมต่อก็ครบครันด้วย ไม่ว่าจะเป็น USB 3.1 Type-C Gen2 จำนวน 2 พอร์ต (รองรับ DisplayPort / PD charging), 2 x Type-A USB 3.1 Gen 2, 1x RJ45, 1x (4K @ 60Hz) HDMI, mini-DisplayPort บอกเลยว่าจัดเต็มมากๆ ส่วนช่องหูฟัง Hi-Res Audio และไมค์แบบแจ็คทอง 3.5 มิลลิเมตรเป็นแบบแยกออกจากกัน เอาใจ Gaming Headset ทีเดียว การเชื่อมต่อไร้สายก็จะมีมาตรฐาน Wi-Fi 6 AX + Bluetooth 5.1 รวมไปถึงมี Killer Doubleshot Pro ทำให้เล่นเกมได้ไม่สะดุดทั้ง LAN และ Wi-Fi สนนราคาอยู่ที่ 82,900 บาท พร้อมการรับประกันมาตรฐาน MSI จำนวน 2 ปี ถือว่าเป็น Gaming Notebook ระดับสูงจากทาง MSI อีกหนึ่งรุ่นที่หลายคนให้ความสนใจ เพราะไม่ใช่แค่แรงแต่ฟีเจอร์จัดเต็มด้วย
- Core i7-10750H / RTX 2070 / RAM 16GB / SSD 1TB / จอ 15.6″ 240Hz ราคา 65,900 บาท
- Core i9-10980HK / RTX 2070 Super / RAM 32GB / SSD 1TB / จอ 15.6″ 300Hz ราคา 82,900 บาท
Hardware / Design
MSI GE66 Raider เป็รุ่นต่อยอดมาจาก MSI GE65 Raider แต่ได้ DNA ที่เยี่ยมยอดจากรุ่นท็อปสุดอย่าง MSI GT76 Titan โดยถูกออกแบบโดดเน้นความเป็นยานอวกาศในอนาคคอด้วยดีไซน์ที่ดุดัน โฉบเฉี่ยว เน้นโทนสีเทาไทเทเนียมสว่างตลอดทั้งตัวเครื่องด้านนอกด้านใน แตกต่างจากตาม Gaming Notebook ทั่วไปของ MSI ดูแล้วก็ให้อารมณ์คล้ายกับรถยนต์สปอร์ตหรูหรา โดยจะเน้นความสวยงามทั้งด้านการออกแบบและวัสดุที่พรีเมียม เริ่มจากบานฝาพับถูกออกแบบโดยใช้วัสดุโลหะอะลูมิเนียม เรียบๆ แต่เน้นความโดดเด่นให้เห็นพื้นผิวของอลูมิเนียม
ให้สัมผัสเรียบเนียนของพื้นผิวฝาหลังแตกต่างจาก Gaming Notebook ทั่วไป ประกอบกับสัญลักษณ์ของตัวเครื่องที่โดยปกติแล้วนั้นรถยนต์สปอร์ตสุดหรูจะมีการแสดงตราสัญลักษณ์ตัวเครื่องที่กระโปรงฝาหน้ารถ รวมไปถึงแบบพับที่กางได้ 145 องศา ก็ให้ความพิเศษทั้งดีไซน์และความแข็งแรงทนทาน ซึ่งในทำนองเดียวกันเองนั้นทาง MSI เองก็มีการแสดงในส่วนนี้เช่นเดียวกันทำให้ทั้งหมดนั้น MSI GE66 Raider สื่อถึงความเหนือระดับพร้อมทั้งยังมากับประสิทธิภาพที่เราต้องประทับใจมากๆ สมกับเป็น Gaming Notebook ระดับสูงของปี 2020 นี้จริงๆ
ทางด้านช่องระบายความร้อนของ MSI GE66 Raider จะมีมาให้ด้วยกันถึง 4 ช่อง ด้านหลังสอง และด้านซ้ายขวาอีกอย่างละหนึ่งช่อง โดยใช้พัดลม 2 ตัว ฮีทไปป์ 6 เส้นขนาดใหญ่ที่ดีกว่า ทำงานร่วมกับเทคโนโลยี Cooler Boost 5 ที่ช่วยนำพาความร้อนออกไปอย่างรวดเร็ว มีฟีเจอร์เด็ดที่น่าสนใจอยู่ก็คือปุ่ม F8 ที่ใช้สำหรับเปิดโหมด Turbo ของฟังก์ชัน Cooler Boost ให้พัดลมทำงานด้วยรอบสูงขึ้น เพื่อการระบายความร้อนได้ดีที่สุด
ดีไซน์ด้านในตัวเครื่องเป็นสีดำที่ทำลวดลายแบบรังผึงให้ความโดดเด่นไม่ต่างจากภายนอก แน่นอนว่าด้วยคีย์บอร์ด Full Size จากทาง SteelSeries พร้อมไฟ RGB Pre-Key ที่สวยงามลงตัว รอบๆ ตัวเครื่องยังถูกออกแบบมาให้รองรับการใช้งานต่าง ๆได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ด้วยพอร์ตการเชื่อมต่อที่ครอบคลุมถูกจัดวางในส่วนฝั่งซ้ายและฝั่งขวา รวมไปถึงด้านหลังของตัวเครื่อง
MSI GE66 Raider ได้รับดีไซน์ตัวเครื่องให้คล้ายคลึงกับ MSI GT76 Titan ก็จริง แต่มีแนวคิดที่ต่างออกไป ไม่ใช่แค่เพียงต้องการให้มันดูสวยงามเท่านั้น แต่ในความสวยงามนั้นยังแฝงไปด้วยประสิทธิภาพที่อัดแน่นมาแบบเต็มเปี่ยมเหมือนกับที่ยานอวกาศสุดล้ำอย่างที่กล่าวไปแล้ว โดยที่ผู้ใช้สามารถที่จะรับรู้ถึงความแรงของตัวเครื่องได้ตั้งแต่เพียงแรกเห็น
อีกทั้งฟีเจอร์ที่เคยมีมาแล้วใน MSI GT76 Titan อย่าง Light Bar ในครั้งนี้นั้นทาง MSI ได้เลือกนำไฟ Mystic Light ที่จัดเต็มยิ่งกว่า ซึ่งติดตั้งที่ขอบตัวเครื่องด้านหน้าเป็นแนวยาววัสดุเป็นอะคริลิคที่รมดำเข้ากับตัวเครื่อง ให้การแสดงผลแบบ Panoramic Aurora ออกแบบมาเพื่อให้สัมผัสถึงแสงไฟ RGB ที่สวยงาม ที่สามารถปรับแต่งได้ถึง 16.8 ล้านสี แน่นอว่าทำงานร่วมกับไฟคีย์บอร์ด RGB Pre-Key เป็นอย่างดี
สำหรับ MSI GE66 Raider เป็น Gaming Notebook ระดับสูงมาตรฐานปี 2020 ด้วยหน้าจอขนาด 15.6″ ดีไซน์ขอบบางพิเศษ ซึ่งเลือกใช้ขอบจอเป้นสีดำทำให้การแสดงผลโดดเด่น พร้อมให้มิติตัวเครื่องเทียบกับ Gaming Notebook รุ่นหน้าจอ 15.6″ รุ่นทั่วไป โดยมีน้ำหนักตัวเครื่องอยู่ที่ 2.38 กิโลกรัม และตัวเครื่องมีความบางอยู่ที่ 23.4 มิลลิเมตร รอบๆ ตัวเครื่องยังถูกออกแบบมาให้รองรับการใช้งานต่าง ๆได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ด้วยพอร์ตการเชื่อมต่อที่ครอบคลุมถูกจัดวางอย่างลงตัว
สรุปแล้วในเรื่องของงานประกอบการดีไซน์ MSI GE66 Raider ทำได้ดีสมกับเป็นตระกูล GE รุ่นใหม่ล่าสุด เห็นได้ชัดว่าโดดเด่นกว่ารุ่น GP GF GL ทั้งเรื่องความสวยงาม พร้อมทั้งแข็งแรงมีความเป็นตัวตนที่ไม่เหมือนใคร และเชื่อว่าถ้าหากเอาไปใช้ที่ไหนมีแต่คนมองแน่นอน อีกทั้งจากสเปกโดยรวมทั้งหมดสมเป็น Gaming Notebook ตัวแรงใช้งานยาวๆ ทำให้ประสบการณ์ใช้งานเรื่องของการเล่นเกมแบบเต็มอารมณ์ที่สุด ในระดับราคาที่ไม่แพงจนเกินไปนักถ้าเทียบกับฟีเจอร์ต่างๆ ที่ได้
Keyboard / Touchpad
คีย์บอร์ดของ MSI GE66 Raider โดดเด่นมากๆ จากการที่ใช้ Per-Key RGB Gaming Keyboard รุ่นล่าสุด ที่ร่วมพัฒนากับแบรนด์ SteelSeries โดยพัฒนาและออกแบบมาสำหรับการเล่นเกมบน Gaming Notebook จาก MSI โดยเฉพาะ ทั้งอารมณ์การตอบสนองของแป้นพิมพ์ แรงกด และการใช้ปุ่มหลายๆ ปุ่มพร้อมๆ กัน ที่สำคัญในคราวนี้ไฟ LED ที่เป็น RGB สามารถเปลี่ยนสีทีละปุ่ม ตามใจของผู้ใช้หลากหลายรูปแบบ นอกจากนี้ยังมี Hotkey ตรงปุ่ม F9 ของชุดแป้นคีย์บอร์ด เพื่อปรับเปลี่ยนโปรไฟล์สีของ Steelseries Engine 3 ที่เราตั้งค่าเอาไว้ รวมไปถึงในการกดปุ่ม Fn แต่ละครั้ง ไฟทั้งหมดจะดับลง พร้อมไฮไลน์เป็นไฟสีแดงให้เด่นขึ้นมาชัดเจนว่าเราใช้าน Hot Key อะไรได้บ้าง นับได้ว่าเป็นในส่วนที่เจ๋งไม่ซ้ำ Gaming Notebook แบรนด์อื่นๆ เลย
ทัชแพดมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ดูแล้วสมส่วนกับตัวเครื่อง MSI GE66 Raider ส่วนดีไซน์นั้นก็ใช้เป็นแบบซ่อนปุ่ม โดยการควบคุมสามารถทำได้เป็นอย่างดีรวมไปถึงปุ่มคลิกทั้งซ้ายขวาก็มีความนุ่มและเด้งรับได้น่าประทับใจ สัมผัสแบบผิวลื่นๆ ไม่เป็นรอยนิ้วมือได้ง่ายๆ และควบคุมได้แม่นยำมากกว่าทัชแพดปกติ
Screen / Speaker
MSI GE66 Raider มีหน้าจอจอแสดงผลขนาด 15.6″ ขอบบาง ความละเอียด Full HD ที่ 1920×1080 พิกเซล พาเนล IPS คุณภาพสูง มีมุมมองด้านซ้าย ด้านขวาและด้านบนล่างที่กว้าง พร้อมมีค่า Refresh Rate อยู่ที่ 300 Hz (สเปก i7 จะเป็น 240Hz) ทำให้ภาพปรากฏออกมามีความลื่นไหลแบบสุดๆ ดีกว่าพวกจอ IPS 60/ 144 Hz แบบรู้สึกได้ ทั้งการดูภาพ ดูวิดีโอ และเล่นเกม สบายตาสมจริงกว่าอย่างเห็นได้ชัด โดยมีโปรไฟล์สีผ่านซอฟแวร์ MSI True Color ได้อีก 6 แบบ ไม่ว่าจะเป็น ANTI-BLUE, sRGB, DESIGNER, OFFICE, MOVIE, GAMER ซึ่งทุกโปรไฟล์สามารถใช้งานได้จริงเห็นความแตกต่างชัดเจน โดดเด่นด้วยขอบหน้าจอบางเฉียบ 5 มิลลิเมตร แต่ก็ยังติดตั้งเว็บแคมพร้อมไมโครโฟนมาให้อยู่ พิเศษสุดๆ ที่ความละเอียดกล้องเป็น Full HD เหนือชั้นกว่า Gaming Notebook ทุกรุ่นที่เป็นเพียง HD
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด ซึ่งเมื่อคาลิเบรตแล้วเราก็เลือกโปรไฟล์ที่เราได้คาลิเบรทเอาไว้ ซึ่งให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 91% AdobeRGB ที่ 69% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันระดับที่ดีมากๆ กว่า Gaming Notebook ราคาคุ้มค่าหลายรุ่น ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 300 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานความสว่างของหน้าจอในโน๊ตบุ๊คราคาระดับนี้ คือเพียงพอต่อการใช้งานทั่วๆ ไป แต่ถ้าจะเอาไปทำภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นมืออาชีพมากๆ ก็ควรคาลิเบรตเสียก่อน
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าช่องแถวกลางทางกลางเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ไม่มีผิดเพี้ยน แต่สำหรับช่องมุมบนขวาจะมีแสงสว่างที่ลดลงไปที่ 8% ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนน 4.0 เมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว ผ่านทางอุปกรณ์ Spyder5Elite
ระบบเสียงก็น่าประทับใจไม่แพ้กัน ด้วยลำโพง Duo Wave Speaker ติดตั้งด้านข้างตัวเครื่อง จากเทคโนโลยีใหม่ของ MSI โดยใช้ระบบเสียงระดับโลกอย่าง Dynaudio ทำให้เกิดการสะท้อนของเสียงรูปแบบใหม่จากการใช้ตู้ลำโพงแบบ Passive ทำให้เกิดเสียงเบสที่หนักแน่นและคมชัดโดยมีซอฟแวร์ปรับแต่งเสียง Nahimic 3 จำลองการเสียงได้สมบูรณ์แบบ ทำให้มีการปรับแต่งเสียงที่ดีกว่ารุ่นก่อนหน้าทั้งความดังและคุณภาพเสียงอย่างชัดเจน ใช้เล่นเกมนี่บันเทิงได้เต็มอารมณ์ แถมซัพพอร์ทไฟล์ Hi-res 24bit/192kHz ที่ใช้ Hi-Fi DAC ในการขับได้อีกด้วยสมกับเป็น Gaming Notebook ระดับบนจริงๆ
Connector / Thin And Weight
สำหรับ MSI GE66 Raider จัดว่าเป็น Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″ ที่มีพอร์ตการเชื่อมต่อที่ครบครันที่สุดรุ่นหนึ่งเลยทีเดียว ซึ่งมีทั้ง 3 x USB 3.2 Type-A, 2 x USB 3.2 Type-C, HDMI, Mini DisplayPort, LAN RJ45 Killer E3100 2.5Gbps, SD Card Reader, รูหูฟังและไมค์โครโฟน 3.5 mm และช่องเสียบอแดปเตอร์เหมือน MSI GT76 Titan การเชื่อมต่อแบบไร้สายแบบ Killer Wi-Fi 6 AX1650+ Bluetooth 5.1 ซึ่งตัวเครื่องมาพร้อมฟีเจอร์ Killer Doubleshot Pro จัดลำดับความสำคัญให้กับการเชื่อมต่อของเกมมาเป็นอันดับแรก ทำให้มีความเสถียรของอินเตอร์เน็ตมากกว่า Gaming Notebook รุ่นอื่นพอสมควร
ในส่วนของน้ำหนัก MSI GE66 Raider จะอยู่ที่ 2.38 กิโลกรัม ขนาดมิติตัวเครื่อง 358 (W) x 267 (D) x 23.4 (H) mm บวกกับอแดปเตอร์จ่ายไฟแบบพิเศษที่เป็น 230Watt เชื่อมกันผ่านพอร์ตเหลี่ยมๆ ที่ไม่เหมือนกับ MSI Gaming Notebook รุ่นอื่นๆ รวมน้ำหนักกันแล้วอยู่ที่ไม่เกิน 3 กิโลกรัม จัดว่าพอที่จะพกพาไปไหนมาไหนได้ อาจจะไม่สะดวกสบายเท่ากับโน๊ตบุ๊คบางๆ เบาๆ แต่ก็แลกมาด้วยประสิทธิภาพระดับท๊อปง ถือว่าสมเหตุสมผล ซึ่งเอาจริงส่วนตัวก็ไม่ลำบากจนเกินไปนัก
Inside / Upgrade
การแกะทั้งฝาล่างทั้งหมดของ MSI GE66 Raider สามารถทำได้ง่ายๆ เพียงแค่ไขน็อตไม่กี่ตัว หลังจากนั้นก็ค่อยๆ แงะแกะทีละส่วนขึ้นอย่างช้าๆ เพียงเท่านี้ก็จะแกะฝาล่างได้ไม่ยากเย็น ส่วนประกอบภายในอื่นๆ เห็นได้ชัดถึงฮีท์ไปป์ขนาดใหญ่ 6 เส้น แยกระหว่างหน่วยประมวลผลและชิปกราฟิกกันไปเลย ทำให้ความร้อนที่เกิดจากหน่วยประมวลผลและชิปกราฟิกนั้นต่างก็มีเส้นทางในการระบายความร้อนแยกจากกันต่างหาก พร้อมเห็นว่าช่องติดตั้งแรมที่ 16GB (8GB จำนวน 2 แถว) ซึ่งถ้าจะอัพเกรดสูงสุดเพิ่มเป็น 64GB ก็สามารถทำได้ทันที รวมไปถึงสามารถเพิ่มการอัพเกรด SSD ได้อีก 1 ช่อง โดยใส่มาแล้ว 1TB 1 ตัว ซึ่งทำ Raid ได้ด้วย ที่ต้องบอกว่าสำหรับการใช้งานทั่วไปเหลือเฟือมากๆ
รวมถึงลำโพงของที่ให้มาดอกค่อนข้างใหญ่ เป็นแบบ Duo Wave Speaker เสียงที่ดังฟังชัดเอามากๆ พร้อมกับคุณสมบัติที่ขยับไปมาได้ ทำให้ได้เสียงทุ่มเพิ่มเข้ามา โดยยังมีลำโพงซ้อนลำโพงเพิ่มเสียงทุ่มยิ่งขึ้นไปอีก ในส่วนของแบตเตอรี่ก็มีขนาดใหญ่โตมากๆ สมกับสเปกที่ใส่แบบจัดเต็มมา โดยรวมแล้วถือว่า MSI มีความใส่ใจรายละเอียดในทุกๆ จุดเลยทีเดียวทั้งภายนอกและภายใน สมกับเป็น Gaming Notebook ระดับไฮเอนด์จริงๆ
Performance / Software
โดย MSI GE66 Raider มาพร้อมกับชิปประมวลผลตัวท็อปที่สุดของ Gaming Notebook อย่าง Intel Core i Gen 10 H อย่าง Intel Core i9-10980HK โดยจะเป็นรุ่นท็อปสุดของ Intel ช่วงปี 2020 ซึ่งเป็นชิปประมวลผลที่เน้นการใช้งานหนักที่สุด ไม่จะเป็นการโปรเซสหรือเล่นเกมก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมๆ ได้อย่างที่ไม่เคยมี Gaming Notebook รุ่นไหนเคยทำได้มาก่อน โดยมีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.40 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 5.30 GHz เป็นซีพียูแบบ 8 Core 16 Threads มาพร้อมแรมภายในขนาด 16GB DDR4 Buss 3200 MHz แบบ 8GB x 2 แถว ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบายๆ
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel UHD Graphics 630 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติ ก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่เอาเข้าจริงๆ ก็สนับสนุนการเล่นเกมได้ในระดับนึงเหมือนกัน โดยมีการ์ดจอแยกรุ่นใหม่ตัวแรงอย่าง NVIDIA GeForce RTX 2070 Super (8GB GDDR6) ที่ต้องบอกว่าแรงกว่า RTX 2070 รุ่นก่อน ที่สำคัญคือยังปลดปล่อยความร้อนออกมาน้อยด้วย ตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว เรียกว่าสำหรับเกมออนไลน์สามารถทำได้ลื่นไหลแน่นอน แต่ยังไงไปดูผลทดสอบอีกทีดีกว่าด้านล่าง
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูงสุดๆ เป็นที่น่าประทับใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลรุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าพอตัว รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับบน ที่เน้นการทำงานเป็นหลัก สมกับเป็นชิปประมวลผล Intel Core i9-10980HK จริงๆ ซึ่งสมกับชิปประมวลผลที่แรงสุดในกลุ่ม Gaming Notebook จริงๆ
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 1TB แบบ M.2 NVMe PCIe ระดับสูงจากทาง Samsung ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 3410 MB/s และเขียนที่ 3092 MB/s ซึ่งถ้าใครอยากใส่ SSD M.2 NVMe PCIe ก็มีว่างอีก 1 ช่องทันที แน่นอนว่ารองรับการอัพเกรดแบบ Raid ด้วย
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 5,193 คะแนน (น้อยกว่าที่ควรจะเป็น มีโอกาสจะทดสอบอีกครั้ง) ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ และจากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมมีชิปประมวลผลที่แรงที่สุด การ์ดจอแยกอย่าง NVIDIA GeForce RTX 2070 Super ซึ่งเป็นร่นใหม่ที่เป็นรอง RTX 2080 Super เท่านั้น
MSI GS66 Stealth สเปกตัวท็อป อย่าง i9-10980HK + GeForce RTX2070 Super แต่เดี๋ยวเราจะมาผลทดสอบกันก่อน ด้วยเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 7 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยมากกว่า 80 – 100+ FPS ขึ้นไปแทบทุกเกม ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i9-10980HK ที่สามารถรีดพลัง NVIDIA GeForce RTX 2070 Super ออกมาได้อย่างเต็มที่ ประกอบกับยังใช้แรม 32GB DDR4 รวมไปถึง SSD NVMe ระดับสูงก็ส่งผลช่วยด้วย
ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง Resident Evil 3 Remake / Battlefield V / FarCry 5 / GTA V ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด ตามภาพด้านบน ที่ต้องบอกว่าภาพก็สวยจนน่าประทับใจ เรียกได้ว่าเหลือๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์ที่สุดแล้ว พร้อมรองรับฟีเจอร์ DLSS / Ray Tracing อย่าง RTX Series ก็ให้ภาพสวยงาม แต่ก็ต้องแลกกับการกินทรัพยากรเครื่องเพิ่มเติมด้วย ซึ่งในการทดสอบจะไม่ได้เปิดในส่วนนี้นะครับ
เกมออนไลน์กินสเปกน้อยลงมาอย่าง DOTA 2 / Overwatch รวมไปถึง PUBG ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่สูงสุด แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็สบายๆ ค่าเฟรมเรทอยู่ที่ราวๆ 120 ขึ้นไปตลอด ซึ่งสรุปโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าเล่นได้สบายๆ แบบไร้กังวล
อย่างไรก็ตามด้วยหน้าจอ พาเนล IPS รองรับ Refresh Rate ที่ 300Hz ทำให้เกมมีความลื่นไหลกับฉากที่เคลื่อนไหวเร็วๆ เวลาที่เราปรับให้ปล่อยเฟรมเรทสูงๆ แบบสุดๆ หมดปัญหาภาพฉีก หรือภาพกระตุกไปเลย แต่นั่นก็ต้องอยู่กับตัวเกมด้วยว่าขับเฟรมเรทได้แค่ไหน ถ้าเกมกินสเปกหนักๆ 300Hz อาจไม่เห็นผลมากนักกับความลื่นไหล อาจจะปรับกราฟิกต่ำลงมาเท่าที่เราพอใจ หรือเอาจริงๆ สำหรับเกมสไตล์ MOBA แค่ 60 FPS นิ่งๆ ก็เอาอยู่ หรือถ้าอยากให้วิ่ง 300Hz ก็จะปรับกราฟิกของเกมลงมากลางๆ ก็ได้
MSI DRAGON CENTER เวอร์ชั่นล่าสุด เป็นโปรแกรมสำเร็จรูปที่ออกแบบและพัฒนาโดย MSI ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ต่อยอดมาจากรุ่นก่อนหน้าอย่างเวอร์ชั่น 2 จุดเด่นคือใช้งานสะดวกและสามารถช่วยเหลือ และ จัดการการปรับแต่งตั้งค่า MSI Gaming Notebook ได้อย่างลงตัว ถือว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลน์ของทาง MSI ก็ว่าได้ ซึ่งแบ่งเป็นหมวดหมู่ต่างๆ เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน โดยหน้าเมนูต่างๆ แบ่งตามลักษณะการใช้งานที่ชัดเจน รวมไปถึงการอัพเดทซอฟต์แวร์ต่างๆ ก็สามารถจัดการได้ง่ายยิ่งกว่าเดิมอีกด้วย
นอกเหนือจากนี้ MSI GE66 Raider ยังมีในส่วน SteelSeries Engine 3 ที่ช่วยในการปรับแต่งการใช้งานของอุปกรณ์ต่อพ่วง Gaming Gear ต่างๆ ของ SteelSeries แน่นอนว่าในส่วนของคีย์บอร์ด SteelSeries Per-Key RGB ตัวเครื่องก็สามารถปรับแต่งได้ผ่านทางโปรแกรมนี้ เรียกได้ว่าจะปรับไฟให้ตะมุตะมิแค่ไหนก็สามารถทำได้เลย หรือจะได้พรีเซ็ทต่างๆ ที่มีมาแล้วก็สามารถทำได้เช่นกัน
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ที่ติดตั้งมาให้ใน MSI GE66 Raider เครื่องนี้เป็นแบบฝังตามปกติ ส่วนของการทดสอบระยะเวลาใช้งานของแบตเตอรี่โดยตั้งค่าความสว่างหน้าจอและเสียงให้ระดับต่ำ พร้อมเลือกโหมด Super Battery ของ MSI แล้วเล่นเว็บสลับกับดู Youtube แล้ว โปรแกรม BatteryMon แจ้งระยะเวลาใช้งานต่อเนื่องในเงื่อนไขดังกล่าวราวๆ 5 ชั่วโมงโดยประมาณ ซึ่งจากการทดสอบล่าสุดพบว่าแบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวกว่า Gaming Notebook ทั่วไปจริงๆ อย่างไรก็ตามเวลาใช้งานจริงโดยปรับความสว่างหน้าจอและเสียงให้อยู่ในระดับที่มากกว่านี้ จะทำให้แบตเตอรี่มีระยะเวลาใช้งานยาวนานได้สั้นกว่าเป็นไปได้
นอกจากนี้ทางด้านอุณหภูมิสำหรับ MSI GE66 Raider เครื่องนี้ที่ให้ฮีทไปป์มาทั้งหมด 6 เส้น Cooler Boost 5 เวอร์ชั่นล่าสุด ได้พัดลม 2 ตัว ช่องระบายความร้อน 4 ช่อง เรียกได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คอีกรุ่นที่มีการระบายความร้อนได้ดีมากเมื่อใช้งานแบบปกติจะอยู่ที่ประมาณ 40 – 50 องศาเซลเซียส ภายในห้องปรับอากาศอุณหภูมิประมาณ 25 – 27 องศาเซลเซียส จากนั้นทำการทดสอบเบิร์นให้เครื่องทำงาน 100% โดยทางทีมงานได้ทำการเล่นเกมหนักๆ เป็นเวลานานๆ ซึ่งได้เปิดโหมดเร่งรอบพัดลมสูงสุดไว้ อย่างไรก็ตามต้องบอกก่อนว่าเราจำเป็นต้องดูอุณหภูมิชิปประมวลผลผ่านทาง MSI After Burner ไปก่อน เพราะซอฟต์แวร์ Hardware Monitor ยังไม่รองรับ
ชิปประมวลผล Intel Core i9-10980HK ทดสอบด้วยโปรแกรม Benchmark และเล่นเกมต่อเนื่อง เพื่อทำให้ความร้อนสูงสุดที่เกิดขึ้นนั้นถือว่าทำได้ดีเยี่ยมเลย โดยอยู่ที่ 89 องศาเซลเซียส* (ใช้งานปกติอยู่ที่ประมาณ 50 – 60) เรียกได้ชุดระบายความร้อนจาก MSI ทำหน้าที่ได้เยี่ยมยอด ซึ่งในส่วนของการ์ดจออย่าง NVIDIA GeForce RTX 2070 Super นับว่าควบคุมความร้อนได้ดีมาก ร้อนสุดที่ 69 องศาเซลเซียส* (ใช้งานทั่วไปอยู่ที่ 40 – 50) ส่วนตัวเครื่องภายนอกนั้นรับรู้สัมผัสได้ถึงความร้อนเล็กน้อย ในส่วนนี้ถือว่าให้ประสบการณ์ที่น่าพอใจทีเดียว แต่เรื่องเสียงพัดลมดังเวลาเร่งสุดๆ ก็ยอมรับเลยว่าดังเอาเรื่องอยู่ แต่ก็ช่วยระบายความร้อนได้จริงๆ
Conclusion / Award
สรุปรีวิว MSI GE66 Raider เป็นสุดยอด Gaming Notebook ดีไซน์เทพ หน้าจอขนาด 15.6″ ที่เน้นความเป็นที่สุดในทุกๆ ด้าน สมกับเป็นรุ่นพี่ใหญ่อย่าง GT Series ที่ติดตั้งการ์ดจอตัวแรงรุ่นใหม่ล่าสุดระดับท็อปอย่าง NVIDIA GeForce RTX 2070 Super ด้วยความสมบูรณ์แบบในความเป็นโน๊ตบุ๊คเพื่อการเล่นเกมจากประสิทธิภาพในการเล่นเกมที่ทำได้ดี ให้ความร้อนที่น้อยลงแต่ความแรงเพิ่มขึ้น พร้อมด้วยชิปประมวลผล Intel Core i9-10980HK ที่เป็น Core i Gen 10H ตัวแรงที่สุดของ Gaming Notebook อย่างที่หาไม่ได้ใน Notebook ทั่วไป หรือ Gaming Notebook ระดับเริ่มต้นแน่นอน
ทำงานบนหน่วยความจำแรม DDR4 ขนาด 32GB Bus 2933 MHz เรียกได้ว่าเล่นเกม 3 มิติได้ลื่นๆ พร้อมกับทำงานหนักๆ ไปด้วยก็รองรับได้อย่างสบายๆ ที่สำคัญให้มาเลยกับ SSD M.2 NVMe ที่ 1TB (1TB x 1) โดยจุดเด่นที่เหนือชั้นก็คือได้ไฟ ไฟ Mystic Light ที่จัดเต็มยิ่งกว่า ซึ่งติดตั้งที่ขอบตัวเครื่องด้านหน้าเป็นแนวยาววัสดุเป็นอะคริลิคที่รมดำเข้ากับตัวเครื่อง ให้การแสดงผลแบบ Panoramic Aurora ออกแบบมาเพื่อให้สัมผัสถึงแสงไฟ RGB ที่สวยงาม โดยติดตั้งอยู่บริเวณของตัวเครื่องด้านหน้าเป็นแถบยาวและส่วนของขอบซ้ายและขวาที่ดูแล้วสวยงามโดดเด่น และแน่นอนว่าไฟคีย์บอร์ดหลากสีแบบ Per-Key RGB ที่สามารถปรับแต่งได้เพิ่มเติม
ส่วนเรื่องของเสียง ลำโพงแบรนด์ DYNAUDIO แบบ Duo Wave Speaker ก็ให้เสียงที่ดีมากๆ และสำหรับภาพได้หน้าจอเป็น IPS คุณภาพสูงที่ sRGB ใกล้เคียง 100% ความละเอียดเป็น Full HD รองรับ Refresh Rate ที่ 240Hz ตอบโจทย์สำหรับคนที่อยากได้หน้าจอเล่นเกมที่ลื่นไหลที่สุดนั่นเอง ส่วนการระบายความร้อนตัวเครื่องเป็นแบบ Cooler Boost 5 ฮีทไปป์ 6 เส้นขนาดใหญ่ พัดลม 2 ตัว ช่องระบายความร้อน 4 ช่องหมดห่วงเรื่องตัวเครื่องร้อน แม้สเปกจะแรงแค่ไหนก็ตาม สำหรับการเชื่อมต่อไร้สายเลือกใช้ Wi-Fi 6 AX ดีที่สุดใหม่ที่สุด พร้อม Bluetooth 5.0 ที่สำคัญระบบ Killer Doubleshot Pro ที่ช่วยลด Ping เวลาเล่นเกมมออนไลน์ พร้อมใช้งานอินเตอร์เน็ตอื่นๆ ได้อย่างลื่นไหลอีกด้วย ทั้ง Wi-Fi และ LAN RJ45
เอาเป็นว่าเพื่อนๆ ท่านไหนที่สนใจสุดยอดของ Gaming Notebook ปี 2020 ขนาดหน้าจอ 15.6″ ที่ให้ประสิทธิภาพทรงพลังที่สุด พร้อมฟีเจอร์อื่นๆ ที่ครบครันที่สุดล่ะก็ MSI GE66 Raider น่าจะตอบโจทย์ได้ดีที่สุดรุ่นหนึ่งทีเดียว ที่งบประมาณ 8x,xxx บาท ในส่วนสเปกที่สุดทางอย่าง Core i9-10980HK และการ์ดจอ RTX 2070 Super แต่โดยรวมแล้วถือว่ามีความคุ้มค่ากว่าพอสมควร ใครตั้งใจจะซื้อและเงินไม่ใช่ปัญหาหลัก สามารถสอบถามไปที่ MSI Gaming Shop หรือร้านจำหน่ายโน๊ตบุ๊คชั้นนำทั่วประเทศกันได้เลย
AWARDS
ในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับโน๊ตบุ๊คในกลุ่ม Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้ว ซึ่ง MSI GE66 Raider ก็ได้รับรางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Gaming
MSI GE66 Raider เป็น Gaming Notebook ที่มีความสดใหม่และเทคโนโลยีล้ำๆ มากมาย อาทิเช่น หน้าจอพาเนล IPS เกรดสูง ความละเอียด Full HD รองรับ Refresh Rate ที่ 240Hz ระบบ Cooler Boost 5 ที่เย็นเจี๊ยบ, ระบบเสียง Nahimic, Steelseries Keyboard Per-Key RGB ที่ฟีเจอร์จัดเต็มใช้งานได้จริงๆ, และการเชื่อมต่อไร้สายก็จะมีมาตรฐาน Wi-Fi 6 AX แบบ Killer Doubleshot Pro ทำให้เล่นเกมได้ไม่สะดุดทั้ง LAN และ Wi-Fi รวมไปถึงซอฟต์แวร์ MSI Dragon Center ซึ่งสามารถใช้ประโยชน์ได้จริง ถือได้ว่าเป็นผู้นำในตลาด Gaming Notebook ยิ่งเทียบในระดับเดียวกันยิ่งหาตัวจับยาก ที่สำคัญในการใช้งานโดยรวมมีความสเถียรและเข้ากันเป็นอย่างดีด้วย
Best Performance
MSI GE66 Raider มีสเปคที่ครบครันและเป็นหนึ่งใน Gaming Notebook ที่ดีที่สุดในตลาด ด้วยชิปประมวลผล Core i9-10980HK ที่นับว่าเป็นชิปประมวลผล Notebook ที่แรงที่สุดในโลก และการ์ดจอรุ่นใหม่ตัวท็อปอย่าง NVIDIA GeForce RTX 2070 Super (8GB GDDR6) พร้อมแรมตัวเครื่องที่มาตรฐานใหม่แบบ DDR4 Bus 3200 Mhz ที่ใส่มาแล้ว 16GB และ SSD แบบ NVMe M.2 ให้การเข้าถึงข้อมูลได้รวดเร็วสูง รองรับการทำงานต่างๆ พร้อมๆ กันได้หลายๆ งาน รวมถึงเล่นเกมได้อย่างลื่นไหล ใส่มาแล้วทันทีที่ 1TB พร้อมใส่เพิ่มได้อีก ประสิทธิภาพการใช้งานโดยรวมประทับใจมากๆ ส่งผลให้ใครคนไหนจะซื้อ Gaming Notebook ระดับไฮเอนด์ที่จัดเต็มทั้งสเปกและฟีเจอร์ โดยเน้นประสิทธิภาพที่สูง MSI GE66 Raider ต้องเป็นตัวเลือกแรกๆ แน่นอน
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ MSI Gaming มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน MSI GE66 Raider ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงาม วัสดุเป็นโลหะอลูมิเนียมแทบทั้งหมด ออกแนวดุดันและเรียบหรูมากยิ่งขึ้น ด้วยการใช้ไฟ Mystic Light แสดงแสงไฟแบบ Panoramic Aurora วัสดุเป็นอะคริลิคที่รมดำเข้ากับตัวเครื่อง รวมไปถึงไฟคีย์บอร์ด RGB ก็โดดเด่นไม่แพ้กัน ซึ่งในจุดของรูปร่างหน้าตาเชื่อได้ว่าหลายๆ คนที่เป็นเกมเมอร์ต้องชื่นชอบอย่างแน่นอน จัดว่าเป็น Gaming Notebook สุดล้ำ ออกแบบมาสำหรับยุคอนาคต สื่อถึงเรื่องของประสิทธิภาพและความรวดเร็วในการใช้งานที่เหนือกว่าใคร
VDO Review
NBS Verdict
****ในบทความนี้ใช้รูปเดียวกับสเปก Core i7-10750H + RTX 2070***
เป็น Gaming Notebook ระดับบนอีกหนึ่งรุ่น เครื่องเดียวจบครบในตัวเดียว ประสิทธิภาพแรงลื่นไหล ด้วยสเปกชิปประมวลผล Core i9-10980HK ส่วนการ์ดจอก็เป็น NVIDIA GeForce RTX 2070 Super ได้แรมขนาด 32GB และ SSD ต้องจัดเต็มที่ 1TB จอสวยเทพ IPS ที่ Refresh Rate 300Hz รองรับการเชื่อมต่อที่ครบครันทั้งแบบมีสายไร้สาย ได้คีย์บอร์ดไฟ RGB ที่ไม่ซ้ำใคร รองรับการทำงานหนักๆ และเล่นเกมตอบโจทย์ได้ลงตัวที่สุด ถ้าให้ซื้อ Gaming Notebook ราคาสูงกว่า Gaming Notebook ทั่วไป เน้นความเป็นไฮเอนด์ซึ่งได้ฟีเจอร์ครบครับ MSI GE66 Raider คือคำตอบ ในราคาที่ต้องยอมรับว่าไม่แพ้เลยถ้าเทียบกับสเปกและฟีเจอร์จัดเต็มแบบนี้โดยอยู่ที่ 82,900 บาท
MSI GE66 Raider เปรียบเทียบกับสเปค ฟีเจอร์ และการออกแบบสไตล์ Gaming Notebook โดนใจเกมเมอร์ หรือคนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คแรงที่สุด ได้ไฟ Mystic Light ที่จัดเต็มยิ่งกว่า ซึ่งติดตั้งที่ขอบตัวเครื่องด้านหน้าเป็นแนวยาววัสดุเป็นอะคริลิคที่รมดำเข้ากับตัวเครื่อง ให้การแสดงผลแบบ Panoramic Aurora ออกแบบมาเพื่อให้สัมผัสถึงแสงไฟ RGB ที่สวยงาม แน่นอนว่าทำงานร่วมกับไฟคีย์บอร์ด RGB Pre-Key เป็นอย่างดี สำหรับหลายๆ คนที่มีงบประมาณในการซื้อที่สูงซักหน่อย เพราะเอาเข้าจริงในประสิทธิภาพที่ใกล้เคียงกันอาจจะมีตัวเลือกที่ถูกกว่านี้ แต่ก็นั่นแหละ ฟีเจอร์หรือคุณสมบัติต่างๆ ก็คงไม่ครบครันขนาดนี้ หรือใครจะเอางบขนาดนี้ไปแยกซื้อโน๊ตบุ๊คกับคอมประกอบก็ไม่ว่ากัน เอาว่าเพื่อนๆ ท่านไหนที่สนใจ Gaming Notebook ระดับสูงรุ่นนี้หรือรุ่นอื่นๆ จาก MSI สามารถสอบถามไปที่ MSI Gaming Shop หรือร้านจำหน่ายโน๊ตบุ๊คชั้นนำทั่วประเทศกันได้เลย
ข้อดี
- ดีไซน์การออกแบบสวยงามถูกใจเกมเมอร์ งานประกอบแน่นวัสดุดี แนวเรียบหรู
- ตัวเครื่องบางเฉียบ เล็กกระชับกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป โดยมีน้ำหนักเพียง 2.38 กิโลกรัม
- สเปคสูงมากทั้ง Core i9-10980HK และการ์ดจอ GeForce RTX 2070 Super
- หน้าจอแสดงผลขนาด 15.6″ รองรับที่ความถี่ 300Hz ขอบเขตสี sRGB ใกล้เคียง 100%
- พอร์ตเชื่อมต่อครบครันทีเดียวไม่ว่าจะเป็น USB 3.2, HDMI และ mini DisplayPort 1.2
- พร้อมพอร์ตความเร็วสูง Thunderbolt 3 ที่เป็นฟอร์ม USB-C ใช้งานเป็น DisplayPort / PD ได้
- มาพร้อมลำโพง Dynaudio แบบ Duo Wave Speaker พร้อมระบบเสียง Nahimic 3 ให้เสียงที่ดี
- รองรับไดร์ฟ SSD แบบ NVMe M.2 ให้การเข้าถึงข้อมูลได้รวดเร็วสูง ความจุสูง 2TB
- ระบบระบายความร้อน Cooler Boost 5 มีประสิทธิภาพดีเยี่ยม
- มีซอฟต์แวร์มากมาย ที่ใช้ได้จริง มาช่วยปรับแต่ง ให้สนุกยิ่งขึ้น
- กล้องเว็บแคมความละเอียดเป็น Full HD ให้ภารที่คมชัดกว่าโน๊ตบุ๊คทั้งหมดในตลาด
- คีย์บอร์ด SteelSeries Per-key RGB ปรับเปลี่ยนสีไฟตามปุ่ม ทำงานร่วมกับเกมได้
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานสูงสุดราวๆ 5 ชั่วโมง
ข้อสังเกต
- ถ้าต้องการรุ่นราคาถูกกว่านี้ มีเป็นสเปก i7-10750H + RTX 2070 ราคา 65,900 บาท
- เป็น Gaming Notebook ระดับสูง ที่ไม่มีพอร์ต Thunderbolt 3 ไว้ใช้งาน
- ไม่มีระบบ Windows Hello ทั้ง IR Camera และ Fingerprint
Specification
MSI GE66 Raider ใช้ชิปประมวลผลตัวท็อปสุดที่ขายในตอนนี้ เป็นชิปประมวลผล Intel Core i9- 10980HK ความเร็ว 2.40 – 5.30 GHz ทำงานแบบ 8 คอร์ 16 เธร์ด ประสิทธิภาพไว้ใจได้ พร้อมการ์ดจอรุ่นใหม่ที่แรงลื่นและร้อนน้อยสุดๆ อย่าง NVIDIA GeForce RTX 2070 Super (8GB GDDR6) โดยแรงกว่า RTX 2070 รุ่นก่อนหน้า ที่ทั้ง 2 อย่างนี้ระดับ Gaming Desktop ตัวไฮเอนด์ มีที่เก็บข้อมูลรองรับการติดตั้ง SSD แบบ M.2 NVMe จำนวน 2 สล็อต โดยตามสเปกได้ติดตั้งมาแล้วที่ความจุ 1TB ในส่วนของแรมเองมีมาให้ 32GB แบบ DDR4 Bus 3200 MHz ขนาด 16GB จำนวน 2 แถว พร้อมรองรับ Dual Channel
นอกจากนี้มาพร้อมจอแสดงผลแบบด้าน 15.6″ ที่ความละเอียด Full HD พาเนลคุณภาพสูง IPS สีสดใสมุมมองกว้าง ขอบเขตสีใกล้เคียง sRGB 100% พร้อมเทคโนโลยี MSI True Color Technology ปรับโปรไฟล์สีให้ตรงกับการใช้งานได้ทุกรูปแบบ ที่สำคัญรองรับ Refresh Rate ถึง 300Hz ส่งผลให้เล่นเกมได้ลื่นไหลสุดๆ และตัวเครื่องยังมีลำโพงจากแบรนด์ Dynaudio แบบ Duo Wave Speaker พร้อมซอฟแวร์เสียง Nahimic เวอร์ชั่น 3 ขับเสียงได้ดียิ่งกว่า มาพร้อม Windows 10 แท้ใช้งานได้ทันที
ส่วนพอร์ตการเชื่อมต่อก็ครบครันด้วย ไม่ว่าจะเป็น USB 3.1 Type-C Gen2 จำนวน 2 พอร์ต (รองรับ DisplayPort / PD charging), 2 x Type-A USB 3.1 Gen 2, 1x RJ45, 1x (4K @ 60Hz) HDMI, mini-DisplayPort บอกเลยว่าจัดเต็มมากๆ ส่วนช่องหูฟัง Hi-Res Audio และไมค์แบบแจ็คทอง 3.5 มิลลิเมตรเป็นแบบแยกออกจากกัน เอาใจ Gaming Headset ทีเดียว การเชื่อมต่อไร้สายก็จะมีมาตรฐาน Wi-Fi 6 AX + Bluetooth 5.1 รวมไปถึงมี Killer Doubleshot Pro ทำให้เล่นเกมได้ไม่สะดุดทั้ง LAN และ Wi-Fi สนนราคาอยู่ที่ 82,900 บาท พร้อมการรับประกันมาตรฐาน MSI จำนวน 2 ปี ถือว่าเป็น Gaming Notebook ระดับสูงจากทาง MSI อีกหนึ่งรุ่นที่หลายคนให้ความสนใจ เพราะไม่ใช่แค่แรงแต่ฟีเจอร์จัดเต็มด้วย
- Core i7-10750H / RTX 2070 / RAM 16GB / SSD 1TB / จอ 15.6″ 240Hz ราคา 65,900 บาท
- Core i9-10980HK / RTX 2070 Super / RAM 32GB / SSD 1TB / จอ 15.6″ 300Hz ราคา 82,900 บาท
Hardware / Design
MSI GE66 Raider เป็รุ่นต่อยอดมาจาก MSI GE65 Raider แต่ได้ DNA ที่เยี่ยมยอดจากรุ่นท็อปสุดอย่าง MSI GT76 Titan โดยถูกออกแบบโดดเน้นความเป็นยานอวกาศในอนาคคอด้วยดีไซน์ที่ดุดัน โฉบเฉี่ยว เน้นโทนสีเทาไทเทเนียมสว่างตลอดทั้งตัวเครื่องด้านนอกด้านใน แตกต่างจากตาม Gaming Notebook ทั่วไปของ MSI ดูแล้วก็ให้อารมณ์คล้ายกับรถยนต์สปอร์ตหรูหรา โดยจะเน้นความสวยงามทั้งด้านการออกแบบและวัสดุที่พรีเมียม เริ่มจากบานฝาพับถูกออกแบบโดยใช้วัสดุโลหะอะลูมิเนียม เรียบๆ แต่เน้นความโดดเด่นให้เห็นพื้นผิวของอลูมิเนียม
ให้สัมผัสเรียบเนียนของพื้นผิวฝาหลังแตกต่างจาก Gaming Notebook ทั่วไป ประกอบกับสัญลักษณ์ของตัวเครื่องที่โดยปกติแล้วนั้นรถยนต์สปอร์ตสุดหรูจะมีการแสดงตราสัญลักษณ์ตัวเครื่องที่กระโปรงฝาหน้ารถ รวมไปถึงแบบพับที่กางได้ 145 องศา ก็ให้ความพิเศษทั้งดีไซน์และความแข็งแรงทนทาน ซึ่งในทำนองเดียวกันเองนั้นทาง MSI เองก็มีการแสดงในส่วนนี้เช่นเดียวกันทำให้ทั้งหมดนั้น MSI GE66 Raider สื่อถึงความเหนือระดับพร้อมทั้งยังมากับประสิทธิภาพที่เราต้องประทับใจมากๆ สมกับเป็น Gaming Notebook ระดับสูงของปี 2020 นี้จริงๆ
ทางด้านช่องระบายความร้อนของ MSI GE66 Raider จะมีมาให้ด้วยกันถึง 4 ช่อง ด้านหลังสอง และด้านซ้ายขวาอีกอย่างละหนึ่งช่อง โดยใช้พัดลม 2 ตัว ฮีทไปป์ 6 เส้นขนาดใหญ่ที่ดีกว่า ทำงานร่วมกับเทคโนโลยี Cooler Boost 5 ที่ช่วยนำพาความร้อนออกไปอย่างรวดเร็ว มีฟีเจอร์เด็ดที่น่าสนใจอยู่ก็คือปุ่ม F8 ที่ใช้สำหรับเปิดโหมด Turbo ของฟังก์ชัน Cooler Boost ให้พัดลมทำงานด้วยรอบสูงขึ้น เพื่อการระบายความร้อนได้ดีที่สุด
ดีไซน์ด้านในตัวเครื่องเป็นสีดำที่ทำลวดลายแบบรังผึงให้ความโดดเด่นไม่ต่างจากภายนอก แน่นอนว่าด้วยคีย์บอร์ด Full Size จากทาง SteelSeries พร้อมไฟ RGB Pre-Key ที่สวยงามลงตัว รอบๆ ตัวเครื่องยังถูกออกแบบมาให้รองรับการใช้งานต่าง ๆได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ด้วยพอร์ตการเชื่อมต่อที่ครอบคลุมถูกจัดวางในส่วนฝั่งซ้ายและฝั่งขวา รวมไปถึงด้านหลังของตัวเครื่อง
MSI GE66 Raider ได้รับดีไซน์ตัวเครื่องให้คล้ายคลึงกับ MSI GT76 Titan ก็จริง แต่มีแนวคิดที่ต่างออกไป ไม่ใช่แค่เพียงต้องการให้มันดูสวยงามเท่านั้น แต่ในความสวยงามนั้นยังแฝงไปด้วยประสิทธิภาพที่อัดแน่นมาแบบเต็มเปี่ยมเหมือนกับที่ยานอวกาศสุดล้ำอย่างที่กล่าวไปแล้ว โดยที่ผู้ใช้สามารถที่จะรับรู้ถึงความแรงของตัวเครื่องได้ตั้งแต่เพียงแรกเห็น
อีกทั้งฟีเจอร์ที่เคยมีมาแล้วใน MSI GT76 Titan อย่าง Light Bar ในครั้งนี้นั้นทาง MSI ได้เลือกนำไฟ Mystic Light ที่จัดเต็มยิ่งกว่า ซึ่งติดตั้งที่ขอบตัวเครื่องด้านหน้าเป็นแนวยาววัสดุเป็นอะคริลิคที่รมดำเข้ากับตัวเครื่อง ให้การแสดงผลแบบ Panoramic Aurora ออกแบบมาเพื่อให้สัมผัสถึงแสงไฟ RGB ที่สวยงาม ที่สามารถปรับแต่งได้ถึง 16.8 ล้านสี แน่นอว่าทำงานร่วมกับไฟคีย์บอร์ด RGB Pre-Key เป็นอย่างดี
สำหรับ MSI GE66 Raider เป็น Gaming Notebook ระดับสูงมาตรฐานปี 2020 ด้วยหน้าจอขนาด 15.6″ ดีไซน์ขอบบางพิเศษ ซึ่งเลือกใช้ขอบจอเป้นสีดำทำให้การแสดงผลโดดเด่น พร้อมให้มิติตัวเครื่องเทียบกับ Gaming Notebook รุ่นหน้าจอ 15.6″ รุ่นทั่วไป โดยมีน้ำหนักตัวเครื่องอยู่ที่ 2.38 กิโลกรัม และตัวเครื่องมีความบางอยู่ที่ 23.4 มิลลิเมตร รอบๆ ตัวเครื่องยังถูกออกแบบมาให้รองรับการใช้งานต่าง ๆได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ด้วยพอร์ตการเชื่อมต่อที่ครอบคลุมถูกจัดวางอย่างลงตัว
สรุปแล้วในเรื่องของงานประกอบการดีไซน์ MSI GE66 Raider ทำได้ดีสมกับเป็นตระกูล GE รุ่นใหม่ล่าสุด เห็นได้ชัดว่าโดดเด่นกว่ารุ่น GP GF GL ทั้งเรื่องความสวยงาม พร้อมทั้งแข็งแรงมีความเป็นตัวตนที่ไม่เหมือนใคร และเชื่อว่าถ้าหากเอาไปใช้ที่ไหนมีแต่คนมองแน่นอน อีกทั้งจากสเปกโดยรวมทั้งหมดสมเป็น Gaming Notebook ตัวแรงใช้งานยาวๆ ทำให้ประสบการณ์ใช้งานเรื่องของการเล่นเกมแบบเต็มอารมณ์ที่สุด ในระดับราคาที่ไม่แพงจนเกินไปนักถ้าเทียบกับฟีเจอร์ต่างๆ ที่ได้
Keyboard / Touchpad
คีย์บอร์ดของ MSI GE66 Raider โดดเด่นมากๆ จากการที่ใช้ Per-Key RGB Gaming Keyboard รุ่นล่าสุด ที่ร่วมพัฒนากับแบรนด์ SteelSeries โดยพัฒนาและออกแบบมาสำหรับการเล่นเกมบน Gaming Notebook จาก MSI โดยเฉพาะ ทั้งอารมณ์การตอบสนองของแป้นพิมพ์ แรงกด และการใช้ปุ่มหลายๆ ปุ่มพร้อมๆ กัน ที่สำคัญในคราวนี้ไฟ LED ที่เป็น RGB สามารถเปลี่ยนสีทีละปุ่ม ตามใจของผู้ใช้หลากหลายรูปแบบ นอกจากนี้ยังมี Hotkey ตรงปุ่ม F9 ของชุดแป้นคีย์บอร์ด เพื่อปรับเปลี่ยนโปรไฟล์สีของ Steelseries Engine 3 ที่เราตั้งค่าเอาไว้ รวมไปถึงในการกดปุ่ม Fn แต่ละครั้ง ไฟทั้งหมดจะดับลง พร้อมไฮไลน์เป็นไฟสีแดงให้เด่นขึ้นมาชัดเจนว่าเราใช้าน Hot Key อะไรได้บ้าง นับได้ว่าเป็นในส่วนที่เจ๋งไม่ซ้ำ Gaming Notebook แบรนด์อื่นๆ เลย
ทัชแพดมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ดูแล้วสมส่วนกับตัวเครื่อง MSI GE66 Raider ส่วนดีไซน์นั้นก็ใช้เป็นแบบซ่อนปุ่ม โดยการควบคุมสามารถทำได้เป็นอย่างดีรวมไปถึงปุ่มคลิกทั้งซ้ายขวาก็มีความนุ่มและเด้งรับได้น่าประทับใจ สัมผัสแบบผิวลื่นๆ ไม่เป็นรอยนิ้วมือได้ง่ายๆ และควบคุมได้แม่นยำมากกว่าทัชแพดปกติ
Screen / Speaker
MSI GE66 Raider มีหน้าจอจอแสดงผลขนาด 15.6″ ขอบบาง ความละเอียด Full HD ที่ 1920×1080 พิกเซล พาเนล IPS คุณภาพสูง มีมุมมองด้านซ้าย ด้านขวาและด้านบนล่างที่กว้าง พร้อมมีค่า Refresh Rate อยู่ที่ 300 Hz (สเปก i7 จะเป็น 240Hz) ทำให้ภาพปรากฏออกมามีความลื่นไหลแบบสุดๆ ดีกว่าพวกจอ IPS 60/ 144 Hz แบบรู้สึกได้ ทั้งการดูภาพ ดูวิดีโอ และเล่นเกม สบายตาสมจริงกว่าอย่างเห็นได้ชัด โดยมีโปรไฟล์สีผ่านซอฟแวร์ MSI True Color ได้อีก 6 แบบ ไม่ว่าจะเป็น ANTI-BLUE, sRGB, DESIGNER, OFFICE, MOVIE, GAMER ซึ่งทุกโปรไฟล์สามารถใช้งานได้จริงเห็นความแตกต่างชัดเจน โดดเด่นด้วยขอบหน้าจอบางเฉียบ 5 มิลลิเมตร แต่ก็ยังติดตั้งเว็บแคมพร้อมไมโครโฟนมาให้อยู่ พิเศษสุดๆ ที่ความละเอียดกล้องเป็น Full HD เหนือชั้นกว่า Gaming Notebook ทุกรุ่นที่เป็นเพียง HD
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด ซึ่งเมื่อคาลิเบรตแล้วเราก็เลือกโปรไฟล์ที่เราได้คาลิเบรทเอาไว้ ซึ่งให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 91% AdobeRGB ที่ 69% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันระดับที่ดีมากๆ กว่า Gaming Notebook ราคาคุ้มค่าหลายรุ่น ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 300 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานความสว่างของหน้าจอในโน๊ตบุ๊คราคาระดับนี้ คือเพียงพอต่อการใช้งานทั่วๆ ไป แต่ถ้าจะเอาไปทำภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นมืออาชีพมากๆ ก็ควรคาลิเบรตเสียก่อน
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าช่องแถวกลางทางกลางเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ไม่มีผิดเพี้ยน แต่สำหรับช่องมุมบนขวาจะมีแสงสว่างที่ลดลงไปที่ 8% ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนน 4.0 เมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว ผ่านทางอุปกรณ์ Spyder5Elite
ระบบเสียงก็น่าประทับใจไม่แพ้กัน ด้วยลำโพง Duo Wave Speaker ติดตั้งด้านข้างตัวเครื่อง จากเทคโนโลยีใหม่ของ MSI โดยใช้ระบบเสียงระดับโลกอย่าง Dynaudio ทำให้เกิดการสะท้อนของเสียงรูปแบบใหม่จากการใช้ตู้ลำโพงแบบ Passive ทำให้เกิดเสียงเบสที่หนักแน่นและคมชัดโดยมีซอฟแวร์ปรับแต่งเสียง Nahimic 3 จำลองการเสียงได้สมบูรณ์แบบ ทำให้มีการปรับแต่งเสียงที่ดีกว่ารุ่นก่อนหน้าทั้งความดังและคุณภาพเสียงอย่างชัดเจน ใช้เล่นเกมนี่บันเทิงได้เต็มอารมณ์ แถมซัพพอร์ทไฟล์ Hi-res 24bit/192kHz ที่ใช้ Hi-Fi DAC ในการขับได้อีกด้วยสมกับเป็น Gaming Notebook ระดับบนจริงๆ
Connector / Thin And Weight
สำหรับ MSI GE66 Raider จัดว่าเป็น Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″ ที่มีพอร์ตการเชื่อมต่อที่ครบครันที่สุดรุ่นหนึ่งเลยทีเดียว ซึ่งมีทั้ง 3 x USB 3.2 Type-A, 2 x USB 3.2 Type-C, HDMI, Mini DisplayPort, LAN RJ45 Killer E3100 2.5Gbps, SD Card Reader, รูหูฟังและไมค์โครโฟน 3.5 mm และช่องเสียบอแดปเตอร์เหมือน MSI GT76 Titan การเชื่อมต่อแบบไร้สายแบบ Killer Wi-Fi 6 AX1650+ Bluetooth 5.1 ซึ่งตัวเครื่องมาพร้อมฟีเจอร์ Killer Doubleshot Pro จัดลำดับความสำคัญให้กับการเชื่อมต่อของเกมมาเป็นอันดับแรก ทำให้มีความเสถียรของอินเตอร์เน็ตมากกว่า Gaming Notebook รุ่นอื่นพอสมควร
ในส่วนของน้ำหนัก MSI GE66 Raider จะอยู่ที่ 2.38 กิโลกรัม ขนาดมิติตัวเครื่อง 358 (W) x 267 (D) x 23.4 (H) mm บวกกับอแดปเตอร์จ่ายไฟแบบพิเศษที่เป็น 230Watt เชื่อมกันผ่านพอร์ตเหลี่ยมๆ ที่ไม่เหมือนกับ MSI Gaming Notebook รุ่นอื่นๆ รวมน้ำหนักกันแล้วอยู่ที่ไม่เกิน 3 กิโลกรัม จัดว่าพอที่จะพกพาไปไหนมาไหนได้ อาจจะไม่สะดวกสบายเท่ากับโน๊ตบุ๊คบางๆ เบาๆ แต่ก็แลกมาด้วยประสิทธิภาพระดับท๊อปง ถือว่าสมเหตุสมผล ซึ่งเอาจริงส่วนตัวก็ไม่ลำบากจนเกินไปนัก
Inside / Upgrade
การแกะทั้งฝาล่างทั้งหมดของ MSI GE66 Raider สามารถทำได้ง่ายๆ เพียงแค่ไขน็อตไม่กี่ตัว หลังจากนั้นก็ค่อยๆ แงะแกะทีละส่วนขึ้นอย่างช้าๆ เพียงเท่านี้ก็จะแกะฝาล่างได้ไม่ยากเย็น ส่วนประกอบภายในอื่นๆ เห็นได้ชัดถึงฮีท์ไปป์ขนาดใหญ่ 6 เส้น แยกระหว่างหน่วยประมวลผลและชิปกราฟิกกันไปเลย ทำให้ความร้อนที่เกิดจากหน่วยประมวลผลและชิปกราฟิกนั้นต่างก็มีเส้นทางในการระบายความร้อนแยกจากกันต่างหาก พร้อมเห็นว่าช่องติดตั้งแรมที่ 16GB (8GB จำนวน 2 แถว) ซึ่งถ้าจะอัพเกรดสูงสุดเพิ่มเป็น 64GB ก็สามารถทำได้ทันที รวมไปถึงสามารถเพิ่มการอัพเกรด SSD ได้อีก 1 ช่อง โดยใส่มาแล้ว 1TB 1 ตัว ซึ่งทำ Raid ได้ด้วย ที่ต้องบอกว่าสำหรับการใช้งานทั่วไปเหลือเฟือมากๆ
รวมถึงลำโพงของที่ให้มาดอกค่อนข้างใหญ่ เป็นแบบ Duo Wave Speaker เสียงที่ดังฟังชัดเอามากๆ พร้อมกับคุณสมบัติที่ขยับไปมาได้ ทำให้ได้เสียงทุ่มเพิ่มเข้ามา โดยยังมีลำโพงซ้อนลำโพงเพิ่มเสียงทุ่มยิ่งขึ้นไปอีก ในส่วนของแบตเตอรี่ก็มีขนาดใหญ่โตมากๆ สมกับสเปกที่ใส่แบบจัดเต็มมา โดยรวมแล้วถือว่า MSI มีความใส่ใจรายละเอียดในทุกๆ จุดเลยทีเดียวทั้งภายนอกและภายใน สมกับเป็น Gaming Notebook ระดับไฮเอนด์จริงๆ
Performance / Software
โดย MSI GE66 Raider มาพร้อมกับชิปประมวลผลตัวท็อปที่สุดของ Gaming Notebook อย่าง Intel Core i Gen 10 H อย่าง Intel Core i9-10980HK โดยจะเป็นรุ่นท็อปสุดของ Intel ช่วงปี 2020 ซึ่งเป็นชิปประมวลผลที่เน้นการใช้งานหนักที่สุด ไม่จะเป็นการโปรเซสหรือเล่นเกมก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมๆ ได้อย่างที่ไม่เคยมี Gaming Notebook รุ่นไหนเคยทำได้มาก่อน โดยมีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.40 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 5.30 GHz เป็นซีพียูแบบ 8 Core 16 Threads มาพร้อมแรมภายในขนาด 16GB DDR4 Buss 3200 MHz แบบ 8GB x 2 แถว ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบายๆ
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel UHD Graphics 630 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติ ก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่เอาเข้าจริงๆ ก็สนับสนุนการเล่นเกมได้ในระดับนึงเหมือนกัน โดยมีการ์ดจอแยกรุ่นใหม่ตัวแรงอย่าง NVIDIA GeForce RTX 2070 Super (8GB GDDR6) ที่ต้องบอกว่าแรงกว่า RTX 2070 รุ่นก่อน ที่สำคัญคือยังปลดปล่อยความร้อนออกมาน้อยด้วย ตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว เรียกว่าสำหรับเกมออนไลน์สามารถทำได้ลื่นไหลแน่นอน แต่ยังไงไปดูผลทดสอบอีกทีดีกว่าด้านล่าง
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูงสุดๆ เป็นที่น่าประทับใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลรุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าพอตัว รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับบน ที่เน้นการทำงานเป็นหลัก สมกับเป็นชิปประมวลผล Intel Core i9-10980HK จริงๆ ซึ่งสมกับชิปประมวลผลที่แรงสุดในกลุ่ม Gaming Notebook จริงๆ
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 1TB แบบ M.2 NVMe PCIe ระดับสูงจากทาง Samsung ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 3410 MB/s และเขียนที่ 3092 MB/s ซึ่งถ้าใครอยากใส่ SSD M.2 NVMe PCIe ก็มีว่างอีก 1 ช่องทันที แน่นอนว่ารองรับการอัพเกรดแบบ Raid ด้วย
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 5,193 คะแนน (น้อยกว่าที่ควรจะเป็น มีโอกาสจะทดสอบอีกครั้ง) ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ และจากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมมีชิปประมวลผลที่แรงที่สุด การ์ดจอแยกอย่าง NVIDIA GeForce RTX 2070 Super ซึ่งเป็นร่นใหม่ที่เป็นรอง RTX 2080 Super เท่านั้น
MSI GS66 Stealth สเปกตัวท็อป อย่าง i9-10980HK + GeForce RTX2070 Super แต่เดี๋ยวเราจะมาผลทดสอบกันก่อน ด้วยเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 7 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยมากกว่า 80 – 100+ FPS ขึ้นไปแทบทุกเกม ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i9-10980HK ที่สามารถรีดพลัง NVIDIA GeForce RTX 2070 Super ออกมาได้อย่างเต็มที่ ประกอบกับยังใช้แรม 32GB DDR4 รวมไปถึง SSD NVMe ระดับสูงก็ส่งผลช่วยด้วย
ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง Resident Evil 3 Remake / Battlefield V / FarCry 5 / GTA V ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด ตามภาพด้านบน ที่ต้องบอกว่าภาพก็สวยจนน่าประทับใจ เรียกได้ว่าเหลือๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์ที่สุดแล้ว พร้อมรองรับฟีเจอร์ DLSS / Ray Tracing อย่าง RTX Series ก็ให้ภาพสวยงาม แต่ก็ต้องแลกกับการกินทรัพยากรเครื่องเพิ่มเติมด้วย ซึ่งในการทดสอบจะไม่ได้เปิดในส่วนนี้นะครับ
เกมออนไลน์กินสเปกน้อยลงมาอย่าง DOTA 2 / Overwatch รวมไปถึง PUBG ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่สูงสุด แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็สบายๆ ค่าเฟรมเรทอยู่ที่ราวๆ 120 ขึ้นไปตลอด ซึ่งสรุปโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าเล่นได้สบายๆ แบบไร้กังวล
อย่างไรก็ตามด้วยหน้าจอ พาเนล IPS รองรับ Refresh Rate ที่ 300Hz ทำให้เกมมีความลื่นไหลกับฉากที่เคลื่อนไหวเร็วๆ เวลาที่เราปรับให้ปล่อยเฟรมเรทสูงๆ แบบสุดๆ หมดปัญหาภาพฉีก หรือภาพกระตุกไปเลย แต่นั่นก็ต้องอยู่กับตัวเกมด้วยว่าขับเฟรมเรทได้แค่ไหน ถ้าเกมกินสเปกหนักๆ 300Hz อาจไม่เห็นผลมากนักกับความลื่นไหล อาจจะปรับกราฟิกต่ำลงมาเท่าที่เราพอใจ หรือเอาจริงๆ สำหรับเกมสไตล์ MOBA แค่ 60 FPS นิ่งๆ ก็เอาอยู่ หรือถ้าอยากให้วิ่ง 300Hz ก็จะปรับกราฟิกของเกมลงมากลางๆ ก็ได้
MSI DRAGON CENTER เวอร์ชั่นล่าสุด เป็นโปรแกรมสำเร็จรูปที่ออกแบบและพัฒนาโดย MSI ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ต่อยอดมาจากรุ่นก่อนหน้าอย่างเวอร์ชั่น 2 จุดเด่นคือใช้งานสะดวกและสามารถช่วยเหลือ และ จัดการการปรับแต่งตั้งค่า MSI Gaming Notebook ได้อย่างลงตัว ถือว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลน์ของทาง MSI ก็ว่าได้ ซึ่งแบ่งเป็นหมวดหมู่ต่างๆ เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน โดยหน้าเมนูต่างๆ แบ่งตามลักษณะการใช้งานที่ชัดเจน รวมไปถึงการอัพเดทซอฟต์แวร์ต่างๆ ก็สามารถจัดการได้ง่ายยิ่งกว่าเดิมอีกด้วย
นอกเหนือจากนี้ MSI GE66 Raider ยังมีในส่วน SteelSeries Engine 3 ที่ช่วยในการปรับแต่งการใช้งานของอุปกรณ์ต่อพ่วง Gaming Gear ต่างๆ ของ SteelSeries แน่นอนว่าในส่วนของคีย์บอร์ด SteelSeries Per-Key RGB ตัวเครื่องก็สามารถปรับแต่งได้ผ่านทางโปรแกรมนี้ เรียกได้ว่าจะปรับไฟให้ตะมุตะมิแค่ไหนก็สามารถทำได้เลย หรือจะได้พรีเซ็ทต่างๆ ที่มีมาแล้วก็สามารถทำได้เช่นกัน
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ที่ติดตั้งมาให้ใน MSI GE66 Raider เครื่องนี้เป็นแบบฝังตามปกติ ส่วนของการทดสอบระยะเวลาใช้งานของแบตเตอรี่โดยตั้งค่าความสว่างหน้าจอและเสียงให้ระดับต่ำ พร้อมเลือกโหมด Super Battery ของ MSI แล้วเล่นเว็บสลับกับดู Youtube แล้ว โปรแกรม BatteryMon แจ้งระยะเวลาใช้งานต่อเนื่องในเงื่อนไขดังกล่าวราวๆ 5 ชั่วโมงโดยประมาณ ซึ่งจากการทดสอบล่าสุดพบว่าแบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวกว่า Gaming Notebook ทั่วไปจริงๆ อย่างไรก็ตามเวลาใช้งานจริงโดยปรับความสว่างหน้าจอและเสียงให้อยู่ในระดับที่มากกว่านี้ จะทำให้แบตเตอรี่มีระยะเวลาใช้งานยาวนานได้สั้นกว่าเป็นไปได้
นอกจากนี้ทางด้านอุณหภูมิสำหรับ MSI GE66 Raider เครื่องนี้ที่ให้ฮีทไปป์มาทั้งหมด 6 เส้น Cooler Boost 5 เวอร์ชั่นล่าสุด ได้พัดลม 2 ตัว ช่องระบายความร้อน 4 ช่อง เรียกได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คอีกรุ่นที่มีการระบายความร้อนได้ดีมากเมื่อใช้งานแบบปกติจะอยู่ที่ประมาณ 40 – 50 องศาเซลเซียส ภายในห้องปรับอากาศอุณหภูมิประมาณ 25 – 27 องศาเซลเซียส จากนั้นทำการทดสอบเบิร์นให้เครื่องทำงาน 100% โดยทางทีมงานได้ทำการเล่นเกมหนักๆ เป็นเวลานานๆ ซึ่งได้เปิดโหมดเร่งรอบพัดลมสูงสุดไว้ อย่างไรก็ตามต้องบอกก่อนว่าเราจำเป็นต้องดูอุณหภูมิชิปประมวลผลผ่านทาง MSI After Burner ไปก่อน เพราะซอฟต์แวร์ Hardware Monitor ยังไม่รองรับ
ชิปประมวลผล Intel Core i9-10980HK ทดสอบด้วยโปรแกรม Benchmark และเล่นเกมต่อเนื่อง เพื่อทำให้ความร้อนสูงสุดที่เกิดขึ้นนั้นถือว่าทำได้ดีเยี่ยมเลย โดยอยู่ที่ 89 องศาเซลเซียส* (ใช้งานปกติอยู่ที่ประมาณ 50 – 60) เรียกได้ชุดระบายความร้อนจาก MSI ทำหน้าที่ได้เยี่ยมยอด ซึ่งในส่วนของการ์ดจออย่าง NVIDIA GeForce RTX 2070 Super นับว่าควบคุมความร้อนได้ดีมาก ร้อนสุดที่ 69 องศาเซลเซียส* (ใช้งานทั่วไปอยู่ที่ 40 – 50) ส่วนตัวเครื่องภายนอกนั้นรับรู้สัมผัสได้ถึงความร้อนเล็กน้อย ในส่วนนี้ถือว่าให้ประสบการณ์ที่น่าพอใจทีเดียว แต่เรื่องเสียงพัดลมดังเวลาเร่งสุดๆ ก็ยอมรับเลยว่าดังเอาเรื่องอยู่ แต่ก็ช่วยระบายความร้อนได้จริงๆ
Conclusion / Award
สรุปรีวิว MSI GE66 Raider เป็นสุดยอด Gaming Notebook ดีไซน์เทพ หน้าจอขนาด 15.6″ ที่เน้นความเป็นที่สุดในทุกๆ ด้าน สมกับเป็นรุ่นพี่ใหญ่อย่าง GT Series ที่ติดตั้งการ์ดจอตัวแรงรุ่นใหม่ล่าสุดระดับท็อปอย่าง NVIDIA GeForce RTX 2070 Super ด้วยความสมบูรณ์แบบในความเป็นโน๊ตบุ๊คเพื่อการเล่นเกมจากประสิทธิภาพในการเล่นเกมที่ทำได้ดี ให้ความร้อนที่น้อยลงแต่ความแรงเพิ่มขึ้น พร้อมด้วยชิปประมวลผล Intel Core i9-10980HK ที่เป็น Core i Gen 10H ตัวแรงที่สุดของ Gaming Notebook อย่างที่หาไม่ได้ใน Notebook ทั่วไป หรือ Gaming Notebook ระดับเริ่มต้นแน่นอน
ทำงานบนหน่วยความจำแรม DDR4 ขนาด 32GB Bus 2933 MHz เรียกได้ว่าเล่นเกม 3 มิติได้ลื่นๆ พร้อมกับทำงานหนักๆ ไปด้วยก็รองรับได้อย่างสบายๆ ที่สำคัญให้มาเลยกับ SSD M.2 NVMe ที่ 1TB (1TB x 1) โดยจุดเด่นที่เหนือชั้นก็คือได้ไฟ ไฟ Mystic Light ที่จัดเต็มยิ่งกว่า ซึ่งติดตั้งที่ขอบตัวเครื่องด้านหน้าเป็นแนวยาววัสดุเป็นอะคริลิคที่รมดำเข้ากับตัวเครื่อง ให้การแสดงผลแบบ Panoramic Aurora ออกแบบมาเพื่อให้สัมผัสถึงแสงไฟ RGB ที่สวยงาม โดยติดตั้งอยู่บริเวณของตัวเครื่องด้านหน้าเป็นแถบยาวและส่วนของขอบซ้ายและขวาที่ดูแล้วสวยงามโดดเด่น และแน่นอนว่าไฟคีย์บอร์ดหลากสีแบบ Per-Key RGB ที่สามารถปรับแต่งได้เพิ่มเติม
ส่วนเรื่องของเสียง ลำโพงแบรนด์ DYNAUDIO แบบ Duo Wave Speaker ก็ให้เสียงที่ดีมากๆ และสำหรับภาพได้หน้าจอเป็น IPS คุณภาพสูงที่ sRGB ใกล้เคียง 100% ความละเอียดเป็น Full HD รองรับ Refresh Rate ที่ 240Hz ตอบโจทย์สำหรับคนที่อยากได้หน้าจอเล่นเกมที่ลื่นไหลที่สุดนั่นเอง ส่วนการระบายความร้อนตัวเครื่องเป็นแบบ Cooler Boost 5 ฮีทไปป์ 6 เส้นขนาดใหญ่ พัดลม 2 ตัว ช่องระบายความร้อน 4 ช่องหมดห่วงเรื่องตัวเครื่องร้อน แม้สเปกจะแรงแค่ไหนก็ตาม สำหรับการเชื่อมต่อไร้สายเลือกใช้ Wi-Fi 6 AX ดีที่สุดใหม่ที่สุด พร้อม Bluetooth 5.0 ที่สำคัญระบบ Killer Doubleshot Pro ที่ช่วยลด Ping เวลาเล่นเกมมออนไลน์ พร้อมใช้งานอินเตอร์เน็ตอื่นๆ ได้อย่างลื่นไหลอีกด้วย ทั้ง Wi-Fi และ LAN RJ45
เอาเป็นว่าเพื่อนๆ ท่านไหนที่สนใจสุดยอดของ Gaming Notebook ปี 2020 ขนาดหน้าจอ 15.6″ ที่ให้ประสิทธิภาพทรงพลังที่สุด พร้อมฟีเจอร์อื่นๆ ที่ครบครันที่สุดล่ะก็ MSI GE66 Raider น่าจะตอบโจทย์ได้ดีที่สุดรุ่นหนึ่งทีเดียว ที่งบประมาณ 8x,xxx บาท ในส่วนสเปกที่สุดทางอย่าง Core i9-10980HK และการ์ดจอ RTX 2070 Super แต่โดยรวมแล้วถือว่ามีความคุ้มค่ากว่าพอสมควร ใครตั้งใจจะซื้อและเงินไม่ใช่ปัญหาหลัก สามารถสอบถามไปที่ MSI Gaming Shop หรือร้านจำหน่ายโน๊ตบุ๊คชั้นนำทั่วประเทศกันได้เลย
AWARDS
ในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับโน๊ตบุ๊คในกลุ่ม Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้ว ซึ่ง MSI GE66 Raider ก็ได้รับรางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Gaming
MSI GE66 Raider เป็น Gaming Notebook ที่มีความสดใหม่และเทคโนโลยีล้ำๆ มากมาย อาทิเช่น หน้าจอพาเนล IPS เกรดสูง ความละเอียด Full HD รองรับ Refresh Rate ที่ 240Hz ระบบ Cooler Boost 5 ที่เย็นเจี๊ยบ, ระบบเสียง Nahimic, Steelseries Keyboard Per-Key RGB ที่ฟีเจอร์จัดเต็มใช้งานได้จริงๆ, และการเชื่อมต่อไร้สายก็จะมีมาตรฐาน Wi-Fi 6 AX แบบ Killer Doubleshot Pro ทำให้เล่นเกมได้ไม่สะดุดทั้ง LAN และ Wi-Fi รวมไปถึงซอฟต์แวร์ MSI Dragon Center ซึ่งสามารถใช้ประโยชน์ได้จริง ถือได้ว่าเป็นผู้นำในตลาด Gaming Notebook ยิ่งเทียบในระดับเดียวกันยิ่งหาตัวจับยาก ที่สำคัญในการใช้งานโดยรวมมีความสเถียรและเข้ากันเป็นอย่างดีด้วย
Best Performance
MSI GE66 Raider มีสเปคที่ครบครันและเป็นหนึ่งใน Gaming Notebook ที่ดีที่สุดในตลาด ด้วยชิปประมวลผล Core i9-10980HK ที่นับว่าเป็นชิปประมวลผล Notebook ที่แรงที่สุดในโลก และการ์ดจอรุ่นใหม่ตัวท็อปอย่าง NVIDIA GeForce RTX 2070 Super (8GB GDDR6) พร้อมแรมตัวเครื่องที่มาตรฐานใหม่แบบ DDR4 Bus 3200 Mhz ที่ใส่มาแล้ว 16GB และ SSD แบบ NVMe M.2 ให้การเข้าถึงข้อมูลได้รวดเร็วสูง รองรับการทำงานต่างๆ พร้อมๆ กันได้หลายๆ งาน รวมถึงเล่นเกมได้อย่างลื่นไหล ใส่มาแล้วทันทีที่ 1TB พร้อมใส่เพิ่มได้อีก ประสิทธิภาพการใช้งานโดยรวมประทับใจมากๆ ส่งผลให้ใครคนไหนจะซื้อ Gaming Notebook ระดับไฮเอนด์ที่จัดเต็มทั้งสเปกและฟีเจอร์ โดยเน้นประสิทธิภาพที่สูง MSI GE66 Raider ต้องเป็นตัวเลือกแรกๆ แน่นอน
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ MSI Gaming มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน MSI GE66 Raider ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงาม วัสดุเป็นโลหะอลูมิเนียมแทบทั้งหมด ออกแนวดุดันและเรียบหรูมากยิ่งขึ้น ด้วยการใช้ไฟ Mystic Light แสดงแสงไฟแบบ Panoramic Aurora วัสดุเป็นอะคริลิคที่รมดำเข้ากับตัวเครื่อง รวมไปถึงไฟคีย์บอร์ด RGB ก็โดดเด่นไม่แพ้กัน ซึ่งในจุดของรูปร่างหน้าตาเชื่อได้ว่าหลายๆ คนที่เป็นเกมเมอร์ต้องชื่นชอบอย่างแน่นอน จัดว่าเป็น Gaming Notebook สุดล้ำ ออกแบบมาสำหรับยุคอนาคต สื่อถึงเรื่องของประสิทธิภาพและความรวดเร็วในการใช้งานที่เหนือกว่าใคร