ในปี 2020 นี้ เครื่องพิมพ์โดยเฉพาะ Printer Inkjet ดูเหมือนว่าจะเป็นอุปกรณ์อีกหนึ่งอย่างที่คนใช้งาน Notebook / PC มีติดบ้านหรือออฟฟิศเอาไว้เสมอ ตั้งแต่การใช้สำหรับการทำงานต่างๆ อาทิ พิมพ์เอกสารต่างๆ พิมพ์รูปถ่ายจากมือถือหรือกล้อง เรียกว่าน่าจะเป็นอีกอุปกรณ์หนึ่งที่เข้าถึงคนในบ้านได้อย่างทั่วถึง ซึ่งในปัจจุบันนี้มีราคาไม่แพง ทั้งแบบ Printer Inkjet ปกติที่พิมพ์อย่างเดียว หรือแบบ Printer Inkjet All-in-One (Multi-function) แถมยังรองรับการเชื่อมต่อไร้สายเป็นมาตรฐานเพื่อความสะดวกสบาย อีกทั้งมีรุ่นที่แบบหมึกแท็งค์ให้เราเลือกซื้อด้วยเพื่อการประหยัดและคุ้มค่าที่มากกว่านั่นเอง
นอกจากนั้นยังมี Printer Inkjet ขนาดกลางและขนาดใหญ่ที่เป็น Photo Printer สำหรับใช้ในสำนักงานขนาดเล็กหรือโฮมออฟฟิศ ไปจนถึงการใช้งานแบบจริงจังที่มีการพิมพ์ต่อวันหลายแผ่นและต้องการคุณภาพ สำหรับการพิมพ์รูปภาพ โปสเตอร์หรืองานพรีเซนเทชั่นที่ต้องการความละเอียดของผลงานค่อนข้างสูง ซึ่งแน่นอนว่าต้องรองรับกับการทำงานในหลายรูปแบบ รวมถึงเอกสารต่างชนิด ต่างขนาดกันอีกด้วย แต่ราคาก็จะสูงขึ้นไปอีกระดับบเพราะเน้นความเป็นมืออาชีพนั่นเอง
ซึ่งในบทความนี้เราจะมาแนะนำวิธีเลือก Printer Inkjet ปี 2020 ให้เหมาะสมกับการใช้งานและความต้องการ โดยอยู่ในงบประมาณที่เหมาะสมเน้นสำหรับผู้ใช้งานทั่วไปอย่างนักเรียนนักศึกษา คนทำงาน รวมไปถึงในออฟฟิศขนาดเล็ก SME / SMB ที่ให้เรื่องฟีเจอร์สำหรับการพิมพ์หรือการให้ความคล่องตัว รวดเร็วและมีคุณภาพ ก็ยังเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมากเลยทีเดียว ในราคาที่ไม่แพงและคุ้มค่า ซึ่งจะแบ่งเป็นขั้นตอนหรือปัจจัยต่างๆ ดังต่อไปนี้
1. Inkjet พิมพ์อย่างเดียว หรือ All-in-One แบบไหนดี
เป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ สำหรับการเลือก Printer Inkjet เนื่องจากมีการใช้งานที่ต่างกัน ในกรณีที่เลือกการใช้เป็น Printer Inkjet เพื่อการพิมพ์อย่างเดียว ก็ต้องพิจารณาด้วยว่าต้องการฟังก์ชั่นอื่นๆ ด้วยหรือไม่ เช่น สแกน ก็อปปี้หรืออื่นๆ เพราะเวลานี้ Printer Inkjet All-in-One มีตัวเลือกเยอะมากๆ เรียกได้ว่าเอาเข้าจริงเราจะหา Printer Inkjet ที่เน้นพิมพ์อย่างเดียวเริ่มยากแล้ว หรือไม่ก็จะเป็นแบบเฉพาะทางคือเน้นพิมพ์พวกภาพถ่ายหรือต้องการความละเอียดสูง ๆ ไปเลย
ดังนั้นแล้วผู้ซื้ออย่างเราๆ อาจจะต้องพิจารณาด้วยว่า คนในบ้านหรือในสำนักงานนั้น มีรูปแบบการใช้งานอื่นๆ ด้วยหรือไม่ หรือถ้าสนนราคาของ Printer Inkjet All-in-One ที่รองรับ Multi-function นั้นใกล้เคียงกับเครื่อง Printer Inkjet ปกติ ก็สามารถเลือกใช้ได้ เพราะบางแบรนด์ All-in-One มีราคาเริ่มต้นแค่พันกว่าบาทเท่านั้น มีไว้ได้ใช้บ้าง น่าจะดีกว่าไม่มีให้ใช้เวลาที่ต้องการ เหมาะสำหรับคนทั่วไปที่ต้องการจบครบในเครื่องเดียวไม่ต้องเสียเวลาไปซื้ออะไรเพิ่มภายหลัง
2. เลือกแบบตลับหมึกปกติ หรือแบบหมึกแท็งค์
Printer Inkjet แบบติดแทงก์หรือแบบหมึกเติมที่เป็นรุ่นมาตรฐานจากโรงงาน แม้มีราคาค่าเครื่องที่สูงกว่า Printer Inkjet แบบตลับเดิมๆ แต่ก็เป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบันสำหรับกลุ่มผู้ใช้งานที่มีงานพิมพ์จำนวนมากต่อวัน และมีการใช้งานที่หลากหลาย เช่นผู้ใช้ตามบ้าน ที่มีจำนวนสมาชิกในบ้านหลายคน มีงานพิมพ์ทั้งเอกสารและรูปถ่าย ซึ่งแต่ละแบบก็ต้องใช้ปริมาณหมึกพิมพ์ไม่น้อยหรือจะเป็นบริษัทขนาดเล็ก ที่มองถึงความคุ้มค่าหรือต้นทุนของงานพิมพ์ต่อแผ่น จึงต้องประหยัดค่าใช้จ่ายลง แต่ก็ต้องคงไว้ในเรื่องของคุณภาพเช่นเดียวกัน จึงไม่น่าแปลกใจทีเวลานี้ผู้ผลิตพรินเตอร์ชั้นนำหลายราย ก็หันมาให้ความสนใจต่อ Printer Inkjet ในแบบแทงก์หรือ Ink tank นี้
ซึ่งจริงๆ แล้วก็มีข้อดีมากมายหากเทียบกับแบบตลับเดิมๆ จากการที่ ค่าใช้จ่ายต่อแผ่นถูกลง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการใช้งาน Printer Inkjet แบบแทงก์ เพราะผู้ใช้ซื้อหมึกได้ในปริมาณที่มากขึ้น แต่ราคาถูกลง เมื่อเทียบกับตลับหมึกพื้นฐานมารวมกัน จึงทำให้ได้งานพิมพ์ในจำนวนที่มากขึ้น เมื่อคำนวณแล้วมีค่าใช้จ่ายต่อแผ่นที่ถูกลง แต่ยังคงคุณภาพของงานพิมพ์ไว้เช่นเดิม นอกจากนี้ตัวหมึกเองก็เติมได้ง่ายไม่ต้องง้อร้าน มีคุณภาพตามมาตรฐานของแต่ละแบรนด์ รองรับการพิมพ์ต่อเนื่องไม่ต้องคอยเปลี่ยนตลับปล่อยๆ ที่สำคัญยังดูแลรักษาไม่ยากอีกด้วย อย่างไรก็ตามทั้งนี้ทั้งนั้นอยู่ที่ว่าเราเน้นพิมพ์บ่อยแค่ไหน เพราะถ้านานๆ ทีแบบตลับอาจจะดูค่าใช้จ่ายน้อยกว่า แต่ถ้าพิมพ์เยอะแน่นอนแบบแทงค์ยังไงด็ดีกว่า
3. เลือกการเชื่อมต่อแบบพิมพ์ไร้สาย สบายกว่าเยอะ
โดยพื้นฐานการเชื่อมต่อของ Printer Inkjet กับ Notebook / PC ในยุคก่อนๆ จะมีพอร์ต USB เป็นพื้นฐาน ซึ่งเป็นรูปแบบสากลที่ใช้งานง่ายต่อสะดวก ข้อดีคือ ตรวจจสอบได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นอิงก์เจ็ตขนาดเล็ก ไปจนถึงระดับกลางและใหญ่ที่ใช้กันตามบ้านหรือสำนักงานขนาดเล็ก ข้อจำกัดอาจจะอยู่ที่การแชร์ให้กับคนอื่นๆ ในบ้านได้ใช้ ซึ่งต้องอาศัยเครื่องหลักในการแบ่งปัน แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Printer Inkjet บางรุ่นได้เพิ่มเติมฟังก์ชั่นการพิมพ์ไร้สาย Wi-Fi เข้าไปด้วย โดยจะมีราคามากกว่ารุ่นที่ไม่มี Wi-Fi เป็นมาตรฐาน ประมาณไม่เกิน 1,000 บาท
ในการทำงานแบบ Wi-Fi ข้อดีก็คือ ทำให้เราไม่ต้องยุ่งยากลากสาย USB / LAN แบบเมื่อก่อน อีกทั้งถ้ารองรับการพิมพ์แบบ Cloud ก็จะสามารถสั่งพิมพ์งานจากที่ใดก็ได้ในโลก ขอให้มีสัญญาณอินเทอร์เน็ตเท่านั้นและที่สำคัญยังรองรับการพิมพ์ผ่านทางสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตได้อีกด้วย ซึ่งในตลาดเวลานี้ Printer Inkjet ระดับ 2 พันกว่าบาท ซึ่งเชื่อมต่อ WiFi โดยตรงเข้ากับเครื่องหรือผ่านทางเราเตอร์ รวมถึงการสั่งพิมพ์งานผ่านทางเมล์แอคเคาต์ที่สมัครไว้ รวมถึงผ่านทางหน้าเว็บก็ได้ แบบนี้ค่อนข้างสะดวกและให้อิสระในการพิมพ์ได้มากทีเดียว
4. ปุ่มฟังก์ชั่นใช้งานง่ายหรือมีหน้าจอไว้ก็ดี แต่อย่าจ่ายแพงเกินไป
ค่อนข้างชัดเจนสำหรับ Printer Inkjet โดยทั่วไปที่วันนี้มักจะมาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลเล็กๆ ที่มีทั้งแบบ ขาวดำและจอสี บางรุ่นก็ทัชสกรีนได้ด้วย ขึ้นอยู่กับว่าเป็น Printer Inkjet ในกลุ่มใด ข้อนี้ถ้าเราสนใจหรือต้องการให้ Printer Inkjet สามารถแจ้งสถานะได้ว่า ตั้งค่าอะไร พิมพ์แบบไหน ระดับหมึกเหลือเท่าไร หรือพิมพ์แบบเดียวๆ ผ่านทางแฟลชไดรฟ์ ไม่ได้ต่อคอม การเลือกแบบที่มีหน้าจอบนเครื่อง อาจเป็นสิ่งจำเป็น เพราะจะช่วยให้คุณทำงานได้ง่ายขึ้น
ต้องยอมรับว่าหลายคนให้ความสำคัญในจุดนี้อย่างมาก เพราะดูจะใช้งานง่ายกว่า แต่ส่วนใหญ่ต้องแลกมาในรุ่นที่ราคาสูงขึ้นไปอีก แต่ในกรณีที่ใช้เพียงแค่พิมพ์แบบเดี่ยวๆ จากคอมโดยตรงและไม่ได้มีลูกเล่นอื่นใดมากนัก การกดเพียงไม่กี่ปุ่มบนตัวเครื่อง ให้พิมพ์หรือหยุดพิมพ์ รวมถึงอาจจะมีปุ่มสำหรับเลือกสีหรือขาวดำ แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว ส่วนจะดูสถานะของสิ่งอื่นใดใน Printer Inkjet เข้าไปดูใน Properties ของเครื่องในคอมพิวเตอร์ ก็สามารถตอบโจทย์ได้เช่นเดียวกัน
5. Accessories หมึกไม่แพง แต่ต้องพิมพ์ได้ประหยัด
เป็นจุดสำคัญในการพิมพ์งานได้อย่างคุ้มค่า ผู้ผลิตส่วนใหญ่จะแนะนำให้ผู้ใช้เลือกซื้อหมึกแท้มาใช้งาน ด้วยเหตุที่ว่าเป็นหมึกที่มีการผลิตสำหรับพรินเตอร์ในแต่ละรุ่นอย่างเหมาะสม ปลอดภัยและให้คุณภาพในงานพิมพ์ที่มีประสิทธิภาพ อันเป็นการการันตีจากผู้ผลิตเอง เพื่อให้ผู้ใช้ได้งานพิมพ์ที่ดีและรักษาคุณภาพ รวมถึงให้การใช้งานร่วมกับหัวพิมพ์อย่างปลอดภัย บางยี่ห้อยังมีตัวเลือกของหมึกในแบบประหยัดสำหรับคนที่พิมพ์ไม่บ่อยมาเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกอีกด้วย
นอกจากนี้กรณีตลับหมึก Printer Inkjet ขนาดเล็กบางรุ่นยังคงเป็นตลับเดียว 3 สี แต่หากรุ่นใหญ่ขึ้นไปอีกหน่อยจะขยับไปใช้ตลับแบบแยกสีออกจากกัน จึงให้ความยืดหยุ่นในการเปลี่ยนแต่ละครั้งได้ดีกว่าและคุ้มค่ามากกว่า โดย Printer Inkjet แบบตลับทั่วไป ราคาจะอยู่ที่ตลับละ 300-500 บาท ส่วนตลับสีแบบรวมจะอยู่ที่ 700 บาทขึ้นไป แต่บางรุ่นต้องเปลี่ยนพร้อมหัวพิมพ์ราคาจะขยับไปที่พันกว่าบาทขึ้นไป ส่วนแบบหมึกขวดเพื่อไว้เติม Printer Inkjet แบบแทงค์นั้น มีราคาขวดละไม่เกิน 200 บาทต่อสีเท่านั้น นับได้ว่ามีความคุ้มค่ากว่ามากด้วย การเลือกใช้ขึ้นอยู่กับว่าเงื่อนไขของ Printer Inkjet และค่าใช้จ่ายส่วนไหนสำคัญสำหรับผู้ใช้มากที่สุด
6. ความละเอียด DPI เป็นเรื่องที่น่าสนใจ
ในเรื่องนี้คงต้องบอกว่าความละเอียดของ Printer Inkjet ในปัจจุบัน ก็ก้าวมาถึงระดับที่เพียงพอสำหรับพิมพ์ประเภท Photo ในงานภาพถ่ายได้ดีมากพอแล้ว ด้วยความละเอียด 2400 x 1200 dpi โดยพื้นฐาน ซึ่ง Printer Inkjet ขนาดเล็กราคาไม่แพงก็สามารถพิมพ์ความละเอียดดังกล่าวได้แล้ว แต่สำหรับพรินเตอร์รุ่นใหญ่ ก็อาจจะให้ความละเอียดได้มากกว่านี้ เช่นที่ 9600 x 2400 dpi เป็นต้น
แต่นั่นก็หมายถึงการพิมพ์งานที่เน้นคุณภาพงานที่บางครั้งอาจไม่ได้จำเป็นสำหรับผู้ใช้โดยทั่วไป ขึ้นอยู่กับการเลือกใช้ของแต่ละบุคคล ซึ่งหากคิดว่าต้องการงานพิมพ์ เอกสาร ภาพถ่ายหรือทำรายงานนำเสนอทั่วไป ความละเอียดพื้นฐานของ Printer Inkjet ราคาประหยัดเบื้องต้น ก็สามารถรองรับการทำงานได้แล้ว ในราคาเริ่มต้นที่พันกว่าบาทเท่านั้น
7. รองรับกระดาษขนาดไหน ใส่ได้กี่แผ่น
ในเวลานี้แทบไม่ต้องกังวลเลย เพราะ Printer Inkjet ส่วนใหญ่ สามารถรองรับกระดาษได้เกือบทุกรูปแบบเป็นมาตรฐาน ไม่ว่าจะเป็น A4, B5, A5, A6 หรือซองจดหมาย ไปจนถึงกระดาษแบบต่างๆ เช่น กระดาษ โบรชัวร์, อิงก์เจ็ต, กระดาษ Photo, ซองจดหมาย, ลาเบลและการ์ดอวยพรต่างๆ เพียงแต่ต้องดูว่า นอกจากขนาดกระดาษแล้ว อาจต้องดูความหนาที่สามารถใช้ร่วมกับ Printer Inkjet ด้วย
รวมถึงให้ถาดสำหรับใส่กระดาษมาใช้ได้ง่ายหรือไม่ เช่น ถาดที่สามารถปรับเลื่อนให้เข้ากับกระดาษที่ฟีดเข้าได้ง่าย รวมถึงดูด้วยว่ารองรับกระดาษได้มากน้อยเพียงใด เผื่อไว้สำหรับใครบางคนที่ชอบพิมพ์อย่างต่อเนื่อง ที่จะให้ความสะดวกได้มากกว่า ที่สำคัญถาดขาออก หากมีจุดที่รองรับกระดาษและตัวกั้นกระดาษ ป้องกันการกระดาษไม่ให้เลื่อนหล่นเมื่อพิมพ์ออกมาหลายๆ แผ่น
8. ความเร็วในการพิมพ์หรือที่เรียกว่า Page per Minute (PPM)
คือปริมาณการพิมพ์จำนวนกี่หน้าต่อนาที ที่ส่วนใหญ่จะใกล้เคียงกันทั้งสีและขาวดำ เพียงแต่ในเงื่อนไขของการพิมพ์ในแต่ละคนอาจไม่เหมือนกัน เพราะบางครั้งมีภาพเยอะหรือบางทีอาจมีแค่ตัวอักษร แต่สำหรับเครื่อง Printer Inkjet ทั่วไปนั้น จะให้ความเร็วเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 15-17 PPM สำหรับพิมพ์สีและ 20-22 PPM สำหรับงานพิมพ์ขาว-ดำ
ส่วนจะพิมพ์ได้เร็วหรือช้ากว่านั้นก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขการพิมพ์ของแต่ละบุคคล ว่าเป็นการพิมพ์แบบละเอียด (Quality) หรือพิมพ์แบบทั่วไป อย่างไรก็ดีหากเป็นคนที่ต้องการเวลาเป็นหลัก อาจอ้างอิงกับตัวเลข PPM ที่ระบุไว้บนหน้าสเปคของ Printer Inkjet แต่ละตัวได้ในเบื้องต้น
ตัวอย่าง Printer Inkjet All-in-One ปี 2020 ที่แนะนำ
Epson EcoTank L3150 ราคา 4,690 บาท
ประสิทธิภาพมืออาชีพ ครบจบในเครื่องเดียว ดีไซน์สวย
- มัลติฟังก์ชัน ( Print/ Copy/ Scan/ wifi direct)
- ความละเอียดในการพิมพ์ 5760 x 1440 dpi
- ความเร็วพิมพ์ขาวดำ 33 หน้า/นาที/ สี 15 หน้า/นาที
- ความเร็ว Copy ขาวดำ 20 หน้า/นาที
- ความละเอียดในการสแกน 1200 x 2400 dpi
- ถาดเข้า 100 แผ่น/ ขนาดกระดาษ 80 แกรม
- พิมพ์ไร้ขอบได้ขนาด 4R
- รองรับ Wi-Fi, การสั่งพิมพ์ผ่านมือถือและ Cloud
- ใช้หมึก T00V100 – 400
- ขนาดสินค้า 37.5 x 34.7 x 17.9 ซม.
- น้ำหนัก 3.9 กก.
- สินค้ารับประกัน 2 ปี หรือ 30,000 แผ่น
Canon Pixma G2010 ราคา 3,990 บาท
ครบเครื่อง หมึกแบบเติม แต่ไม่รองรับ Wi-Fi
- มัลติฟังก์ชัน (Print/Copy/Scan)
- ความละเอียดงานพิมพ์ 4,800 x 1,200 dpi (ขนาดหยดหมึก 2 pl)
- ความเร็วการพิมพ์ขาว-ดำ 8.8 ภาพ/นาที, สี 5 ภาพ/นาที
- พิมพ์ภาพ 4 x 6 นิ้ว ภายใน 60 วินาที
- พิมพ์ไร้ขอบ A4/ Letter/ 4 x 6 นิ้ว/ 5 x 7 นิ้ว/ 8 x 10 นิ้ว/ Square (5 x 5 นิ้ว)/ Business Card
- ความละเอียดการสแกน 600 x 1200 dpi(Flatbed)
- ความเร็วการสแกน 19 วินาที
- ความเร็วในการถ่ายเอกสาร 32 วินาที (1.7 ipm)
- ความจุถาดป้อนกระดาษ (ด้านหลัง) 100 (A4,LR)/10(Legal)แผ่น
- การเชื่อมต่อ USB 2.0 High-Speed
- รองรับระบบ Windows 10/8.1/7 ServicePack 1, ไม่รองรับ Mac OS
- หมึกพิมพ์แบบขวดแยกสี (GI-790 C/M/Y/K)
- สินค้ารับประกัน 1 ปี
HP DeskJet Ink Advantage 2135 ราคา 2,790 บาท
เน้นถูกคุ้มค่า ราคาประหยัด ใช้งานพื้นฐาน
- มัลติฟังก์ชันอิงค์เจ็ท (Print/Copy/Scan)
- พิมพ์งานขาว-ดำ 20 แผ่น/นาที, สี 16 แผ่น/นาที(7.5 ขาวดำ/5.5 สีISO)
- ความละเอียดการพิมพ์ 4,800 x 1,200 dpi
- รองรับรอบพิมพ์สูงสุด 1,000 แผ่น/เดือน
- ความละเอียดการสแกน 1,200 x 1,200 dpi
- ความเร็วการถ่ายเอกสาร ขาว-ดำ 5 แผ่น/นาที, สี 3 แผ่น/นาที
- ใช้ตลับหมึก HP 680 Bk, HP 680 Tri-color
- สินค้ารับประกัน 1 ปี