อีกหนึ่งโน๊ตบุ๊คที่ทาง ASUS ประเทศไทยจัดสเปกมาเป็นพิเศษอย่าง ASUS M570DD มาพร้อมกับชิปประมวลผล AMD Ryzen 5 3500U ที่มีความแรงพอตัว รองรับการใช้งานทั่วไป จับคู่กับการ์ดจอ Gaming ระดับเริ่มต้นอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1050 โดยมีขายในตลาดมาซักพักแล้ว (แต่ NBS เพิ่งได้รับมารีวิว) ซึ่งเป็นการต่อยอดมาจากรุ่นก่อนหน้ากับ ASUS A570UD ที่นับว่าเคยเป็นกระแสมาแรงช่วงหนึ่งทีเดียว โดยมีรุ่นพี่ใหญ่กว่าด้วย ASUS TUF Gaming Series ทำตลาดอยู่ ซึ่งในตอนนี้ ASUS M570DD ได้ลดราคาลงมาล่าสุดที่ 15,900 บาท (ราคาหน้าร้านจริงๆ อาจจะถูกกว่านี้)
สเปกอื่นๆ ก็มีความน่าสนใจ กับการที่เป็น Gaming Notebook รุ่นถูกที่สุดของทาง ASUS ได้หน้าจอขนาด 15.6″ ความะเอียด Full HD พาเนล TN ให้แรมขนาด 8GB DDR4 Bus 2400MHz ผสานการทำงานร่วมกับที่เก็บข้อมูล SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB พร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 10 ที่สำคัญคือได้ประกันระยะเวลา 2 ปี โดยสามารถฝากเคลมผ่านร้าน 7-11 ได้ และได้ประกับอุบัติเหตุ Perfect Warranty ในปีแรกเรียกได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมสำหรับคนที่งบน้อยหน่อย รองรับการทำงานทั่วไปลื่นไหลแน่นอน
NBS Verdict
ASUS M570DD จัดได้ว่าเป็น Gaming Notebook ที่ราคาถูกสุดของแบรนด์ ASUS ทำให้เพื่อนๆ หรือใครที่ต้องการโน๊ตบุ๊คไปใช้งานเล่นเกม โดยเน้นเรื่องของการ์ดจอระดับ Gaming ซึ่งได้ NVIDIA GeForce GTX 1050 ซึ่งเพียงพอต่อการเล่นเกมออนไลน์และออฟไลน์อย่างลื่นไหล จากสเปกอื่นๆ ด้วยแรมขนาด 8GB และ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ก็ทำให้ตัวเครื่องมีความลื่นไหล ใช้งานร่วมกับ Windows 10 ได้อย่างลงตัว ที่นอกเหนือจากการเล่นเกมแล้ว การใช้งานพื้นฐานต่างๆ อาทิ งานเอกสาร ใช้งานอินเตอร์เน็ต ดูหนังฟังเพลง ก็รองรับได้ทั้งหมด เรียกได้มีความลื่นไหลเพียงพอต่อการทำงาน อีกทั้งได้ความคุ้มค่าด้วย กับราคาถูกสุดเพียง 15,900 บาท
อย่างไรก็ตามในส่วนของดีไซน์งานประกอบก็ต้องบอกกันตามตรงเน้นเป็นโน๊ตบุ๊คราคาประหยัด ที่แม้ว่าจะได้การออกแบบที่ดู Gaming แตกต่างจากโน๊ตบุ๊คทั่วไป แต่เรื่องของวัสดุก็เป็นพลาสติกธรรมดา รวมไปถึงระบบระบายความร้อนก็เป็นมาตรฐานทั่วไป ไม่ได้มีความพิเศษเหมือน TUF Gaming Series อีกทั้งหน้าจอก็เป็นพาเนล TN 60Hz และไม่มีไฟคีย์บอร์ดด้วย ซึ่งก็ต้องยอมรับว่า ASUS M570DD ทำตลาดในไทยมาซักพักแล้วด้วย ส่งผลให้ในตอนนี้ถ้างบขยับไปได้อีกนิดจะลองดูเป็น ASUS TUF Gaming FX505DD ที่เป็นชิปประมวลผล Ryzen 5 3550H พร้อมได้ฟีเจอร์ Gaming ก็ดูว่าน่าสนใจกว่า
ข้อดี
- สเปคแรงและคุ้มค่าได้ทั้ง AMD Ryzen 5 3500U + NVIDIA GeForce GTX 1050
- มาพร้อมกับแรมขนาด 8GB ทำงานร่วมกับ SSD M.2 NVMe 512GB ใช้งานลื่นไหล
- มีพอร์ต USB 3.1 Type-C และ Micro SD Card Reader มาให้ด้วย
- การระบายความร้อนตัวเครื่องทำได้ดี แทบไม่มีความร้อนแผดออกมาจากตัวเครื่องเลย
- ตัวเครื่องมาพร้อมกับ Windows 10 แท้ในตัว
- ตัวเครื่องน้ำหนักเบาเพียง 1.96 กิโลกรัมพกพาสบายๆ
- แบตเตอรี่ใช้งานได้นานกว่า 8 ชั่วโมง เมื่อต่อเน็ตดู YouTube
- ได้ประกันอุบัติเหตุ Prefect Warranty ฟรี 1 ปีแรก (ต้องลงทะเบียน)
- ราคาล่าสุดมีความคุ้มค่า
ข้อสังเกต
- การแกะอัปเกรดทำได้ยากมาก ไม่แนะนำให้ทำเอง
- ลำโพงเสียงเบาไปนิด
- ไม่มีไฟคีย์บอร์ด
- ชิปประมวลผลไม่ใช่รหัส H
Specification
ASUS M570DD รุ่นที่ทาง NBS ได้มาทดสอบใช้ชิปประมวลผลเป็น AMD Ryzen 5 3500U (2.10 – 3.70GHz) เป็นสถาปัตยกรรม 12 nm Zen+ รุ่นใหม่ ทำงานแบบ 4 คอร์ 8 เธร์ด การ์ดจอออนบอร์ด VEGA 8 ประสิทธิภาพดี รองรับการใช้งานพื้นฐานทั่วไปสบายๆ พร้อมการ์ดจอ Gaming ระดับเริ่มต้นอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1050 (4GB GDDR5) แรมให้มาขนาด 8GB DDR4 Bus 2400MHz สำหรับที่เก็บข้อมูลให้มาทั้งเป็นมาตรฐาน SSD ความเร็วสูงแบบ NVMe M.2 ความจุ 512GB รองรับการอัพเกรด HDD 2.5″ SATA 3 ภายหลัง ส่
จอแสดงผลแบบด้านขนาด 15.6 นิ้ว ที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล Full HD พาเนล TN ให้สีสันการแสดงผลในเกณฑ์ธรรมดาทั่วไป พร้อมด้วยกล้องเว็บแคมความละเอียด VGA และมีไมค์ดิจิตอลในตัว ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาให้พอร์ตทั้ง HDMI, USB 3.1 Tpye C, 1 x USB 3.0, 2 x USB 2.0, Kensington lock slot, LAN RJ-45, รูหูฟังกับไมค์แบบ Combo และ Micro SD Card Reader ส่วนการเชื่อมต่อไร้สายก็มาพร้อมกับ Bluetooth 4.1 และ Wi-Fi 5 AC พร้อมติดตั้งระบบปฎิบัติการติดตั้ง Windows 10 แท้มาให้ในตัว
สนนราคาล่าสุดของ ASUS M570DD อยู่ที่ 15,900 – 16,900 บาท การรับประกัน 2 ปี และที่สำคัญอย่าลืมเอาซีเรียลไปลงทะเบียนในเว็บไซต์ ASUS เพื่อที่ได้รับสิทธิ์ประกันอุบัติเหตุฟรี 1 ปีแรกด้วย
Hardware / Design
การออกแบบของ ASUS M570DD ถือเป็นดีไซน์ที่เหมือนกับ ASUS A570UD กับการเป็น Gaming Notebook หน้าจอขนาด 15.6″ โดยกลิ่นอายเหล่านี้ได้ถูกนำไปใช้ใน TUF Gaming Series ซึ่งอยู่ในส่วนของลวดลาย อย่างไรก็ตามตระกูล A จะเน้นความเป็น Gaming มากกว่า VivoBook, ZenBook ชัดเจน ซึ่งดูก็รู้เลยว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่เน้นความคุ้มค่าเป็นหลัก ใช้วัสดุทั้งหมดเป็นพลาสติกที่มีความมันวาว มีสีสันมีรูปลักษณ์สะดุดตา ด้วยพื้นผิวสีดำ Reaper Black ดูประณีต พร้อมตัดขอบสีฟ้าเขียว Lightning Blue ดูดุดันโดดเด่นไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือนแน่นอน มองดูภายนอกก็รู้เลยว่า ASUS เครื่องนี้ สเปกไม่ได้เน้นใช้งานทั่วไปหรือพื้นฐาน
ตัวเครื่องมีน้ำหนักเบาประมาณนึงที่ 1.96 กิโลกรัม มีความบางที่ 21.9 มิลลิเมตร ที่ก็จัดว่าไม่หนักเลยเพราะเป็น Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 15.6″ พร้อมบลัชลาย Aluminum Texture เป็นเส้นตรง เส้นเฉียงลวดลายสวยงาม ให้สัมผัสที่ขรุขระ จับติดมือ ไม่ลื่นและที่สำคัญเลยคือไม่เป็นรอยนิ้วมือง่าย ตรงกลางก็จะมีโลโก้ ASUS สีฟ้าเขียว เรียกได้ว่าไม่เหมือนกับโน๊ตบุ๊ครุ่นใดๆ ของทาง ASUS เลยทีเดียว
ส่วนหลังตัวเครื่องก็จะมีช่องระบายความร้อนหนึ่งช่องธรรมดา ไม่มี Anti Dust Tunnel แกะลายช่องระบายความร้อนก็ดูสวยงามดี ขอบตัวเครื่องสีฟ้าเขียวเช่นเดียวกับโลโก้ ASUS บานพับเครื่องถูกออกแบบมาให้เป็นแบบบานพับคู่ซ้ายขวาแข็งแรงทนทาน ไม่มีโยกเยก บอดี้ด้านในกับการบลัชลาย Aluminum Texture คล้ายกับซีรีส์ TUF Gaming ซึ่งมาพร้อมกับคีย์บอร์ดขนาด Full Size มาตรฐานปกติไม่มีไฟ พร้อมช่องดูดความร้อนด้านบนตรงกลาง และปุ่มปิดเครื่องอยู่จะที่มุมบนขวาซ่อนกลืนเข้ากับตัวเครื่องไปเลย
ด้านฐานของตัวเครื่องวัสดุพลาสติกที่แข็งแรงพร้อมอากาศเย็นผ่าน โดยมีช่องดูดลมเย็นใต้เครื่อง อีกทั้งยังมีช่องด้านบนเหนือคีย์บอร์ดมีช่องดูดลมอีกช่องช่วยนำพาอากาศเย็นเข้าไปอีก รวมๆ แล้วต้องยอมรับว่าทาง ASUS นั้นใส่ใจในการออกแบบมาระดับนึง แต่เรื่องของการแกะงัดอัพเกรดไว้รอติดตามอีกที สำหรับตัวเครื่องด้านในอารมณ์โดยแล้วก็มีความใกล้เคียงกับด้านนอกเลย ซึ่งบริเวณขอบตัวเครื่องตรงฝาจะมีการเล่นสีสันสีฟ้าเขียว Lightning Blue ไว้รอบๆ ด้วย และแม้ตัวเครื่องด้านในจะเป็นพลาสติก แต่ก็มีการนำเสนอพื้นผิวแบบไม่เรียบเป็นลักษณะจุดๆ บริเวณรอบๆ แป้นคีย์บอร์ด ส่งผลให้เวลาที่เราเอามือมาวางบนคีย์บอร์ดจะรู้สึกการสัมผัสที่ดูเหนือชั้นกว่าวัสดุทั่วๆ ไป แถมเป็นรอยนิ้วมือค่อนข้างยากอีกด้วย
สรุปโดยรวมการออกแบบดีไซน์ภายนอกและวัสดุของ ASUS M570DD นั้น ทำได้ดีตามมาตรฐานของโน๊ตบุ๊ค ASUS ที่เน้นความประหยัดในราคาไม่แพง ตอบโจทย์ของคนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คในดีไซน์ Gaming หน่อยๆ ให้ประสิทธิภาพในการเล่นเกมได้ในระดับที่ดีกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปในราคาใกล้เคียงกัน ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ ที่แม้ขอบจอจะไม่บางมาก แต่ได้น้ำหนักเบาตัวเครื่องที่บาง สามารถใส่ในกระเป๋า หรือกระเป๋าเป้สะพายหลังได้ง่าย เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่เดินทางอยู่ตลอดเวลา อย่างไรก็ตามมีข้อสังเกตุก็คือวัสดุดูธรรมดามากๆ
Keyboard / Touchpad
คีย์บอร์ดของ ASUS M570DD เป็นจะคีย์บอร์ดขนาด Full Size ธรรมดา แบบ Chiclet Switches ดีไซน์ปกติ ไม่ได้ทำลวดลายใดๆ วัสดุเป็นพลาสติกสีดำ ฟอนต์ตัวอีกษรสีขาว ปุ่มกดขนาดกลางๆ ไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป ระยะกด 1.4 มิลลิเมตร ที่ให้ความรู้สึกหนักแน่นและประสบการณ์การพิมพ์ที่สะดวกสบายแม้จะใช้งานต่อเนื่องเป็นเวลานานบน ปุ่มลูกศรกลืนเข้ากับตัวเครื่องไม่ได้แยกออกมา ซึ่งมีข้อสังเกตนิดหนึ่งตรงที่ปุ่มกด Numpad การวาง Layout จะสลับแปลกๆ และไม่มีปุ่ม Enter ที่ด้านขวาสุด ทำให้คนที่จำเป็นต้องใช้ปุ่มนั้นบ่อยๆ คงจะหงุดหงิดเล็กน้อย
ในส่วนของทัชแพดก็ถือว่าเป็นจุดเด่นของเครื่องเลยก็ว่าได้เพราะดีไซน์ขอบสีฟ้าเขียว สวยงามโดดเด่นสะดุดตามาก ขนาดก็พอเหมาะพอดีกับตัวเครื่อง ซึ่งถูกออกแบบมาให้เป็นแบบซ่อนปุ่ม ทำไฮไลท์สีฟ้าเขียวแบ่งปุ่ม รองรับการใช้งาน Multitouch ได้ลื่นไหลดี พื้นผิวมีลักษณะเรียบลื่น ซึ่งอาจจจะเป็นคราบรอยนิ้วมือง่ายนิด ส่วนปุ่มปิดเปิดเครื่องจะอยู่ที่มุมบนขวาตัวเครื่องสีดำสวยงาม พร้อมไฟแสดงสถานะสองจุดด้านข้าง
Screen / Speaker
หน้าจอแสดงผล ASUS M570DD จะใช้ขนาด 15.6 นิ้ว ผิวจอด้านแบบ Anti-Glare ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล Full HD มีค่า Refresh Rate อยู่ที่ 60 Hz ธรรมดา ส่วน Panel จอเป็นแบบ TN ปกติ ทำให้การแสดงผลมุมมองภาพออกมากสู้พวกจอ IPS แบบรุ่นพี่ Tuf Gaming ไม่ได้ แต่ก็ถือว่าเพียงพอกับการใช้งานทั่วไปหรือเล่นเกมหนักๆ วัสดุขอบจอจะเป็นพลาสติกด้านมีดำ มียางรอง 5 จุด กล้องตรงกลางด้านบน 1 ตัวความละเอียด VGA พร้อมไมค์ตัดเสียงก็อยู่ด้านบนเช่นกัน
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ ASUS M570DD ที่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใช้หน้าจอพาเนล TN ทางทีมงานเลยถือโอกาสทดสอบหน้าจอแบบละเอียดๆ ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด ซึ่งเมื่อคาลิเบรตแล้วเราก็เลือกโปรไฟล์ที่เราได้คาลิเบรทเอาไว้ ผลที่ได้หลังจากที่คาลิเบรทก็คือคอนทราสต์มีการไล่โทนที่กว้างขึ้น รวมไปถึงมีสีสันและอุณหภูมิสีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน จากโทนเย็นกลายเป็นโทนอุ่น
โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 60% ส่วน AdobeRGB ที่ 45% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันแค่พอใช้เท่านั้น ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่ 200 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานความสว่างของหน้าจอในโน๊ตบุ๊คราคาระดับนี้ คือเพียงพอต่อการใช้งานทั่วๆ ไป แต่ถ้าจะเอาไปทำภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นความเที่ยงตรงแล้ว อันนี้ไม่แนะนำเท่าไร
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าช่องกลางด้านบนซ้ายมีค่า 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ แต่สำหรับช่องมุมด้านขวาล่างจะมีแสงสว่างที่ลดลงไปถึงระดับ 23% เลยทีเดียว ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนน 3.0 เมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว ผ่านทางอุปกรณ์ Spyder5Elite
ลำโพงของตัวเครื่องใช้เป็นแบบ Stereo 2.0 แยกเสียงซ้ายขวาได้ชัดเจนดี ระบบเสียง SonicMaster ทำให้มีเสียงมีน้ำหนัก ถือว่าเอามาเล่นเกมฟังเพลงได้ดีในระดับหนึ่งตามสไลต์เสียงจากลำโพงโน๊ตบุ๊ค ช่องลำโพงถูกออกแบบมาอยู่ด้านใต้ตัวเครื่องซ้ายขวา ช่วยแก้ปัญหาสำหรับบางคนที่เวลาพิมพ์งานข้อมืออาจจะไปปิดช่องลำโพงทำให้เสียงออกไม่เต็มที่ได้ แต่มีข้อสังเกตนิดหนึ่งตรงที่เสียงได้เบาและแบนไปหน่อย
Connector / Thin And Weight
มาดูทางด้านพอร์ตการเชื่อมต่อตัวเครื่อง ASUS M570DD กันบ้าง ซึ่งถือได้ว่าเซอร์ไพรส์เลยทีเดียวให้พอร์ตเชื่อมต่อเยอะกว่ารุ่นพี่ตัว Tuf Gaming เสียงอีก โดยมีทั้ง USB 3.1 Type-C, USB 2.0 Type-A จำนวน 2 พอร์ต, USB 3.0 Type-A จำนวน 1 พอร์ต, ช่องต่อหูฟังกับไมค์แบบ Combo ขนาด 3.5 มิลลิเมตร, LAN RJ45, HDMI, Kensington และมี Micro SD Card Reader มาให้อีกด้วย เรียกได้ว่าครบครันมากๆ ทีเดียวกับโน๊ตบุ๊คราคาระดับนี้
ในส่วนของการเชื่อมต่อไร้สายจะใช้ Bluetooth 4.1 และ Wi-Fi 5 AC มาตราฐานที่นิยมใช้งานมากที่สุด ซึ่งจะช่วยให้การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตให้มีความสเถียรมากยิ่งขึ้น และรองรับสัญญาณความที่ถี่ 2.4GHz / 5 GHz ได้ ขนาดของตัวเครื่อง 374.6 x 256 x 21.9 มม. โดยมีน้ำหนักเพียง 1.96 กิโลกรัมเท่านั้น เบามากๆ สำหรับเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คในราคานี้ โดยเมื่อรวมกับอะแดปเตอร์ชาร์จเข้าไปด้วยจะมีน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 2.20 กิโลกรัม โดยหากจะพกพาไปไหนมาไหนถือว่าสะดวกเอามากๆ เลยทีเดียว
Inside / Upgrade
ถ้าใครต้องการจะแกะทั้งฝาล่างทั้งหมดของ ASUS M570DD เพื่อทำการอัพเกรดนั้นบอกเลยว่าทำได้ยาก เพราะตัวเมนบอร์ดที่ใส่อุปกรณ์อัพเกรดจำแรม, SSD M.2 จะอยู่ที่ด้านหลังเมนบอร์ดทั้งหมด แล้วการแกะคือต้องถอดคีย์บอร์ดออกไม่ใช่ฝาปิดด้านหลัง พูดง่ายๆ ก็คือหากจะอัพเกรดอะไรซักอย่างนั้น จะต้องแกะทุกชิ้นส่วนที่มีอยู่ในเครื่องออกทั้งหมด ทั้งคีย์บอร์ด, แบต, พัดลม รวมถึงหน้าจอเครื่องด้วย เพื่อทำการพลิกเมนบอร์ดมาใส่อุปกรณ์อัพเกรดนั่นเอง งานนี้แนะนำว่าให้ร้านหรือศูนย์บริการอัปเกรดให้ดีสุด โดยข้างในตัวเครื่องมาพร้อมกับพัดลม 1 ตัว ฮีทไปป์ 2 เส้น ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานไม่มีปัญหาอะไร
เมื่อแกะออกมาแล้วก็จะเห็นช่องใส่แรมจำนวน 1 แถว โดยเป็นการติดตั้งแรมฝังบอร์ดมาแล้ว 8GB x 1 รองรับการอัพเกรดได้สูงสุด 16GB (Dual Channel) แนะนำว่าถ้าอัพเกรดแรมเป็น 16GB ก็จะดีมากๆ และจะเห็นถึง SSD แบบ M.2 NVMe ความจุ 512GB (รองรับการอัพเกรด SSD/HDD แบบ 2.5” SATA เพิ่มอีก) ให้การใช้งานเป็นไปอย่างลื่นไหลไร้คอขวด ที่ต้องบอกว่าสำหรับการใช้งานทั่วไปจนไปถึงเล่นเกมก็ยังได้อยู่ สำหรับฮาร์ดแวร์ภายในประมาณนี้
Performance / Software
ASUS M570DD เครื่องรีวิวนี้มาพร้อมกับชิปประมวลผลจาก AMD Ryzen 5 3500U ซึ่งเป็นชิปประมวลผลใช้พลังงานไฟต่ำมาก มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.1 – 3.7 GHz ที่ทั้งแรงมีประสิทธิภาพที่ดี แถมประหยัดพลังงาน สถาปัตยกรรม 12 nm Zen+ รุ่นใหม่ เป็นซีพียูแบบ 4 Core 8 Threads มีค่า TDP 15Watt ที่เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป มาพร้อมแรมออนบอร์ดขนาด 4GB DDR4 Bus 2400 MHz รวมกับ 4GB อีกแถว รวมเป็น 8GB ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบายๆ
การ์ดจอเป็นแบบออนชิปอย่าง AMD Radeon VEGA 8 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่ก็รองรับการทำงานกับหน้าจอความละเอียดสูง Full HD ได้แบบไม่มีปัญหา เว้นแต่เอาไปเล่นเกม 3 มิติให้ยุคปัจจุบัน อันนี้ไม่แนะนำ และนอกจากนี้ยังมาพร้อมกับการ์ดจอน้องเล็ก Gaming อย่าง NVIDIA GeForce GTX 1050 (4GB GDDR5) ที่ประสิทธิภาพเรียกได้สามารถเล่นเกม 3 มิติ ลื่นๆ เลย เดี๋ยวไปดูผลทดสอบกันอีกที
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจตามมาตรฐานของAMD Ryzen 5 3500U เปรียบเทียบกับชิปประมวลผล Intel Core i ตระกูล U ก็ทำได้ดีกว่าด้วย ในส่วนของตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพตอบโจทย์ในส่วนของงานทั่วไปเท่านั้น หรือเล่นเกมออนไลน์ 3 มิตินิดหน่อยก็พอได้ กรณีใช้งานการ์ดจอออนชิป
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้เป็น SSD ความเร็วสูงแบบ NVMe M.2 ที่ความจุ 512GB ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจ กับความเร็วระดับ Read: 1762 MB/s – Write: 960 MB/s ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดไดร์ฟแบบจานหมุนหรือแบบลูกผสมอย่าง SSHD แล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด การใช้งานโดยรวมก็ลื่นไหลน่าประทับใจมากๆ
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 3,452 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ ส่วนถ้าเอาไปใช้งานหนักๆ เช่นงานประมวลผล ตัดต่อวีดีโอ โปรเซสไฟล์ภาพความละเอียดสูง รวมไปถึงเล่นเกม 3 มิติ ก็พอได้ในระดับที่ไม่หนักมาก ซึ่งเดี๋ยวเราไปดูกราฟทดสอบเฟรมเรทเกมต่างๆ กัน
จัดเต็มการทดสอบเกมสำหรับ ASUS M570DD คะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 7 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยค่อนข้างลื่นไหล น่าประทับใจทีเดียว เมื่อเทียบกับโน๊ตบุ๊คที่ไม่ได้เน้นเล่นเกมมาก ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล AMD Ryzen 5 3500U ร่วมกับการ์ดจอ NVIDIA GeForce GTX 1050 ประกอบกับยังใช้แรม 8GB DDR4 รวมไปถึง SSD 512GB ก็ส่งผลช่วยด้วย
ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง Resident Evil 3 / Battlefield V / FarCry 5 / GTA V ปรับเป็น Best Setting ทุกเกม ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด ตามภาพด้านบน ที่ต้องบอกว่าภาพก็สวยจนน่าประทับใจ แต่ก็มีความหน่วงพอตัว รวมไปถึงเฟรมเรทก็ต่ำเรียกว่าได้เล่นแล้วอาจจะไม่มีสะดุดไปหน่อย แนะนำว่าให้ปรับกราฟิกเป็นต่ำๆ หรือกลางๆ ก็จะลื่นแล้วล่ะ เล่นเกมสนุกกว่าแน่นอน
เกมออนไลน์อย่าง DOTA 2 / Overwatch / PUBG ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมด ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่สูงสุด แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็สบายๆ ค่าเฟรมเรทอยู่ที่ราวๆ เกือบๆ 60 แต่ในส่วนของ PUBG อาจจะมีเฟรมเรทตกที่ประมาณ 30 ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะเป็นเกมออนไลน์ที่กินทรัพยากรพอตัวเหมือนกัน ซึ่งสรุปโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าเล่นได้สบายๆ อยู่ ถ้าเราเลือกที่จะไม่ปรับภาพสวยสุด
นอกจากนี้ทาง ASUS M570DD เองก็ยังมีในส่วนของซอต์ฟแวร์ที่จะเป็นตัวช่วยในการใช้งานของเราอีกด้วยอย่าง MyASUS (เปิดเครื่องมาเจอเลย) ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสเปกภายใน หรือเช็คสถานะการทำงานส่วนต่างๆ ของเครื่อง รวมไปถึงยังสามารถ ตรวจเช็คสถานะเครื่องกับข้อมูลแคชต่างๆ ก็ทำการลบทิ้งได้ตรงนี้เลย หรือเช็คอัพเดทซอฟ์ตแวร์และไดร์เวอร์ต่างๆ ของเครื่องก็สามารถทำผ่านตรงนี้ได้เช่นกัน ที่สำคัญยังเลือกปรับการชาร์จ หน้าจอ และ Hotkey ได้อีกด้วย
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ของ ASUS M570DD เป็นแบบฝังไว้ในเครื่องเหมือนกับโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นในปัจจุบัน ตัวแบตเตอรี่มีขนาด 3 Cell สามารถทำงานต่อเนื่องยาวนานได้ประมาณ 8 ชั่วโมงต่อเนื่องในการใช้งานแบบปกติ (ดูภาพยนตร์และเล่นอินเตอร์เน็ต) นับได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คราคาไม่แพงที่สามารถใช้งานแบตเตอรี่ได้ยาวนานเทียบเท่ากับ Ultrabook ราคาหลายหมื่นบาททีเดียว ส่วนช่องระบายของโน๊ตบุ๊คตัวนี้จะอยู่ด้านบนบริเวณแกนพับหน้าจอ โดยออกแบบให้ซ่อนตัวเอาไว้ด้านหลังเวลาพับจอก็ไม่เห็นช่องระบายความร้อนเลย
ทางด้านอุณหภูมิปกติของเครื่องจะอยู่ที่ 40 – 50 องศาเซลเซียส แต่พอรีดประสิทธิภาพเต็มที่จะเห็นว่าเครื่องจะร้อนที่สุดที่ 79 องศาเซลเซียสเท่านั้น สำหรับชิปประมวลผล ส่วนการ์ดจอก็ร้อนสุดๆ เพียง 77 องศาเซลเซียสเท่านั้นเอง นับว่าเรื่องระบบระบายความร้อนของ ASUS M570DD เครื่องนี้ทำออกมาได้ดีประมาณนึง ซึ่งนั่นน่าจะเป็นเพราะชุดระบายความร้อนจาก ASUS ที่ออกแบบมาค่อนข้างดี อีกทั้งตัวเครื่องที่ยกตัวขึ้นก็ช่วยระบายความร้อน รวมไปถึงชิปประมวลผลอย่าง AMD Ryzen 5 3500U ก็ควบคุมความร้อนได้ดี ทำให้การใช้งานจริงยาวนานต่อเนื่องแทบไม่ได้สัมผัสถึงความร้อนเลย
Conclusion / Award
สรุปรีวิว ASUS M570DD ถือได้ว่า ณ เวลานี้คือ Gaming Notebook ที่มาพร้อมกับความคุ้มค่า ราคาถูกที่สุด โดยได้ฟีเจอร์การ์ดจอ Gaming ทั้งประสิทธิภาพ และฟีเจอร์ต่างๆ เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องความคุ้มค่า ในราคาหมื่นบาทกลางๆ ที่คุ้มค่าที่สุดแล้วก็ว่าได้ แน่นอนว่าตัวเครื่องยังมี Windows 10 แท้มาให้ด้วย และจากการทดสอบประสิทธิภาพก็ทำได้ไม่เลว เล่นเกมได้ลื่นๆ ทุกเกมบนความละเอียด Full HD ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด (อยู่ที่การปรับกราฟิคในเกมด้วย)
ทั้งนี้การออกปบบตัวเครื่องแม้จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากรุ่นก่อน แต่ก็สวยงามโดดเด่นไม่เหมือนใคร โทนสีดำเขียว วัสดุงานประกอบถึงแม้ว่าจะเป็นพลาสติกแต่ก็ดูแน่นหนาไม่เป็นสองรองใครในรุ่นราคาระดับไล่เลี่ยกัน และที่สำคัญที่สุดคือ ASUS M570DD เครื่องนี้เป็นเครื่องแรกและเครื่องเดียวในไทยที่ใช้สเปคชิปประมวลผลเป็น AMD Ryzen 5 3500U จับคู่กับการ์ดจอ NVDIA GeForce GTX 1050 ซึ่งจากการใช้งานสามารถรีดประสิทธิภาพได้อย่างเต็มที่ เหมาะคนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คเน้นเล่นเกมแต่ราคาไม่แพง รองรับการใช้งานทุกอย่างลื่นไหลตอบสนองได้ดีไม่มีสะดุด
ส่วนข้อสังเกตของเครื่องนี้ที่ดูอาจจะเป็นปัญหาสำหรับคนที่อาจจะอัพเกรดสักหน่อย เพราะตัวเครื่องแกะยากมากและต้องแกะออกแทบจะทุกชิ้นส่วนในอยู่ภายใน ซึ่งหากใครที่คิดจะแกะงัดอัพเกรดแนะนำว่าต้องเข้าร้านหรือเข้าศูนย์ให้ทำให้อย่างเดียวเท่านั้น ไม่แนะนำให้แกะเองเลย เพราะมีโอกาสประกอบคืนไม่ครบ หรือแกะไปโดนสายขาด หรือฮาร์ดแวร์แตกหัก ถ้าแบบนี้ประกันอาจจะหลุดได้ ดังนั้นย้ำอีกทีถ้าจะอัพเกรดอะไรภายหลังก็ตามแนะนำเข้าศูนย์บริการดีกว่า หรือไม่ก็ให้ร้านอัพเกรดแรมหรือ HDD ให้เลยตั้งแต่ซื้อมาก็จะดีที่สุดครับ
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับโน๊ตบุ๊คในกลุ่ม Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้ว ซึ่ง ASUS M570DD ได้รับรางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Value
ASUS M570DD ที่เป็นโน๊ตบุ๊คขนาด 15.6″ Full HD สายเล่นเกมและทำงานที่ได้ความคุ้มค่าอย่างที่สุด โดยมีราคาที่ 15,900 บาท ได้สเปกแรงลื่นตามงบประมาณ อย่างชิปประมวลผล AMD Ryzen 5 3500U ที่ได้ประสิทธิภาพการทำงานที่ดีใกล้เคียงกับ Core i5 ทีเดียว รวมไปถึงยังได้การ์ดจอ Gaming อย่าง NVIDIA GeForce GTX 1050 นอกจากนี้ยังได้แรมขนาด 8GB DDR4 Bus 2400MHz พร้อม SSD ความจุ 512GB มาในตัว และระบบปฏิบัติการ Windows 10 พร้อมใช้งานทันที มีประกัน 2 ปี และ Perfect Warranty ในปีแรกด้วย
NBS Verdict
ASUS M570DD จัดได้ว่าเป็น Gaming Notebook ที่ราคาถูกสุดของแบรนด์ ASUS ทำให้เพื่อนๆ หรือใครที่ต้องการโน๊ตบุ๊คไปใช้งานเล่นเกม โดยเน้นเรื่องของการ์ดจอระดับ Gaming ซึ่งได้ NVIDIA GeForce GTX 1050 ซึ่งเพียงพอต่อการเล่นเกมออนไลน์และออฟไลน์อย่างลื่นไหล จากสเปกอื่นๆ ด้วยแรมขนาด 8GB และ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ก็ทำให้ตัวเครื่องมีความลื่นไหล ใช้งานร่วมกับ Windows 10 ได้อย่างลงตัว ที่นอกเหนือจากการเล่นเกมแล้ว การใช้งานพื้นฐานต่างๆ อาทิ งานเอกสาร ใช้งานอินเตอร์เน็ต ดูหนังฟังเพลง ก็รองรับได้ทั้งหมด เรียกได้มีความลื่นไหลเพียงพอต่อการทำงาน อีกทั้งได้ความคุ้มค่าด้วย กับราคาถูกสุดเพียง 15,900 บาท
อย่างไรก็ตามในส่วนของดีไซน์งานประกอบก็ต้องบอกกันตามตรงเน้นเป็นโน๊ตบุ๊คราคาประหยัด ที่แม้ว่าจะได้การออกแบบที่ดู Gaming แตกต่างจากโน๊ตบุ๊คทั่วไป แต่เรื่องของวัสดุก็เป็นพลาสติกธรรมดา รวมไปถึงระบบระบายความร้อนก็เป็นมาตรฐานทั่วไป ไม่ได้มีความพิเศษเหมือน TUF Gaming Series อีกทั้งหน้าจอก็เป็นพาเนล TN 60Hz และไม่มีไฟคีย์บอร์ดด้วย ซึ่งก็ต้องยอมรับว่า ASUS M570DD ทำตลาดในไทยมาซักพักแล้วด้วย ส่งผลให้ในตอนนี้ถ้างบขยับไปได้อีกนิดจะลองดูเป็น ASUS TUF Gaming FX505DD ที่เป็นชิปประมวลผล Ryzen 5 3550H พร้อมได้ฟีเจอร์ Gaming ก็ดูว่าน่าสนใจกว่า
ข้อดี
- สเปคแรงและคุ้มค่าได้ทั้ง AMD Ryzen 5 3500U + NVIDIA GeForce GTX 1050
- มาพร้อมกับแรมขนาด 8GB ทำงานร่วมกับ SSD M.2 NVMe 512GB ใช้งานลื่นไหล
- มีพอร์ต USB 3.1 Type-C และ Micro SD Card Reader มาให้ด้วย
- การระบายความร้อนตัวเครื่องทำได้ดี แทบไม่มีความร้อนแผดออกมาจากตัวเครื่องเลย
- ตัวเครื่องมาพร้อมกับ Windows 10 แท้ในตัว
- ตัวเครื่องน้ำหนักเบาเพียง 1.96 กิโลกรัมพกพาสบายๆ
- แบตเตอรี่ใช้งานได้นานกว่า 8 ชั่วโมง เมื่อต่อเน็ตดู YouTube
- ได้ประกันอุบัติเหตุ Prefect Warranty ฟรี 1 ปีแรก (ต้องลงทะเบียน)
- ราคาล่าสุดมีความคุ้มค่า
ข้อสังเกต
- การแกะอัปเกรดทำได้ยากมาก ไม่แนะนำให้ทำเอง
- ลำโพงเสียงเบาไปนิด
- ไม่มีไฟคีย์บอร์ด
- ชิปประมวลผลไม่ใช่รหัส H
Specification
ASUS M570DD รุ่นที่ทาง NBS ได้มาทดสอบใช้ชิปประมวลผลเป็น AMD Ryzen 5 3500U (2.10 – 3.70GHz) เป็นสถาปัตยกรรม 12 nm Zen+ รุ่นใหม่ ทำงานแบบ 4 คอร์ 8 เธร์ด การ์ดจอออนบอร์ด VEGA 8 ประสิทธิภาพดี รองรับการใช้งานพื้นฐานทั่วไปสบายๆ พร้อมการ์ดจอ Gaming ระดับเริ่มต้นอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1050 (4GB GDDR5) แรมให้มาขนาด 8GB DDR4 Bus 2400MHz สำหรับที่เก็บข้อมูลให้มาทั้งเป็นมาตรฐาน SSD ความเร็วสูงแบบ NVMe M.2 ความจุ 512GB รองรับการอัพเกรด HDD 2.5″ SATA 3 ภายหลัง ส่
จอแสดงผลแบบด้านขนาด 15.6 นิ้ว ที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล Full HD พาเนล TN ให้สีสันการแสดงผลในเกณฑ์ธรรมดาทั่วไป พร้อมด้วยกล้องเว็บแคมความละเอียด VGA และมีไมค์ดิจิตอลในตัว ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาให้พอร์ตทั้ง HDMI, USB 3.1 Tpye C, 1 x USB 3.0, 2 x USB 2.0, Kensington lock slot, LAN RJ-45, รูหูฟังกับไมค์แบบ Combo และ Micro SD Card Reader ส่วนการเชื่อมต่อไร้สายก็มาพร้อมกับ Bluetooth 4.1 และ Wi-Fi 5 AC พร้อมติดตั้งระบบปฎิบัติการติดตั้ง Windows 10 แท้มาให้ในตัว
สนนราคาล่าสุดของ ASUS M570DD อยู่ที่ 15,900 – 16,900 บาท การรับประกัน 2 ปี และที่สำคัญอย่าลืมเอาซีเรียลไปลงทะเบียนในเว็บไซต์ ASUS เพื่อที่ได้รับสิทธิ์ประกันอุบัติเหตุฟรี 1 ปีแรกด้วย
Hardware / Design
การออกแบบของ ASUS M570DD ถือเป็นดีไซน์ที่เหมือนกับ ASUS A570UD กับการเป็น Gaming Notebook หน้าจอขนาด 15.6″ โดยกลิ่นอายเหล่านี้ได้ถูกนำไปใช้ใน TUF Gaming Series ซึ่งอยู่ในส่วนของลวดลาย อย่างไรก็ตามตระกูล A จะเน้นความเป็น Gaming มากกว่า VivoBook, ZenBook ชัดเจน ซึ่งดูก็รู้เลยว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่เน้นความคุ้มค่าเป็นหลัก ใช้วัสดุทั้งหมดเป็นพลาสติกที่มีความมันวาว มีสีสันมีรูปลักษณ์สะดุดตา ด้วยพื้นผิวสีดำ Reaper Black ดูประณีต พร้อมตัดขอบสีฟ้าเขียว Lightning Blue ดูดุดันโดดเด่นไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือนแน่นอน มองดูภายนอกก็รู้เลยว่า ASUS เครื่องนี้ สเปกไม่ได้เน้นใช้งานทั่วไปหรือพื้นฐาน
ตัวเครื่องมีน้ำหนักเบาประมาณนึงที่ 1.96 กิโลกรัม มีความบางที่ 21.9 มิลลิเมตร ที่ก็จัดว่าไม่หนักเลยเพราะเป็น Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 15.6″ พร้อมบลัชลาย Aluminum Texture เป็นเส้นตรง เส้นเฉียงลวดลายสวยงาม ให้สัมผัสที่ขรุขระ จับติดมือ ไม่ลื่นและที่สำคัญเลยคือไม่เป็นรอยนิ้วมือง่าย ตรงกลางก็จะมีโลโก้ ASUS สีฟ้าเขียว เรียกได้ว่าไม่เหมือนกับโน๊ตบุ๊ครุ่นใดๆ ของทาง ASUS เลยทีเดียว
ส่วนหลังตัวเครื่องก็จะมีช่องระบายความร้อนหนึ่งช่องธรรมดา ไม่มี Anti Dust Tunnel แกะลายช่องระบายความร้อนก็ดูสวยงามดี ขอบตัวเครื่องสีฟ้าเขียวเช่นเดียวกับโลโก้ ASUS บานพับเครื่องถูกออกแบบมาให้เป็นแบบบานพับคู่ซ้ายขวาแข็งแรงทนทาน ไม่มีโยกเยก บอดี้ด้านในกับการบลัชลาย Aluminum Texture คล้ายกับซีรีส์ TUF Gaming ซึ่งมาพร้อมกับคีย์บอร์ดขนาด Full Size มาตรฐานปกติไม่มีไฟ พร้อมช่องดูดความร้อนด้านบนตรงกลาง และปุ่มปิดเครื่องอยู่จะที่มุมบนขวาซ่อนกลืนเข้ากับตัวเครื่องไปเลย
ด้านฐานของตัวเครื่องวัสดุพลาสติกที่แข็งแรงพร้อมอากาศเย็นผ่าน โดยมีช่องดูดลมเย็นใต้เครื่อง อีกทั้งยังมีช่องด้านบนเหนือคีย์บอร์ดมีช่องดูดลมอีกช่องช่วยนำพาอากาศเย็นเข้าไปอีก รวมๆ แล้วต้องยอมรับว่าทาง ASUS นั้นใส่ใจในการออกแบบมาระดับนึง แต่เรื่องของการแกะงัดอัพเกรดไว้รอติดตามอีกที สำหรับตัวเครื่องด้านในอารมณ์โดยแล้วก็มีความใกล้เคียงกับด้านนอกเลย ซึ่งบริเวณขอบตัวเครื่องตรงฝาจะมีการเล่นสีสันสีฟ้าเขียว Lightning Blue ไว้รอบๆ ด้วย และแม้ตัวเครื่องด้านในจะเป็นพลาสติก แต่ก็มีการนำเสนอพื้นผิวแบบไม่เรียบเป็นลักษณะจุดๆ บริเวณรอบๆ แป้นคีย์บอร์ด ส่งผลให้เวลาที่เราเอามือมาวางบนคีย์บอร์ดจะรู้สึกการสัมผัสที่ดูเหนือชั้นกว่าวัสดุทั่วๆ ไป แถมเป็นรอยนิ้วมือค่อนข้างยากอีกด้วย
สรุปโดยรวมการออกแบบดีไซน์ภายนอกและวัสดุของ ASUS M570DD นั้น ทำได้ดีตามมาตรฐานของโน๊ตบุ๊ค ASUS ที่เน้นความประหยัดในราคาไม่แพง ตอบโจทย์ของคนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คในดีไซน์ Gaming หน่อยๆ ให้ประสิทธิภาพในการเล่นเกมได้ในระดับที่ดีกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปในราคาใกล้เคียงกัน ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ ที่แม้ขอบจอจะไม่บางมาก แต่ได้น้ำหนักเบาตัวเครื่องที่บาง สามารถใส่ในกระเป๋า หรือกระเป๋าเป้สะพายหลังได้ง่าย เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่เดินทางอยู่ตลอดเวลา อย่างไรก็ตามมีข้อสังเกตุก็คือวัสดุดูธรรมดามากๆ
Keyboard / Touchpad
คีย์บอร์ดของ ASUS M570DD เป็นจะคีย์บอร์ดขนาด Full Size ธรรมดา แบบ Chiclet Switches ดีไซน์ปกติ ไม่ได้ทำลวดลายใดๆ วัสดุเป็นพลาสติกสีดำ ฟอนต์ตัวอีกษรสีขาว ปุ่มกดขนาดกลางๆ ไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป ระยะกด 1.4 มิลลิเมตร ที่ให้ความรู้สึกหนักแน่นและประสบการณ์การพิมพ์ที่สะดวกสบายแม้จะใช้งานต่อเนื่องเป็นเวลานานบน ปุ่มลูกศรกลืนเข้ากับตัวเครื่องไม่ได้แยกออกมา ซึ่งมีข้อสังเกตนิดหนึ่งตรงที่ปุ่มกด Numpad การวาง Layout จะสลับแปลกๆ และไม่มีปุ่ม Enter ที่ด้านขวาสุด ทำให้คนที่จำเป็นต้องใช้ปุ่มนั้นบ่อยๆ คงจะหงุดหงิดเล็กน้อย
ในส่วนของทัชแพดก็ถือว่าเป็นจุดเด่นของเครื่องเลยก็ว่าได้เพราะดีไซน์ขอบสีฟ้าเขียว สวยงามโดดเด่นสะดุดตามาก ขนาดก็พอเหมาะพอดีกับตัวเครื่อง ซึ่งถูกออกแบบมาให้เป็นแบบซ่อนปุ่ม ทำไฮไลท์สีฟ้าเขียวแบ่งปุ่ม รองรับการใช้งาน Multitouch ได้ลื่นไหลดี พื้นผิวมีลักษณะเรียบลื่น ซึ่งอาจจจะเป็นคราบรอยนิ้วมือง่ายนิด ส่วนปุ่มปิดเปิดเครื่องจะอยู่ที่มุมบนขวาตัวเครื่องสีดำสวยงาม พร้อมไฟแสดงสถานะสองจุดด้านข้าง
Screen / Speaker
หน้าจอแสดงผล ASUS M570DD จะใช้ขนาด 15.6 นิ้ว ผิวจอด้านแบบ Anti-Glare ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล Full HD มีค่า Refresh Rate อยู่ที่ 60 Hz ธรรมดา ส่วน Panel จอเป็นแบบ TN ปกติ ทำให้การแสดงผลมุมมองภาพออกมากสู้พวกจอ IPS แบบรุ่นพี่ Tuf Gaming ไม่ได้ แต่ก็ถือว่าเพียงพอกับการใช้งานทั่วไปหรือเล่นเกมหนักๆ วัสดุขอบจอจะเป็นพลาสติกด้านมีดำ มียางรอง 5 จุด กล้องตรงกลางด้านบน 1 ตัวความละเอียด VGA พร้อมไมค์ตัดเสียงก็อยู่ด้านบนเช่นกัน
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ ASUS M570DD ที่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใช้หน้าจอพาเนล TN ทางทีมงานเลยถือโอกาสทดสอบหน้าจอแบบละเอียดๆ ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด ซึ่งเมื่อคาลิเบรตแล้วเราก็เลือกโปรไฟล์ที่เราได้คาลิเบรทเอาไว้ ผลที่ได้หลังจากที่คาลิเบรทก็คือคอนทราสต์มีการไล่โทนที่กว้างขึ้น รวมไปถึงมีสีสันและอุณหภูมิสีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน จากโทนเย็นกลายเป็นโทนอุ่น
โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 60% ส่วน AdobeRGB ที่ 45% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันแค่พอใช้เท่านั้น ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่ 200 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานความสว่างของหน้าจอในโน๊ตบุ๊คราคาระดับนี้ คือเพียงพอต่อการใช้งานทั่วๆ ไป แต่ถ้าจะเอาไปทำภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นความเที่ยงตรงแล้ว อันนี้ไม่แนะนำเท่าไร
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าช่องกลางด้านบนซ้ายมีค่า 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ แต่สำหรับช่องมุมด้านขวาล่างจะมีแสงสว่างที่ลดลงไปถึงระดับ 23% เลยทีเดียว ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนน 3.0 เมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว ผ่านทางอุปกรณ์ Spyder5Elite
ลำโพงของตัวเครื่องใช้เป็นแบบ Stereo 2.0 แยกเสียงซ้ายขวาได้ชัดเจนดี ระบบเสียง SonicMaster ทำให้มีเสียงมีน้ำหนัก ถือว่าเอามาเล่นเกมฟังเพลงได้ดีในระดับหนึ่งตามสไลต์เสียงจากลำโพงโน๊ตบุ๊ค ช่องลำโพงถูกออกแบบมาอยู่ด้านใต้ตัวเครื่องซ้ายขวา ช่วยแก้ปัญหาสำหรับบางคนที่เวลาพิมพ์งานข้อมืออาจจะไปปิดช่องลำโพงทำให้เสียงออกไม่เต็มที่ได้ แต่มีข้อสังเกตนิดหนึ่งตรงที่เสียงได้เบาและแบนไปหน่อย
Connector / Thin And Weight
มาดูทางด้านพอร์ตการเชื่อมต่อตัวเครื่อง ASUS M570DD กันบ้าง ซึ่งถือได้ว่าเซอร์ไพรส์เลยทีเดียวให้พอร์ตเชื่อมต่อเยอะกว่ารุ่นพี่ตัว Tuf Gaming เสียงอีก โดยมีทั้ง USB 3.1 Type-C, USB 2.0 Type-A จำนวน 2 พอร์ต, USB 3.0 Type-A จำนวน 1 พอร์ต, ช่องต่อหูฟังกับไมค์แบบ Combo ขนาด 3.5 มิลลิเมตร, LAN RJ45, HDMI, Kensington และมี Micro SD Card Reader มาให้อีกด้วย เรียกได้ว่าครบครันมากๆ ทีเดียวกับโน๊ตบุ๊คราคาระดับนี้
ในส่วนของการเชื่อมต่อไร้สายจะใช้ Bluetooth 4.1 และ Wi-Fi 5 AC มาตราฐานที่นิยมใช้งานมากที่สุด ซึ่งจะช่วยให้การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตให้มีความสเถียรมากยิ่งขึ้น และรองรับสัญญาณความที่ถี่ 2.4GHz / 5 GHz ได้ ขนาดของตัวเครื่อง 374.6 x 256 x 21.9 มม. โดยมีน้ำหนักเพียง 1.96 กิโลกรัมเท่านั้น เบามากๆ สำหรับเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คในราคานี้ โดยเมื่อรวมกับอะแดปเตอร์ชาร์จเข้าไปด้วยจะมีน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 2.20 กิโลกรัม โดยหากจะพกพาไปไหนมาไหนถือว่าสะดวกเอามากๆ เลยทีเดียว
Inside / Upgrade
ถ้าใครต้องการจะแกะทั้งฝาล่างทั้งหมดของ ASUS M570DD เพื่อทำการอัพเกรดนั้นบอกเลยว่าทำได้ยาก เพราะตัวเมนบอร์ดที่ใส่อุปกรณ์อัพเกรดจำแรม, SSD M.2 จะอยู่ที่ด้านหลังเมนบอร์ดทั้งหมด แล้วการแกะคือต้องถอดคีย์บอร์ดออกไม่ใช่ฝาปิดด้านหลัง พูดง่ายๆ ก็คือหากจะอัพเกรดอะไรซักอย่างนั้น จะต้องแกะทุกชิ้นส่วนที่มีอยู่ในเครื่องออกทั้งหมด ทั้งคีย์บอร์ด, แบต, พัดลม รวมถึงหน้าจอเครื่องด้วย เพื่อทำการพลิกเมนบอร์ดมาใส่อุปกรณ์อัพเกรดนั่นเอง งานนี้แนะนำว่าให้ร้านหรือศูนย์บริการอัปเกรดให้ดีสุด โดยข้างในตัวเครื่องมาพร้อมกับพัดลม 1 ตัว ฮีทไปป์ 2 เส้น ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานไม่มีปัญหาอะไร
เมื่อแกะออกมาแล้วก็จะเห็นช่องใส่แรมจำนวน 1 แถว โดยเป็นการติดตั้งแรมฝังบอร์ดมาแล้ว 8GB x 1 รองรับการอัพเกรดได้สูงสุด 16GB (Dual Channel) แนะนำว่าถ้าอัพเกรดแรมเป็น 16GB ก็จะดีมากๆ และจะเห็นถึง SSD แบบ M.2 NVMe ความจุ 512GB (รองรับการอัพเกรด SSD/HDD แบบ 2.5” SATA เพิ่มอีก) ให้การใช้งานเป็นไปอย่างลื่นไหลไร้คอขวด ที่ต้องบอกว่าสำหรับการใช้งานทั่วไปจนไปถึงเล่นเกมก็ยังได้อยู่ สำหรับฮาร์ดแวร์ภายในประมาณนี้
Performance / Software
ASUS M570DD เครื่องรีวิวนี้มาพร้อมกับชิปประมวลผลจาก AMD Ryzen 5 3500U ซึ่งเป็นชิปประมวลผลใช้พลังงานไฟต่ำมาก มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.1 – 3.7 GHz ที่ทั้งแรงมีประสิทธิภาพที่ดี แถมประหยัดพลังงาน สถาปัตยกรรม 12 nm Zen+ รุ่นใหม่ เป็นซีพียูแบบ 4 Core 8 Threads มีค่า TDP 15Watt ที่เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป มาพร้อมแรมออนบอร์ดขนาด 4GB DDR4 Bus 2400 MHz รวมกับ 4GB อีกแถว รวมเป็น 8GB ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบายๆ
การ์ดจอเป็นแบบออนชิปอย่าง AMD Radeon VEGA 8 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่ก็รองรับการทำงานกับหน้าจอความละเอียดสูง Full HD ได้แบบไม่มีปัญหา เว้นแต่เอาไปเล่นเกม 3 มิติให้ยุคปัจจุบัน อันนี้ไม่แนะนำ และนอกจากนี้ยังมาพร้อมกับการ์ดจอน้องเล็ก Gaming อย่าง NVIDIA GeForce GTX 1050 (4GB GDDR5) ที่ประสิทธิภาพเรียกได้สามารถเล่นเกม 3 มิติ ลื่นๆ เลย เดี๋ยวไปดูผลทดสอบกันอีกที
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจตามมาตรฐานของAMD Ryzen 5 3500U เปรียบเทียบกับชิปประมวลผล Intel Core i ตระกูล U ก็ทำได้ดีกว่าด้วย ในส่วนของตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพตอบโจทย์ในส่วนของงานทั่วไปเท่านั้น หรือเล่นเกมออนไลน์ 3 มิตินิดหน่อยก็พอได้ กรณีใช้งานการ์ดจอออนชิป
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้เป็น SSD ความเร็วสูงแบบ NVMe M.2 ที่ความจุ 512GB ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจ กับความเร็วระดับ Read: 1762 MB/s – Write: 960 MB/s ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดไดร์ฟแบบจานหมุนหรือแบบลูกผสมอย่าง SSHD แล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด การใช้งานโดยรวมก็ลื่นไหลน่าประทับใจมากๆ
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 3,452 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ ส่วนถ้าเอาไปใช้งานหนักๆ เช่นงานประมวลผล ตัดต่อวีดีโอ โปรเซสไฟล์ภาพความละเอียดสูง รวมไปถึงเล่นเกม 3 มิติ ก็พอได้ในระดับที่ไม่หนักมาก ซึ่งเดี๋ยวเราไปดูกราฟทดสอบเฟรมเรทเกมต่างๆ กัน
จัดเต็มการทดสอบเกมสำหรับ ASUS M570DD คะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 7 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยค่อนข้างลื่นไหล น่าประทับใจทีเดียว เมื่อเทียบกับโน๊ตบุ๊คที่ไม่ได้เน้นเล่นเกมมาก ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล AMD Ryzen 5 3500U ร่วมกับการ์ดจอ NVIDIA GeForce GTX 1050 ประกอบกับยังใช้แรม 8GB DDR4 รวมไปถึง SSD 512GB ก็ส่งผลช่วยด้วย
ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง Resident Evil 3 / Battlefield V / FarCry 5 / GTA V ปรับเป็น Best Setting ทุกเกม ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด ตามภาพด้านบน ที่ต้องบอกว่าภาพก็สวยจนน่าประทับใจ แต่ก็มีความหน่วงพอตัว รวมไปถึงเฟรมเรทก็ต่ำเรียกว่าได้เล่นแล้วอาจจะไม่มีสะดุดไปหน่อย แนะนำว่าให้ปรับกราฟิกเป็นต่ำๆ หรือกลางๆ ก็จะลื่นแล้วล่ะ เล่นเกมสนุกกว่าแน่นอน
เกมออนไลน์อย่าง DOTA 2 / Overwatch / PUBG ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมด ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่สูงสุด แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็สบายๆ ค่าเฟรมเรทอยู่ที่ราวๆ เกือบๆ 60 แต่ในส่วนของ PUBG อาจจะมีเฟรมเรทตกที่ประมาณ 30 ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะเป็นเกมออนไลน์ที่กินทรัพยากรพอตัวเหมือนกัน ซึ่งสรุปโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าเล่นได้สบายๆ อยู่ ถ้าเราเลือกที่จะไม่ปรับภาพสวยสุด
นอกจากนี้ทาง ASUS M570DD เองก็ยังมีในส่วนของซอต์ฟแวร์ที่จะเป็นตัวช่วยในการใช้งานของเราอีกด้วยอย่าง MyASUS (เปิดเครื่องมาเจอเลย) ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสเปกภายใน หรือเช็คสถานะการทำงานส่วนต่างๆ ของเครื่อง รวมไปถึงยังสามารถ ตรวจเช็คสถานะเครื่องกับข้อมูลแคชต่างๆ ก็ทำการลบทิ้งได้ตรงนี้เลย หรือเช็คอัพเดทซอฟ์ตแวร์และไดร์เวอร์ต่างๆ ของเครื่องก็สามารถทำผ่านตรงนี้ได้เช่นกัน ที่สำคัญยังเลือกปรับการชาร์จ หน้าจอ และ Hotkey ได้อีกด้วย
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ของ ASUS M570DD เป็นแบบฝังไว้ในเครื่องเหมือนกับโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นในปัจจุบัน ตัวแบตเตอรี่มีขนาด 3 Cell สามารถทำงานต่อเนื่องยาวนานได้ประมาณ 8 ชั่วโมงต่อเนื่องในการใช้งานแบบปกติ (ดูภาพยนตร์และเล่นอินเตอร์เน็ต) นับได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คราคาไม่แพงที่สามารถใช้งานแบตเตอรี่ได้ยาวนานเทียบเท่ากับ Ultrabook ราคาหลายหมื่นบาททีเดียว ส่วนช่องระบายของโน๊ตบุ๊คตัวนี้จะอยู่ด้านบนบริเวณแกนพับหน้าจอ โดยออกแบบให้ซ่อนตัวเอาไว้ด้านหลังเวลาพับจอก็ไม่เห็นช่องระบายความร้อนเลย
ทางด้านอุณหภูมิปกติของเครื่องจะอยู่ที่ 40 – 50 องศาเซลเซียส แต่พอรีดประสิทธิภาพเต็มที่จะเห็นว่าเครื่องจะร้อนที่สุดที่ 79 องศาเซลเซียสเท่านั้น สำหรับชิปประมวลผล ส่วนการ์ดจอก็ร้อนสุดๆ เพียง 77 องศาเซลเซียสเท่านั้นเอง นับว่าเรื่องระบบระบายความร้อนของ ASUS M570DD เครื่องนี้ทำออกมาได้ดีประมาณนึง ซึ่งนั่นน่าจะเป็นเพราะชุดระบายความร้อนจาก ASUS ที่ออกแบบมาค่อนข้างดี อีกทั้งตัวเครื่องที่ยกตัวขึ้นก็ช่วยระบายความร้อน รวมไปถึงชิปประมวลผลอย่าง AMD Ryzen 5 3500U ก็ควบคุมความร้อนได้ดี ทำให้การใช้งานจริงยาวนานต่อเนื่องแทบไม่ได้สัมผัสถึงความร้อนเลย
Conclusion / Award
สรุปรีวิว ASUS M570DD ถือได้ว่า ณ เวลานี้คือ Gaming Notebook ที่มาพร้อมกับความคุ้มค่า ราคาถูกที่สุด โดยได้ฟีเจอร์การ์ดจอ Gaming ทั้งประสิทธิภาพ และฟีเจอร์ต่างๆ เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องความคุ้มค่า ในราคาหมื่นบาทกลางๆ ที่คุ้มค่าที่สุดแล้วก็ว่าได้ แน่นอนว่าตัวเครื่องยังมี Windows 10 แท้มาให้ด้วย และจากการทดสอบประสิทธิภาพก็ทำได้ไม่เลว เล่นเกมได้ลื่นๆ ทุกเกมบนความละเอียด Full HD ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด (อยู่ที่การปรับกราฟิคในเกมด้วย)
ทั้งนี้การออกปบบตัวเครื่องแม้จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากรุ่นก่อน แต่ก็สวยงามโดดเด่นไม่เหมือนใคร โทนสีดำเขียว วัสดุงานประกอบถึงแม้ว่าจะเป็นพลาสติกแต่ก็ดูแน่นหนาไม่เป็นสองรองใครในรุ่นราคาระดับไล่เลี่ยกัน และที่สำคัญที่สุดคือ ASUS M570DD เครื่องนี้เป็นเครื่องแรกและเครื่องเดียวในไทยที่ใช้สเปคชิปประมวลผลเป็น AMD Ryzen 5 3500U จับคู่กับการ์ดจอ NVDIA GeForce GTX 1050 ซึ่งจากการใช้งานสามารถรีดประสิทธิภาพได้อย่างเต็มที่ เหมาะคนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คเน้นเล่นเกมแต่ราคาไม่แพง รองรับการใช้งานทุกอย่างลื่นไหลตอบสนองได้ดีไม่มีสะดุด
ส่วนข้อสังเกตของเครื่องนี้ที่ดูอาจจะเป็นปัญหาสำหรับคนที่อาจจะอัพเกรดสักหน่อย เพราะตัวเครื่องแกะยากมากและต้องแกะออกแทบจะทุกชิ้นส่วนในอยู่ภายใน ซึ่งหากใครที่คิดจะแกะงัดอัพเกรดแนะนำว่าต้องเข้าร้านหรือเข้าศูนย์ให้ทำให้อย่างเดียวเท่านั้น ไม่แนะนำให้แกะเองเลย เพราะมีโอกาสประกอบคืนไม่ครบ หรือแกะไปโดนสายขาด หรือฮาร์ดแวร์แตกหัก ถ้าแบบนี้ประกันอาจจะหลุดได้ ดังนั้นย้ำอีกทีถ้าจะอัพเกรดอะไรภายหลังก็ตามแนะนำเข้าศูนย์บริการดีกว่า หรือไม่ก็ให้ร้านอัพเกรดแรมหรือ HDD ให้เลยตั้งแต่ซื้อมาก็จะดีที่สุดครับ
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับโน๊ตบุ๊คในกลุ่ม Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้ว ซึ่ง ASUS M570DD ได้รับรางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Value
ASUS M570DD ที่เป็นโน๊ตบุ๊คขนาด 15.6″ Full HD สายเล่นเกมและทำงานที่ได้ความคุ้มค่าอย่างที่สุด โดยมีราคาที่ 15,900 บาท ได้สเปกแรงลื่นตามงบประมาณ อย่างชิปประมวลผล AMD Ryzen 5 3500U ที่ได้ประสิทธิภาพการทำงานที่ดีใกล้เคียงกับ Core i5 ทีเดียว รวมไปถึงยังได้การ์ดจอ Gaming อย่าง NVIDIA GeForce GTX 1050 นอกจากนี้ยังได้แรมขนาด 8GB DDR4 Bus 2400MHz พร้อม SSD ความจุ 512GB มาในตัว และระบบปฏิบัติการ Windows 10 พร้อมใช้งานทันที มีประกัน 2 ปี และ Perfect Warranty ในปีแรกด้วย