AMD Notebook ถือว่าได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ จากประสิทธิภาพการทำงานที่ดีเยี่ยม รวมไปถึงความร้อนที่น้อย แบตเตอรี่ก็ใช้งานได้ยาวนาน ที่สำคัญจัดเต็มเรื่องของฟีเจอร์รวมถึงราคาก็ยังใีความคุ้มค่าน่าซื้อสุด โดยในสถานการณ์ช่วงนี้ เกี่ยวกับไวรัส COVID-19 ส่งผลให้หลายคน มีโอกาสได้ Work from Home กันมากกยิ่งขึ้น บทความนี้เราก็จะมาจัดอันดับ AMD Notebook ราคาถูกสุดที่ 14,990 บาท สเปกแรงลื่น ด้วย Ryzen 5 3500U, Ryzen 7 3700U ได้แรม RAM 8GB พร้อม SSD 512GB ที่ทั้งแรงและลื่นไหลไม่มีสะดุด ส่วนการเชื่อมต่อก็ครบครันทั้งมีสายและไร้สาย
ในส่วนของสเปกอื่นๆ ก็มีความน่าสนใจไม่แพ้ ได้หน้าจอขนาด 13.3″ / 14″ / 15.6″ มีทั้งพาเนล TN / IPS ได้ความละเอียดเป็น Full HD ทั้งหมด ซึ่งบางรุ่นเน้นการพกพาไปใช้งานนนอกสถานที่อย่างร้านกาแฟแถวบ้าน ก็จะมีน้ำหนักที่เบามากๆ เพียง 1.15 กิโลกรัม ส่วนแบตเตอรี่ก็ใช้งานได้ยาวนานกว่า 10 ชั่วโมง หรือบางรุ่นจะได้หน้าจอที่ใหญ่ เต็มตามากยิ่งขึ้น รวมไปถึงบางรุ่นจะได้เป็นหน้าจอแบบทัชสกรีนที่พับได้มีปากกา ทำให้เราสร้างสรรค์งานได้เต็มจินตราการอย่างสุด รองรับการใช้ทำงานเอกสาร ดูหนังฟังเพลง เล่นเน็ต เล่นเกมเบาๆ พอได้ แน่นอนว่าได้ Windows 10 แท้ พร้อมใช้งานทันที จะมีรุ่นไหนบ้าง ไปชมกันเลย
HP 15s-eq0000au ราคา 15,900 บาท
ดีไซน์การออกแบบของ HP 15s รุ่นปี 2020 วัสดุเป็นพลาสติกทั้งหมด (มองไปคล้ายโลหะมากๆ) เน้นไปที่ความเรียบง่าย จัดว่าพัฒนาต่อยอดมาจากรุ่นก่อนๆ แต่ยังคงเอกลักษณ์ความเป็น HP อยู่อย่างชัดเจน สีสันเป็นสีเงิน Natural Silver ตลอดทั้งตัวเครื่อง จะเป็นพลาสติกทั้งหมดแต่งานประกอบแน่นหนา ฝาหลังเป็นแบบเรียบๆมีโลโก้ HP สีเงินมันวาวดูหรูหรา พื้นผิ้วติดมือทำให้เวลาจับไม่ลื่น แกนฝาพับก็เป็นแบบแกนเดียวขนาดใหญ่ ส่วนตัวบอดี้บริเวณคีย์บอร์ดจะเรียบๆ เช่นกัน ส่วนปุ่มเปิดปิดเครื่องจะอยู่ที่มุมบนซ้ายด้านบนของคีย์บอดร์ด
ส่วนด้านในตัวเครื่องบริเวณที่พักข้อมือก็จะเป็นสีเงินเช่นเดียวกัน แค่มีการเล่นลวดลายคล้ายโลหะแบบปัดเสี้ยน รวมถึงแป้นคีย์บอร์ดก็เป็นสีเงิน ช่วยเสริมความสวยงามได้ดี จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 15.6″ ที่บางเบาพกพาง่ายกว่าเดิมมาก ด้วยน้ำหนักเพียง 1.69 กิโลกรัม และด้วยความบางของตัวเครื่องที่ 17.9 มิลลิเมตร ตามสไตล์โน๊ตบุ๊คสมัยนี้ที่เน้นบางเบาและขอบจอต้องบางด้วย เหมาะกับคนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คอีกรุ่นที่ราคาไม่แพง เน้นใช้งานทั่วไป ประสิทธิภาพดีลื่นไหลใช้งานได้ยาวๆ โดยแบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานกว่า 9 ชั่วโมง
HP 15s มาพร้อมสเปกภายในใช้ชิปประมวลผลรุ่นใหม่ล่าสุด AMD Ryzen 5 3500U (2.1 – 3.7GHz) เป็นสถาปัตยกรรม 12 nm Zen+ รุ่นใหม่ ทำงานแบบ 4 คอร์ 8 เธร์ด การ์ดจอออนบอร์ด VEGA 8 ประสิทธิภาพดี รองรับการเล่นเกมออนไลน์พอได้ แรมให้มาขนาด 4GB DDR4 แบบฝังบอร์ด และ 4GB ติดมาอีกแถว รวมเป็น 8GB (ติดตั้งได้สูงสุดที่ 20GB) สำหรับฮาร์ดดิสก์ให้มาทั้ง SSD ความเร็วสูงแบบ NVMe M.2 ความจุ 512GB ที่เพียงพอกับทุกๆ การใช้งาน
ได้หน้าจอแสดงผลขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD หรือ 1920×1080 พิกเซล แบบด้าน พาเนล TN คุณภาพดี ความคมชัดสูง มีกล้องเว็บแคมและมีไมค์ดิจิตอลในตัว ทางด้านพอร์ตที่ติดตั้งมีมาให้จะใช้ถือว่าครบครันเลยทีเดียวไม่ว่าจะเป็น USB 3.1 Type-A จำนวน 2 ช่อง, USB 3.1 Type-C จำนวน 1 ช่อง, SD Card Reader, HDMI สำหรับต่อหน้าจอเสริม และรูหูฟังกับไมค์แบบคอมโบ ซึ่งแน่นอนว่ารองรับการเชื่อมต่อไร้สายด้วย Wi-Fi 5 AC กับ Bluetooth 4.2 และมีน้ำหนักอยู่ที่ 1.69 กิโลกรัม พร้อมการรับประกัน 2 ปีแบบ On-site Service ตามมาตรฐานของ HP ที่ทุกคนไว้ใจได้
Asus VivoBook 15 X512DA-EJ1019T ราคา 16,900 บาท
ASUS VivoBook 15 X512DA ได้ดีไซน์บางเบา Thin & Light ขอบจอบางเฉียบ NanoEdge ทั้ง 4 ด้าน สัดส่วนจอแสดงผล 88% แถมมีฟีเจอร์บานพับ ErgoLift เหมือนในรุ่นพี่ ZenBook เหมาะสำหรับคนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คราคาไม่แพง แต่ได้ความสวยงามคุ้มค่า มาพร้อมสีสัน 4 เฉดสีที่แตกต่างจากคู่แข่ง ไม่ว่าจะเป็น สีเงิน (Transparent Silver), สีเทา (Slate Grey), สีแดงแสด (Coral Crush) และ สีน้ำเงิน (Peacock Blue) ซึ่งขอบจอด้านในจะตัดเป็นสีดำดูแล้วมีความสวยงามลงตัว โดยแบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานประมาณ 10 ชั่วโมง
จัดได้ว่า ASUS VivoBook 15 X512DA เป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 15.6″ ที่ทำมาได้สวยมาก มีความบางเบาเน้นพกพา ด้วยน้ำหนักเพียง 1.75 กิโลกรัมเท่านั้น รวมไปถึงมิติตัวเครื่องมีความเล็กกระชับเทียบเท่าโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 14″ เท่านั้น ฝาหลังจะเป็นไปตามสีของตัวเครื่อง ประกอบกับวัสดุพลาสติกคุณภาพสูงให้สัมผัสที่ดูดีเกินราคา ซึ่งอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่เข้ามาเสริมให้การทำงานเป็นไปได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ก็คือ บานพับ ErgoLift Hinge พร้อมกับเวลากางหน้าจอ ตัวเครื่องจะยกสูงขึ้น 2 องศา
สเปกภายในใช้ชิปประมวลผลรุ่นใหม่ล่าสุด AMD Ryzen 5 3500U (2.10 – 3.70 GHz) เป็นสถาปัตยกรรม 12 nm Zen+ รุ่นใหม่ ทำงานแบบ 4 คอร์ 8 เธร์ด การ์ดจอออนบอร์ด VEGA 8 ประสิทธิภาพดี รองรับการเล่นเกมออนไลน์พอได้ แรมให้มาขนาด 4GB DDR4 แบบฝังบอร์ด และ 4GB ติดมาอีกแถว รวมเป็น 8GB (ติดตั้งได้สูงสุดที่ 20GB) สำหรับฮาร์ดดิสก์ให้มาทั้ง SSD ความเร็วสูงแบบ NVMe M.2 ความจุ 256GB + HDD 1TB ส่วนหน้าจอเป็นขนาด 15.6″ ที่ได้ความละเอียด Full HD พาเนล TN คุณภาพดี
มีลำโพงคุณภาพทำงานร่วมกับระบบเสียง ASUS SonicMaster ส่วนพอร์ตที่ให้มาก็ครบครัน ได้แก่ USB 3.1 Type-C, USB 3.1 Type-A , USB 2.0 Type-A, HDMI, และ microSD card reader รวมไปถึงการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Dual-band Wi-Fi 5 AC และ Bluetooth 4.1 ด้วย รองรับการทำงานทุกไลฟ์สไตล์ ในราคาเบาๆ รวมถึงติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows 10 แท้ พร้อมใช้งานได้ทันที พร้อมการรับประกัน 2 ปี
ASUS ZenBook 14 UM433DA-A5021T ราคา 22,900 บาท
ASUS ZenBook UM433DA เป็นโน๊ตบุ๊คบางเบาที่เน้นความกะทัดรัด พกพาสะดวก วัสดุอลูมิเนียม โดดเด่นด้วยสเปกชิปประมวลผลรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง AMD Ryzen 5 3500U ที่ทั้งแรงและร้อนน้อย พร้อมหน่วยความจำแรมและแหล่งเก็บข้อมูล SSD จัดเต็ม ได้ดีไซน์ตัวเครื่องขอบจอบางเป็นมาตรฐาน จากการใช้หน้าจอแสดงผล 14″ ขอบบางแบบ NanoEdge ซึ่งทำให้ ZenBook รุ่นนี้กลายเป็นโน๊ตบุ๊คมิติตัวเครื่องเทียบเท่าขนาด 13.3″ ส่วนตัวเครื่องก็บางเพียง 18.2 มิลลิเมตร ที่สำคัญตัวเครื่องนอกจากจะบางเฉียบพกพาได้สะดวกแล้ว ยังมีน้ำหนักเบาเพียง 1.15 กิโลกรัมเท่านั้น โดยราคาล่าสุดอยู่อยู่ที่ 22,900 บาทเท่านั้น เรียกได้ว่าน่าจัดมาใช้งานมากๆ สำหรับสายบางเบาพรีเมียม ราคาไม่แพง
สเปกภายในของตัว ASUS ZenBook UM433DA ได้หน้าจอความละเอียด Full HD พาเนล IPS คุณภาพสูง สเปกชิปประมวลผลเป็น AMD Ryzen 3000 Series รหัส U เทคโนโลยีการผลิต 12 นาโนเมตร ทำงานแบบ 4 คอร์ 8 เธร์ด โดยมีค่าการกินไฟ TDP ที่ 15 Watt ในส่วนของกราฟิกการ์ดก็เป็นออนบอร์ดอย่าง AMD Radeon VEGA 8 ที่ให้ประสิทธิภาพการทำงานรองรับ 3 มิติพอได้ สเปกอื่นๆ ก็น่าสนใจด้วยแรม 8GB DDR4 พร้อม SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB มี Windows 10 แท้ในตัว
อีกหนึ่งเทคโนโลยีที่เข้ามาเสริม ASUS ZenBook UM433DA ให้การทำงานเป็นไปได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ก็คือ บานพับ ErgoLift Hinge นั้นเวลาที่กางออกมาใช้งานในรูปแบบโน๊ตบุ๊คจะทำให้คีย์บอร์ดทำมุม 3 องศากับฐานตั้ง พร้อมกางจอได้สูงสุดที่ 145 องศา จากการที่มีบานพับแบบพิเศษช่วยยกตัวเครื่องสูงขึ้นจากพื้น โดยขอบตัวเครื่องด้านหลังจะมียางรองพร้อมทำหน้าที่เป็นฐานรองด้านหลัง ที่สำคัญยังมีเทคโนโลยีกล้องหน้าอินฟราเรด (IR) เพื่อเข้าใช้งาน Windows 10 ผ่านทาง Windows Hello ด้วย
ตัวคีย์บอร์ดยังมีไฟ LED Backlit สีขาวมาให้ที่ช่วยให้เราทำงานได้ยิ่งขึ้น พอร์ตการเชื่อมต่อมีมาตามนี้คือ 1 x USB 2.0 Type-A, 1 x USB 3.1 Type-A, USB 3.1 Type-C, Kensington Lock, Micro SD Card Reader และ Headset 3.5 mm พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 4.2 และ Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11a/b/g/n/ac ระบบปฏิบัติการ Windows 10 แท้ในตัว ประกัน 2 ปีเต็มตามมาตรฐาน ASUS พร้อมประกันอุบัติเหตุใน 1 ปีแรกอีกด้วย โดดเด่นด้วยการเคลมผ่านทางร้าน 7-11 ได้
Lenovo IdeaPad S540 81NH008QTA ราคา 23,490 บาท
ดีไซน์การออกแบบโดยรวมของ Lenovo IdeaPad S540 14 นั้นจะดูเล็กกว่าโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 14″ แบบสมัยก่อนอยู่พอสมควร เนื่องด้วยขอบจอที่บางกว่าปกติ ทำให้ตัวเครื่องดูเล็ก กะทัดรัด เหมาะกับการพกพา ด้วยดีไซน์ออกมาได้ขอบหน้าจอบางเฉียบ แต่ทั้งนี้ถึงแม้ว่าตัวเครื่องจะเล็กพอๆ กับโน๊ตบุ๊คจอ 13.3″ ส่งผลให้ Lenovo IdeaPad S540 14 เป็นอีกหนึ่งโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 14″ ที่ดูเล็กกระทัดที่สุด มีน้ำหนักที่ 1.6 กิโลกรัมเท่านั้น ส่งผลให้ภาพลักษณ์โดยรวมของตัวเครื่องดูหรูหราให้อารมณ์พรีเมียมสุดๆ แตกต่างจากโน้ตบุ๊ต Lenovo IdeaPad รุ่นอื่นๆ อย่างชัดเจน
ตัวเครื่องมีการออกแบบโดยรวมให้ดูทันสมัยและเรียบง่าย โลโก้ Lenovo จะมีอยู่ 2 จุดเท่านั้น คือ มุมบนฝาหลังด้านซ้าย และมุมใต้หน้าจอด้านซ้ายเท่านั้น ที่มุมตัวเครื่องจะทำให้เป็นแบบโค้งมน แต่ว่าไม่ได้มนมากจนเกินไป ตามมาด้วยการใส่รายละเอียดในการทำให้ตัวเครื่องมีลักษณะงานประกอบทั้งหมดแทบจะเป็นชิ้นเดียวกัน แบบ Unibody ส่งให้เวลาที่เราจับถือหรือใช้งานจะรู้สึกว่าแน่นหนา ซึ่งจากการใช้งานจริงพื้นผิวบางนี้เป็บรอยนิ้วมือค่อนข้างยาก ฉะนั้นหายห่วงเรื่องความสะอาดได้เลย หรือถ้าจะเช็ดก็ง่ายดาย
Lenovo IdeaPad S340 14 สเปกภายในใช้ชิปประมวลผลรุ่นใหม่ล่าสุด AMD Ryzen 5 3500U (2.1 – 3.7GHz) เป็นสถาปัตยกรรม 12 nm Zen+ รุ่นใหม่ ทำงานแบบ 4 คอร์ 8 เธร์ด การ์ดจอออนบอร์ด VEGA 8 ประสิทธิภาพดี รองรับการเล่นเกมออนไลน์พอได้ แรมให้มาขนาด 4GB DDR4 แบบฝังบอร์ด และ 8GB ติดมาอีกแถว รวมเป็น 12GB สำหรับที่เก็บข้อมูบให้มาทั้ง SSD ความเร็วสูงแบบ NVMe M.2 ความจุใหญ่โตที่ 1TB
ส่วนหน้าจอเป็นขนาด 14″ ที่ได้ความละเอียด Full HD พาเนล IPS คุณภาพดี สีสันสดใส มุมมองกว้างกว่าพาเนล TN พร้อมมีลำโพงคุณภาพดีทำงานร่วมกับระบบเสียง Dolby Audio ส่วนพอร์ตที่ให้มาก็ครบครัน ได้แก่ 1 x USB 3.1 Type-C, 2 x USB 3.1 Type-A, HDMI, และ SD card reader รวมไปถึงการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Wi-Fi 5 AC และ Bluetooth 4.2 ด้วย รองรับการทำงานทุกไลฟ์สไตล์ ในราคาเบาๆ รวมถึงติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows 10 แท้ พร้อมใช้งานได้ทันที พร้อมการรับประกัน 2 ปี
HP ENVY x360 13 ar0127AU ราคา 24,990 บาท
HP ENVY x360 นั้นถือเป็น 2-in-1 Notebook ที่ได้ความบางเบาหรูหรา รองรับการใช้งานพื้นฐานได้ลื่นไหลสุดๆ ในราคาคุ้มค่า อีกทั้งยังบันเดิลปากกา Stylus ใช้วาดรูปมาให้ในกล่องอีกด้วย ซึ่งบอกเลยว่าเป็น 2-in-1 Notebook ที่น่าซื้อสุดๆ จากดีไซน์ที่สวยงามหรูหรา พกพาสะดวก พร้อมสเปกและฟีเจอร์ที่เกินราคากว่า 2-in-1 Notebook ทั่วไป ในราคาเริ่มต้นเพียง 24,990 บาท พร้อมกับ Windows 10 แท้ในตัวประกัน 2 ปี On-Site ตามมาตรฐาน HP พร้อมบริการหลังการขายอื่นๆ
HP ENVY x360 มาพร้อมกับดีไซน์พรีเมียม หรูหรา มองเผินๆ เหมือนโน๊ตบุ๊คระดับไฮเอนด์ที่มีราคาหลายหมื่นบาท ซึ่ง HP ตั้งใจที่จะออกมาให้เป็นแบบนั้นจริงๆ สังเกตได้จากโลโก้ HP ที่เป็นตัวอักษรแบบใหม่เหมือนตัว Spectre ที่เป็นรุ่นท็อป งานประกอบก็ถือว่าแข็งแรงสอบผ่านได้สบายๆ เรียกได้ว่าสาวๆ หนุ่มๆ หลายคนเห็นแล้วคงชอบอยากได้เครื่องนี้ไว้ทำงานแน่นอน มีความบางเพียง 14.7 มิลลิเมตร และมีน้ำหนักเพียง 1.3 กิโลกรัมเท่านั้น ซึ่งโดยรวมแล้วสำหรับดีไซน์การออกแบบของเรียกได้ว่า HP ได้ก้าวไปอีกขั้นกับโน๊ตบุ๊คราคานี้สเปคแบบนี้
โดดเด่นด้วยหน้าจอเป็นแบบจอกระจกสัมผัส 13.3″ รองรับสัมผัสมัลติทัชและปากกา Stylus รองรับแรงกดได้หลายระดับ พาเนลจอเป็น IPS ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล 120Hz สีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 88% และ AdobeRGB ที่ 69% จอกระจกขอบบางเฉียบที่เป็น Corning Gorilla Glass ทั้งบาน ซึ่งเล่นสีกับขอบจอด้านในเป็นสีดำดูเข้ากันดี ตัวคีย์บอร์ดยังมีไฟ LED Backlit สีขาวมาให้ด้วย ที่สำคัญตัวเครื่องยังบางเฉียบ พกพาได้สะดวก พร้อมพับปรับได้ 360 องศา เพื่อใช้งานมัลติโหมด และขาดไม่ได้เลยสำหรับสแกนลายนิ้วมือผ่านทาง Windows Hello
สำหรับชิปประมวลผล AMD Ryzen 5 3500U เป็นสถาปัตยกรรมเดียวกัน ด้วยเทคโนโลยีการผลิต 12 นาโนเมตร มาพร้อมความเร็ว 2.10 – 3.70 GHz ทำงานแบบ 4 คอร์ 8 เธร์ด โดยมีค่าการกินไฟ TDP ที่ 15 Watt เท่านั้น การ์ดจอออนบอร์ดเป็น Radeon VEGA 8 ประสิทธิภาพใช้ได้ดี ควบคู่กับแรมขนาด 8GB DDR4 Bus 2400MHz และ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ได้พอร์ตการเชื่อมต่อมีมาตามนี้คือ 2 x USB 3.1 Type-A, USB 3.1 Type-C, Kensington Lock, Micro SD Card Reader และ Headset 3.5 mm พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 4.2 และ Wi-Fi 5 AC
HP ENVY x360 ยังรองรับเทคโนโลยี HP Sure View ฟังก์ชันกันคนแอบมอง โดยกดปุ่ม F1 ซึ่งปกติจะมีเฉพาะรุ่นท็อปๆ เท่านั้น สำหรับฟีเจอร์ Privacy Screen นี้กับคุณสมบัติลดมุมมองหน้าจอลง เพื่อไม่ให้คนอื่นมาส่องมาเผือกได้เวลาที่ใช้งานนอกสถานที่ ที่ไม่ต้องเสียเวลาไปซื้อฟิล์มมาติดเพิ่ม ไม่ต้องลอกออกไปมา เพราะเราสามารถกดปุ่มปิดเปิดได้ตามความต้องการ ที่ปุ่ม F1 เรียกได้ว่าตอบโจทย์การทำงานสายมืออาชีพที่ต้องการความปลอดภัยขั้นสุดอีกด้วย
ระบบเสียงเลือกใช้ของ Bang & Olufsen พร้อมฟีเจอร์ HP Audio Boost ซึ่งวางส่วนของลำโพงไว้ด้านบนตัวเครื่อง 2 ตัว และด้านล่างอีก 2 ตัว รวมเป็น 4 ตัว แบบ Quad Speakers ทำให้เสียงที่ออกมากระจายกว้างไม่มีอะไรปิดกั้น ซึ่งให้เสียงที่ดีและดังพอสมควร จนไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องใช้งานในที่เสียงดัง สามารถตอบสนองเรื่องความบันเทิง การฟังเพลงสำหรับคนที่ชอบทำงานได้โอเคเลย