Notebook สายทำงานถือได้ว่าเป็นที่นิยมมาโดยตลอด ในปี 2020 เราจะเห็นถึงประสิทธิภาพความแรงที่เพิ่มมากยิ่งขึ้น จากการมาของสเปกใหม่ๆ ระดับ Gaming Notebook ที่เล่นเกมได้ลื่นๆ อย่างชิปประมวลผล Intel Core i5-9300H ซึ่งทำงานร่วมกับการ์ดจอ NVDIA GeForce GTX 1050/1650 ที่รองรับการทำงานทั่วไปได้สบายๆ เหลือๆ ไม่ว่าจะเป็นงานเอกสาร เล่นอินเตอร์เน็ต ดูหนังฟังเพลง ดูวีดีโอสตรีมมิ่ง หรือทำหลายๆ อย่างพร้อมกัน ที่สำคัญถ้าจะเอาไปทำงานหนักๆ อย่างตัดต่อวีดีโอหรือโปรเซสไฟล์ภาพถ่าย รวมถึงเขียน Code ออกแบบ 3 มิติ ก็ทำได้เป็นอย่างดี คุ้มค่ากับค่าเครื่องแน่นอน
นอกจากนี้สเปกอื่นๆ ก็มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน อย่างหน่วยความจำแรมให้มาเลยที่ขนาด 8GB DDR4 ที่เราสามารถอัพเกรดได้อีก 1 แถวทันที และที่เก็บข้อมูลก็ให้มาเป็นมาตรฐาน SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ทั้งหมดแล้ว ซึ่งเราสามารถเลือกที่จะอัพเกรดใส่ HDD 2.5″ SATA 3 ได้ด้วย รวมไปถึงหน้าจอก็เป็นขนาด 15.6″ ที่เหมาะกับทุกๆ การใช้งาน
ได้ความละเอียดเป็น Full HD (1920 x 1080 พิกเซล) พาเนล IPS ที่ให้สีสันและมุมมองที่สมจริงกว่า TN แบบเดิมๆ แน่นอนว่าได้ระบบปฏิบัติการ Windows 10 แท้ใช้งานได้ทันที ส่วนประกันก็ขึ้นอยู่กับแต่ละแบรนด์ แต่ได้เป็น 2 ปีขึ้นไปแน่นอน หรือบางแบรนด์ก็เป็นแบบ On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน 3 ปีด้วย
ในบทความนี้เราจะมาจัดอันดับ Notebook สายทำงานดีไซน์เน้นเรียบๆ ง่ายๆ ไม่โดดเด่นเท่ากับ Gaming Notebook บางรุ่น ได้จอขนาด 15.6″ ในราคาไม่แพง มาพร้อมสเปกแรงด้วย i5-9300H + GTX 1050/1650 เล่นเกมลื่นไหล ให่ความคุ้มค่าอย่างที่สุด ราคาเริ่มต้นแค่ 16,690 บาท มีรุ่นไหนบ้างไปชมกันต่อเลย
Acer Aspire 7 A715-74 ราคา 18,990 บาท
Acer Aspire 7 มีราคาที่คุ้มค่าอย่างที่สุดเพียง 18,990 บาท วัสดุตลอดทั้งตัวเครื่องเป็นอลูมิเนียม มาพร้อมกับสเปกแรงลื่นด้วยชิปประมวลผล Intel Core i5-9300H (2.40 – 4.10 GHz) ทำงานแบบ 4 Core/ 8 Thread ประสิทธิภาพดีเยี่ยมรองรับทุกการทำงานที่ปกติแล้วเราจะเห็นได้ในส่วนของ Gaming Notebook เป็นหลัก พร้อมได้การ์ดจอตัวแรงคุ้มอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1050 (3GB GDDR5) เน้นความแรงและคุ้มค่าเป็นหลัก สนับสนุนการเล่นเกมได้ลื่นไหลสนับสนุนการเล่นเกมได้ลื่นไหล
ได้แรมติดเครื่องมาทันทีที่ขนาด 8GB DDR 4 Bus 2666 พร้อมใส่ได้อีก 1 แถว สามารถอัพเกรดได้สูงสุด 32 GB (แต่แนะนำให้อัพเกรดเป็น 16GB ก็เหลือๆ แล้ว) มีที่เก็บข้อมูลแบบ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ที่สามารถใส่เพิ่มได้อีก 1 ตัว (รองรับการทำ Raid เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเข้าไปอีก) พร้อมรองรับการใส่อัพเกรดฮาร์ดดิสก์ขนาด 2.5″ อีก 1 ตัวด้วย ที่เราจะใส่เป็น SSD SATA 3 หรือ HDD SATA 3 ก็สามารถทำได้ เรียกได้ว่าจัดเต็มไม่แพ้ในส่วนของชิปประมวลผลและการ์ดจอเลย
นอกจากนี้ Acer Aspire 7 ปี 2019 มาพร้อมจอแสดงผลแบบด้าน 15.6″ ที่ความละเอียด Full HD ความละเอียด 1920 x 1080 พาเนล IPS เกรดสูง sRGB 95% ให้สีสันที่สวยงามทุกมุมมอง และในส่วนของระบบเสียงเป็นลำโพงแบบสเตอริโอ 2.0 ให้เสียงที่ดีในระดับที่น่าพอใจกว่ารุ่นเดิม ประกอบกับมีซอฟต์แวร์จัดการเสียงอย่าง Wave MaxxAudio ทำให้มีคุณภาพที่ดียิ่งขั้นไปอีก ส่วนน้ำหนักจะอยู่ที่ 2.35 กิโลกรัม นอกจากนี้ยังได้ในส่วนของสแกนลายนิ้ว Fingerprint มาด้วย
ตัวหน้าจอยังมาพร้อมกล้อง Webcam แบบ HD และมีไมค์ดิจิตอล 2 ตัวแบบตัดเสียง ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน ทั้ง HDMI, 2 x USB 3.1 Type-A, 1 x USB 2.0 Type-A, 1 x USB 3.1 Type-C, Kensington Lock, 2-in-1 SD, RJ-45 , Headset 3.5mm พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 5.0 และ Wi-Fi 802.11 ax (Wi-Fi 6) Dual Band MU-Mimo โดยมีประกัน On-site Service ถึง 3 ปีเต็ม พร้อมบริการซ่อมด่วนใน 3 ชั่วโมง ถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงานที่เน้นประสิทธิภาพความแรงต่อราคาที่น่าสนใจที่สุดในช่วงราคานี้อีกรุ่นเลยทีเดียว
อ่านรีวิว Acer Aspire 7
Lenovo IdeaPad L340 Gaming ราคา 16,690 บาท
Lenovo IdeaPad L340 Gaming การดีไซน์จะออกแบบมาเป็นแบบเรียบง่ายสไตล์มินิมอล โดดเด่นด้วยความต่างในส่วนของสีสันที่ดูแล้วมีความเป็น Gaming จากสีสันโทนฟ้าที่นำเข้ามาแซมกับสีตัวเครื่องหลักที่เป็นสีเทาเข้ม แต่ก็ไม่ขนาดดู Gaming จ๋ามากๆ เอาไปทำงานตามสถานที่ต่างๆ ได้สบายๆ วัสดุตัวเครื่องทั้งหมดทั้งด้านนอกด้านในเป็นพลาสติกเกรดดี แต่มีการทำลวดลายให้คล้ายกับอลูมิเนียม ให้สัมผัสที่เรียบหรู ดูแล้วมีความพรีเมียมเหมือนกัน
สเปกเต็มๆ ของ Lenovo IdeaPad L340 Gaming ใช้ชิปประมวลผลเป็น Intel Core i5-9300H (2.40 – 4.10 GHz) ทำงานแบบ 4 คอร์ 8 เธร์ด และประสิทธิภาพไว้ใจได้ พร้อมกราฟฟิการ์ดตัวแรงอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1050 (3GB GDDR5) พร้อมได้ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ในส่วนของแรมเองมีมาให้ 8GB แบบ DDR4 (4GB ออนบอร์ด + 1 แถว 4GB) ระบบปฎิบัติการเป็น Windows 10พร้อมใช้งานตั้งแต่เปิดเครื่องครั้งแรก
หน้าจอขนาด 15.6″ แบบด้านลดแสงสะท้อน ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ให้สีสันสวยงามและมุมมองที่กว้าง มีค่า sRGB ที่ 62% เหมาะกับการทำงานหรือเล่นเกม พร้อมด้วยกล้องเว็บแคม HD (720p) และมีไมค์ดิจิตอลในตัว ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน ทั้ง USB 3.1 Type-C, HDMI, 3 x USB 3.1 Type-A, Kensington lock slot, RJ-45 , Headset พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 5.0 และ Intel Wireless-AC 9560 2×2 AC
สำหรับน้ำหนักและความหนาของตัวเครื่อง Lenovo IdeaPad L340 Gaming ถือว่าเป็นไปตามมาตรฐานของโน๊ตบุ๊คปี 2019 ที่ควรจะเป็น แม้จะมีขนาดหน้าจอใหญ่ที่ 15.6″ แต่ก็มีน้ำหนักเพียง 2.2 กิโลกรัมเท่านั้น ทำให้พกพาไปไหนมาไหนสะดวกสบายมาก สนนราคา Lenovo IdeaPad L340 Gaming รุ่นขายจริงๆ ตอนนี้อยู่ที่ 19,990 บาท ส่วนการรับประกันแน่นอนว่าเป็น ประกัน 3 ปี แบบ On-Site Service โทรแจ้งช่างมาซ่อมได้ถึงที่ ส่วนรายละเอียดสเปกก็ตามนี้เลย
อ่านรีวิว Lenovo IdeaPad L340 Gaming
ASUS VivoBook A571GT ราคา 22,900 บาท
ASUS VivoBook A571GT ได้เรื่องของสีสันรวมถึงการออกแบบทำมาได้สวยมากอย่าง Star Black ตัวเครื่องฝาหลังและตัวเครื่องด้านในจะเป็นพลาสติกคุณภาพดีตลอดทั้งตัวเครื่องให้สัมผัสที่ดูดีเกินราคา พร้อมหน้าจอแบบขอบบางที่ 7.4 มิลลิเมตร ทำให้มิติตัวเครื่องใกล้เคียงกับโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 14″ สมัยก่อน อีกทั้งตัวเครื่องยังมีความบางที่ 21.9 มิลลิเมตร แม้จะไม่บางมากแต่ก็ถือว่าพกพาได้สะดวกอยู่ ส่วนน้ำหนักอยู่ที่ 2 กิโลกรัม รูปทรงของตัวเครื่องโดยรวมจะเป็นแบบขนมเปียกปูน ตามแนวทางการออกแบบของโน๊ตบุ๊ค ASUS ปี 2019 ในหลายๆ รุ่นนั่นเอง
ซึ่งอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่เข้ามาเสริมให้การทำงานเป็นไปได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ก็คือ บานพับ ErgoLift Hinge พร้อมกับเวลากางหน้าจอ ตัวเครื่องจะยกสูงขึ้น เพื่อให้เราสามารถวางข้อมือพิมพ์งานได้ถนัดรวมถึงช่วยในเรื่องของการระบายความร้อนอีกด้วย พร้อมกางจอได้สูงสุดที่ 145 องศา จากการที่มีบานพับแบบพิเศษช่วยยกตัวเครื่องสูงขึ้จากพื้น โดยขอบตัวเครื่องด้านหลังจะมียางรองพร้อมทำหน้าที่เป็นฐานรองด้านหลัง ขอบจอตัวเครื่องก็บางมากๆ ดูแล้วลดขนาดตัวเครื่องลงไปได้เยอะเลยทีเดียว
ASUS VivoBook A571GT สเปกภายในใช้ชิปประมวลผลรุ่นใหม่ล่าสุด Intel Core i5-9300H ตัวแรงยอดนิยม เป็นสถาปัตยกรรม 14 nm ทำงานแบบ 4 คอร์ 8 เธรด การ์ดจอแยกเป็น NVIDIA GeForce GTX 1650 (4GB GDDR5) ประสิทธิภาพดีรองรับการเล่นเกม 3 มิติออนไลน์พอได้ แรมให้มาขนาด 8GB DDR4 แบบฝังบอร์ด สำหรับฮาร์ดดิสก์ให้มาเป็น SSD ของ Intel ความเร็วสูงแบบ NVMe M.2 ความจุ 512GB + Optane 32GB พร้อมเพิ่ม HDD 2.5″ ได้ภายหลัง ส่วนหน้าจอเป็นขนาด 15.6″ ที่ได้ความละเอียด Full HD พาเนล IPS คุณภาพดี ที่รองรับ Refresh Rate ที่ 120Hz
นอกจากนี้ ASUS VivoBook A571GT ยังมีลำโพงคุณภาพทำงานร่วมกับระบบเสียง Harman Kardon ส่วนพอร์ตที่ให้มาก็ครบครัน ได้แก่ USB 3.1 Type-C, USB 3.1 Type-A , USB 2.0 Type-A, HDMI, และ microSD card reader รวมไปถึงการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Dual-band Wi-Fi 6 (802.11ax) และ Bluetooth 5.0 ด้วย รองรับการทำงานทุกไลฟ์สไตล์ ในราคาเบาๆ รวมถึงติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows 10 แท้ พร้อมใช้งานได้ทันที พร้อมการรับประกัน 2 ปี ปีแรกได้ประกันอุบัติเหตุ
อ่านรีวิว ASUS VivoBook A571GT
HP Pavilion Gaming 15 ราคา 24,900 บาท
HP Pavilion Gaming 15 ปี 2019 รุ่นใหม่ล่าสุด มีอยู่ 2 สีสันใหม่เราเลือก คือ ม่วงและเขียว หลักๆ ดีไซน์มีความเรียบง่าย จะเอาไปทำงานก็ลงตัวเล่นเกมก็ตอบสนองได้ มิติที่ตัวเครื่องที่เล็กลงเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน บางขึ้นเพียง 23.4 มิลลิเมตร พร้อมน้ำหนักตัวเครื่องที่ 2.25 กิโลกรัม โดยด้านหลังได้มีการวางตำแหน่งช่องระบายความร้อนแบบคู่แยกซ้ายขวาออกจากกัน ซึ่งมีการออกแบบได้ดูดุดันคล้ายรถสปอร์ตพร้อมขนาดที่ใหญ่ขึ้น
โดยจะเป็นชิปประมวลผล Intel Core i5-9300H ซึ่งทำให้การใช้งานโดยรวมลื่นไหลแน่นอน มีรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญมาพร้อมกับการ์ดจอแยกอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1650 (4GB GDDR5) ที่แรงกว่า GTX 1050 ประมาณนึง พร้อมหน่วยความจำแรมขนาด 8GB มาตรฐาน DDR4 bus 2666 แน่นอนว่าได้เป็น SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB พร้อมอัพเกรดฮาร์ดดิสก์แบบปกติได้ เรียกได้ว่าเล่นเกมออนไลน์ได้ลื่นไหลแน่นอน ส่วนเกมออฟไลน์ปรับกลางๆ ลื่นไหลทุกเกมสบายๆ ตอบสนองได้คุ้มค่าราคา
นอกเหนือจากนั้นยังได้หน้าจอแบบด้านขอบจอบาง พาเนล IPS คุณภาพสูง ขนาด 15.6″ ความละเอียด Full HD ให้ค่า sRGB ที่ 96% ที่สำคัญได้ระบบปฏิบัติการ Windows 10 ในราคาที่ถูกและคุ้มค่าไม่แพ้ Gaming Notebook หลายๆ รุ่นในตลาด เรื่องพอร์ตการเชื่อมต่อต่างๆ นั้น ก็มีมาให้มากพอทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น USB 3.1 Type-A จำนวน 3 พอร์ต, USB 3.1 Type-C และ HDMI พร้อมช่องต่อหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร แบบแยกไมค์หูฟังหรือไมค์อย่างเดียว แน่นอนว่ามี SD Card Reader เป็นมาตรฐาน โดดเด่นกว่า Gaming Notebook ทั่วไปตรงที่ทาง HP ได้มีการเล่นสีสันเหมือนกับโทนตัวเครื่องด้วย
นอกจากนี้ยังมีกล้องเว็บความละเอียด HD และมีไมค์ดิจิตอลในตัว การเชื่อมต่อไร้สายเป็น Bluetooth 5.0 และ Wi-Fi แบบ Intel Wireless-AC 9560 มิติของตัวเครื่อง HP Pavilion Gaming 15 เมื่อเทียบกับโน๊ตบุ๊คจอขนาด 15.6 นิ้ว ก็มีขนาดเล็กกว่าอย่างเห็นได้ชัด พกพาง่าย พร้อมการรับประกัน 2 ปี ซ่อมฟรีถึงบ้านและบริการช่วยเหลืออื่นๆ อีกด้วย
อ่านรีวิว HP Pavilion Gaming 15
Dell Inspiron 15 7591 ราคา 30,300 บาท
การออกแบบโดยรวมของ Dell Inspiron 7591 ขอบหน้าจอบางแบบสุดๆ ส่วนของตัวเครื่องจะใช้เป็นโลหะที่ดูสวยงามและทนทาน เป็นส่วนประกอบหลักตลอดทั้งตัวเครื่อง ทำให้ได้ข้อดีมาก็คือทั้งความแข็งแรงและน้ำหนักที่เบา ที่สำคัญส่งผลให้ภาพลักษณ์โดยรวมของตัวเครื่องดูหรูหรามากๆ ให้อารมณ์พรีเมียมสุดๆ โดยสามารถถือได้ด้วยมือเดียวอย่างสบายๆ ด้วยน้ำหนักเพียง 1.87 กิโลกรัมเท่านั้น ส่วนความบางมีความส่วนที่บาง 17.94 – 19.90 มิลลิเมตร ซึ่งแม้จะบางขนาดนี้ยังได้รับการออกแบบเป็นอย่างดี
ตัวเครื่องมีการออกแบบโดยรวมให้ดูทันสมัยและเรียบง่าย ที่มุมตัวเครื่องจะทำให้เป็นแบบโค้งมน แต่ว่าไม่ได้มนมากจนเกินไป ตามมาด้วยการใส่รายละเอียดในการทำให้ตัวเครื่องมีลักษณะลาดเอียงเล็กน้อย ที่ขอบอลูมิเนียมรอบของตัวเครื่อง ส่วน Magnesium Alloy จะถูกนำเอามาใช้ด้านในและด้านนอกของตัวเครื่องเป็นหลัก ส่งให้เวลาที่เราเอามือมาวางหรือจับถือจะรู้สึกว่าเป็นอะไรที่เหนือชั้นกว่าวัสดุทั่วๆ ไป สมกับเป็นโน๊ตบุ๊คระดับสูงของทาง Dell ที่เป็น Inspiron 7000 Series
สเปกภายในมาพร้อมขนาดหน้าจอ 15.6″ ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล พาเนลคุณภาพสูงอย่าง IPS ซึ่งให้สีสันที่สวยสมจริงมุมมองกว้าง ให้ค่า sRGB ที่ 90% ด้านประสิทธิภาพด้วยอย่างการใช้ชิปประมวลผล Intel Core i5-9300H ความเร็ว 2.4GHz ที่สามารถเร่งการทำงานไปได้ถึง 4.1GHz โดยเป็นชิปประหยัดพลังงานพิเศษ แบบ 4 คอร์ 8 เทรด ซึ่งแน่นอนว่าให้ทั้งความแรงและใช้งานได้ยาวนาน เป็นสถาปัตยกรรม Intel Core i Gen 9 รุ่นล่าสุด
ส่วนแรมก็ติดตั้งมาให้ขนาด 8GB DDR4 ซึ่งพอเพียงกับการใช้งานแน่นอน ในส่วนของกราฟิกการ์ดก็เป็น NVIDIA GeForce GTX 1050 (3GB GDDR5) ที่ให้ประสิทธิภาพการทำงานรองรับ 3 มิติได้ดี เล่นเกมออนไลน์ได้สบายๆ สำหรับฮาร์ดดิสก์รองรับการอัพเกรดในอนาคต พร้อมด้วย SSD M.2 NVMe ความจุ 256GB ที่เพียงพอต่อการใช้งานประมาณนึง
ที่สำคัญยังเป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อ Wireless AC และ Bluetooth 5.0 ด้วย นอกจากนี้ในส่วนของกล้องด้านหน้ารองรับการใช้งาน VDO Call สนนราคา Dell Inspiron 7591 อยู่ที่ 30,300 บาท พร้อมการรับประกัน 2 ปี แบบ Dell Premium Support และ On-Site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน ตามมาตรฐานของ Dell ที่เราทุกคนในเรื่องของการบริการที่ประทับใจ
อ่านรีวิว Dell Inspiron 7591
คาดว่าน่าจะถูกใจสำหรับคนที่กำลังหาซื้อ Notebook แรงๆ ไว้ทำงานในช่วงต้นปี 2020 นะครับ เน้นราคาคุ้มค่าของครบ หรือจะเน้นพรีเมียมหน่อยบางด้วยก็แล้วแต่ลักษณะการใช้งานกันเลย ซึ่งต้องยอมรับว่า Acer Aspire 7 ดูแล้วจะน่าสนใจสุด ทั้งจากราคาที่ถูกสุด สเปกที่แรงลื่น ได้หน้าจอดีและฟีเจอร์อื่นๆ ก็ใหม่ล่าสุดด้วย แต่สุดท้ายก็อยู่ที่เพื่อนๆ เลือกซื้อกันอีกที แนะนำไปชมของจริงดูก่อนจะชัวร์ที่สุด ว่าชอบดีไซน์หรือเปล่าเพราะแต่ละคนชอบไม่เหมือนกันแน่นอน ที่สำคัญที่สุดก็คือ ราคาหน้าร้านบางรุ่นบางร้านยังลดราคาจากนี้ได้อีกนะครับ