เทคโนโลยีหนึ่งในโน๊ตบุ๊คที่พัฒนาไปมากเลยคือเรื่องของ Adapter จากเดิมที่ของใครของมันก็พัฒนามาเป็นพอร์ต USB-C และจากเดิมที่มีอยู่แค่ในโน๊ตบุ๊คไม่กี่รุ่นจนถึง ณ ปัจจุบันได้มีโน๊ตบุ๊คที่ใช้พอร์ต USB-C ในการชาร์ตเยอะขึ้นมาก และเทคโนโลยีที่ช่วยให้ Adapter สามารถชาร์ตโน๊ตบุ๊คที่เป็นพอร์ต USB-C รวมไปถึงสมาร์ทโฟน Tablet อีกหลายรุ่นได้คือ เทคโนโลยี Power Delivery หรือ PD ที่ทีมงานจะพาไปรู้จักว่ามันคืออะไรกันนะ
เทคโนโลยี Power Delivery หรือ PD ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่จะใส่เข้าไปใน Adapter ที่รองรับสำหรับการชาร์ตอุปกรณ์จากค่าย Apple รวมไปถึงโน๊ตบุ๊คด้วย ไม่ใช่ว่า Adapter ที่เป็น USB-C ทุกตัวจะรองรับ และเช่นเดียวกัน ไม่ใช้โน๊ตบุ๊คที่มีพอร์ต USB-C ทุกตัวจะสามารถใช้ Adapter Power Delivery USB-C ชาร์ตได้
เทคโนโลยี PD หรือ Power Delivery หรือ PD คืออะไร
- พูดง่ายๆว่าเป็นเทคโนโลยีที่ออกแบบมาเพื่อให้พอร์ต USB-C สามารถชาร์ตอุปกรณ์ต่างๆที่มีแรงดันไฟสูงขึ้นมากว่าปรกติได้ตั้งแต่ 5V ถึง 20V ซึ่งทำให้ชาร์ตมือถือหรือสมาร์ทโฟนได้ไวขึ้น และยังสามารถชาร์ตอุปกรณ์ที่ใช้พลังงานเยอะกว่าอย่าง Tablet หรือโน๊ตบุ๊คได้
- สามารถจ่ายไฟได้สูงถึง 100 วัตต์ เลยทีเดียว (และชาร์ตได้มากขึ้นอีกในอนาคต)
- แม้จะใช้กับอุปกรณ์อื่นๆเช่นสมาร์ทโฟนหรือพาวเวอร์แบงค์ได้ แต่จะใช้งานได้เต็มที่กับอุปกรณ์ที่รองรับ PD เท่านั้น
- เทคโนโลยี PD จะชาร์จเร็วผ่านช่องชาร์จ USB-C to USB-C ถ้าเป็นพอร์ตแบบอื่นจะชาร์ตช้ากว่า หรือไม่รองรับเลย
- Apple ได้นำเทคโนโลยี PD มาใส่ไว้ตั้งแต่ iPhone 8,8+ แล้วแต่จะชาร์ตเร็วผ่านสาย USB-C to Lightning ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์ของทาง Apple เท่านั้น
- อุปกรณ์อื่นๆของ Apple ที่รองรับก็คือ iPad Pro ที่ชาร์ตผ่านพอร์ต USB-C และ Macbook Pro รุ่นใหม่ๆที่เป็น Thunderbolt 3 แบบ USB-C เช่นเดียวกัน
- โน๊ตบุ๊คทุกรุ่นที่ชาร์ตผ่านพอร์ต USB-C รองรับเทคโนโลยี PD ทั้งหมดใช้ได้หายห่วง
เมื่อมี Adapter ที่รองรับ PD แล้ว ก็ต้องมาดูโน๊ตบุ๊คด้วยว่ารองรับไหม
ต้องบอกก่อนว่าแม้โน๊ตบุ๊คของท่านจะมีพอร์ต USB-C แต่ก็ใช้ว่ารองรับการชาร์ตผ่านพอร์ต USB-C โดยเฉพาะโน๊ตบุ๊คเกมมิ่งตัดไปได้เลย เพราะต่อให้พอร์ตรองรับแต่ก็จ่ายไฟไม่พออยู่ดี โดยเทคโนโลยีพอร์ต USB-C บนโน๊ตบุ๊คจะแบ่งเป็น
- USB Type C มาตรฐานเหมือนพอร์ต USB-A ปรกติ ต่อ Hub คีย์บอร์ดเมาส์ได้ โดยมีทั้งแบบ USB 2.0 ,3.0 ,3.2 และ 3.2 และบางรุ่นสามารถต่อจอภาพผ่านพอร์ตนี้ได้ด้วย มักจะอยู่ในโน๊ตบุ๊คทั่วไปที่แยกพอร์ตชาร์ตไฟหรือกระทั่งโน๊ตบุ๊คเกมมิ่ง
- USB Type C with Power Delivery นึกง่ายๆคือโน๊ตบุ๊คที่ชาร์ตผ่านพอร์ต USB-C จะเป็นมาตรฐานนี้ละครับ คือชาร์ตได้ และต่อใช้กับอุปกรณ์แบบ USB-C มาตรฐานเหมือนแบบแรก มักจะอยู่ในโน๊ตบุ๊คบางเบาที่ใช้พลังงานไม่สูงมาก (บางรุ่นแม้จะมีพอร์ตชาร์ตแยก แต่พอร์ต USB-C ก็สามารถใช้ได้เช่น ThinkPad X280)
- Thunderbolt 3 มีหน้าตาเหมือน USB-C ทุกอย่าง แต่พอร์ตมักจะมีรูปสายฟ้าติดอยู่ สามารถทำได้ทุกอย่าง ทั้งต่อฮับ ชาร์ตไฟ ต่อจอ หรือต่อ eGPU ก็รับไหวด้วยความเร็วสูงถึง 40Gbps ชาร์ตไฟได้ถึง 100W ซึ่งมักจะอยู่ในโน๊ตบุ๊ค Intel เพราะเป็นเจ้าของลิคสิทธิ์ และใน Macbook Pro รุ่นปัจจุบัน
ซึ่งในโน๊ตบุ๊คประมาณ 50% ของตลาดจะเป็นแบบแรก โดยเฉพาะโน๊ตบุ๊คราคาประหยัดหรือโน๊ตบุ๊คเกมมิ่งที่มีพอร์ต USB-C ส่วนแบบที่ 2 จะเป็นอีก 30% ของตลาดมักอยู่ในโน๊ตบุ๊คบางเบาที่ใช้พลังงานไม่สูงมาก และแบบสุดท้าย Thunderbolt 3 มีในตลาดแค่ 20% และมักจะอยู่ในโน๊ตบุ๊คสายทำงานที่มีราคาสูงและเฉพาะค่าย Intel เท่านั้น เพราะเป็นผู้ถือลิขสิทธิ์พอร์ต Thunderbolt 3
ชาร์ตเร็วช้า ต้องดูการใช้พลังงานของโน๊ตบุ๊คด้วย
เมื่อเช็คแล้วว่าโน๊ตบุ๊คของท่านรองรับ Adapter Power Delivery USB-C แต่ก็ใช้ว่าจะซื้อ Adapter ที่รองรับมาใช้ได้เลย เพราะต้องดูด้วยว่าโน๊ตบุ๊คของท่านควรใช้ Adapter กี่วัตต์ เพราะ Adapter Power Delivery USB-C มีเริ่มต้นตั้งแต่ 18W ซึ่งถือเป็นสเปคต่ำสุดที่มีขายในตลาด และถ้าท่านเคยอ่านรีวิวของเราแล้วน่าจะทราบกันว่ามันชาร์ตโน๊ตบุ๊คเข้าแต่ช้า แนะนำวิธีดู Adapter ที่เหมาะสมเลยคือดู Adapter ที่แถมมาชัวร์สุด หรือตามไกท์นี้ก็ได้ครับ
- 18W ชาร์ตสามาร์ทโฟนไว แต่โน๊ตบุ๊คไม่เหมาะกับการใช้ไปชาร์ตไปเพราะไฟเข้าช้ามาก เหมาะกับการปิดเครื่องชาร์ต
- ข้อดีคือตัวเลือกเยอะ ราคาถูก ขนาดเล็ก มีแบบชาร์ตในรถด้วย
- 30W-45W ชาร์ตสมาร์ทโฟนไวมาก ชาร์ต Tablet iPad Pro ได้ค่อนข้างไว ชาร์ตโน๊ตบุ๊คพร้อมใช้ไปได้ แต่แบตจะชาร์ตค่อนข้างช้าอยู่ ขึ้นอยู่กับสเปคด้วย
- ข้อดี ตัวเลือกเยอะ ขนาดไม่ใหญ่มาก ราคาไม่แพง
- 60-65W ขนาดของ Adapter มาตรฐานในโน๊ตบุ๊คส่วนใหญ่ ชาร์ตโน๊ตบุ๊คพร้อมทำงานได้เหมือน Adapter ปรกติ เป็นขนาดที่แนะนำให้ซื้อติดไว้ใช้โดยเฉพาะท่านที่ต้องการ Adapter อันที่ 2
- ข้อดี ชาร์ตโน๊ตบุ๊คพร้อมใช้งานได้ มีตัวเลือกเยอะ ราคาอยู่ในระดับไม่แพงมาก มีหลายขนาด
- 100W เป็นขนาด Adapter สำหรับ Macbook Pro เพราะสเปคแรงกินไฟเยอะ ถ้าใช้ Adapter อื่นจะจ่ายไฟไม่พอดี ข้อเสียตัวเลือกไม่เยอะ มีราคาสูง แต่ก็ยังถูกกว่า Adapter ของ Apple เอง
- ข้อดี จ่ายไฟแรงหายห่วง และโน๊ตบุ๊คสเปคแรงบางตัวก็ต้องใช้ Adapter ขนาดนี้จะเหมาะสมกว่า
นอกจากพอร์ต USB-C ที่รองรับ Power Delivery เป็นหลักแล้ว บางรุ่นยังมีพอร์ตชาร์ตมากกว่า 1 พอร์ต ทั้ง USB-C และ USB-A ทำให้ชาร์ตอุปกณณ์ได้มากกว่า 1 ตัว แต่เกือบทุกตัวจะถูกหารกำลังไฟชาร์ตลงเมื่อชาร์ตพร้อมกัน เช่น Adapter 65W ชาร์ตพอร์ตเดียวได้เต็ม แต่ถ้าชาร์ต 2 พอร์ตพร้อมกันอาจจะเหลือ 45W สำหรับพอร์ตหลักและ 18W สำหรับพอร์ตรอง ซึ่งถ้าพอร์ตหลักชาร์ตโน๊ตบุ๊คอยู่ก็จะทำให้ชาร์ตได้ช้าลง
ส่วนจะเลือก Adapter ขนาดเท่าไรมาใช้งานก็แล้วแต่งบประมาณ และความต้องการของแต่ละท่านเลย ถ้างบน้อยอยากมี Adapter ไว้ใช้งานเผื่อไว้ก็ดูเป็น 18W ก็ได้ ชาร์ตมือถือไว ชาร์ตโน๊ตบุ๊คแบบปิดเครื่องได้ แต่ถ้าเน้นขนาดกะทัดรัด งบไม่สูงมากก็ดูพวก 30-45W จะใช้งานได้ยืดหยุ่นขึ้น แต่ถ้างบมีเยอะและอยากได้ Adapter ที่ชาร์ตได้หลายอุปกรณ์พร้อมกันก็ดูเป็น 65W จะเหมาะกว่า ส่วน 100W เหมาะกับ Macbook Pro หรือโน๊ตบุ๊คที่มีการ์ดจอแยกแรงๆหน่อย