Huawei MateBook D15 ปี 2020 ใส่เต็มเรื่องของสเปกและราคาพร้อมของแถม กับการที่เป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอขนาด 15.6″ ที่เหมาะสมกับการใช้งานที่หลากหลาย มาพร้อมชิปประมวลผล AMD Ryzen 5 3500U ที่คุ้มค่าเรื่องของประสิทธิภาพต่อราคา การ์ดจอเป็นออนชิป VEGA 8 แรมติดตั้งมาให้ขนาด 8GB พร้อมด้วย SSD M.2 ความจุ 256GB + HDD อีก 1TB ที่เพียงพอต่อการใช้งานพื้นฐานแน่นอน ที่สำคัญมีระบบปฏิบัติการ Windows 10 สนนราคาเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่ 17,990 บาท พร้อมการรับประกัน 2 ปีตามมาตรฐานของ Huawei
การดีไซน์ Huawei MateBook D15 ก็เน้นความเรียบง่าย ด้วยวัสดุอลูมิเนียมที่ดูดีเกินราคากับสีสันเป็นสีเงินดูสวยงามลงตัว โดยมีความบางเฉียบของตัวเครื่องที่ 16.9 มม. น้ำหนัก 1.9 กิโลกรัม เน้นพกพาใช้งานสะดวก อีกทั้งได้เรื่องของขอบหน้าจอแบบเฉียบ FullView screen ทั้งให้เล็กกระทัดรัด ซึ่งมีสัดส่วนจออยู่ที่ 86% กล้องเว็บแคมไปยังติดตั้งแบบ Pop Up ที่ชุดคีย์บอร์ด และยังมีระบบ Fingerprint สแกนลายนิ้วมือเพื่อใช้งานได้ปลอดภัย ที่สำคัญสำหรับคนที่ใช้มือถือ Huawei ยังมีฟีเจอร์ Huawei Share ไว้ใช้งานโอนไฟล์ไปมา และขึ้นหน้าจอมือถือบน Huawei MateBook D15 ก็ยังได้อีกด้วย
VDO Unbox
Specification
สเปกของ Huawei MateBook D15 จะมีอยู่รุ่นเดียว โดยเลือกใช้ชิปประมวลผล AMD Ryzen 3000 รหัส U อย่าง AMD Ryzen 5 3500U (2.1 – 3.7GHz) เป็นสถาปัตยกรรม 12 nm Zen+ รุ่นใหม่ ทำงานแบบ 4 คอร์ 8 เธร์ด การ์ดจอออนบอร์ด VEGA 8 ประสิทธิภาพดี รองรับการเล่นเกมออนไลน์พอได้ แรมให้มาขนาด 8GB DDR4 สำหรับที่เก็บข้อมูลให้มาทั้ง SSD ความเร็วสูงแบบ NVMe M.2 ความจุ 256GB ที่เพียงพอกับทุกๆ การใช้งาน รวมไปถึงมีฮาร์ดดิสก์ HDD SATA 3 ความจุ 1TB ไว้สำรองไฟล์ด้วย
ได้หน้าจอแสดงผลขนาด 15.6″ ความละเอียด Full HD หรือ 1920×1080 พิกเซล แบบด้าน พาเนล IPS คุณภาพดี ขอบหน้าจอบางเฉียบ ส่งผลให้ต้องติดตั้งกล้องเว็บแคมไว้ระหว่างปุ่ม F6 – F7 ลักษณะการใช้งานเป็นแบบ Pop-up และมีไมค์ดิจิตอลติดตั้งอยู่ขอบตัวเครื่องด้านหน้า ส่วนพอร์ตที่ติดตั้งมีมาให้จะใช้ถือว่าครบครันเลยทีเดียวไม่ว่าจะเป็น USB 2.0 Type-A จำนวน 2 ช่อง, USB 3.0 Type-A จำนวน 1 ช่อง, , HDMI สำหรับต่อหน้าจอเสริม และรูหูฟังกับไมค์แบบคอมโบ
และยังมี USB-C ที่ชาร์จไฟผ่านทางอแดปเตอร์มาให้ด้วย พร้อมอแดปเตอร์ 65W ชาร์จทาง USB-C ซึ่งมีน้ำหนักเพียง 160 กรัมเท่านั้น แน่นอนว่ารองรับการชาร์จไฟไปยังอุปกรณ์อื่นๆ ด้วย นับว่าเป็นจุดเด่นที่เหนือกว่าโน๊ตบุ๊คช่วงราคาเดียวกัน ซึ่งแน่นอนว่ารองรับการเชื่อมต่อไร้สายด้วย Wi-Fi 5 AC กับ Bluetooth 4.2 และมีน้ำหนักอยู่ที่ 1.69 กิโลกรัม พร้อมการรับประกัน 2 ปีตามมาตรฐานของ Huawei สนนราคาที่ 17,990 บาท
เรียกได้ว่าจัดเต็มจริงๆ สำหรับ Huawei MateBook D15 ท้าชนกับโน๊ตบุ๊คเจ้าตลาดอีกหลายๆ แบรนด์ทั้งด้วยฟีเจอร์และราคา พร้อมของแถมที่โหดจริงๆ ไม่ว่าจะเป็น กระเป๋าเป้ Backpack (1,090 บาท), Wireless Mouse (490 บาท), Huawei FreeLace (2,490 บาท) และ PowerBank 40W (2,890 บาท) ด้วยราคาโปรโมชั่นเพียง 14,990 จากปกติ 17,990 บาท เมื่อหักส่วนลด 3,000 บาทที่เป็นคูปองแล้ว
Hardware / Design
แน่นอนว่าวัสดุตัวเครื่องของ Huawei MateBook D15 เลือกใช้เป็นอลูมิเมียมอัลลอยด์ตลอดทั้งตัวเครื่อง ซึ่งมีงานประกอบที่ยอดเยี่ยม ทนทานแน่นหนา ที่สำคัญยังเป็นแบบ Unibody นั่นก็คือแทบจะไร้รอยต่อ ประกอบด้วยกันเพียง 3 ชิ้นเท่านั้น ก็คือ ฝาหลัง ตัวเครื่องด้านใน และฝาล่างเท่านั้น (ตรงนี้เป็นพลาสติก) ทั้งจากที่ดูด้วยตาเปล่าและการสัมผัส พร้อมพื้นผิวเป็นแบบทรายทำให้เป็นรอยนิ้วมือได้ยากกว่าปกติ ตรงนี้ถือว่าเป็นความใส่ใจเพราะเราไม่ต้องค่อยมาเช็ดหรือทำความสะอาดบ่อยๆ เรื่องการออกแบบดีไซน์ของ Huawei MateBook D15
โดดเด่นด้วยหน้าจอมีขอบบางสุดๆ ที่ 5.3 มิลลิเมตร คิดเป็นพื้นที่ 87% ของสัดส่วนหน้าจอทั้งหมด ที่เป็นขนาดหน้าจอขนาด 15.6″ ได้ขอบหน้าจอบางเฉียบ FullView screen สัดส่วนแบบ 16:9 ที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล Full HD ตัวเครื่องถูกออกแบบมาให้พกพาสะดวก มีความบางเพียง 16.9 มิลลิเมตรเท่านั้น น้ำหนักก็เบามากๆ เพียง 1.62 กิโลกรัม ทำให้จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอใหญ่ที่พกพาสะดวกรุ่นนึงทีเดียว
ทำให้มิติโดยรวมของตัวเครื่องมีความเล็กกระทัดรัดพอๆ กับโน๊ตบุ๊คที่มีหน้าจอ 14″ รุ่นอื่นๆ เรียกได้ว่าตอบสนองในการพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้อย่างเต็มรูปแบบ มีความโดดเด่นกว่าโน๊ตบุ๊คเจ้าตลาดหลายๆ รุ่น โดยสามารถกางหน้าจอได้กว้างสุดที่ประมาณ 145 องศา สำหรับช่องระบายความร้อนถูกซ่อนอยู่ใต้หน้าจอบริเวณบานพับ โดยเป็นการใช้งานพัดลมระบาย 1 ตัว ที่ออกแบบมาใหม่ ช่วยนำพาความร้อนชิปประมวลผลให้เย็นลงได้อย่างรวดเร็วและเงียบกว่า ซึ่งการใช้งานโดยรวมถือว่าเอาอยู่ ที่มีช่องดูดลมเย็นด้านล่างตัวเครื่องทำหน้าที่ร่วมกันเป็นอย่างดี
แน่นอนว่าจากการที่เป็น FullView screen ด้วยเหตุนี้ทำให้ไม่มีพื้นที่ติดตั้งกล้องเว็บแคมแบบเดิมๆ ส่งผลให้ต้องย้ายไปไว้ที่ระหว่างปุ่ม F6 – F7 แทน แบบ Pop Up เก๋ๆ ที่ความละเอียด 1 ล้านพิกเซล มุมมองใช้จริงๆ ถือว่าใช้ได้อยู่ ไม่ได้เสยจนใช้งานลำบาก ส่วนการใช้งาน Windows Hello จะเป็นการสแกนนิ้วมือ Fingerprint ซึ่งเป็นปุ่ม Power ในปุ่มเดียว ส่งผลให้เราไม่ต้องกรอกรหัสแบบเดิมๆ อีกต่อไปกรณีที่เปิดเครื่องใช้งาน
เรียกได้ว่าช่วยในเรื่องของการใช้งานด้วยความสะดวกและปลอดภัยเป็นอย่างดี เหนือกว่าโน๊ตบุ๊คในช่วงราคาเดียวกันที่ส่วนมากจะไม่ค่อยมีมาให้ สำหรับฝาหลังก็มีแต่โลโก้ Huawei ส่วนภายในใต้หน้าจอด้านก็จะพบกับโลโก้ Huawei ที่เป็นตัวอักษรเท่านั้นเอง เรียกได้ว่ามีความเรียบหรูตามสไตล์ของ Huawei ไม่ต่างจากมือถือเรือธงเน้นความคุ้มค่าสเปกต่อราคาระดับอย่าง Huawei Nova 5T s เลยล่ะ ยิ่งใช้คู่กันยิ่งดูลงตัวเข้าไปอีก (ที่นำมาประกอบรีวิวนี้)
Huawei MateBook D15 แม้จะเป็นถูกวางเป็นโน๊ตบุ๊คเน้นความคุ้มค่าจากทาง Huawei แต่ก็ได้รับงานเรียบเนียบระดับโน๊ตบุ๊คพรีเมียม ถอดแบบมาจากรุ่นพี่อย่าง Huawei MateBook 13 หรือ Huawei MateBook X Pro ก็ว่าได้ ที่ปกติแล้วจะมีแต่โน๊ตบุ๊คระดับบนเท่านั้น สำหรับสีสันเลือกใช้เป็น Space Grey ที่ส่งผลให้เพิ่มความหรูหราเกินราคาเข้าไปอีก (ส่วนสีสัน Mystic Silver ไม่แน่ใจว่าจะมีเข้ามาเป็นตัวเลือกหรือเปล่า)
Keyboard / Touchpad
คีย์บอร์ดที่ติดตั้งมาให้เป็นแบบ Chiclet Keyboard สีดำตัดกับตัวเครื่อง ซึ่งระยะเว้นระหว่างปุ่มพิมพ์ทำออกมาได้พอดีไม่ชิดกันมากเกินไปและระยะยุบตัวของปุ่มพิมพ์นั้นค่อนข้างดี ผิวสัมผัสของปุ่มแต่ละปุ่มนั้นให้ความรู้สึกที่ติดนิ้ว โดยขนาดของคีย์บอร์ดเป็นไซต์แบบปกติของโน๊ตบุ๊คจอ 15.6″ ซึ่งเลือกที่จะตัด Numpad ออกไป ทำให้มีพื้นที่ด้านข้างเหลืออยู่ (ต่างจากรุ่น 15.6″ ทั่วไป) เข้าใจว่าเพื่อความสวยงาม ที่สำคัญคือมาพร้อมแป้นคีย์บอร์ดภาษาไทย เรียกได้ว่าแม้ Huawei MateBook D15 จะเป็นโน๊ตบุ๊ครุ่นที่ 3 ที่ขายในไทยอย่างเป็นทางการ แต่ก็ทำตลาดอย่างจริงจัง
ส่วนปุ่มเปิดเครื่องจะอยู่มุมขวาบน พร้อมปุ่มสแกนลายนิ้วมือในตัวเดียว ความเจ๋งก็คือ เมื่อเรากดเปิดเครื่อง เครื่องจะทำการสแกนนิ้วและเปิดเครื่องไปพร้อมๆ กัน เราไม่จำเป็นต้องมาสแกน Login เครื่องอีกรอบนึง นับว่าเป็นความแปลกใหม่อีกอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ทั้งง่ายและรวดเร็ว เพราะปกติต้องเปิดเครื่อง รอ Login แล้วจึงสแกน ทัชแพดมีขนาดใหญ่มากเมื่อเทียบกับตัวเครื่อง ตัวปุ่มคลิกเป็นแบบชิ้นเดียวกับทัชแพด ผิวมีลักษณะเป็นกระจก ส่วนปุ่มคลิกทั้งซ้ายขวาก็อาจจะมีความแข็งพอดีๆ การใช้งานโดยจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่ดี ให้สัมผัสที่ลื่นไหล ตอบสนองการทำงานได้ทันใจ
Screen / Speaker
ในส่วนของหน้าจอ Huawei MateBook D15 เป็นแบบจอด้านลดแสงสะท้อนขนาด 15.6″ บนความละเอียดในระดับ Full HD หรือ 1920 x 1080 พิกเซล ถือว่าเป็นไปตามมาตรฐานของโน๊ตบุ๊คในปี 2020โดยใช้พาเนล IPS ซึ่งให้สีสันที่ดีในระดับธรรมดาทั่วไป ซึ่งไม่ว่าจะนำมาเล่นเกม ดูหนังฟังเพลง หรือชมวีดีโอจาก YouTube ก็ได้สบายๆ ภาพที่เห็นก็คมชัดดี ให้ความเรียบเนียนกว่าความละเอียด HD เดิมๆ ตัวงานประกอบขอบหน้าจอก็ทำได้ดีเป็นพลาสติกสีดำด้าน และมียางรองหน้าจอตลอดทั้งตัวขอบ ช่วยเรื่องลดแรงการกดทับได้อย่างดี
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ Huawei MateBook D15 ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด ซึ่งเมื่อคาลิเบรตแล้วเราก็เลือกโปรไฟล์ที่เราได้คาลิเบรทเอาไว้ ผลที่ได้หลังจากที่คาลิเบรทก็คือคอนทราสต์มีการไล่โทนที่กว้างขึ้น รวมไปถึงมีสีสันและอุณหภูมิสีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน จากโทนเย็นกลายเป็นโทนอุ่น
โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 61% และ AdobeRGB ที่ 45% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันระดับพอใช้ทั่วไป เช่นเอาไปทำงานเอกสารหรือดูหนังฟังเพลง ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 250 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานความสว่างของหน้าจอในโน๊ตบุ๊คราคาระดับนี้ คือเพียงพอต่อการใช้งานพื้นฐาน แต่ถ้าจะเอาไปทำภาพกราฟิกระดับมืออาชีพหรือตกแต่งภาพที่เน้นความเที่ยงตรงแล้ว อันนี้ไม่แนะนำ
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าช่องกลางหน้าจอเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ แต่สำหรับช่องแถวบนตรงกลาง รวมไปถึงสามช่องแถวล่างทั้งหมดจะมีแสงสว่างที่ลดลงไปที่ระดับ 8% ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนน 3.5 เมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว ผ่านทางอุปกรณ์ Spyder5Elite
ทางด้านลำโพงจะเป็นแบบสเตอริโอที่ขนาด 2W x 2 ซึ่งถูกติดตั้งอยู่ขอบตัวเครื่องด้านล่างทั้งซ้ายและขวา คุณภาพถือว่าเพียงพอที่จะใช้งานในด้านของความบันเทิงทั่วๆ ไป เช่นดูหนัง ฟังเพลง หรือเล่นเกมต่างๆ ได้ตามมาตรฐาน ซึ่งตัวลำโพงจะวางอยู่ด้านบนคีย์บอร์ด ทั้งในด้านคุณภาพของเสียงและระดับความดังของเสียงอยู่ในเกณฑ์กลางๆ ให้ประสบการณ์ใช้งานที่ดี ลักษณะเด่นต่างจากโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ ก็คือเสียงค่อนข้างมีความกังวาลใช้ได้เลย
Connector / Thin And Weight
พอร์ตการเชื่อมต่อตัวเครื่อง Huawei MateBook D15 นี้จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่มีความครบครับอย่างมากเมื่อเทียบกับขนาดตัวเครื่อง แม้ว่าจะเป็นเครื่องที่มีการออกแบบมาให้เป็นเครื่องที่มีขนาดความบางและน้ำหนักเบาแต่เรื่องพอร์ตการเชื่อมต่อต่างๆ นั้น ก็มีมาให้มากพอทีเดียวไม่ว่าจะเป็นทางด้านขวา อาทิ USB 2.0 Type-A จำนวน 2 พอร์ต และช่องต่อหูฟังกับไมค์ขนาดแบบคอมโบขนาดมาตรฐาน 3.5 มิลลิเมตร ส่วนด้านซ้ายจะเป็น USB 3.1 Type-C อีก 1 พอร์ต ที่รองรับการชาร์จไฟผ่านทางอแดปเตอร์ในตัวเดียว รวมไปถึงมี USB 3.0 Type-A อีก 1 ช่องและปิดท้ายด้วย HDMI
ขนาดของตัวเครื่องและสายชาร์จที่เป็น USB-C เมื่อเทียบกับขนาดของโน๊ตบุ๊ค 15.6″ นิ้วทั่วไปถือได้ว่ามีมิติที่เล็กกว่าพอสมควร ขนาด 357.8 x 229.9 x 16.9 มิลลิเมตร ส่วนน้ำหนักตัวเครื่องเปล่านั้น อยู่ที่ 1.69 กิโลกรัม และเมื่อรวมกับตัวอแด็ปเตอร์เข้าไปด้วย ก็จะมีน้ำหนักราวๆ 1.9 กิโลกรัมเท่านั้น ก็จัดว่ามีน้ำหนักเบามาก ซึ่งแน่นอนว่าตอบสนองในเรื่องของการพกพาไปนอกสถานที่ได้อย่างเต็มรูปแบบ รวมไปถึงโดดเด่นด้วยสายชาร์จเป็น USB-C to USB-C ทำให้เรานำไปชาร์จมือถือหรือ Gadget ที่เป็น USB-C ทั้งหมดในอแดปเตอร์เดียว
Inside / Upgrade
การแกะเครื่อง Huawei MateBook D15 เพื่ออัพเกรดหรือทำความสะอาดนั้น สามารถทำได้ไม่ยากแต่ก็ไม่ง่ายเสียทีเดียว เพราะงานประกอบค่อนข้างแน่นหนา ต้องใช้ฝีมือและทักษะประมาณนึง ซึ่งหลังจากถอดน็อตทุกตัวเสร็จหมดแล้ว (น๊อตหัวแบบดาว) ต้องใช้บัตรแข็งค่อยๆ รูดถอดออกที่ละส่วน จากหลังมาหน้า ควรทำอย่างใจเย็น และขอบฝาด้านล่างตรงแกนฝาพับค่อนข้างคมระวังบาดนิ้วมือกันด้วยโดยเมื่อแกะออกมาแล้วก็จะเห็นฮาร์ดแวร์หลายๆ อย่างชัดเจนตามรูปเลย เห็นได้ว่ามีความเรียบร้อยเป็นอย่างดี การวางรูปแบบของฮาร์ดแวร์เครื่องนี้ทำได้ดูดีเลยที
ซึ่งในส่วนที่สามารถทำการอัพเกรดไม่ว่าจะเป็นเปลี่ยน HDD มาตราฐาน SATA 3 ขนาด 2.5″ ความจุ 1TB ให้เป็น SSD SATA 3 เพื่อเพิ่มความเร็ว หรือ SSD M.2 ความจุ 256GB ที่ติดตั้งมาให้แล้ว ถ้าอยากจะอัพเกรดเพื่อความจุ ก็ต้องถอดของเดิมก่อน ส่วนแรมดูจากภาพแล้วคาดว่าเป็นแบบฝังบอร์ดมาเลย ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนหรืออัพเกรดใดๆ ได้ สำหรับเรื่องการจัดการความร้อนตัวเครื่องมี Heat Pipe จำนวน 1 เส้น วางพาดยาวไล่ผ่านชิปประมวลผล ส่วนพัดลมเครื่องนี้ก็มีมาให้ 1 ตัว ตามแบบฉบับ Notebook ปกติทั่วไป ที่เพียงพอต่อการระบายความร้อน
Performance / Software
Huawei MateBook D15 เครื่องรีวิวนี้มาพร้อมกับชิปประมวลผลจาก AMD Ryzen 5 3500U ซึ่งเป็นชิปประมวลผลใช้พลังงานไฟต่ำมาก มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.10 – 3.70 GHz ที่ทั้งแรงมีประสิทธิภาพที่ดี แถมประหยัดพลังงาน สถาปัตยกรรม 12 nm Zen+ รุ่นใหม่ เป็นซีพียูแบบ 4 Core 8 Threads มีค่า TDP 15Watt ที่เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป มาพร้อมแรมออนบอร์ดขนาด 8GB DDR4 ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบายๆ
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง AMD Radeon VEGA 8 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่ก็รองรับการทำงานกับหน้าจอความละเอียดสูง Full HD ได้แบบไม่มีปัญหา เว้นแต่เอาไปเล่นเกม 3 มิติให้ยุคปัจจุบัน อันนี้ไม่แนะนำ
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจตามมาตรฐานของAMD Ryzen 5 3500U เปรียบเทียบกับชิปประมวลผล Intel Core i5 / Core i7 รหัส U ที่เป็น Gen 8 ก็ทำได้ดีกว่าด้วย ในส่วนของตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพตอบโจทย์ในส่วนของงานทั่วไปเท่านั้น หรือเล่นเกมออนไลน์ 3 มิตินิดหน่อยก็พอได้
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้เป็น SSD ความเร็วสูงแบบ NVMe M.2 ที่ความจุ 256GB ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจ กับความเร็วระดับ Read: 1790 MB/s – Write: 1653 MB/s ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดไดร์ฟแบบจานหมุนหรือแบบลูกผสมอย่าง SSHD แล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด การใช้งานโดยรวมก็ลื่นไหลน่าประทับใจมากๆ ทั้งเปิดเครื่อง ปิดเครื่อง อนไฟล์ไปมา รวมไปถึงการเปิดโปรแกรมหลายๆ อย่างพร้อมกัน
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 3,787 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ ส่วนถ้าเอาไปใช้งานหนักๆ เช่นงานประมวลผล ตัดต่อวีดีโอ โปรเซสไฟล์ภาพความละเอียดสูง รวมไปถึงเล่นเกม 3 มิติ แบบออนไลน์ก็พอได้ แต่ก็อันนี้ไม่แนะนำเท่าไร เพราะสเปกไม่ได้ออกแบบมาให้ใช้งานแบบนั้นแต่อย่างใด
อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจของ Huawei MateBook D15 ก็คือมาพร้อมซอฟต์แวร์บันเดิลอย่าง PC Manager โดยเป็นโปรแกรมซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้เราดูแลคอมพิวเตอร์ได้อย่างเหมาะสม ป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น และช่วยแก้ปัญหาได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว โปรแกรมนี้ยังระบุข้อมูลที่สำคัญสำหรับแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งนั่นหมายรวมไปถึงการอัพเดทไดร์เวอร์ต่างๆ และ Windows ด้วย จัดได้ว่าดีและใช้งานได้จริง รวมไปถึงการเชื่อมต่อกับมือถือเพื่อนโอนไฟล์ไปมาก็อยู่ในส่วนนี้ด้วย แต่ก็รองรับเฉพาะมือถือ Huawei นะ
การแชร์ไฟล์แบบอัจฉริยะด้วย Huawei Share ส่งวิดีโอและรูปภาพจากสมาร์ทโฟนเข้า PC รวมไปถึง Screen Mirror โดยเชื่อมต่อผ่าน NFC / Wi-Fi Direct ด้วยการแตะเพียงครั้งเดียว ซึ่งต้องยอมรับเลยว่าง่ายมากๆ มาพร้อมความสามารถในกาอัพโหลดรูปภาพ 500 รูป ใน 1 นาที และวิดีโอขนาด 1 GB ใน 35 วินาที ถ้ารูปของเรามีข้อความ Huawei MateBook D15 จะแยกข้อความออกมาจากรูปเพื่อให้คุณแก้ไขได้ง่ายๆ ส่วนการ Screen Mirror ก็ช่วยให้เราไม่ต้องจับมือถือไปมา แต่สามารถสั่งการผ่านทางโน๊ตบุ๊คได้เลย เช่นตอบ Line หรือเปิดแอปพลิเคชั่นในมือถือเป็นต้น
ซึ่งคุณสมบัตินี้รองรับเฉพาะสมาร์ทโฟน Huawei ที่มีคุณสมบัติ NFC ร่วมกับระบบปฏิบัติการ EMUI 10.0 หรือใหม่กว่า ในการีวิวครั้งนี้เราใช้ Huawei Nova 5T ทำงานร่วมกับ Huawei MateBook D15 ถือได้ว่าน่าประทับใจทีเดียว เรียกได้ว่าคนที่ใช้มือถือ Huawei อยู่แล้ว จะซื้อโน๊ตบุ๊คใหม่ซักเครื่องไว้เน้นใช้งานทั่วไป ก็ต้องโดนใจกับฟีเจอร์นี้แบบจังๆ ตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้นเยอะทีเดียว ส่วนการใช้งานก็ไม่ต้องเป็นห่วง ทาง Huawei ได้เตรียมคู่มือแบบวีดีโอไว้แล้ว
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ของ Huawei MateBook D15 เป็นแบบฝังไว้ในเครื่องเหมือนกับโน๊ตบุ๊คยุคใหม่ ทำงานต่อเนื่องยาวนานประมาณ 12 ชั่วโมงต่อเนื่องในการใช้งานแบบปกติ (ดูภาพยนตร์และเล่นอินเตอร์เน็ต) และคาดว่าอาจจะได้น้อยกว่านี้โดยปรับเปลี่ยนตามการใช้งานของแต่ละคน ว่าเปิดโปรแกรมอะไร อย่างถ้าใช้ Microsoft Edge ก็จะใช้งานได้ยาวนานกว่า Chrome ส่วนช่องระบายความร้อนของ Huawei MateBook D15 มีเพียงช่องเล็กๆ พร้อมพัดลมตัวเดียว ซ่อนอยู่ใต้หน้าจอ จากการที่ใช้ AMD Ryzen 3000 Series รหัส U สถาปัตยกรรม 12 นาโนเมตร ที่มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น พร้อมคุณสมบัติประหยัดพลังงานพิเศษและปลดปล่อยความร้อนน้อยลงกว่าชิปประมวลผลรุ่นก่อนๆ
ทางด้านอุณหภูมิปกติของเครื่องจะอยู่ที่ 40 – 50 องศาเซลเซียส แต่พอรีดประสิทธิภาพเต็มที่จะเห็นว่าเครื่องจะร้อนที่สุดที่ 79 องศาเซลเซียส สำหรับชิปประมวลผล นับว่าเรื่องระบบระบายความร้อนของ Huawei MateBook D15 เครื่องนี้ทำออกมาได้ดีประมาณนึง ซึ่งนั่นน่าจะเป็นเพราะชุดระบายความร้อนจาก Huawei MateBook ที่ออกแบบมาค่อนข้างดี อีกทั้งตัวเครื่องที่ยกตัวขึ้นก็ช่วยระบายความร้อน รวมไปถึงชิปประมวลผลอย่าง AMD Ryzen 5 3500U ก็ควบคุมความร้อนได้ดี ทำให้การใช้งานจริงยาวนานต่อเนื่องแทบไม่ได้สัมผัสถึงความร้อนเลย
Conclusion / Award
Huawei MateBook D15 เป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 15.6″ ที่เน้นเรื่องความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคา หลังจากที่ปีก่อนได้ทำการนำเสนอ Huawei MateBook X Pro และ Huawei MateBook 13 ที่เน้นฟีเจอร์ล้ำๆ และความบางเบาที่ได้สเปกเป็น Intel Core i Gen 8 โดย Huawei MateBook D15 เอาจริงๆ ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน เพราะนอกจากสเปก AMD Ryzen 3000 Series ที่ดีให้ความแรงคุ้มค่าต่อราคาแล้ว สเปกอื่นๆ อย่างแรมและที่เก็บข้อมูล หน้าจอก็ถือว่าใช้ได้เลยในค่าตัวที่ 17,990 บาท จัดว่าน่าสนใจไม่น้อย
รวมไปถึงมีช่องเชื่อมต่อครบครันทั้ง USB 2.0, USB 3.0 ช่องต่อหูฟัง 3.5 มม. พอร์ต HDMI และยังมี USB-C ที่ชาร์จไฟผ่านทางอแดปเตอร์มาให้ด้วย พร้อมอแดปเตอร์ 65W ชาร์จทาง USB-C ซึ่งมีน้ำหนักเพียง 160 กรัมเท่านั้น แน่นอนว่ารองรับการชาร์จไฟไปยังอุปกรณ์อื่นๆ อย่างมือถือ Huawei เองได้ด้วย ที่สำคัญยังได้ การใช้งาน Windows Hello จะเป็นการสแกนนิ้วมือ Fingerprint ซึ่งเป็นปุ่ม Power ในปุ่มเดียว ที่เปิดปุ๊มสแกนปั๊บในครั้งเดียว โดดเด่นกว่าโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นทีเดียว
โดยให้ประสิทธิภาพการทำงานที่พอใช้งานทั่วๆ ไป กับความบางและน้ำหนักที่เหมาะแก่การพกพาไปใช้งานนอกสถานที่มากๆ รวมไปถึงยังประหยัดพลังงาน ส่งผลให้ปล่อยความร้อนออกมาน้อยมาก แบตเตอรี่ก็ยาวนานที่ประมาณ 12 ชั่วโมงกว่า ที่ต้องขอบอกว่าคุ้มค่ามากๆ เหมาะมากๆ สำหรับคนที่ต้องการมองหาโน๊ตบุ๊คราคาไม่แพงบางๆ เบาๆ ไว้ใช้งานนอกบ้าน แม้ว่าสเปกอย่าง AMD Ryzen 3000 Series จะขายกับแบรนด์อื่นๆ มาเป็นปีๆ แล้ว ถ้าใครไม่คิดมากตรงจุดนี้ก็ยังนับว่าประสิทธิภาพยังใช้ได้งานอยู่
Huawei MateBook D15 อีกหนึ่ง AMD Notebook ที่ลงมาเล่นในตลาดโน๊ตบุ๊คประเทศไทย กับการมาของรุ่นที่ 3 ซึ่งเราจะได้เห็นโน๊ตบุ๊คจากทาง Huawei เป็นการนำมาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ จากปกติเราจะเห็นแต่ผลิตภัณฑ์สายมือถือ โดย Huawei MateBook D15 เป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 15.6″ สายทำงานพกพา เหมาะสำหรับการทำงานที่เกี่ยวข้องกับงานพื้นฐาน เช่นเอกสาร เล่นอินเตอร์เน็ต ดูหนังฟังเพลง เชื่อว่าแฟนๆ Huawei น่าจะสนใจกันอยู่ไม่น้อย หรือคนที่ไม่ยึดติดกับแบรนด์โน๊ตบุ๊คเดิมๆ และจะเหมาะกับคนที่ใช้งานมือถือ Huawei อยู่แล้วที่สุด
เพื่อใช้งานทั่วไปร่วมกันผ่านทาง Huawei Share ช่วยเรื่องของแชร์ไฟล์และแชร์หน้าจอได้อย่างเต็มรูปแบบ อย่างไรก็ตามยิ่งเจอโปรโมชั่นโหดๆ อย่างที่แจ้งไปในข้างต้น คือ จองล็อตแรก ได้ของแถมมูลค่า 7,000 บาท อาทิ กระเป๋าเป้ Backpack (1,090 บาท), Wireless Mouse (490 บาท), Huawei FreeLace (2,490 บาท) และ PowerBank 40W (2,890 บาท) พร้อมคูปองส่วนลด 3,000 บาท ส่งผลให้ถ้าคิดง่ายๆ ค่าเครื่อง 17,990 บาท หัก 7,000 + 3,000 ไปแล้ว เหมือนเราจ่ายค่าเครื่องแค่ 7,990 บาทเท่านั้นเอง
ข้อดี
- ตัวเครื่องออกแบบใหม่ ให้ความสวยงามและหรูหรา พื้นผิวเป็นรอยนิ้วมือยาก
- แรงทนทานสวยงาม ด้วยงานประกอบอลูมิเนียมแบบ Unibody
- ขอบจอบางเฉียบ ตัวเครื่องบางเบา เพียง 1.62 กิโลกรัม บาง 16.9 มิลลิเมตร
- ชิปประมวลผลเป็น AMD Ryzen 5 3500U ประสิทธิภาพดี ราคาคุ้มค่า
- ได้แรมขนาด 8GB ที่ใช้งานได้ทันที ไม่ต้องหาอัพเกรดเพิ่ม
- มาพร้อมหน่วยความจำ SSD M.2 NVMe ความจุ 256GB + HDD 1TB
- หน้าจอมีความละเอียดสูงระดับ Full HD พาเนล IPS ให้สีสันที่สวยงาม
- กล้องเว็บแคมแบบ Pop Up ซ่อนเอาไว้ระหว่างปุ่ม F6 – F7 ดูแปลกตา
- การจัดการระบายความร้อนทำออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- มีพอร์ต USB 3.0 Type-A พร้อม USB 3.1 Type-C ที่รองรับการชาร์จไฟด้วย
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน 12 ชั่วโมง รองรับการชาร์จไฟด้วย USB PD
- อแดปเตอร์ 65W ชาร์จทาง USB-C มีขนาดเล็ก นำไปใช้กับมือถือหรืออุปกรณ์อื่นๆ ได้หมด
- ติดตั้งระบบสแกนลายนิ้วมือ Fingerprint ที่สแกนทันทีขณะเปิดเครื่อง
- ซอฟต์แวร์ PC Manager / Huawei Share ใช้งานได้ดี ทั้งแชร์ไฟล์และหน้าจอ
ข้อสังเกตุ
- ไม่สามารถอัพเกรดแรมได้ เพราะของเดิมเป็นแบบฝังบอร์ดมา
- ส่วนเชื่อมต่อกับมือถือรองรับเฉพาะแบรนด์ Huawei เท่านั้น
- ราคาสูงกกว่าแบรนด์อื่นๆ ในสเปกที่ใกล้เคียงกัน แต่ก็ได้อะไรที่มากกว่า
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน้ต บุ๊คขนาดหน้าจอ 15.6″ ด้วยกัน ซึ่ง Huawei MateBook D15 ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Design ในกลุ่มโน๊ตบุ๊คที่รองรับการทำงานรอบด้านและมาพร้อมหน้าจอ 15.6″ ที่ให้วัสดุอลูมิเนียมอัลลอยด์ อีกทั้งมีดีไซน์ที่ทันสมัยสุดๆ แน่นอนว่าทำได้น่าประทับใจเสมอมาสำหรับ Huawei MateBook จากวัสดุที่ดีอย่างพลาสติกเกรดสูง สีสันเป็นสีเงินเทาคล้ายโลหะตลอดทั้งตัวเครื่อง พร้อมพื้นผิวแบบเรียบเนียน งานประกอบก็มีความเรียบร้อยแบบสุดๆ แถมยังบางเบาพกพาง่ายกว่าเดิมมาก ด้วยน้ำหนักเพียง 1.62 กิโลกรัม และด้วยความบางของตัวเครื่องเพียงที่ 16.9 ม.ม. จากแบตเตอรี่ที่นำไปไว้ในตัวเครื่อง
Best Value
Huawei MateBook D15 รุ่นนี้มีความโดดเด่นสุดๆ จากการที่ใช้ชิปประมวลผล AMD Ryzen 5 3500U ให้ประสิทธิภาพการใช้งานพื้นฐานที่ดี เป็นตัวประหยัดพลังงานรุ่นล่าสุด ที่สำคัญยังมีความแรงโดยรวมที่ดีด้วยแรมขนาด 8GB ที่เพียงพอ และ SSD M.2 NVMe ความจุ 256GB + HDD 1TB ที่เร็วพอตัวอีกด้วย สนนราคาที่ 17,990 บาท แม้จะดูว่ามีราคาสูงกว่าแบรนด์อื่นๆ แต่ก็ได้อะไรที่มากกว่าด้วย เช่นหน้าจอ IPS ระบบสแกนลายนิ้วมือ และฟีเจอร์ Huawei Share รวมไปถึงงานประกอบวัสดุที่ดูแล้วมีความพรีเมียมมากกว่า
VDO Unbox
Specification
สเปกของ Huawei MateBook D15 จะมีอยู่รุ่นเดียว โดยเลือกใช้ชิปประมวลผล AMD Ryzen 3000 รหัส U อย่าง AMD Ryzen 5 3500U (2.1 – 3.7GHz) เป็นสถาปัตยกรรม 12 nm Zen+ รุ่นใหม่ ทำงานแบบ 4 คอร์ 8 เธร์ด การ์ดจอออนบอร์ด VEGA 8 ประสิทธิภาพดี รองรับการเล่นเกมออนไลน์พอได้ แรมให้มาขนาด 8GB DDR4 สำหรับที่เก็บข้อมูลให้มาทั้ง SSD ความเร็วสูงแบบ NVMe M.2 ความจุ 256GB ที่เพียงพอกับทุกๆ การใช้งาน รวมไปถึงมีฮาร์ดดิสก์ HDD SATA 3 ความจุ 1TB ไว้สำรองไฟล์ด้วย
ได้หน้าจอแสดงผลขนาด 15.6″ ความละเอียด Full HD หรือ 1920×1080 พิกเซล แบบด้าน พาเนล IPS คุณภาพดี ขอบหน้าจอบางเฉียบ ส่งผลให้ต้องติดตั้งกล้องเว็บแคมไว้ระหว่างปุ่ม F6 – F7 ลักษณะการใช้งานเป็นแบบ Pop-up และมีไมค์ดิจิตอลติดตั้งอยู่ขอบตัวเครื่องด้านหน้า ส่วนพอร์ตที่ติดตั้งมีมาให้จะใช้ถือว่าครบครันเลยทีเดียวไม่ว่าจะเป็น USB 2.0 Type-A จำนวน 2 ช่อง, USB 3.0 Type-A จำนวน 1 ช่อง, , HDMI สำหรับต่อหน้าจอเสริม และรูหูฟังกับไมค์แบบคอมโบ
และยังมี USB-C ที่ชาร์จไฟผ่านทางอแดปเตอร์มาให้ด้วย พร้อมอแดปเตอร์ 65W ชาร์จทาง USB-C ซึ่งมีน้ำหนักเพียง 160 กรัมเท่านั้น แน่นอนว่ารองรับการชาร์จไฟไปยังอุปกรณ์อื่นๆ ด้วย นับว่าเป็นจุดเด่นที่เหนือกว่าโน๊ตบุ๊คช่วงราคาเดียวกัน ซึ่งแน่นอนว่ารองรับการเชื่อมต่อไร้สายด้วย Wi-Fi 5 AC กับ Bluetooth 4.2 และมีน้ำหนักอยู่ที่ 1.69 กิโลกรัม พร้อมการรับประกัน 2 ปีตามมาตรฐานของ Huawei สนนราคาที่ 17,990 บาท
เรียกได้ว่าจัดเต็มจริงๆ สำหรับ Huawei MateBook D15 ท้าชนกับโน๊ตบุ๊คเจ้าตลาดอีกหลายๆ แบรนด์ทั้งด้วยฟีเจอร์และราคา พร้อมของแถมที่โหดจริงๆ ไม่ว่าจะเป็น กระเป๋าเป้ Backpack (1,090 บาท), Wireless Mouse (490 บาท), Huawei FreeLace (2,490 บาท) และ PowerBank 40W (2,890 บาท) ด้วยราคาโปรโมชั่นเพียง 14,990 จากปกติ 17,990 บาท เมื่อหักส่วนลด 3,000 บาทที่เป็นคูปองแล้ว
Hardware / Design
แน่นอนว่าวัสดุตัวเครื่องของ Huawei MateBook D15 เลือกใช้เป็นอลูมิเมียมอัลลอยด์ตลอดทั้งตัวเครื่อง ซึ่งมีงานประกอบที่ยอดเยี่ยม ทนทานแน่นหนา ที่สำคัญยังเป็นแบบ Unibody นั่นก็คือแทบจะไร้รอยต่อ ประกอบด้วยกันเพียง 3 ชิ้นเท่านั้น ก็คือ ฝาหลัง ตัวเครื่องด้านใน และฝาล่างเท่านั้น (ตรงนี้เป็นพลาสติก) ทั้งจากที่ดูด้วยตาเปล่าและการสัมผัส พร้อมพื้นผิวเป็นแบบทรายทำให้เป็นรอยนิ้วมือได้ยากกว่าปกติ ตรงนี้ถือว่าเป็นความใส่ใจเพราะเราไม่ต้องค่อยมาเช็ดหรือทำความสะอาดบ่อยๆ เรื่องการออกแบบดีไซน์ของ Huawei MateBook D15
โดดเด่นด้วยหน้าจอมีขอบบางสุดๆ ที่ 5.3 มิลลิเมตร คิดเป็นพื้นที่ 87% ของสัดส่วนหน้าจอทั้งหมด ที่เป็นขนาดหน้าจอขนาด 15.6″ ได้ขอบหน้าจอบางเฉียบ FullView screen สัดส่วนแบบ 16:9 ที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล Full HD ตัวเครื่องถูกออกแบบมาให้พกพาสะดวก มีความบางเพียง 16.9 มิลลิเมตรเท่านั้น น้ำหนักก็เบามากๆ เพียง 1.62 กิโลกรัม ทำให้จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอใหญ่ที่พกพาสะดวกรุ่นนึงทีเดียว
ทำให้มิติโดยรวมของตัวเครื่องมีความเล็กกระทัดรัดพอๆ กับโน๊ตบุ๊คที่มีหน้าจอ 14″ รุ่นอื่นๆ เรียกได้ว่าตอบสนองในการพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้อย่างเต็มรูปแบบ มีความโดดเด่นกว่าโน๊ตบุ๊คเจ้าตลาดหลายๆ รุ่น โดยสามารถกางหน้าจอได้กว้างสุดที่ประมาณ 145 องศา สำหรับช่องระบายความร้อนถูกซ่อนอยู่ใต้หน้าจอบริเวณบานพับ โดยเป็นการใช้งานพัดลมระบาย 1 ตัว ที่ออกแบบมาใหม่ ช่วยนำพาความร้อนชิปประมวลผลให้เย็นลงได้อย่างรวดเร็วและเงียบกว่า ซึ่งการใช้งานโดยรวมถือว่าเอาอยู่ ที่มีช่องดูดลมเย็นด้านล่างตัวเครื่องทำหน้าที่ร่วมกันเป็นอย่างดี
แน่นอนว่าจากการที่เป็น FullView screen ด้วยเหตุนี้ทำให้ไม่มีพื้นที่ติดตั้งกล้องเว็บแคมแบบเดิมๆ ส่งผลให้ต้องย้ายไปไว้ที่ระหว่างปุ่ม F6 – F7 แทน แบบ Pop Up เก๋ๆ ที่ความละเอียด 1 ล้านพิกเซล มุมมองใช้จริงๆ ถือว่าใช้ได้อยู่ ไม่ได้เสยจนใช้งานลำบาก ส่วนการใช้งาน Windows Hello จะเป็นการสแกนนิ้วมือ Fingerprint ซึ่งเป็นปุ่ม Power ในปุ่มเดียว ส่งผลให้เราไม่ต้องกรอกรหัสแบบเดิมๆ อีกต่อไปกรณีที่เปิดเครื่องใช้งาน
เรียกได้ว่าช่วยในเรื่องของการใช้งานด้วยความสะดวกและปลอดภัยเป็นอย่างดี เหนือกว่าโน๊ตบุ๊คในช่วงราคาเดียวกันที่ส่วนมากจะไม่ค่อยมีมาให้ สำหรับฝาหลังก็มีแต่โลโก้ Huawei ส่วนภายในใต้หน้าจอด้านก็จะพบกับโลโก้ Huawei ที่เป็นตัวอักษรเท่านั้นเอง เรียกได้ว่ามีความเรียบหรูตามสไตล์ของ Huawei ไม่ต่างจากมือถือเรือธงเน้นความคุ้มค่าสเปกต่อราคาระดับอย่าง Huawei Nova 5T s เลยล่ะ ยิ่งใช้คู่กันยิ่งดูลงตัวเข้าไปอีก (ที่นำมาประกอบรีวิวนี้)
Huawei MateBook D15 แม้จะเป็นถูกวางเป็นโน๊ตบุ๊คเน้นความคุ้มค่าจากทาง Huawei แต่ก็ได้รับงานเรียบเนียบระดับโน๊ตบุ๊คพรีเมียม ถอดแบบมาจากรุ่นพี่อย่าง Huawei MateBook 13 หรือ Huawei MateBook X Pro ก็ว่าได้ ที่ปกติแล้วจะมีแต่โน๊ตบุ๊คระดับบนเท่านั้น สำหรับสีสันเลือกใช้เป็น Space Grey ที่ส่งผลให้เพิ่มความหรูหราเกินราคาเข้าไปอีก (ส่วนสีสัน Mystic Silver ไม่แน่ใจว่าจะมีเข้ามาเป็นตัวเลือกหรือเปล่า)
Keyboard / Touchpad
คีย์บอร์ดที่ติดตั้งมาให้เป็นแบบ Chiclet Keyboard สีดำตัดกับตัวเครื่อง ซึ่งระยะเว้นระหว่างปุ่มพิมพ์ทำออกมาได้พอดีไม่ชิดกันมากเกินไปและระยะยุบตัวของปุ่มพิมพ์นั้นค่อนข้างดี ผิวสัมผัสของปุ่มแต่ละปุ่มนั้นให้ความรู้สึกที่ติดนิ้ว โดยขนาดของคีย์บอร์ดเป็นไซต์แบบปกติของโน๊ตบุ๊คจอ 15.6″ ซึ่งเลือกที่จะตัด Numpad ออกไป ทำให้มีพื้นที่ด้านข้างเหลืออยู่ (ต่างจากรุ่น 15.6″ ทั่วไป) เข้าใจว่าเพื่อความสวยงาม ที่สำคัญคือมาพร้อมแป้นคีย์บอร์ดภาษาไทย เรียกได้ว่าแม้ Huawei MateBook D15 จะเป็นโน๊ตบุ๊ครุ่นที่ 3 ที่ขายในไทยอย่างเป็นทางการ แต่ก็ทำตลาดอย่างจริงจัง
ส่วนปุ่มเปิดเครื่องจะอยู่มุมขวาบน พร้อมปุ่มสแกนลายนิ้วมือในตัวเดียว ความเจ๋งก็คือ เมื่อเรากดเปิดเครื่อง เครื่องจะทำการสแกนนิ้วและเปิดเครื่องไปพร้อมๆ กัน เราไม่จำเป็นต้องมาสแกน Login เครื่องอีกรอบนึง นับว่าเป็นความแปลกใหม่อีกอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ทั้งง่ายและรวดเร็ว เพราะปกติต้องเปิดเครื่อง รอ Login แล้วจึงสแกน ทัชแพดมีขนาดใหญ่มากเมื่อเทียบกับตัวเครื่อง ตัวปุ่มคลิกเป็นแบบชิ้นเดียวกับทัชแพด ผิวมีลักษณะเป็นกระจก ส่วนปุ่มคลิกทั้งซ้ายขวาก็อาจจะมีความแข็งพอดีๆ การใช้งานโดยจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่ดี ให้สัมผัสที่ลื่นไหล ตอบสนองการทำงานได้ทันใจ
Screen / Speaker
ในส่วนของหน้าจอ Huawei MateBook D15 เป็นแบบจอด้านลดแสงสะท้อนขนาด 15.6″ บนความละเอียดในระดับ Full HD หรือ 1920 x 1080 พิกเซล ถือว่าเป็นไปตามมาตรฐานของโน๊ตบุ๊คในปี 2020โดยใช้พาเนล IPS ซึ่งให้สีสันที่ดีในระดับธรรมดาทั่วไป ซึ่งไม่ว่าจะนำมาเล่นเกม ดูหนังฟังเพลง หรือชมวีดีโอจาก YouTube ก็ได้สบายๆ ภาพที่เห็นก็คมชัดดี ให้ความเรียบเนียนกว่าความละเอียด HD เดิมๆ ตัวงานประกอบขอบหน้าจอก็ทำได้ดีเป็นพลาสติกสีดำด้าน และมียางรองหน้าจอตลอดทั้งตัวขอบ ช่วยเรื่องลดแรงการกดทับได้อย่างดี
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ Huawei MateBook D15 ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด ซึ่งเมื่อคาลิเบรตแล้วเราก็เลือกโปรไฟล์ที่เราได้คาลิเบรทเอาไว้ ผลที่ได้หลังจากที่คาลิเบรทก็คือคอนทราสต์มีการไล่โทนที่กว้างขึ้น รวมไปถึงมีสีสันและอุณหภูมิสีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน จากโทนเย็นกลายเป็นโทนอุ่น
โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 61% และ AdobeRGB ที่ 45% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันระดับพอใช้ทั่วไป เช่นเอาไปทำงานเอกสารหรือดูหนังฟังเพลง ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 250 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานความสว่างของหน้าจอในโน๊ตบุ๊คราคาระดับนี้ คือเพียงพอต่อการใช้งานพื้นฐาน แต่ถ้าจะเอาไปทำภาพกราฟิกระดับมืออาชีพหรือตกแต่งภาพที่เน้นความเที่ยงตรงแล้ว อันนี้ไม่แนะนำ
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าช่องกลางหน้าจอเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ แต่สำหรับช่องแถวบนตรงกลาง รวมไปถึงสามช่องแถวล่างทั้งหมดจะมีแสงสว่างที่ลดลงไปที่ระดับ 8% ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนน 3.5 เมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว ผ่านทางอุปกรณ์ Spyder5Elite
ทางด้านลำโพงจะเป็นแบบสเตอริโอที่ขนาด 2W x 2 ซึ่งถูกติดตั้งอยู่ขอบตัวเครื่องด้านล่างทั้งซ้ายและขวา คุณภาพถือว่าเพียงพอที่จะใช้งานในด้านของความบันเทิงทั่วๆ ไป เช่นดูหนัง ฟังเพลง หรือเล่นเกมต่างๆ ได้ตามมาตรฐาน ซึ่งตัวลำโพงจะวางอยู่ด้านบนคีย์บอร์ด ทั้งในด้านคุณภาพของเสียงและระดับความดังของเสียงอยู่ในเกณฑ์กลางๆ ให้ประสบการณ์ใช้งานที่ดี ลักษณะเด่นต่างจากโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ ก็คือเสียงค่อนข้างมีความกังวาลใช้ได้เลย
Connector / Thin And Weight
พอร์ตการเชื่อมต่อตัวเครื่อง Huawei MateBook D15 นี้จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่มีความครบครับอย่างมากเมื่อเทียบกับขนาดตัวเครื่อง แม้ว่าจะเป็นเครื่องที่มีการออกแบบมาให้เป็นเครื่องที่มีขนาดความบางและน้ำหนักเบาแต่เรื่องพอร์ตการเชื่อมต่อต่างๆ นั้น ก็มีมาให้มากพอทีเดียวไม่ว่าจะเป็นทางด้านขวา อาทิ USB 2.0 Type-A จำนวน 2 พอร์ต และช่องต่อหูฟังกับไมค์ขนาดแบบคอมโบขนาดมาตรฐาน 3.5 มิลลิเมตร ส่วนด้านซ้ายจะเป็น USB 3.1 Type-C อีก 1 พอร์ต ที่รองรับการชาร์จไฟผ่านทางอแดปเตอร์ในตัวเดียว รวมไปถึงมี USB 3.0 Type-A อีก 1 ช่องและปิดท้ายด้วย HDMI
ขนาดของตัวเครื่องและสายชาร์จที่เป็น USB-C เมื่อเทียบกับขนาดของโน๊ตบุ๊ค 15.6″ นิ้วทั่วไปถือได้ว่ามีมิติที่เล็กกว่าพอสมควร ขนาด 357.8 x 229.9 x 16.9 มิลลิเมตร ส่วนน้ำหนักตัวเครื่องเปล่านั้น อยู่ที่ 1.69 กิโลกรัม และเมื่อรวมกับตัวอแด็ปเตอร์เข้าไปด้วย ก็จะมีน้ำหนักราวๆ 1.9 กิโลกรัมเท่านั้น ก็จัดว่ามีน้ำหนักเบามาก ซึ่งแน่นอนว่าตอบสนองในเรื่องของการพกพาไปนอกสถานที่ได้อย่างเต็มรูปแบบ รวมไปถึงโดดเด่นด้วยสายชาร์จเป็น USB-C to USB-C ทำให้เรานำไปชาร์จมือถือหรือ Gadget ที่เป็น USB-C ทั้งหมดในอแดปเตอร์เดียว
Inside / Upgrade
การแกะเครื่อง Huawei MateBook D15 เพื่ออัพเกรดหรือทำความสะอาดนั้น สามารถทำได้ไม่ยากแต่ก็ไม่ง่ายเสียทีเดียว เพราะงานประกอบค่อนข้างแน่นหนา ต้องใช้ฝีมือและทักษะประมาณนึง ซึ่งหลังจากถอดน็อตทุกตัวเสร็จหมดแล้ว (น๊อตหัวแบบดาว) ต้องใช้บัตรแข็งค่อยๆ รูดถอดออกที่ละส่วน จากหลังมาหน้า ควรทำอย่างใจเย็น และขอบฝาด้านล่างตรงแกนฝาพับค่อนข้างคมระวังบาดนิ้วมือกันด้วยโดยเมื่อแกะออกมาแล้วก็จะเห็นฮาร์ดแวร์หลายๆ อย่างชัดเจนตามรูปเลย เห็นได้ว่ามีความเรียบร้อยเป็นอย่างดี การวางรูปแบบของฮาร์ดแวร์เครื่องนี้ทำได้ดูดีเลยที
ซึ่งในส่วนที่สามารถทำการอัพเกรดไม่ว่าจะเป็นเปลี่ยน HDD มาตราฐาน SATA 3 ขนาด 2.5″ ความจุ 1TB ให้เป็น SSD SATA 3 เพื่อเพิ่มความเร็ว หรือ SSD M.2 ความจุ 256GB ที่ติดตั้งมาให้แล้ว ถ้าอยากจะอัพเกรดเพื่อความจุ ก็ต้องถอดของเดิมก่อน ส่วนแรมดูจากภาพแล้วคาดว่าเป็นแบบฝังบอร์ดมาเลย ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนหรืออัพเกรดใดๆ ได้ สำหรับเรื่องการจัดการความร้อนตัวเครื่องมี Heat Pipe จำนวน 1 เส้น วางพาดยาวไล่ผ่านชิปประมวลผล ส่วนพัดลมเครื่องนี้ก็มีมาให้ 1 ตัว ตามแบบฉบับ Notebook ปกติทั่วไป ที่เพียงพอต่อการระบายความร้อน
Performance / Software
Huawei MateBook D15 เครื่องรีวิวนี้มาพร้อมกับชิปประมวลผลจาก AMD Ryzen 5 3500U ซึ่งเป็นชิปประมวลผลใช้พลังงานไฟต่ำมาก มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.10 – 3.70 GHz ที่ทั้งแรงมีประสิทธิภาพที่ดี แถมประหยัดพลังงาน สถาปัตยกรรม 12 nm Zen+ รุ่นใหม่ เป็นซีพียูแบบ 4 Core 8 Threads มีค่า TDP 15Watt ที่เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป มาพร้อมแรมออนบอร์ดขนาด 8GB DDR4 ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบายๆ
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง AMD Radeon VEGA 8 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่ก็รองรับการทำงานกับหน้าจอความละเอียดสูง Full HD ได้แบบไม่มีปัญหา เว้นแต่เอาไปเล่นเกม 3 มิติให้ยุคปัจจุบัน อันนี้ไม่แนะนำ
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจตามมาตรฐานของAMD Ryzen 5 3500U เปรียบเทียบกับชิปประมวลผล Intel Core i5 / Core i7 รหัส U ที่เป็น Gen 8 ก็ทำได้ดีกว่าด้วย ในส่วนของตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพตอบโจทย์ในส่วนของงานทั่วไปเท่านั้น หรือเล่นเกมออนไลน์ 3 มิตินิดหน่อยก็พอได้
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้เป็น SSD ความเร็วสูงแบบ NVMe M.2 ที่ความจุ 256GB ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจ กับความเร็วระดับ Read: 1790 MB/s – Write: 1653 MB/s ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดไดร์ฟแบบจานหมุนหรือแบบลูกผสมอย่าง SSHD แล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด การใช้งานโดยรวมก็ลื่นไหลน่าประทับใจมากๆ ทั้งเปิดเครื่อง ปิดเครื่อง อนไฟล์ไปมา รวมไปถึงการเปิดโปรแกรมหลายๆ อย่างพร้อมกัน
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 3,787 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ ส่วนถ้าเอาไปใช้งานหนักๆ เช่นงานประมวลผล ตัดต่อวีดีโอ โปรเซสไฟล์ภาพความละเอียดสูง รวมไปถึงเล่นเกม 3 มิติ แบบออนไลน์ก็พอได้ แต่ก็อันนี้ไม่แนะนำเท่าไร เพราะสเปกไม่ได้ออกแบบมาให้ใช้งานแบบนั้นแต่อย่างใด
อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจของ Huawei MateBook D15 ก็คือมาพร้อมซอฟต์แวร์บันเดิลอย่าง PC Manager โดยเป็นโปรแกรมซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้เราดูแลคอมพิวเตอร์ได้อย่างเหมาะสม ป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น และช่วยแก้ปัญหาได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว โปรแกรมนี้ยังระบุข้อมูลที่สำคัญสำหรับแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งนั่นหมายรวมไปถึงการอัพเดทไดร์เวอร์ต่างๆ และ Windows ด้วย จัดได้ว่าดีและใช้งานได้จริง รวมไปถึงการเชื่อมต่อกับมือถือเพื่อนโอนไฟล์ไปมาก็อยู่ในส่วนนี้ด้วย แต่ก็รองรับเฉพาะมือถือ Huawei นะ
การแชร์ไฟล์แบบอัจฉริยะด้วย Huawei Share ส่งวิดีโอและรูปภาพจากสมาร์ทโฟนเข้า PC รวมไปถึง Screen Mirror โดยเชื่อมต่อผ่าน NFC / Wi-Fi Direct ด้วยการแตะเพียงครั้งเดียว ซึ่งต้องยอมรับเลยว่าง่ายมากๆ มาพร้อมความสามารถในกาอัพโหลดรูปภาพ 500 รูป ใน 1 นาที และวิดีโอขนาด 1 GB ใน 35 วินาที ถ้ารูปของเรามีข้อความ Huawei MateBook D15 จะแยกข้อความออกมาจากรูปเพื่อให้คุณแก้ไขได้ง่ายๆ ส่วนการ Screen Mirror ก็ช่วยให้เราไม่ต้องจับมือถือไปมา แต่สามารถสั่งการผ่านทางโน๊ตบุ๊คได้เลย เช่นตอบ Line หรือเปิดแอปพลิเคชั่นในมือถือเป็นต้น
ซึ่งคุณสมบัตินี้รองรับเฉพาะสมาร์ทโฟน Huawei ที่มีคุณสมบัติ NFC ร่วมกับระบบปฏิบัติการ EMUI 10.0 หรือใหม่กว่า ในการีวิวครั้งนี้เราใช้ Huawei Nova 5T ทำงานร่วมกับ Huawei MateBook D15 ถือได้ว่าน่าประทับใจทีเดียว เรียกได้ว่าคนที่ใช้มือถือ Huawei อยู่แล้ว จะซื้อโน๊ตบุ๊คใหม่ซักเครื่องไว้เน้นใช้งานทั่วไป ก็ต้องโดนใจกับฟีเจอร์นี้แบบจังๆ ตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้นเยอะทีเดียว ส่วนการใช้งานก็ไม่ต้องเป็นห่วง ทาง Huawei ได้เตรียมคู่มือแบบวีดีโอไว้แล้ว
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ของ Huawei MateBook D15 เป็นแบบฝังไว้ในเครื่องเหมือนกับโน๊ตบุ๊คยุคใหม่ ทำงานต่อเนื่องยาวนานประมาณ 12 ชั่วโมงต่อเนื่องในการใช้งานแบบปกติ (ดูภาพยนตร์และเล่นอินเตอร์เน็ต) และคาดว่าอาจจะได้น้อยกว่านี้โดยปรับเปลี่ยนตามการใช้งานของแต่ละคน ว่าเปิดโปรแกรมอะไร อย่างถ้าใช้ Microsoft Edge ก็จะใช้งานได้ยาวนานกว่า Chrome ส่วนช่องระบายความร้อนของ Huawei MateBook D15 มีเพียงช่องเล็กๆ พร้อมพัดลมตัวเดียว ซ่อนอยู่ใต้หน้าจอ จากการที่ใช้ AMD Ryzen 3000 Series รหัส U สถาปัตยกรรม 12 นาโนเมตร ที่มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น พร้อมคุณสมบัติประหยัดพลังงานพิเศษและปลดปล่อยความร้อนน้อยลงกว่าชิปประมวลผลรุ่นก่อนๆ
ทางด้านอุณหภูมิปกติของเครื่องจะอยู่ที่ 40 – 50 องศาเซลเซียส แต่พอรีดประสิทธิภาพเต็มที่จะเห็นว่าเครื่องจะร้อนที่สุดที่ 79 องศาเซลเซียส สำหรับชิปประมวลผล นับว่าเรื่องระบบระบายความร้อนของ Huawei MateBook D15 เครื่องนี้ทำออกมาได้ดีประมาณนึง ซึ่งนั่นน่าจะเป็นเพราะชุดระบายความร้อนจาก Huawei MateBook ที่ออกแบบมาค่อนข้างดี อีกทั้งตัวเครื่องที่ยกตัวขึ้นก็ช่วยระบายความร้อน รวมไปถึงชิปประมวลผลอย่าง AMD Ryzen 5 3500U ก็ควบคุมความร้อนได้ดี ทำให้การใช้งานจริงยาวนานต่อเนื่องแทบไม่ได้สัมผัสถึงความร้อนเลย
Conclusion / Award
Huawei MateBook D15 เป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 15.6″ ที่เน้นเรื่องความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคา หลังจากที่ปีก่อนได้ทำการนำเสนอ Huawei MateBook X Pro และ Huawei MateBook 13 ที่เน้นฟีเจอร์ล้ำๆ และความบางเบาที่ได้สเปกเป็น Intel Core i Gen 8 โดย Huawei MateBook D15 เอาจริงๆ ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน เพราะนอกจากสเปก AMD Ryzen 3000 Series ที่ดีให้ความแรงคุ้มค่าต่อราคาแล้ว สเปกอื่นๆ อย่างแรมและที่เก็บข้อมูล หน้าจอก็ถือว่าใช้ได้เลยในค่าตัวที่ 17,990 บาท จัดว่าน่าสนใจไม่น้อย
รวมไปถึงมีช่องเชื่อมต่อครบครันทั้ง USB 2.0, USB 3.0 ช่องต่อหูฟัง 3.5 มม. พอร์ต HDMI และยังมี USB-C ที่ชาร์จไฟผ่านทางอแดปเตอร์มาให้ด้วย พร้อมอแดปเตอร์ 65W ชาร์จทาง USB-C ซึ่งมีน้ำหนักเพียง 160 กรัมเท่านั้น แน่นอนว่ารองรับการชาร์จไฟไปยังอุปกรณ์อื่นๆ อย่างมือถือ Huawei เองได้ด้วย ที่สำคัญยังได้ การใช้งาน Windows Hello จะเป็นการสแกนนิ้วมือ Fingerprint ซึ่งเป็นปุ่ม Power ในปุ่มเดียว ที่เปิดปุ๊มสแกนปั๊บในครั้งเดียว โดดเด่นกว่าโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นทีเดียว
โดยให้ประสิทธิภาพการทำงานที่พอใช้งานทั่วๆ ไป กับความบางและน้ำหนักที่เหมาะแก่การพกพาไปใช้งานนอกสถานที่มากๆ รวมไปถึงยังประหยัดพลังงาน ส่งผลให้ปล่อยความร้อนออกมาน้อยมาก แบตเตอรี่ก็ยาวนานที่ประมาณ 12 ชั่วโมงกว่า ที่ต้องขอบอกว่าคุ้มค่ามากๆ เหมาะมากๆ สำหรับคนที่ต้องการมองหาโน๊ตบุ๊คราคาไม่แพงบางๆ เบาๆ ไว้ใช้งานนอกบ้าน แม้ว่าสเปกอย่าง AMD Ryzen 3000 Series จะขายกับแบรนด์อื่นๆ มาเป็นปีๆ แล้ว ถ้าใครไม่คิดมากตรงจุดนี้ก็ยังนับว่าประสิทธิภาพยังใช้ได้งานอยู่
Huawei MateBook D15 อีกหนึ่ง AMD Notebook ที่ลงมาเล่นในตลาดโน๊ตบุ๊คประเทศไทย กับการมาของรุ่นที่ 3 ซึ่งเราจะได้เห็นโน๊ตบุ๊คจากทาง Huawei เป็นการนำมาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ จากปกติเราจะเห็นแต่ผลิตภัณฑ์สายมือถือ โดย Huawei MateBook D15 เป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 15.6″ สายทำงานพกพา เหมาะสำหรับการทำงานที่เกี่ยวข้องกับงานพื้นฐาน เช่นเอกสาร เล่นอินเตอร์เน็ต ดูหนังฟังเพลง เชื่อว่าแฟนๆ Huawei น่าจะสนใจกันอยู่ไม่น้อย หรือคนที่ไม่ยึดติดกับแบรนด์โน๊ตบุ๊คเดิมๆ และจะเหมาะกับคนที่ใช้งานมือถือ Huawei อยู่แล้วที่สุด
เพื่อใช้งานทั่วไปร่วมกันผ่านทาง Huawei Share ช่วยเรื่องของแชร์ไฟล์และแชร์หน้าจอได้อย่างเต็มรูปแบบ อย่างไรก็ตามยิ่งเจอโปรโมชั่นโหดๆ อย่างที่แจ้งไปในข้างต้น คือ จองล็อตแรก ได้ของแถมมูลค่า 7,000 บาท อาทิ กระเป๋าเป้ Backpack (1,090 บาท), Wireless Mouse (490 บาท), Huawei FreeLace (2,490 บาท) และ PowerBank 40W (2,890 บาท) พร้อมคูปองส่วนลด 3,000 บาท ส่งผลให้ถ้าคิดง่ายๆ ค่าเครื่อง 17,990 บาท หัก 7,000 + 3,000 ไปแล้ว เหมือนเราจ่ายค่าเครื่องแค่ 7,990 บาทเท่านั้นเอง
ข้อดี
- ตัวเครื่องออกแบบใหม่ ให้ความสวยงามและหรูหรา พื้นผิวเป็นรอยนิ้วมือยาก
- แรงทนทานสวยงาม ด้วยงานประกอบอลูมิเนียมแบบ Unibody
- ขอบจอบางเฉียบ ตัวเครื่องบางเบา เพียง 1.62 กิโลกรัม บาง 16.9 มิลลิเมตร
- ชิปประมวลผลเป็น AMD Ryzen 5 3500U ประสิทธิภาพดี ราคาคุ้มค่า
- ได้แรมขนาด 8GB ที่ใช้งานได้ทันที ไม่ต้องหาอัพเกรดเพิ่ม
- มาพร้อมหน่วยความจำ SSD M.2 NVMe ความจุ 256GB + HDD 1TB
- หน้าจอมีความละเอียดสูงระดับ Full HD พาเนล IPS ให้สีสันที่สวยงาม
- กล้องเว็บแคมแบบ Pop Up ซ่อนเอาไว้ระหว่างปุ่ม F6 – F7 ดูแปลกตา
- การจัดการระบายความร้อนทำออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- มีพอร์ต USB 3.0 Type-A พร้อม USB 3.1 Type-C ที่รองรับการชาร์จไฟด้วย
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน 12 ชั่วโมง รองรับการชาร์จไฟด้วย USB PD
- อแดปเตอร์ 65W ชาร์จทาง USB-C มีขนาดเล็ก นำไปใช้กับมือถือหรืออุปกรณ์อื่นๆ ได้หมด
- ติดตั้งระบบสแกนลายนิ้วมือ Fingerprint ที่สแกนทันทีขณะเปิดเครื่อง
- ซอฟต์แวร์ PC Manager / Huawei Share ใช้งานได้ดี ทั้งแชร์ไฟล์และหน้าจอ
ข้อสังเกตุ
- ไม่สามารถอัพเกรดแรมได้ เพราะของเดิมเป็นแบบฝังบอร์ดมา
- ส่วนเชื่อมต่อกับมือถือรองรับเฉพาะแบรนด์ Huawei เท่านั้น
- ราคาสูงกกว่าแบรนด์อื่นๆ ในสเปกที่ใกล้เคียงกัน แต่ก็ได้อะไรที่มากกว่า
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน้ต บุ๊คขนาดหน้าจอ 15.6″ ด้วยกัน ซึ่ง Huawei MateBook D15 ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Design ในกลุ่มโน๊ตบุ๊คที่รองรับการทำงานรอบด้านและมาพร้อมหน้าจอ 15.6″ ที่ให้วัสดุอลูมิเนียมอัลลอยด์ อีกทั้งมีดีไซน์ที่ทันสมัยสุดๆ แน่นอนว่าทำได้น่าประทับใจเสมอมาสำหรับ Huawei MateBook จากวัสดุที่ดีอย่างพลาสติกเกรดสูง สีสันเป็นสีเงินเทาคล้ายโลหะตลอดทั้งตัวเครื่อง พร้อมพื้นผิวแบบเรียบเนียน งานประกอบก็มีความเรียบร้อยแบบสุดๆ แถมยังบางเบาพกพาง่ายกว่าเดิมมาก ด้วยน้ำหนักเพียง 1.62 กิโลกรัม และด้วยความบางของตัวเครื่องเพียงที่ 16.9 ม.ม. จากแบตเตอรี่ที่นำไปไว้ในตัวเครื่อง
Best Value
Huawei MateBook D15 รุ่นนี้มีความโดดเด่นสุดๆ จากการที่ใช้ชิปประมวลผล AMD Ryzen 5 3500U ให้ประสิทธิภาพการใช้งานพื้นฐานที่ดี เป็นตัวประหยัดพลังงานรุ่นล่าสุด ที่สำคัญยังมีความแรงโดยรวมที่ดีด้วยแรมขนาด 8GB ที่เพียงพอ และ SSD M.2 NVMe ความจุ 256GB + HDD 1TB ที่เร็วพอตัวอีกด้วย สนนราคาที่ 17,990 บาท แม้จะดูว่ามีราคาสูงกว่าแบรนด์อื่นๆ แต่ก็ได้อะไรที่มากกว่าด้วย เช่นหน้าจอ IPS ระบบสแกนลายนิ้วมือ และฟีเจอร์ Huawei Share รวมไปถึงงานประกอบวัสดุที่ดูแล้วมีความพรีเมียมมากกว่า