HP Elite Dragonfly เป็นโน๊ตบุ๊คเครื่องแรกของโลกที่มีส่วนประกอบมาจากพลาสติกมหาสมุทร ที่สมบูรณ์แบบสำหรับนักธุรกิจระดับมืออาชีพที่ต้องการ 2-in-1 Notebook ที่บางเบา ทนทาน พร้อมเชื่อมต่อได้ตลอดเวลาและต้องมีการป้องกันความปลอดภัยหนาแน่น HP Elite Dragonfly น้ำหนักเบาเพียง 990 กรัม ตัวเครื่องผลิตจากโลหะแมกนีเซียม CNC ซึ่งมาในสี Dragonfly Blue สำหรับการใช้งานที่ทนทาน ปรับโฉมใหม่ให้มีความเบาบางยิ่งขึ้นด้วย HP Quiet Keyboard และทัชแพดที่บางลง ออกแบบมาเพื่อสร้างความโดดเด่นและเป็นส่วนตัว สนนราคาเริ่มต้นที่ 46,990 บาท
มาพร้อมกับขนาดขอบหน้าจอที่บางเฉียบทั้ง 4 ด้าน บนขนาด 13.3″ ให้พื้นที่แสดงผลกว่า 86% และสามารถปรับเปลี่ยนจากรูปแบบ Multi-Mode ตามการใช้งาน โดยผู้ใช้สามารถสัมผัสประสบการณ์ขั้นสุดยอดในงานธุรกิจด้วยประสิทธิภาพของโปรเซสเซอร์ Intel Core i vPro เจนเนอเรชั่น 8 ที่สำคัญยังรองรับการใส่ซิมเพื่อเชื่อมต่อสัญญาณอินเตอร์เน็ตตลอดเวลา ด้วย 4G LTE อีกทั้ง HP Elite Dragonfly ยังเป็นรุ่นแรกที่ติดตั้งซอฟแวร์ HP Workwell ช่วยในเรื่องสุขภาพเราด้วย ซึ่งเป็น 2-in-1 Notebook สำหรับธุรกิจที่สามารถใช้งานแบตเตอรี่ได้ยาวนานกว่า 24.5 ชั่วโมง !!!
สเปคภายในของตัว HP Elite Dragonfly จะคล้ายกับกลุ่ม Ultrabook กับขนาดหน้า 13.3″ ที่เหมาะสมกับการพกพา แต่เหนือกว่าด้วยหน้าจอสามารถพับได้ 360 องศา ทำให้ใช้งานได้หลายโหมด มาพร้อมกับความละเอียด Full HD ที่ 1920 x 1080 พิกเซล กับสัดส่วน 16:9 ส่วนพาเนลเป็น IPS คุณภาพสูง ซึ่งให้สีสันที่สวยสมจริงและมุมมองที่กว้างขว้างกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปมากๆ ด้านชิปประมวลผลเป็น Intel Core i vPro เจนเนอเรชั่น 8 ส่วนแรมก็ติดตั้งมาให้ขนาดสูงสุดที่ 16GB DDRL3 ซึ่งพอเพียงกับการใช้งาน ในส่วนของกราฟิกการ์ดก็เป็นแบบออนบอร์ด Intel HD Graphics 620 ที่เรียกได้ว่าสดใหม่ นอกจากนี้ฮาร์ดดิสก์ SSD M.2 NVMe ยังมีความจุสูงที่ 512GB
HP Elite Dragonfly มาพร้อมกับระบบความปลอดภัย อาทิ HP Sure Sense ป้องกันการโจมตีของมัลแวร์บนอุปกรณ์พกพาของคนทำงานโดยใช้พลังของปัญญาประดิษฐ์ HP Sure Recover พร้อมกับ Embedded Reimaging ทำให้ผู้ใช้งานสำรองข้อมูลและทำงานได้อย่างรวดเร็วทุกที่ทุกเวลา และ HP Sure View Gen3 ฟีเจอร์ที่ปกป้องความเป็นส่วนตัวบนหน้าจอที่ได้รับรางวัลของ HP และ HP Privacy Camera ช่วยให้ผู้ใช้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลที่จะถูกส่งต่อให้กับบุคคลอื่นๆ
ด้านดีไซน์การออกแบบ HP Elite Dragonfly ถือว่าเป็น Business Notebook ตัวจริงอีกหนึ่งรุ่น แบบพับได้ 360 องศา เพราะด้วยความบางตัวเครื่องระดับ 16.1 มิลลิเมตร กับน้ำหนักแค่ 990 กรัมเท่านั้น โดยมาพร้อมสีน้ำเงินแบบด้าน HP Elite Dragonfly ทั้งตัวเครื่องซึ่งทุกรายละเอียดพร้อมสร้างความแตกต่าง จากทั้งวัสดุที่มอบภาพลักษณ์ความหรูหราเหนือระดับ พร้อมขอบตัวเครื่องแบบมันวาว สะท้อนความงามที่แตกต่าง
เรียกได้ว่าถ้าให้เทียบก็ถือว่าเป็นตัวชนกับ 2-in-1 Notebook ระดับไฮเอนด์ของทุกแบรนด์โดยตรง ทั้งจากดีไซน์การออกแบบและสเปกด้านใน แต่บางจุด HP Elite Dragonfly มีความเหนือชั้นกว่า บ่งบอกความเป็นที่สุดได้เป็นอย่างดี กับอะไรที่มากกว่านอกเหนือจากเป็นโน๊ตบุ๊คเพื่อไว้ใช้งานแล้ว ยังเป็นอุปกรณ์เครื่องใช้ที่สื่อถึงภาพลักษณ์ของเราอีกด้วย และหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญก็คือ HP Elite Dragonfly มีความทนทานสูง ผลิตขึ้นจากโลหะแมกนีเซียม ผ่านกระบวนการขึ้นรูป CNC ที่แทบจะเป็นชิ้นเดียวกันทั้งหมด
เชื่อได้เลยว่าเป็นใครก็คงต้องชอบในตัว HP Elite Dragonfly เพราะด้วยความบางเบารองรับการพกพาได้สะดวกสบายที่สุด กับขนาดหน้าจอ 13.3″ ความละเอียดหน้าจอ Full HD / Ultra HD ที่สามารถแสดงภาพได้สวยงามที่สุดในบรรดา 2-in-1 Notebook ด้วยกัน สำหรับวัสดุในการผลิตกระจกก็เป็นหน้าจอกระจกแบบ Corning Gorilla 5 แบบ Edge-to-edge ทนทานต่อรอยขีดข่วน ซึ่งมีแสงสะท้อนบ้างแต่ก็น้อยกว่ากระจกธรรมดาทั่วไปเยอะ
คีย์บอร์ดของ HP Elite Dragonfly ได้มีความแตกต่างจากคีย์บอร์ดโน๊ตบุ๊คบางเบารุ่นอื่นๆ เพราะเป็น HP Quiet Keyboard ที่ให้ประสบการณ์ใช้งานที่เยี่ยมยอด ให้ความนุ่มนวลเด้งรับกับการพิมพ์อย่างลงตัว มาพร้อมด้วยไฟเรืองแสง (Backlit Keyboard) ให้แสงสว่างในการทำงาน ที่ตอบสนองได้ดีกว่าคีย์บอร์ดทั่วไปแบบรู้สึกได้แถมยังสวยงามหรูหรา ส่วน Layout คีย์บอร์ดยังคงเป็น 4 แถวขนาด Full Size ซึ่งในด้านการใช้งานในการพิมพ์ ก็ตอบสนองได้เป็นอย่างดีทั้งขนาดแป้นพิมพ์ที่รับกันนิ้วและช่องว่างระหว่างแป้นที่ทำให้มีความแม่นยำ ที่สำคัญยังมีส่วนของ Conferencing Keys ติดตั้งมามห้ด้วย
ทัชแพดพื้นผิวกระจกมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ ส่วนดีไซน์นั้นก็ใช้เป็นแบบไม่มีปุ่มแยกออกมาเช่นเดียวกับโน๊ตบุ๊คปัจจุบันหลายๆ รุ่น การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ตัวซอฟต์แวร์ควบคุมก็ช่วยจัดการได้ดี โดยมีการจับความเคลื่อนไหวว่าผู้ใช้กำลังพิมพ์ข้อความอยู่หรือไม่ รวมไปถึงบานพับโน๊ตบุ๊คแบบสองข้อสองแกน ก็เป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจจากรายละเอียดงานดีไซน์ระดับไฮเอนด์ ที่พร้อมสะกดทุกสายตาด้วยบานพับดีไซน์เรียบหรูสะอาดตา โดยมีตัวอักษร EliteBook อยู่บริเวณที่วางมือด้วย ส่วนอีกฝั่งจะเป็นสแกนนิ้ว Fingerprint ไว้ใช้งานร่วมกับ Windows Hello
ในเรื่องของลำโพงนั้นจะได้ Bang & Olufsen มาช่วยดูแลทำให้เสียงที่ได้อยู่ในระดับที่น่าพอใจกว่าตัวอื่นๆ โดยเครื่องนี้จะมาพร้อมกับลำโพงทั้งหมด 4 ตัวประกอบด้วยด้านซ้ายและขวาของคีย์บอร์ดอย่างละตัว และด้านล่างของตัวเครื่องฝั่งละ 2 ตัว ส่วนของรายละเอียดของเนื้อเสียงจะอยู่ในระดับที่ดีกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปชัดเจน โดดเด่นกว่าโน๊ตบุ๊คที่ใช้ลำโพง 2 ตัวแน่นอน ส่วนอื่นๆของเครื่องอย่างด้านล่างก็จะมียางสำหรับรองเอาไว้เป็นแถบยาว ทำให้ไม่ต้องกังวลว่าเครื่องจะไปขีดกับอะไรด้านล่างได้เลย
รื่องของพอร์ตการเชื่อมต่อบน HP Elite Dragonfly ถือว่าให้มาเพื่อรองรับการใช้งานอย่างที่ควรจะเป็นในปี 2020 โดยจะมาพร้อมกับพอร์ต Thunderbolt 3 จำนวน 2 พอร์ต (USB Type-C / DisplayPort / USB-PD) อีกทั้งยังมี USB 3.1 มีมาให้ใช้งานจำนวน 1 พอร์ต รู 3.5 มิลลิเมตร สำหรับการใช้งานแบบ Audio Jack Combo อีก 1 ช่อง และช่องสำหรับใส่ซิมแบบ Nano Sim จำนวน 1 ช่อง สำหรับเรื่องของการเชื่อมต่อสัญญาณไร้สายต่างๆ ก็รองรับ Wi-Fi 6 AX (2×2) ส่วน Bluetooth จะรองรับมาตรฐาน 5.0 ที่ใหม่และดีที่สุด
นอกเหนือจากนี้ปุ่ม Power ยังได้ถูกออกแบบเอาไว้บริเวณขอบตัวเครื่องด้านซ้าย ซึ่งดูแล้วอาจจะไม่คุ้นตาเหมือนกับ Ultrabook รุ่นอื่นๆ แต่เมื่อใช้งานจริงแล้วพบว่าสามารถใช้งานได้คล่องตัวและสะดวกมากๆ จากการที่มันเป็น 2-in-1 Notebook พับได้ 360 องศานั่นเอง และอย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่า HP Elite Dragonfly ตอบสนองได้อย่างหลากหลายจากการที่เป็น 2-in-1 Notebook ที่ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี ด้วยการพับใช้งานถึง 4 รูปแบบด้วยกันไม่ว่าจะเป็น Notebook / Stand / Tent / Tablet
ที่สำคัญบันเดิลยังให้ปากกาสไตลัส HP Active Pen รุ่นล่าสุด ซึ่งรองรับชาร์จไฟผ่านทาง USB-C ทำให้เราสะดวกยิ่งขึ้น พัฒนาจากรุ่นก่อนๆ ที่ต้องใช้ถ่าน AAAA โดยปากกาสไตลัส HP Active Pen ทาง HP ได้ร่วมกับ Wacom ในการผลิต มาพร้อมกับความสามารถในการใช้งานแบบ N-Trig, มีปุ่มบนตัวสไตลัสจำนวน 2 ปุ่มทางด้านข้างและทางด้านบน และที่สำคัญสไตลัสนี้ยังรองรับระดับแรงกดได้มากถึง 4,096 ระดับเลยทีเดียว เสมือนใช้งานเป็นปากกาหรือดินสอจริงๆ ได้ เรียกได้ว่าจะลืมการใช้กระดาษแบบเดิมๆ ไปเลย
HP Elite Dragonfly เป็น 2-in-1 Notebook ประจำปี 2020 เพื่อใช้งานภาคธุรกิจระดับองค์กร การมาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งรองรับอนาคตได้อีกไกลแบบสบายๆ และระบบความปลอดภัยขั้นสุด ตั้งแต่ BIOS ยันความระบบสแกนนิ้ว รวมไปถึงฟีเจอร์พิเศษต่างๆ มากมายทั้งการรองรับ 4G LTE และแบตเตอรี่ก็ใช้งานได้ยาวนานกว่า 24.5 ชั่วโมง ซึ่งด้วยสเปกที่แรงเหลือเฟือในการทำงาน แน่นอนว่ามีความบางเบาและพรีเมียมอย่างสุดๆ ในประสิทธิภาพที่ลื่นไหล
ที่สำคัญด้วยความที่เป็น 2-in-1 Notebook ที่เบามากๆ เพียง 990 กรัม ทำให้สามารถใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ ไม่จะเป็น Notebook / Stand / Tent / Tablet ซึ่งเป็นผลจากการมาของระบบปฏิบัติการ Windows 10 ที่รองรับระบบหน้าจอสัมผัสได้เต็มประสิทธิภาพ ซึ่ง HP Elite Dragonfly รุ่นใหม่นี้ก็จัดได้ว่าเป็นหนึ่งสินค้าที่พิเศษกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป หรือจะกล่าวว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายขึ้นของคนทำงานยุคนี้ก็ว่าได้
HP Elite Dragonfly ยังมาพร้อมกับระบบเสียง Bang & Olufsen ที่จัดได้ว่าให้อรรถรสของเสียงได้ดีกว่าลำโพงทั่วไปแบบรู้สึกได้ รวมไปถึงการออกแบบดีไซน์ที่ดูแล้วเรียบหรูและใช้วัสดุคุณภาพอย่างพลาสติกเกรดสูงรวมไปถึงมีประกันถึง 3 ปีแบบ On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน ทำให้ HP Elite Dragonfly เป็น 2-in-i Notebook ที่มีความโดดเด่นเหนือกว่าคู่แข่งหลายๆ ตัวในตลาด สนนราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 46,990 บาท ซึ่งก็ถือว่าอยู่ในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คเพื่อการทำงานที่เราสามารถปรับแต่งสเปกและเลือกฟีเจอร์ได้ตามต้องการ
ไว้อย่างไรแอดมินโป้งมีโอกาสจะมารีวิว HP Elite Dragonfly กันเต็มๆ อีกที รอติดตามกันได้เลย