FBI asks Apple to help unlock two iPhones that belonged to a mass shooter
ต้องยอมรับกันจริงๆ ว่าระบบความปลอดภัยของ iPhone จากทาง Apple นั้นแข็งแกร่งมากจริงๆ โดยล่าสุดนั้นเป็นอีกครั้งหนึ่งที่ทาง FBI ต้องรองขอทาง Apple ให้ทำการปลดล๊อค iPhone จำนวน 2 เครื่องซึ่งเป็นของผู้ต้องหาที่ทำการคร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ไปจำนวน 3 รายในการยิงกราดในช่วงเดือนธันวาคมของปี 2019 ที่ผ่านมา โดยก่อนที่จะทำการร้องขอดังกล่าวนี้นั้นทาง FBI ได้ทำการไล่หารหัสปลดล๊อคแล้วแต่ไม่สามารถที่จะปลดล๊อคได้โดยทาง FBI ได้ให้เหตุผลเอาไว้ว่าหากปล่อยทิ้งเอาไว้นานกว่านี้นั้นอาจจะทำให้คดีล่าช้าได้ทาง FBI เองจึงต้องการให้ทาง Apple ทำการปลดล๊อค iPhone ทั้ง 2 เครื่องดังกล่าว
นอกไปจากที่ทาง FBI เองจะได้ทำการทดลองปลดล๊อคด้วยตัวเองแล้วนั้นตามรายงานยังมีการระบุเอาไว้ด้วยอีกว่าทาง FBI ได้มีการใช้บริการผู้มีความรู้ทางด้านความปลอดภัยภายนอกที่ยืนยันว่าสามารถทำการปลดล๊อคตัวเครื่องได้ แต่กลับกลายเป็นว่าผู้เชี่ยวชาญดังกล่าวนั้นก็ไม่สามารถที่จะทำการปลดล๊อค iPhone ทั้ง 2 เครื่องดังกล่าวได้ โดยตัวเครื่อง iPhone ของผู้ต้องหานั้นเครื่องหนึ่งได้มีการตั้งค่าเอาไว้ว่าสามารถที่จะใส่รหัสได้ไม่เกิน 10 ครั้งโดยหากใส่ครบ 10 ครั้งแล้วนั้นตัวเครื่องจะทำการรีเซ็ทตัวเองทันที
ดังนั้นแล้วด้วยเหตุผลดังกล่าวนี้เองทาง FBI จึงมีความจำเป็นที่จะต้องขอความช่วยเหลือจากทาง Apple อีกครั้งในการทำการปลดล๊อคตัวเครื่อง iPhone ทั้ง 2 ของผู้ต้องหาดังกล่าวนี้ โดยตัวเครื่องหนึ่งนั้นถือว่าสร้างปัญหาหนักกว่าให้กับทาง FBI เนื่องจากว่าทางผู้ต้องหานั้นถึงขั้นทำการยิงเข้าไปที่ตัวเครื่องทำให้เป็นการยากมากยิ่งขึ้นที่จะทำการสืบสวนเข้าไปอีก โดยตัวเครื่องที่ถูกยิงนี้นั้นทาง FBI ได้ทำการร้องขอให้ทาง Apple ดึงข้อมูลออกมาจาก iCloud อีกทีหนึ่ง
ทั้งนี้ย้อนกลับไปในปี 2016 ที่ผ่านมานั้นทาง FBI ก็เคยได้ทำการร้องขอให้ Apple ทำการปลดล๊อคเครื่อง iPhone ของผู้ต้องหากราดยิงมาก่อนแล้ว ซึ่งนะเวลานั้น FBI และ Apple ถึงกับต้องขึ้นศาลเพื่อที่จะให้ศาลพิจารณาว่าต้องทำอย่างไร ทว่าด้วยความที่ตัวเครื่องในปี 2016 นั้นเป็นเครื่อง iPhone รุ่น 5c ทำให้มีผู้เชี่ยวชาญภายนอกได้เข้าให้ความช่วยเหลือ FBI จนสามารถปลดล๊อคได้ แต่กลับกันแล้วในครั้งนี้นั้นไม่มีข้อมูลเผยออกมาว่า iPhone ของผู้ต้องหารายล่าสุดนั้นเป็นเครื่องรุ่นอะไร งานนี้คงต้องติดตามกันต่อไปว่าสุดท้ายแล้วเรื่องจะไปจบที่ศาลอีกครั้งหรือไม่
ที่มา : notebookcheck