จัดอันดับ 2-in-1 Notebook ปี 2020 ในช่วงราคาประมาณตั้งแต่ 20,000 บาท จนไปถึงหลายหมื่นบาท โดยรองรับการใช้งานได้หลากหลาย อย่างพับหน้าจอได้ 360 องศา มีโหมดต่างๆ รวมไปถึงมีปากการองรับการขีดเขียน ที่ให้ความบางเบา พกพาสะดวก หรือบางรุ่นก็ประสิทธิภาพสูง รองรับการใช้งานทั่วไป การใช้งานพื้นฐานต่างๆ ทำได้อย่างลื่นไหล
ตัวเครื่องอยู่ในเกณ์ที่ดีเพียงพอกับการใช้งานแน่นอน ที่สำคัญบางรุ่นให้ความพรีเมียมและทนทาน วัสดุมีทั้งพลาสติก โลหะทั้งธรรมดาและแบบพิเศษ สำหรับหน้าจอจะมาพร้อมกับขนาด 13.3″, 14″ เป็นหลัก มีรุ่น 15.6″ บ้าง ตอบสนองคนที่เน้นการใช้งานทัชสกรีน พับเครื่องเป็น Tablet มีปากกาจดหรือวาดรูปได้ ให้ประสบการณ์คล้ายกับการเขียนด้วยปากกาจริงๆ อย่างที่สุด เพราะรองรับแรงกดหลายระดับ
น้ำหนักประมาณ 1.3 – 2.0 กิโลกรัม เน้นเรื่องของแบตเตอรี่ที่ยาวนาน โดยใช้งานได้ประมาณ 4 – 8 ชั่วโมงกรณีที่ไม่ต่ออแดปเตอร์ สำหรับความละเอียดหน้าจอทุกรุ่นจะเป็นมาตรฐาน Full HD 1920 x 1080 พิกเซล หรือ Ultra HD 3840 x 2160 พิกเซล พาเนลได้เป็น IPS รองรับการสัมผัส ให้ประสบการณ์ใช้งานที่ดีเยียม ทั้งสีสันสดใส มุมมองที่กว้าง บางรุ่นได้สแกนลายนิ้วมือ ซึ่งบางรุ่นอาจจะได้ฟีเจอร์ล้ำๆ อย่างหน้าจอที่ 2 หรือ Thunderbolt 3 ด้วย แต่ที่แน่ๆ ได้ปากกาที่รองรับแรงกดใช้งานได้เหมือนปากกาจริงๆ
สเปกภายในจะได้เป็นชิปประมวลผล Intel Core i อย่าง Core i5 / i7 หรือ AMD Ryzen 5 / 7 ที่เน้นแรงประหยัดพลังงาน พร้อมให้ประสิทธิภาพประมวลผลได้หลากหลาย ส่วนการ์ดจอมีทั้งเป็นแบบออนชิปของ Intel ที่รองรับการทำงานทั่วไปเป็นหลัก และการ์ดจอแยกระดับเริ่มต้นอย่าง MX230 / MX250 หรือ GTX 1050 หน่วยความจำแรมจะได้เป็นขนาด 8 – 16GB พร้อมด้วยที่เก็บข้อมูลมาตรฐานเป็น SSD ความจุ 512GB – 1TB ที่สำคัญทุกรุ่นจะได้ Windows 10 มาพร้อมใช้งานทันทีด้วย
เหมาะกับคนที่ต้องการ Notebook ใช้งานหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน นักศึกษา ที่ต้องการหน้าจอทัชสกรีน พร้อมมีปากกาไว้ขีดเขียน รองรับการทำงานด้านกราฟิกหรือวาดภาพ จดบันทึก ส่วนการรองรับใช้งานเอกสาร ใช้งานอินเตอร์เน็ตออนไลน์ ส่งอีเมล รวมไปถึงดูหนังฟังเพลง เป็นมาตรฐานที่ต้องทำได้ดี
กับงบประมาณตั้งแต่ 20,000 บาทขึ้นไป ขึ้นอยู่กับความพรีเมียมและสเปกภายใน โดยบทความนี้จะเป็นการจัดอันดับ 2-in-1 Notebook ใช้งานหลากหลาย รุ่นที่ขายอยู่ในตลาดตอนนี้ก็จะมี ASUS ZenBook Flip 14 / HP Pavilion x360 14 / Lenovo YOGA C640 / Dell Inspiron 13 7391 / ASUS ZenBook Flip 15 เป็นต้น
ASUS ZenBook Flip 14 ราคา 19,990 – 22,990 บาท
ASUS ZenBook Flip 14 UM462DA นั้นถือเป็น 2-in-1 Notebook ที่ได้ความบางเบาราคาคุ้มค่ารุ่นล่าสุด โดดเด่นด้วยชิปประมวลผล AMD Ryzen 5 3500U / Ryzen 7 3700U อีกทั้งยังแถมปากกา Stylus ใช้วาดรูปขีดเขียนอีกด้วย ซึ่งบอกเลยว่าเป็น 2-in-1 Notebook ที่มีราคาถูกมากๆ ตอนนี้ในตลาดเหลือเพียง 19,990 – 22,990 บาท จากดีไซน์ที่สวยงามหรูหรา พกพาสะดวก พร้อมสเปกและฟีเจอร์ที่เกินราคา กว่า 2-in-1 Notebook ทั่วไป กับขนาดหน้าจอ 14″ แต่ตัวเครื่องเล็กกระทัดรัดเทียบเท่า 13.3″ นี้ โดยมีน้ำหนักที่ 1.6 กิโลกกรัม พร้อมดีไซน์หรูหราตามสไตล์ของ ZenBook จากทาง ASUS
สเปกเต็มๆ ของ ASUS ZenBook Flip 14 UM462DA ใช้ชิปประมวลผล AMD Ryzen 5 3500U / Ryzen 7 3700U ที่เป็นสถาปัตยกรรมใหม่ล่าสุดที่การผลิต 12 นาโนเมตร โดยมีค่าการกินไฟ TDP ที่ 15 Watt เท่านั้น การ์ดจอออนบอร์ดเป็น Radeon RX VEGA 8/10 ประสิทธิภาพใช้ได้ดี ควบคู่กับแรมขนาด 8 GB และ SSD M.2 NVMe ความจุ 512 GB ส่วนหน้าจอจะเป็นแบบมัลติทัชขนาด 14″ แบบกระจก รองรับสัมผัสมัลติทัชและปากกา Stylus รองรับแรงกดได้หลายระดับ พาเนลจอเป็น IPS ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล (Full HD)
มีกล้องเว็บแคมและมีไมค์ดิจิตอลในตัว ที่สำคัญมีกล้องอินฟราเรด IR 3D Camera ที่สามารถใช้งานร่วมกับ Windows Hello เพื่อปลดล็อคตัวเครื่องได้อีกด้วยตัวคีย์บอร์ดยังมีไฟ LED Backlit สีขาวมาให้ด้วย พร้อหน้าจอพับปรับได้ 360 องศา มีบันเดิลปากกา Stylus อย่าง ASUS Active Pen มาให้เลยในกล่องเลย ประกัน 2 ปีเต็มตามมาตรฐาน ASUS พร้อมประกันอุบัติเหตุใน 1 ปีแรกอีกด้วย โดดเด่นด้วยการเคลมผ่านทางร้าน 7-11 ได้
- Ryzen 5 3500U / VEGA 10/ RAM 8GB / SSD 512GB / Windows 10 ราคา 19,990 บาท
- Ryzen 7 3700U / VEGA 10/ RAM 8GB / SSD 512GB / Windows 10 ราคา 22,990 บาท
HP Pavilion x360 14 ราคา 21,990 – 29,990 บาท
HP Pavilion x360 14 ปี 2019 นั้นถือเป็น 2-in-1 Notebook ที่ได้ความบางเบาหรูหรา ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ล่าสุดได้สเปก Core i Gen 10 ในราคาคุ้มค่าเหมือนเดิม มาพร้อมดีไซน์ใหม่ที่สวยงามลงตัว อีกทั้งยังแถมปากกา Stylus ใช้วาดรูปมาให้ในกล่องอีกด้วย ซึ่งบอกเลยว่าเป็น 2-in-1 Notebook ที่คาดว่าจะขายดีเช่นเดิม จากดีไซน์ที่สวยงามหรูหรา พกพาสะดวก พร้อมสเปกและฟีเจอร์ที่เกินราคา
ในราคาเริ่มต้นเพียง 21,990 บาท สเปกจะเป็น Core i3-10310U + GeForce MX130 + RAM 8GB + SSD 256GB สำหรับชิปประมวลผล Intel Core i5-10210U + NVIDIA GeForce MX130 + RAM 8GB + SSD 512GB จะมีราคาอยู่ที่ 27,990 บาทซึ่งอีกราคา 29,990 บาท จะได้สเปกจะเป็น Intel Core i7-10510U + NVIDIA GeForce MX250 + RAM 8GB + SSD 512GB
ที่ในส่วนชิปประมวลผลทั้ง i3 / i5 / i7 นี้เป็นสถาปัตยกรรม Comet Lake ใหม่ล่าสุดที่การผลิต 14 นาโนเมตร การ์ดจอแยกได้เป็น MX130 / MX250 ควบคู่กับแรมขนาด 8 GB และ SSD M.2 NVMe ความจุ 512 GB ส่วนหน้าจอเป็นแบบจอกระจกสัมผัส 14″ รองรับสัมผัสมัลติทัชและปากกา Stylus รองรับแรงกดได้หลายระดับ พาเนลจอเป็น IPS ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล พร้อมกับ Windows 10 ประกัน 2 ปี On-Site
ทางด้านพอร์ตที่ติดตั้งมีมาให้จะใช้ถือว่าครบครันเลยทีเดียวไม่ว่าจะเป็น USB 3.1 Type-A จำนวน 2 ช่อง, USB 3.1 Type-C จำนวน 1 ช่อง, SD Card Reader, HDMI สำหรับต่อหน้าจอเสริม และรูหูฟังกับไมค์แบบคอมโบ ซึ่งแน่นอนว่ารองรับการเชื่อมต่อไร้สายด้วย Wi-Fi 802.11a/b/g/n/ac (1×1) กับ Bluetooth 4.2
HP Pavilion x360 14 เป็น 2-in-1 Notebook บางเบาหน้าจอ 14 ปรับได้หลากหลายโหมด โดยเลือกใช้เป็นพาเนล IPS คุณภาพดี ที่มาพร้อมกับความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล รองรับมัลติทัชกรีน และปากกา HP Active Pen รองรับแรงกดได้หลายระดับ ทำให้ใช้งานกับระบบปฏิบัติการ Windows 10 ได้อย่างเต็มรูปแบบ พร้อมการขีดเขียนที่สมจริง ด้วยน้ำหนักตัวเครื่องเพียง 1.58 กิโลกรัม และบางเพียง 20 มิลลิเมตร ทำให้การพกพาทำได้โดยง่าย
HP Pavilion x360 14 มาพร้อมกับดีไซน์การออกแบบใหม่ ขอบจอบางเฉียบ ซึ่งจัดได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คยุคปัจจุบันที่มาพร้อมสีสันที่สวยงามลงตัวอย่าง Mineral Silver โดยฝาหลังจะเป็นเทาเข้มส่วนตัวเครื่องภายในจะเป็นเงินที่สว่างกว่า เชื่อได้ว่ายังโดนใจวัยรุ่นเพราะมีความโดดเด่นสะดุดตาเป็นพิเศษ มีหน้าตาออกไปทางเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยความหรูหราด้วยการเล่นกับการออกแบบที่มีความโค้งเว้ามีมิติในหลายๆ ส่วน
- Core i3-10310U / MX 130 / RAM 8GB / SSD 256GB / Windows 10 ราคา 21,990 บาท
- Core i5-10210U / MX 130 / RAM 8GB / SSD 512GB / Windows 10 ราคา 27,990 บาท
- Core i7-10510U / MX 250 / RAM 8GB / SSD 512GB / Windows 10 ราคา 29,990 บาท
Lenovo YOGA C640 ราคา 32,990 บาท
Lenovo YOGA C640 เป็น 2-in-1 Notebook ดีไซน์หรูหรากะทัดรัด หน้าจอ 13.3 นิ้ว มาพร้อมขุมพลังชิปประมวลผล Intel Core i7-10510U ที่เป็น Core i Gen 10 สถาปัตยกรรม Comet Lake ใหม่ล่าสุดที่การผลิต 14 นาโนเมตร ส่วนสเปกอื่นๆ ก็มาพร้อมกับหน่วยความจำแรมขนาด 16GB และแหล่งเก็บข้อมูล SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB พร้อมกับ Windows 10 แท้ในตัว ซึ่งมีราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ 32,990 บาท ประกันเป็นระยะเวลา 2 ปี ตามมาตรฐาน Lenovo แบบ On-site Service
ตัวเครื่องบางเพียง 16.95 มม. บางกว่าเก่าถึง 11% และเบาเพียง 1.25 กิโลกรัม มาพร้อมกับความเรียบหรูระดับพรีเมี่ยม เป็นโน๊ตบุ๊คที่บางที่สุดรุ่นนึงจากทาง Lenovo บานพับ 360 องศา หน้าจอสัมผัส Full HD พาเนล IPS ขอบบาง ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล รองรับการใช้งานหลากหลายโหมดได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งยังมีอุปกรณ์เสริมอย่าง Lenovo Active Pen ที่มีเทคโนโลยี Palm-Rejection ให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติขณะเขียนเหมือนการเขียนปากกาบนกระดาษ ให้เสียงนุ่มจากลำโพงคุณภาพพร้อมมีเทคโนโลยี Dolby Atmos ให้เสียงที่ดี
พอร์ตเชื่อมต่อก็มาพร้อมพอร์ตจำเป็นค่อนข้างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น USB 3.1 Type-A ที่เป็นมาตรฐาน จำนวน 2 พอร์ต ส่วนอีกพอร์ตจะเป็น USB Type-C 3.1ส่วนช่องเสียบหูฟัง 3.5 ม.ม. และ HDMI ยังมีมาให้ นอกจากนี้ยังมี Finger Print สำหรับใช้งานร่วมกับฟังก์ชัน Windows Hello ของ Windows 10 เพื่อล็อกอินโดยใช้การสแกนนิ้วอีกด้วย
สำหรับ Lenovo YOGA C640 ดีไซน์โดยรวมถือว่าปรับปรุงจากรุ่นก่อนๆ ในตระกูลของ 2-in-1 Notebook เพิ่มเติมคือมีใหม่ ตัวตัวเครื่องบางลง น้ำหนักเบาลง ตัวเครื่องสีดำเทา โดยมีชื่อว่า Iron Grey ซึ่งต้องยอมรับงานประกอบตัวเครื่องดีมากๆ ด้วยพื้นผิวเป็นแบบซอฟต์ทัชสีดำสัมผัสพรีเมียม ทำให้ตัวเครื่องดูเนี้ยบหรูสวยงาม แต่ก็ยังให้ความทนทานไปพร้อมๆ กัน การออกแบบโดยรวมให้ดูทันสมัยและเรียบง่าย โลโก้ Lenovo จะมีอยู่ 2 จุดเท่านั้น คือ มุมบนฝาหลังด้านซ้าย และมุมใต้หน้าจอด้านซ้ายเท่านั้น
อีกหนึ่งจุดเด่นของ Lenovo YOGA C640 เป็น 2-in-1 Notebook ที่ทรงประสิทธิภาพในการทำงานทั่วไปเน้นการพกพา เพราะมีน้ำหนักตัวที่เบามากๆ แถมตัวเครื่องยังบางสุดๆ โดยสามารถถือได้ด้วยมือเดียวอย่างสบายๆ ด้วยน้ำหนักเพียง 1.25 กิโลกรัมเท่านั้น มาพร้อมความบางเพียง 16.95 มิลลิเมตรเท่านั้น บอกได้เลยว่าบางสุดๆ แบบที่หารุ่นเปรียบเทียบได้ยาก
Dell Inspiron 13 7391 ราคา 34,990 – 44,990 บาท
Dell Inspiron 13 7391 จัดว่าเป็นหนึ่งใน 2-in-1 Notebook รุ่นใหม่ล่าสุด ได้สเปกชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 ซึ่งเป็นโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่ปลายปี 2019 หน้าจอ 13.3″ ขอบจอบางเฉียบ ความละเอียด Full HD / Ultra HD รองรับการทัชสกรีนและปากกา พร้อมมีช่องเก็บตรงบานพับในตัว ที่ดูหรูหรา มาพร้อมกับขนาดตัวเครื่องที่บางเบาเล็กกระทัดรัด ขอบจอก็บางเฉียบ แรมขนาด 8GB / 16GB DDR4 พร้อม SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB สำหรับความละเอียดหน้าจอก็เป็นพาเนล WVA ให้ภาพคมชัดสวยงามสมจริง พร้อมใช้งานด้วย Windows 10 และมีซอฟต์แวร์ต่างๆ มากมาย
ดีไซน์การออกแบบโดยรวมของ Dell Inspiron 13 7391 นั้นจะดูเล็กกว่าโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 13.3″ ในแบบยุคก่อนๆ เนื่องด้วยตัวเครื่องดูเล็ก กะทัดรัด เหมาะกับการพกพา แต่ทั้งนี้ถึงแม้ว่าตัวเครื่องจะเล็ก ทำให้มีความโดดเด่นมากๆ ที่สำคัญขอบจอยังบางเฉียบ เรียกได้ว่าถอดแบบมาจากรุ่นพี่อย่าง Dell XPS 13 ที่เป็นรุ่นพี่ได้เป็นอย่างดี ทำให้ห้ดูทันสมัยและเรียบง่าย ที่มุมตัวเครื่องจะทำให้เป็นแบบโค้งมน แต่ว่าไม่ได้มนมากจนเกินไป ที่สำคัญ 2-in-1 Notebook มีการดีไซน์ที่เก็บปากกาล้ำๆ โดยติดตั้งอยู่ที่บานพับ ซึ่งอาศัยแม่เหล็กในการเก็บอีกที ในส่วนของกล้องด้านหน้ารองรับการใช้งาน VDO Call และ Fingerprint ที่ใช้งานร่วมกับ Windows Hello
จุดเด่นของ Dell Inspiron 13 7391 ที่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใส่ใจในรายละเอียดก็คือ มีน้ำหนักตัวที่เบามากๆ แถมตัวเครื่องยังบางสุดๆ โดยสามารถถือได้ด้วยมือเดียวอย่างสบายๆ ด้วยน้ำหนักเพียง 1.4 กิโลกรัมเท่านั้น ส่วนความบางเครื่องก็เพียง 13.66 -15.90 มิลลิเมตร บอกได้เลยว่าจะหาโน๊ตบุ๊คแบบนี้จากแบรนด์อื่นๆ ก็ยากซักหน่อย ที่สำคัญอีกเรื่องก็คือบานพับก็เป็นอะลูมิเนียมที่แข็งแรงทนทานไม่ต่างจากตัวเครื่อง คอยทำหน้าที่หมุนหน้าจอได้ถึง 360 องศา ไว้ใช้ Multi Mode ทำให้ใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ
มาพร้อมดีไซน์ที่เรียบๆ แต่แฝงความหรูหรา ที่สำคัญคือติดตั้งพอร์ต Thunderbolt 3 มาให้พร้อมใช้งานด้วย สนนราคา Dell Inspiron 13 7391 อยู่ที่ 44,990 บาท กับรุ่น Core i7-10510U ได้จอ Ultra HD / 39,990 บาท จอ Full HD ส่วนถ้าเป็นรุ่น Core i5-10210U ได้จอ Full HD จะอยู่ที่ 34,990 บาท สำหรับคอมพิวเตอร์แบรนด์ Dell ได้รับความน่าเชื่อถือมาอย่างยาวนานและเป็นที่นิยมในการใช้งานกับองค์กรและภาคธุรกิจอย่างมากมาย ทั้งมาตรฐานการบริการ Dell Premium Support และ On-site Service “บริการซ่อมตรงถึงที่ ทุกที่ ในอีก 1 วันทำการ” ถึง 2 ปีด้วยกัน
- i5-10210U / RAM 8GB / SSD 512GB / จอ Full HD / Windows 10 ราคา 34,990 บาท
- i7-10510U / RAM 16GB / SSD 512GB / จอ Full HD / Windows 10 ราคา 39,990 บาท
- i7-10510U / RAM 16GB / SSD 512GB / จอ Ultra HD / Windows 10 ราคา 44,990 บาท
ASUS ZenBook Flip 15 ราคา 46,990 บาท
ASUS ZenBook Flip 15 UX563FD นับว่าเป็น 2-in-1 Notebook ที่จัดเต็มไปด้วยสเปกและฟีเจอร์อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-10510U การ์ดจอเป็น NVIDIA GeForce GTX 1050 Max-Q ที่จะเน้นความแรงลื่น เหนือชั้นด้วยหน้าจอระดับมืออาชีพขนาดหน้าจอ 15.6″ 4K Ultra HD พร้อมดีไซน์ดูหรูหราสวยงาม ที่สำคัญได้มี ScreenPad 2.0 กับหน้าจอที่สอง ต่อยอดมาจากปีก่อน ติดตั้งแทนที่ทัชแพดแบบเดิมๆ เป็นหน้าจอที่สองโดยเป็นโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่สายทำงานและไลฟ์สไตล์ แน่นอนว่าหน้าจอหลักพับได้ 360 องศา มีปากกา ASUS Active Pen มาด้วย
สเปกภายในอื่นๆ ของ ASUS ZenBook Flip 15 UX563FD ที่น่าสนใจได้รับการติดตั้งแรมมาขนาด 16GB พร้อมด้วย SSD ความจุ 1TB จัดเต็มกันไปเลยให้ประสิทธิภาพการทำงานรองรับ 3 มิติได้ดี เล่นเกมออนไลน์ได้สบายๆ รวมไปถึงลำโพงยังเป็น Harman/Kardon เสียงดีชัดเจน อีกทั้งติดตั้ง IR 3D Camera ระบบไบโอเมตริกซ์ทำงานร่วมกับ Windows Hello แน่นอนว่ามี Windows 10 แท้ ประกัน 2 ปีตามมาตรฐาน ASUS (ปีแรกมีประกันอุบัติเหตุ) นับว่าถูกคุ้มมากๆ เมื่อเทียบกับฟีเจอร์ที่ได้ ส่งผลให้เป็นสุดยอดโน๊ตบุ๊คยุคใหม่เลยก็ว่าได้ กับราคา 46,990 บาท
ดีไซน์โดยรวมของ ASUS ZenBook Flip 15 UX563FD นั้นจะดูเล็กกว่าและบางกว่าโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ อยู่พอสมควร โดยมีน้ำหนักเบาเพียง 1.9 กิโลกรัม พร้อมความบางเพียง 19.9 มิลลิเมตร และเนื่องด้วยมีขอบจอที่ค่อนข้างบางตามสไตล์ NanoEdge ทำให้ตัวเครื่องดูเล็ก กะทัดรัด เหมาะกับการพกพาสะดวกสบาย แม้จะไม่ได้เบาที่สุดๆ แต่ได้ฟีเจอร์จัดเต็มแบบไร้คู่แข่ง เพราะในตลาดตอนนี้แนวคิด 2 หน้าจอแบบนี้มีเพียง ASUS เท่านั้น ในรุ่นนี้ได้เป็น ScreenPad 2.0 ขนาด 5.65″
บานพับ ErgoLift 360° แบบ 2 แกน ซึ่งเวลาที่กางออกมาใช้งานในรูปแบบโน๊ตบุ๊คจะทำให้คีย์บอร์ดทำมุม 2 องศากับฐานตั้ง พร้อมกางจอที่ 135 องศา จากการที่มีบานพับแบบพิเศษช่วยยกตัวเครื่องสูงขึ้นจากพื้น โดยขอบตัวเครื่องด้านหลังจะมียางรองพร้อมทำหน้าที่เป็นฐานรองด้านหลัง ที่หากเรากางหน้าจอมากกว่านั้นก็จะรองรับการใช้งาน Multi-Mode อื่นๆ เรียกได้ว่าฟีเจอร์นี้ไม่เคยมีใครทำมาก่อนบน 2-in-1 Notebook พร้อมดีไซน์ที่ดูสวยวามหรูหรา