สำหรับแบรนด์ Dell และ Alienware เป็นแบรนด์ที่คนให้ความเชื่อมั่นเชื่อถือเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นเพราะเรื่องงานประกอบ ดีไซน์ที่ดูทนทาน รวมไปถึงการรับประกันแบบซ่อมฟรีถึงบ้านเป็นเจ้าแรก จนเป็นภาพจำของใครหลายๆ คน ส่งผลให้ในสเปกหรือฟีเจอร์ใกล้เคียงกัน แม้ราคาค่าตัว Dell จะสูงกว่า แต่ด้วยความเชื่อมั่นคนบางคนก็ยอมจ่าย เรียกได้ว่าเป็นจุดแข็งของแบรนด์ Dell และ Alienware อย่างชัดเจน กับภาพลักษณ์ที่เกิดขึ้นมา ที่จะซื้อ Notebook ที่เน้นบริการและไว้ใจได้ ต้องเป็น Dell และ Alienware เสมอ
แน่นอนว่านั่นก็มาจากการที่ Dell มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ พร้อมกับมาตรฐานของ Dell ที่มีแฟนๆ เชื่อมั่นอยู่เสมอมา ที่สำคัญด้วยบริการ Dell Premium Support ซ่อมตรงถึงที่ ทุกที่ ในอีก 1 วันทำการ (On-site Sevice) ระยะเวลาสูงสุด 3 ปีเต็มด้วย ทำให้มั่นใจได้เลย บริการหลังการขายของ Dell นั้นยอดเยี่ยมอย่างแน่นอน ล่าสุดทีมงาน NBS ได้มอบ Award ในหมวดของ Trust Brand Notebook 2019 ซึ่งเห็นได้ชัดเจนผ่านทาง Notebook สองรุ่นใหม่ ที่ทาง Dell เพิ่งเปิดตัวและวางจำหน่ายไปได้ไม่นาน จะมีรายละเอียดเป็นอย่างไรบ้าง ไปชมกันเลย
Dell XPS 13 7390 สเปก 69,990 – 89,990 บาท
อย่างล่าสุดในเป็นส่วนของ Dell XPS 13 7390 ที่สุดของ 2-in-1 Notebook หน้าจอ 13.4″ ยกระดับประสบการณ์ใหม่หมดทุกด้าน ด้วย InfinityEdge ที่ใหญ่ขึ้น 7% ในอัตราส่วน 16:10 พร้อมด้วย Dolby Vision นอกจากนี้ยังให้ทางเลือกใหม่สำหรับดิสเพลย์ทั้ง FHD+ และ UHD+ สนับสนุนเพลิดเพลินไปกับคอนเท้นท์คุณภาพระดับ HDR ด้วยพาเนล IPS ที่ได้รับการรับรอง HDR400 โดดเด่นด้วยจอแบบกระจก Corning Gorilla Glass 5 ที่สดใสและทนทาน ได้มาตรฐาน sRGB 97% และ AdobeRGB 78%
สเปกตัวท็อปมาพร้อมกับ Intel Core i7-1065G7 พร้อมแรมขนาด 16GB LPDDR4x และ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB โดยมีตัวเครื่องเบาเพียง 1.33 กิโลกรัม และบางเพียง 7 – 13 มิลลิเมตรเท่านั้น แน่นอนว่ามี Windows 10 และซอฟต์แวร์ต่างๆ พร้อมใช้งานครบครัน การในส่วนของดีไซน์การออกแบบ Dell XPS 13 7390 จากการที่เป็น 2-in-1 Notebook ที่มีปากกาไว้พร้อมใช้งาน ดีไซน์ที่เก็บปากกาล้ำๆ ด้วยการติดแนบติดแบบแม่เหล็กที่ขอบด้านขวาของตัวเครื่อง
ในส่วนดีไซน์โดยรวมมีเพรียวบางกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 8% เหนือชั้นกว่า 2-in-1 Notebook ทั่วไปด้วยการมีพัดลมระบายความร้อน 2 ตัว ทำให้เครื่องเย็นเร็วขึ้น จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้สูงกว่ารุ่นก่อนถึง 2.5 เท่า รวมถึงการเชื่อมต่อ เรื่องของพอร์ตเชื่อมต่อนั้นหลักๆ ให้มาเป็น Thunderbolt 3 จำนวน 2 พอร์ต (เป็น USB 3.1 Type-C + DisplayPort + Power Delivery) พร้อมช่องต่อหูฟังมาตรฐาน 3.5 มิลลิเมตร และ Card Reader แบบ Micro-SD Card มาให้ด้วย
ที่สำคัญยังมาพร้อม Dual-Band Intel Wi-Fi 6 (GIG+) 802.11ax ที่แรงขึ้น 3 เท่า พร้อม Killer AX1650 แยกประเภทและจัดลำดับความสำคัญของวิดีโอสตรีมมิ่ง และการสื่อสาร รวมถึงทราฟฟิกข้อมูล ช่วยให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ในการใช้งานออนไลน์ได้อย่างรวดเร็วและลื่นไหล และการเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth 5.0 ใหม่ล่าสุด สนนราคาที่ 69,990 – 89,990 บาท
สำหรับการเป็นโน๊ตบุ๊คบางเบาระดับสูง แถมยังมีการรับประกันเทพถึง 3 ปีอีกด้วย ที่สำคัญคือ Dell Premium Support โดยทั้ง 3 ปี เป็นแบบ On-site Serive ซ่อมฟรีถึงบ้าน รวมถึงมีบริการหลังการขายอย่างการเข้าถึงผู้เชี่ยวชาญด้านฮาร์แวร์ และซอฟต์แวร์ได้โดยตรงผ่านโทรศัพท์ได้ตลอดเวลา 24×7 ให้คำปรึกษาและให้ความช่วยเหลือ ณ ไซต์งานหลังการประเมินอาการผ่านระบบจากระยะไกล รวมไปถึงบริการอื่นๆ อีกมากมาย
โดยสนนเริ่มต้นที่ 69,990 บาท สำหรับชิปประมวลผล Intel Core i5-1035G1 ได้หน้าจอความละเอียดหน้าจอ Full HD+ ส่วนแรมได้เป็น 8GB และ SSD 256GB ส่วนอีกรุ่นได้สเปก Intel Core i7-1065G7 เหมือนกัน แต่หน้าจอเป็น Ultra HD+ แรมขนาด 16GB และ SSD 512GB ราคาจะอยู่ที่ 89,990 บาท เอาเป็นว่าใครกำลังมองหา 2-in-1 Notebook ที่เน้นประสบการณ์ใช้งานที่เหนือระดับโดยไม่กังวลในเรื่องของราคาค่าตัวล่ะก็ Dell XPS 13 7390 น่าจะตอบโจทย์การใช้งานได้เป็นอย่างดีทีเดียวครับ
สรุป Trust Brand Notebook 2019 : Dell XPS 13 7390
- เป็น Ultrabook หน้าจอ 13.4 นิ้ว แต่มีขนาดตัวเครื่องเล็กเทียบเท่ารุ่นหน้าจอ 12.5 นิ้ว
- พาเนลหน้าจอ IPS มีคุณภาพสูง ขอบเขตสีกว้าง รองรับการทัชสกรีน
- ความละเอียดสูงระดับ Ultra HD+ (มากกว่า Full HD ถึง 4 เท่า) พื้นที่ก็มากกว่า
- ขอบจอบางพิเศษกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป เพิ่มความโดดเด่น
- มีที่เก็บปากกาแบบพิเศษเป็นแม่เหล็กแนบไปกับตัวเครื่อง
- น้ำหนักเบาตัวเครื่องบาง วัสดุเป็นอลูมิเนียมแบบพิเศษผสานด้วย คาร์บอนไฟเบอร์
- ประสิทธิภาพดีด้วยชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 Ice Lake รุ่นล่าสุด
- พอร์ตการเชื่อมต่อมาตรฐาน Thunderbolt 3 จำนวน 2 พอร์ต
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานกว่า 10 ชั่วโมง
- ระบบระบายความร้อน Stay Cool under pressure ด้วยพัดลม 2 ตัว
- มี Windows 10 แท้ และมีซอฟต์แวร์ต่างๆ พร้อมใช้งาน
- รองรับ Windows Hello ด้วยการแสกนนิ้วมือ ที่เป็นปุ่ม Power ในปุ่มเดียว
- อแดปเตอร์มีขนาดเล็กมากๆ เทียบเท่าของสมาร์ทโฟน
- Dell Premium Support ประกันถึง 3 ปี มาพร้อม On Site Service และบริการอื่นๆ
Alienware M15 R2 ราคา 79,990 – 119,990 บาท
Alienware M15 R2 ที่สุดของ Gaming Notebook สเปกสุดแรงดีไซน์สุดล้ำ หน้าจอขนาด 15.6″ สมกับโน๊ตบุ๊คเล่นเกมตัวรองท็อปจาก Alienware Area-51M ที่เป็นขนาดหน้าจอ 17.3″ กับสเปกที่จัดเต็มด้วยชิปประมวลผล Intel Core i9-9980HK /Intel Core i7-9750H ส่วนการ์ดจอเป็น NVIDIA GeForce RTX 2080 / 2070 / 2060 แบบ Max-Q เน้นแรงแต่ร้อนน้อยกว่า สนนราคาขายจริงอยู่ที่ 79,990 – 119,990 บาท
ในส่วนของสเปกและฟีเจอร์อื่นๆ ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน มาพร้อมกับแรมขนาด 8 – 16GB และ SSD M.2 NVMe ความจุ 256 – 512GB ได้หน้าจอขนาด 15.6″ ความละเอียด Full HD (1920 x 1080) มี Refresh Rate ที่ 240Hz 7ms กับความสว่างสูงถึง 300-nits ได้ค่าขอบเขตสี sRGB 100% color gamut รวมไปถึงมี Tobii Eyetracking ที่เราสามารใช้ดวงตาในการเล่นเกมอีกด้วย ส่วนการเชื่อมต่อก็จัดเต็มด้วย Killer Wi-Fi 6 AX1650 (2×2) และ Bluetooth 5.0
ดีไซน์การออกแบบจะเห็นว่า Alienware M15 R2 มีความเป็นยานอวกาศมากๆ เหมือนกับรุ่นพี่ Alienware Area-51M สมกับชื่อผลิตภัณฑ์จากทางต่างดาวจริงๆ อย่างที่ๆม่เคยมีมาก่อน ด้วยรูปลักษณ์ที่ดูไม่เหมือนใครเน้นเรียบง่ายแต่หรูหรามากๆ เลือกใช้สีขาว Lunar Light (หรือดำ Dark Side of the Moon) มาสลับที่ดูแล้วสะอาดตา ฝาหลังมีโลโก้ Alienware และเลข 15 อยู่ วัสดุหลักๆ ก็จะเป็นแม็กนีเซียมอัลลอยด์ที่แข็งแรงและพรีเมียม แน่นอนว่ามีมิติตัวเครื่องที่เล็กลงจากการที่ขอบจอบาง เล็กกว่ารุ่นก่อนๆ โดยมีน้ำหนักแค่ 2.16 กิโลกรัมเท่านั้น และมีความบางสุดๆ ของตัวเครื่องเพียง 17.9 มิลลิเมตร
Alienware M15 R2 สำหรับการดีไซน์และออกแบบตัวเครื่องนับว่ามีความก้าวล้ำกว่ารุ่นก่อนๆ ไปมาก ด้วยแนวคิดใหม่ๆ พร้อมวัสดุคุณภาพสูง งานประกอบที่แน่นๆ และสวยงามน่าประทับใจ ประกอบกับการดีไซน์ที่ตอบสนองความต้องการของเกมเมอร์ที่ต้องการ Gaming Notebook ที่แตกต่างและโดดเด่นสะดุดตา พรีเมียมแบบสุดๆ อย่างที่หาไม่ได้ในแบรนด์อื่นๆ
ที่สำคัญด้วยสเปกใหม่ล่าสุดอย่าง Intel Core i Gen 9 + NVIDIA GeForce RTX Series รวมไปถึงหน้าจอ IPS 240Hz ส่งผลให้เสริมประสบการณ์ใช้งานยิ่งขึ้นไปอีก แม้จะต้องจ่ายสูงกว่าแบรนด์อื่นๆ ก็ตาม ในสเปกและบางอย่างที่เหนือชั้น แต่ก็ต้องยอมรับว่าถ้าวัดกันสเปกต่อสเปก จะมีราคาที่สูงกว่าแบรนด์ื่อนๆ เช่นเดียวกัน ซึ่งเชื่อว่าแฟนๆ ของ Alienware น่าจะยินดีมากๆ ที่จะซื้ออยู่แล้วล่ะ
มาพร้อมกับไฟ RGB 16.8 ล้านสี ด้วย AlienFX Lighting Zonesตามสไตล์ของ Alienware ที่เราสามารถปรับแต่งได้ดั่งใจ ทั้งส่วนของคีย์บอร์ดที่ดูแล้วสวยงาม อีกทั้งด้านหลังตัวเครื่องที่เป็นการแยกชุดระบายความร้อนออกมาตามสไตล์ของ Alienware ก็ยังมีการติดตั้งไฟ RGB เอาไว้ ที่ยอมรับเลยว่าตรงนี้ดูเก๋มากๆ โดดเด่นแบบสุด ให้อารมณ์ด้วยรวมของตัวเครื่องแบบรถยุโรปราคาแพงทีเดียว ที่สำคัญช่องระบายความร้อนก็เป็นแบบรังผึ้งที่ลงตัวสุดๆ ทั้งขอบด้านหลังและด้านล่างตัวเครื่อง สรุปคือ Alienware เค้าออกแบบมาได้เยี่ยมยอดจริงๆ
Alienware M15 R2 เป็นโน๊ตบุ๊คที่จัดได้ว่ามีความครบครันในการใช้งานหลายๆ ด้าน ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งานทั้งในกลุ่มที่เป็นผู้ใช้งานที่เน้นเล่นเกมเป็นหลักด้วยดีไซน์การออกแบบและสเปก Gaming หรือผู้ที่รักความบันเทิงและมัลติมีเดีย ส่วนทำงานทั่วๆ ไปนั้นสบายๆ อยู่แล้ว ด้วยสเปคภายในที่แรงตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น แถมยังให้การรับประกันถึง 2 ปีอีกด้วย ที่สำคัญคือ Dell Premium Support คือมารับมาส่งถึงบ้านเลย อันนี้เจ๋งกว่าแบบเหนือชั้นจริงๆ ยังไงก็จัดได้ว่ามีความน่าซื้ออยู่ไม่น้อยเช่นกัน สำหรับการโน๊ตบุ๊คเพื่อการเล่นเกมจาก Dell
สรุป Trust Brand Notebook 2019 : Alienware M15 R2
- เป็น Gaming Notebook ดีไซน์พรีเมียม บางเบากว่ารุ่นก่อนๆ ของ Alienware
- งานประกอบแน่นๆ วัสดุแม็กนีเซียมอัลลอยด์ ตลอดทั้งตัวเครื่อง มาตราฐาน Dell
- ประสิทธิภาพดีด้วยชิปประมวลผล Core i7 Gen 9 ตระกูล H และการ์ดจอ RTX 2070 Max-Q
- สเปกแรมได้มา 16GB และ SSD 512GB ไม่ต้องอัพเกรดแล้ว
- ได้หน้าจอพาเนล IPS ความละเอียด Full HD แบบ 240Hz คุณภาพดีระดับสูง
- AlienFX Lighting Zones มีไฟ RGB รอบตัว พร้อม Per key RGB
- เป็นโน๊ตบุ๊คมาพร้อมพอร์ต Thunderbolt 3 ความเร็วสูง
- มีฟีเจอร์ Tobii Eye Tracker ไว้เล่นเกมด้วยดวงตา
- ซอฟต์แวร์ติดเครื่องมีมาให้อย่างจัดเต็ม ใช้ได้จริง
- ประกันถึง 2 ปี มาพร้อม Dell Premium Support (On-site Sevice)