เมื่อพูดถึงโน๊ตบุ๊คสำหรับการเล่นเกมแล้วนั้นสิ่งหนึ่งที่ผู้ซื้อนำมาเป็นปัจจัยในการเลือกนอกเหนือไปจากฮาร์ดแวร์ที่เทพกว่าเครื่องอื่นๆ แล้วนั้นก็จะมีส่วนของซอฟต์แวร์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยครับ สำหรับนักเล่นเกมที่จริงจังกับการเล่นมากๆ อย่างเช่นนักแข่ง esport นั้นซอฟต์แวร์ควบคุมตัวเครื่องต่างๆ ควรที่จะต้องมาพร้อมกับฟีเจอร์ที่ช่วยให้พวกเขาสามารถที่จะเอาชนะผู้เล่นปกติให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ครับ แน่นอนว่าเรื่องดังกล่าวนี้นั้นทาง MSI หนึ่งในผู้ผลิตโน๊ตบุ๊คสำหรับการเล่นเกมนั้นเข้าใจนักเล่นเกมเป็นอย่างดีจึงได้มีการให้ซอฟต์แวร์ควบคุมตัวเครื่องเอาไว้อย่างครบครันครับ
สำหรับซอฟต์แวร์ควบคุมระบบเพื่อนักเล่นเกมมืออาชีพจาก MSI นั้นจะประกอบไปตั้งแต่ในส่วนของการควบคุมเล็กๆ น้อยๆ แต่มีผลเป็นอย่างมากเช่น ซอฟต์แวร์ควบคุมไฟส่องสว่าง RGB สำหรับคีย์บอร์ด, ซอฟต์แวร์ควบคุมเรื่องการการรับสัมผัสตัวคีย์บอร์ดและ track pad, ซอฟต์แวร์ควบคุมระบบเสียงไปจนกระทั่งซอฟต์แวร์สำหรับปรับแต่งฮาร์ดแวร์ตัวเครื่องครับ แต่ละซอฟต์แวร์นั้นจะมีข้อดีที่จะช่วยให้คุณสามารถที่จะเล่นเกมได้ดีกว่าผู้อื่นอย่างไรบ้างนั้นไปติดตามกันได้เลยครับ
RGB lighting
MSI Mystic Light
เริ่มต้นกันที่ซอฟต์แวร์สำหรับการควบคุมไฟส่องสว่าง RGB อย่าง MSI Mystic Light ซึ่งตัวซฟอต์แวร์นั้นจะไม่ได้ครอบคลุมเฉพาะแค่ไฟ RGB สำหรับแป้นคีย์บอร์ดเท่านั้นทว่าผู้ใช้สามารถที่จะใช้ในการควบคุมไฟส่องสว่าง RGB ทั้งหมดบนตัวเครื่องได้ครับ สิ่งแรกที่น่าประทับมากที่สุดเลยนั้นก็คือคุณสามารถที่จะทำการปรับแต่งไฟส่องสว่าง RGB ให้กับทุกๆ ส่วนของตัวเครื่องให้เหมาะสมกับเกมที่คุณจะเล่นแบบเกมต่อเกมเลยทีเดียวครับ
ตัวซอฟต์แวร์นั้นจะเปิดโอกาสให้คุณทำการควบคุมในส่วนของไฟส่องสว่าง RGB ได้เหมือนกับเครื่องคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะเหมือนกันกับซอฟต์แวร์ SteelSeries Engine 3 ซึ่งแน่นอนครับว่าการใช้คีย์บอร์ด SteelSeries ของทาง MSI นั้นทำให้คุณเองสามารถที่จะใช้ซอฟต์แวร์ SteelSeries Engine 3 ควบคุมปรับแต่งไฟส่องสว่างสำหรับตัวเครื่องได้ด้วยเช่นเดียวกัน โดยในส่วนนี้นั้นตัวซอฟต์แวร์ MSI Mystic Light นั้นจะใช้ในการควบคุมปรับแต่งไฟส่องสว่าง RGB โดยรวมของเครื่องทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นทั้งในส่วนของคีย์บอร์ดตามมาด้วยไฟ RGB ตามรอบเครื่องครับ
สำหรับนักเล่นเกมมือใหม่นั้นก็ไม่ต้องกลัวนะครับว่าจะปรับแต่งไฟส่องสว่างแบบ RGB บนโน๊ตบุ๊คของทาง MSI ได้ยาก เพราะทาง MSI เองนั้นได้มีการตั้งโปรไฟล์อัตโนมัติของการตั้งค่าไฟส่องสว่าง RGB สำหรับเกมในแต่ละรูปแบบเบื้องต้นมาให้คุณเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นไม่ว่าคุณจะทำการเล่นเกมในรูปแบบไหนเพียงแค่เลือกรูปแบบของเกมที่จะเล่น(FPS, วางแผน ฯลฯ) ตัวไฟส่องสว่าง RGB ก็จะทำงานตามลักษณะของรูปแบบเกมนั้นๆ ให้กับคุณทันทีเรียกว่าต่อให้นักเล่นเกมมือใหม่ก็สามารถที่จะกลายเป็นโปรได้เลยทีเดียวครับ
Per-key RGB lighting
เพื่อให้การปรับแต่งไฟส่องสว่าง RGB นั้นมีประสิทธิภาพสูงสุด ทาง MSI เองจึงได้จัดการให้มีไฟส่อสว่าง RGB ในทุกๆ แป้นคีย์บนคีย์บอร์ดครับ ด้วยจุดเด่นตรงนี้เองนั้นเลยทำให้การปรับแต่งไฟ RGB สำหรับนักเล่นเกมนั้นสามารถที่จะทำได้ตามใจตัวเองมากยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่นตั้งค่าให้มีการเปิดไฟส่องสว่างเฉพาะปุ่มที่จำเป็นต้องใช้ในการเล่นเกมเพียงอย่างเดียวเป็นต้นครับ อีกจุดเด่นนั้นก็คือตัวซอฟต์แวร์ยังเปิดโอกาสให้คุณสามารถตั้งค่าไฟส่องสว่างให้แสดงในรูปแบบตามการเล่นเกมได้อีกตัวอย่างเช่นตั้งค่าให้ไฟส่องสว่าง RGB บนคีย์บอร์ดเป็นสีแดงกระพริบเวลาที่ตัวละครของคุณใกล้จะเลือดหมดก็สามารถที่จะทำได้เช่นเดียวกันครับ
SteelSeries keyboard & SteelSeries Engine 3
ก่อนอื่นนั้นคงต้องพูดถึงข้อดีของคีย์บอร์ด SteelSeries กันก่อนครับ โดยตัวคีย์บอร์ดนั้นจะมาพร้อมกับฟีเจอร์ที่รองรับการเล่นเกมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบระยะห่างระหว่างแป้นคีย์ที่เรียกได้ว่ามีการร่วมงานกับนักเล่นเกม esport แล้วทำการคำนวณมาอย่างดีทำให้เวลาเล่นเกมนั้นคุณสามารถที่จะเลื่อนนิ้วมือไปยังแป้นต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วทันใจกว่าคีย์บอร์ดสำหรับการเล่นเกมแบบทั่วไปเป็นอย่างมาก นอกไปจากนั้นแล้วแรงตอบกลับของการกดแป้นคีย์บอร์ดนั้นก็ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดีส่งผลให้เวลาที่คุณกดแป้นคีย์บอร์ดนั้นคุณจะเกิดความรู้สึกว่าได้รับรู้การกดแป้นนั้นๆ ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ
ปัญหาหนึ่งที่ได้รับความใส่ใจเป็นพิเศษก็คือปัญหาเรื่อง ghosting หรือปัญหาที่เมื่อกดแป้นคีย์บอร์ดไปแล้วแต่กลับกลายเป็นว่าตัวเกมนั้นไม่ได้ทำตามคำสั่งตามที่ได้มีการกดไว้ครับ คีย์บอร์ด SteelSeries นั้นจะมาพร้อมกับฟีเจอร์ Anti-ghosting ในปุ่มต่างๆ ที่จะต้องทำการกดบ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็น WASD หรือ Spacebar เป็นต้นครับ ด้วยฟีเจอร์ดังกล่าวนี้เองนั้นจะทำให้ปัญหาการกดแป้นคีย์เพื่อทำการออกคำสั่งแล้วตัวเกมไม่ทำตามคำสั่งนั้นๆ หมดไปซึ่งแน่นอนว่ามันจะช่วยทำให้คุณได้เปรียบคู่แข่งมากขึ้นนั่นเองครับ
จุดเด่นสุดท้ายคงหนีไม่พ้นฟีเจอร์เด็ดอย่าง Silver line printing หรือจะบอกว่าเป็นชุดไฟส่องสว่างอีกชุดหนึ่งที่คีย์บอร์ด SteelSeries นั้นเพิ่มขึ้นมาโดยบนแต่ละแป้นคีย์นั้นจะมีหลอดไฟสีเงินที่ผู้เล่นสามารถที่จะทำการตั้งค่าให้ทำงานได้เมื่ออยู่ในที่ๆ มีแสงน้อยกว่าปกติหรือแม้กระทั่งอยู่ในความมืด จุดนี้นั้นจะช่วยทำให้คุณสามารถที่จะมองเห็นแป้นคีย์ต่างๆ ได้อย่างชัดเจนและแยกออกจากกันต่างหากทำให้คุณไม่ต้องกลัวว่าจะทำการกดปุ่มผิดๆ ถูกๆ หากเล่นเกมในความมืดครับ
SteelSeries Engine 3
สำหรับซอฟต์แวร์ควบคุมคีย์บอร์ด SteelSeries อย่าง SteelSeries Engine 3 (SSE3) นั้นเรียกได้ว่าจะช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงการควบคุมคีย์บอร์ดได้ทั้งหมดตั้งแต่การปรับแต่งสีไฟส่องสว่าง RGB ไปจนกระทั่งการปรับตั้งค่ามาโครสำหรับแป้นต่างๆ เป็นต้นครับ การปรับแต่งต่างๆ ผ่าน SSE3 นั้นเรียกได้ว่าง่ายเป็นอย่างมากโดยถึงแม้ว่าคุณจะเป็นนักเล่นเกมมือใหม่ก็สามารถที่ปรับแต่งให้คีย์บอร์ดของคุณทำงานเหมือนกับคีย์บอร์ดของนักเล่นเกมมือโปรได้ครับ
SSE3 ไม่เพียงแค่จะรองรับการปรับแต่งต่างๆ ให้เข้ากับการเล่นเกมเท่านั้นนะครับเพราะ SSE3 นั้นยังเปิดกว้างให้กับการใช้งานในรูปแบบอื่นได้อีกด้วยไม่ว่าจะเป็นการใช้งานเพื่อการพิมพ์งานหรือการให้ไฟส่องสว่าง RGB แสดงผลแบบ illumination effects รวมทั้ง Audio Visualizer ตอนที่ดูหนังฟังเพลง เอาเป็นว่าไม่ว่าจะเป็นรูปแบบไหนนั้นก็สามารถปรับให้ไฟส่องสว่าง RGB นั้นเข้ากับการทำงานนั้นๆ ได้หมด แถมหากคุณใช้งานซอฟต์แวร์อื่นๆ ที่ SSE3 มีการรองรับอยู่แล้วเช่น Discord หรือ Spotify ตัว SSE3 เองนั้นก็มาพร้อมกับค่า preset ที่จะปรับไฟส่องสว่างให้แสดงผลตามซอฟต์แวร์ที่คุณใช้งานนั้นๆ ได้อีกต่างหากครับ
นอกเหนือไปจากการปรับแต่งไฟสว่างสว่าง RGB ของตัวเครื่องแล้วนั้นคุณยังสามารถที่จะซิงค์กับไฟส่องสว่าง RGB กับอุปกรณ์อื่นๆ ภาพนอกที่รองรับ PrismSync ได้อีกต่างหากทำให้อรรถรสในการเล่นเกมของคุณนั้นมีไฟส่องสว่างเป็นไปในทิศทางเดียวกันอย่างที่คุณต้องการอย่างแน่นอนครับ
Hear everything – Nahimic 3
มาต่อกันที่การปรับแต่งระบบเสียงกันครับ นอกเหนือไปจากการที่ตัวเครื่องจะเปิดโอกาสให้คุณได้ทำการปรับแต่งไฟส่องสว่าง RGB อย่างที่คุณต้องการได้แล้ว คุณยังสามารถที่จะปรับแต่งระบบเสียงให้เป็นไปตามที่คุณต้องการได้อีกเพราะคงจะไม่สามารถปฎิเสธได้เลยครับว่าในปัจจุบันนั้นเกมระดับ AAA ส่วนใหญ่มักจะมาพร้อมกับการรองรับระบบเสียงแบบรอบทิศทางซึ่งแน่นอนว่าการได้ยินของคุณนั้นจะดีมากขึ้นสามารถที่จะแยกแยะได้กระทั่งเสียงศัตรูที่มาทางด้านหลังของคุณ โดยทาง MSI นั้นนอกเหนือจะใช้ลำโพงที่สามารถปล่อยเสียงได้รอบทิศทางแล้วมันยังมาพร้อมกับซอฟต์แวร์ปรับแต่งเสียงที่มีชื่อว่า Nahimic 3 อีกด้วยครับ
Nahimic 3 นั้นจะมาพร้อมกับการรองรับการปรับเสียงตั้งแต่ในส่วนของการเล่นเกมไปจนกระทั่งดูหนังฟังเพลงหรือแม้กระทั่งการใช้งานเพื่อติดต่อสื่อสารได้อีกต่างหาก โดยคุณสามารถที่จะปรับค่าในส่วนต่างๆ ของเสียงได้อย่างมากมายไม่ว่าจะเป็นเสียงคำพูด, Bass และ Treble เป็นต้นครับ
งานนี้นั้นเรียกว่าครอบคลุมครับ ต้องขอบคุณความใส่ใจของ MSI ที่ไม่ได้คิดเฉพาะแต่นักเล่นเกมเท่านั้นเพราะไม่ว่าคุณจะซื้อมาเพื่อใช้ในงานอื่นๆ ด้วยทาง MSI ก็ให้ความสำคัญกับคุณเช่นเดียวกันเรียกได้ว่าครบถ้วนจบสมบูรณ์ในที่เดียวครับ
On-the-fly system tuning
ท้ายสุดแต่ยังไม่สุดท้ายกับซอฟต์แวร์ควบคุมฮาร์ดแวร์ทั้งระบบอย่าง MSI Dragon Center ที่จะช่วยให้ผู้ใช้อย่างเราๆ ท่านๆ นั้นสามารถที่จะทำการปรับแต่งฮาร์ดแวร์ของตัวเครื่องได้อย่างเต็มที่เพื่อรีดประสิทธิภาพของตัวเครื่องออกมาให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งจะว่าไปแล้วนั้นโน๊ตบุ๊คส่วนใหญ่จะไม่ค่อยให้โอกาสผู้ใช้ได้ทำการปรับแต่งในส่วนนี้สักเท่าไรนัก ทว่าทาง MSI นั้นใจดีมากพอที่จะให้เราสามารถปรับแต่งได้โดยที่ประกันตัวเครื่องนั้นยังไม่หลุดไปด้วยครับ
ซอฟต์แวร์ MSI Dragon Center นั้นมาพร้อมกับหน้าตาที่สามารถใช้งานได้ง่ายครับ โดยในการปรับแต่งนั้นก็จะมีการแบ่งส่วนต่างๆ ที่สามารถทำการปรับแต่งได้เอาไว้อย่างชัดเจนทำให้คุณไม่ต้องลำบากหรือวุ่นวายศึกษาให้เข้าใจยากไปอีก การปรับแต่งผ่าน MSI Dragon Center นั้นถือว่าง่ายเอามากๆ แถมทาง MSI เองก็ยังป้องกันเอาไว้ไม่ให้การปรับแต่งของคุณทำให้ตัวเครื่องทำงานหนักเกินขอบเขตมากเกินไป เรียกได้ว่านอกจากจะใจดีแล้วยังเป็นห่วงผู้ใช้ใหม่ๆ ที่ยังคงไม่ค่อยมีความรู้ทางด้านฮาร์ดแวร์มากเท่าไรอีกด้วยครับ
สำหรับการปรับแต่งแรกนั้นก็คือส่วนของการปรับแต่ง System Tuner ครับ ตรงหน้าขอดังกล่าวนี้นั้นจะเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ได้ปรับแต่งการทำงานตามค่าโปรไฟล์ที่ทาง MSI ได้ตั้งค่าเอาไว้ให้ให้เหมาะสมกับการใช้งาน ณ เวลานั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นการดูหนังฟังเพลงหรือเล่นเกมเป็นต้นครับ ตรงจุดนี้นั้นถือว่าทาง MSI เอาใจใส่นักเล่นเกมหน้าใหม่เป็นอย่างมากครับเพราะจะเห็นได้ชัดเลยครับว่าตัวเลือกโปรไฟล์ต่างๆ นั้นเหมาะสมกับการทำงานนั้นๆ จริงๆ ครับ
ต่อกันด้วยส่วนที่ 2 กับ System monitor overlay ที่จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถดูสถานะการทำงานต่างๆ ของตัวฮาร์ดแวร์ได้ครับว่าฮาร์ดแวร์ในส่วนต่างๆ ณ เวลานั้นมีการทำงานอย่างไรบ้าง
ส่วนที่ 3 นั้นจะเป็นส่วนของการควบคุมปรับแต่งตัวเครื่องในด้านการใช้งานแบตเตอรี่ครับ โดยการปรับแต่งนั้นจะมีมาให้ 3 รูปแบบครอบคลุมการทำงานในทุกๆ ส่วนเพื่อการเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับอายุการใช้งานแบตเตอรี่ครับ
ส่วนต่อมานั้นจะเป็นส่วน Game Mode ที่รองรับการปรับแต่งเพื่อการเล่นเกมในรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะครับ ในส่วนนี้นั้นผู้ใช้สามารถที่จะทำการปรับแต่งประสิทธิภาพฮาร์ดแวร์ให้เป็นไปตามเกมที่ต้องการอย่างเช่นหากคุณต้องการเล่นเกม PUBG ในตัวเลือก Game Mode นี้ก็จะมีตัวเลือกเกม PUBG ให้คุณได้ทำการเลือกแล้วตัวเครื่องก็จะปรับฮาร์ดแวร์ให้เหมาะสมที่สุดกับการเล่นเกม PUBG โดยอัตโนมัติครับ
ต่อกันที่ VoiceBoost ส่วนที่จะให้คุณสามารถทำการปรับแต่งเสียงให้เหมาะสมกับการใช้งานซอฟต์แวร์ต่างๆ บนตัวเครื่องได้ตามความต้องการครับ ในส่วนนี้นั้นจริงๆ แล้วดูเหมือนว่าจะคล้ายกับการปรับแต่งบน Nahimic 3 เล็กน้อยทว่าในการปรับแต่งนั้นจะง่ายมากกว่าเพราะเพียงแค่คุณทำการเลือกตัวเลือกซอฟต์แวร์ที่ต้องการตัวโปรแกรมก็จะปรับแต่งการใช้งานเสียงของเครื่องให้กับคุณโดยอัตโนมัติครับ
ส่วนสุดท้ายที่น่าสนใจมากๆ เลยนั้นก็คือการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนครับ โดยการเชื่อมต่อนี้นั้นจะทำให้คุณสามารถที่จะดูสถานะของตัวเครื่องผ่านทางสมาร์ทโฟนได้แบบสบายๆ โดยตัวแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนนั้นก็รองรับทั้งระบบปฎิบัติการ iOS และ Android ทำให้การใช้งานนั้นไม่ต้องกังวลในเรื่องของสมาร์ทโฟนที่คุณใช้อยู่เลยครับ
MSI App Player
ท้ายสุดแล้วครับกับ MSI App Player ซอฟ์ตแวร์พิเศษของทาง MSI ที่จะช่วยให้คุณสามารถที่จะเล่นเกมบนสมาร์ทโฟนได้ดีขึ้นเป็นอย่างมากเพราะมันมาพร้อมกับการจำลองระบบปฎิบัติการ Android ที่ทาง MSI ได้ร่วมพัฒนากับ Bluestacks Systems, Inc. ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถเล่นเกมสมาร์ทโฟนบนโน๊ตบุ๊คของ MSI ได้แถมคุณยังสามารถใช้เมาส์และคีย์บอร์ดรวมไปถึงจอบเกมบังคับเกมนั้นๆ ได้อีก งานนี้นั้นเรียกได้ว่านอกจากจะเอาใจนักเล่นเกมบน PC แล้ว MSI ยังเอาใจนักเล่นเกมบนสมาร์ทโฟนอีกด้วยต่างหากครับ
ที่มา : notebookcheck