จะว่าไปคอเกมในยุคนี้ถือว่าโชคดีมากมาย ที่มีเกมมิ่งเกียร์ให้เลือกช้อปกันสนุกสนาน โดยเฉพาะเกมมิ่งคีย์บอร์ด ที่มีให้เลือกกันตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักหลายพัน และมีทั้งคีย์พื้นฐานราคาประหยัดสำหรับมือใหม่ ส่วนมือหนักหน่อยสายลุยก็มี Mechanical keyboard ไว้ให้เลือก สนนราคาก็ยังไม่แพง เรียกว่ามีเงินพันต้นๆ ก็หาซื้อมาใช้ได้แล้ว ส่วนสนใจเลือกค่ายใดก็ตามสะดวก เช่นเดียวกับเกมมิ่งคีย์บอร์ด Alloy Origins ที่ทีมงานอยากจะนำเสนอให้เป็นทางเลือกจากค่าย HyperX ที่มาพร้อมกับคีย์เฉพาะตัว Red switch ที่ออกแบบเอง ในรูปแบบของ Mechanical keyboard ที่เน้นความสะใจในการคลิ๊ก ให้ความทนทาน และยังมีแสงสีปรับให้สวยงามได้อีกด้วย
HyperX Alloy Origins เกมมิ่งคีย์บอร์ดใหม่ที่ทาง HyperX เป็นผู้ออกแบบคีย์สวิทช์เอง ด้วยการใช้สวิทช์ในแบบ Linear สีแดง หรือ Red Switch ที่ชูประเด็นเน้นความนุ่มนวล ให้การคลิ๊กที่ตอบสนองไว มีความทนทาน โดยสวิทช์ที่ทาง HyperX นำมาใช้ใน Origins นี้ ใช้แรงกด 45g และระยะตอบสนอง ที่ค่อนข้างสั้นเพียง 1.8mm กับอายุการใช้งาน 80 ล้านครั้ง โดยออกแบบให้บอดี้มีความทนทาน เพื่อให้รองรับกับการใช้งานกันแบบโหดๆ กับโครงสร้างอะลูมิเนียม ฐานด้านใต้ปรับได้ 3 ระดับ เผื่อมาสำหรับเกมเมอร์ให้สามารถเลือกได้ตามความถนัด และมาพร้อมกับแสงไฟ RGB ที่สามารถปรับแต่งเองได้ผ่านทางซอฟต์แวร์ HyperX NGENUITY รวมถึงฟีเจอร์ที่สำคัญในการเล่นเกม อาทิ Game Mode, Anti-Ghosting หรือ N-Key Rollover เป็นต้น พร้อมเมมโมรีและสายถักที่ถอดแยกได้ เรียกว่าจัดเต็มเพื่อคอเกมเลยทีเดียว
สามารถดูข้อมูลคีย์บอร์ดเพิ่มเติมได้ที่ HyperX Alloy Origins
Specification
- Cable Type: Detachable, Braided 1.8 m
- Dimensions: W 442.5 x D 132.5 x H 36.39 mm
- Weight (Keyboard and cable): 1075 g
- Switch: HyperX Switch
- Type: Mechanical
- Backlight: RGB (16,777,216 colors)
- Light effects: Per key RGB lighting2 and 5 brightness levels
- On board memory: 3 profiles
- Connection type: USB Type-C to USB Type-A
- Anti-ghosting: 100% anti-ghosting
- Key rollover: N-key mode
- LED indicator: Yes
- Media control: Yes
- Game Mode: Yes
- OS compatibility: Windows® 10, 8.1, 8, 7
- Key Switches: HyperX Red Switch
- Operation Style: Linear
- Actuation Force: 45g
- Key Travel Distance: 1.8 mm
- Total Travel: 3.8 mm
- Life Span (Keystrokes): 80 million
การออกแบบและเทคโนโลยี
หน้ากล่องของคีย์บอร์ดรุ่นนี้ ไม่ต่างไปจากซีรีส์ Alloy หลายๆ รุ่นที่ผ่านมา โดนใส่ภาพกราฟิกของคีย์บอร์ดมาให้อย่างชัดเจน กับแสงสี RGB สุดอลังการ และภาพคีย์สวิทช์ของทาง HyperX โดยรุ่นที่ได้รับมานี้เป็นแบบ Red switch
ด้านหลังเป็นฟีเจอร์สำคัญของ Alloy Origins รุ่นนี้ ไม่ว่าจะเป็น USB Type-C, เฟรมอะลูมิเนียมเกรดเดียวกับเครื่องบิน สวิทช์ที่มีให้เลือก 3 แบบ Red, Green และ Blue รวมถึงฐานที่ปรับได้ 3 ระดับ
อุปกรณ์ภายในกล่อง ประกอบด้วย สายสัญญาณ USB, ตัวคีย์บอร์ด และเอกสารแนำนำสินค้า
สาย USB Type-A ที่ต่อจากพีซี ไปยัง Type-C บนคีย์บอร์ด ใช้งานสะดวกเลยทีเดียว
หน้าตาเต็มๆ ของคีย์บอร์ด Alloy Origins รุ่นนี้ ดูแน่นและเรียบง่าย ไม่ได้ใส่ลูกเล่นหวือหวามาให้ เอาใจคนที่ชอบความกระทัดรัด เพราะวางคีย์มาเต็ม ตัดพื้นที่ด้านข้างออกไป จึงทำให้ขนาดดูเล็กลง
ตัวปุ่มเป็นแบบคีย์ไทยมาให้เลย และเป็นแบบแสงไฟ Backlit ที่ลอดออกมาครบทุกตัวอักษร คือทำคีย์มาเป็นชุดเดียวกัน จึงทำให้ดูพรีเมียมมากยิ่งขึ้น เอาใจชาวเกมเมอร์คนไทยได้ชัดเจน
มุมด้านขวาบน ด้านข้างโลโก้ HyperX จะเป็นไฟสถานะของระบบ เมื่อกดปุ่ม CapLock, NumLock เป็นต้น
คีย์บอร์ดเป็นแบบ Full-size พร้อมกับ Numpad มาในตัว
HyperX ใช้คีย์สวิทช์ของตัวเองในแบบ Red switch สำหรับ Alloy Origins รุ่นนี้ นอกจากนี้ยังมีให้เลือกอีก 2 รูปแบบคือ Green และ Blue เพื่ออารมณ์ในการใช้งานที่ต่างกันออกไป
ปุ่มสำหรับปรับค่าไฟ RGB ในโหมดต่างๆ บนปุ่ม F1, F2 และ F3 โดยผู้ใช้สามารถปรับตั้งค่าไฟ RGB แล้วบันทึกลงเป็นโพรไฟล์ใน 3 ปุ่มนี้ได้เลย ส่วน F6, F7 และ F8 จะเป็นมัลติมีเดียคีย์ รวมถึง F9 – F11 จะ ใช้ในการปรับ Volume สำหรับ F12 จะเป็นปุ่ม Game Mode
ด้านใต้ของคีย์บอร์ดจะมีฟีตมาให้ 4 มุม 4 จุดด้วยกัน เพื่อการยึดเกาะบนพื้นโต๊ะได้ดี แต่อย่างไรก็ตามด้วยน้ำหนักของคีย์บอร์ด ก็พอจะทำให้เลื่อนไปมาได้ยากขึ้น ขณะที่กำลังเล่นเกมอย่างเมามัน
ขาด้านใต้ ปรับความลาดเอียงได้ถึง 3 ระดับด้วยกัน แล้วแต่ความถนัดของผู้ใช้
ไฟที่ลอดออกมาจากด้านใต้ของคีย์บอร์ด ค่อนข้างมองเห็นได้อย่างชัดเจน ซึ่งเป็นสิ่งที่ทาง HyperX ได้มีการปรับปรุงมาบนคีย์บอร์ด Origins รุ่นใหม่นี้
โลโก้ที่ดูเรียบง่ายและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะบนแถบ Spacebar
โลโก้ด้านบน พร้อมกับแถบ Indicator ที่คอยบอกสถานะของคีย์บอร์ด ป้องกันความผิดพลาด
พอร์ตต่อพ่วงแบบ USB Type-C ซึ่งทำให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังสะดวกต่อการพกพา เพราะถอดสายได้ จะย้ายไปเล่นเครื่องอื่น บ้านอื่น หรือที่อื่นก็ยังได้ เพราะมีเมมโมรีในตัว สามารถบันทึกโพรไฟล์ที่เซ็ตเอาไว้ จะเล่นที่ไหนก็ปรับได้เหมือนกัน
หน้าตาและสีสัน เมื่อต่อ Alloy Origins เข้ากับระบบเป็นครั้งแรก ก็จะมีแสงไฟ RGB ในรูปแบบของ Rainbow ปรากฏขึ้นอย่างสวยงาม
สังเกตจากแสงไฟที่ลอดออกมาบนคีย์ จะเห็นได้ว่าชัดเจน ทั้งคีย์ปกติและคีย์ไทย ไม่มีเบลอ
แสงไฟที่สว่างขึ้นจากปุ่มสวิทช์บนคีย์บอร์ด ออกมาแบบชัดเจนมาก สีสันสดใสเลยทีเดียว ไม่ใช่แค่ LED ที่บนปุ่ม ทำให้เห็นตัวอักษรได้ชัดเจน แต่บริเวณโดยรอบคีย์ก็สว่างไปด้วย ดังจะเห็นได้จากภาพด้านล่าง
ใครที่ชื่นชอบสีสันที่สดใส HyperX ที่มาพร้อมกับ Red switch ที่ออกแบบขึ้นมาด้วยตัวเองเป็นรุ่นแรก น่าจะตอบโจทย์ได้ดีทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานหรือการเล่นเกมก็ตาม
เรื่องของสีสันสร้างความประทับใจและสะดุดตา โดยเฉพาะเมื่อใช้งานในห้องที่มืดสลัว ช่วยสร้างบรรยากาศความสนุกเร้าใจได้ไม่น้อย
การปรับแต่งแสงไฟ RGB และปุ่มสำหรับมาโครต่างๆ สามารถทำได้บนซอฟต์แวร์ HyperX NGENUITY ซึ่งจะมีโพรไฟล์แสงในแบบต่างๆ มาให้เลือกอย่างมากมาก อีกทั้งยังปรับเปลี่ยนแสงไฟ ความเร็ว และกำหนดเป็นโซนได้อีกด้วย เรียกว่าปรับกันอย่างสนุกมือเลยทีเดียว
นอกจากนี้ยังสามารถเลือกจัดเก็บเป็น Preset ได้อีก 2 ชุดด้วยกัน แล้วเลือกเปลี่ยนจากปุ่ม fn+F1 หรือ F2 บนคีย์บอร์ดได้ทันที สะดวกมากมาย
การตอบสนองของปุ่ม ถือว่าค่อนข้างกดสั้นและตอบสนองไว ตามสไตล์ของ Red switch เอาใจสาย FPS และการเล่นแนว Racing รวมถึง Sport เช่น FIFA และ NFS เป็นต้น โดยเฉพาะคนที่เล่น Apex, PUBG หรือจะเป็น COD, Battlefield น่าจะชื่นชอบ เพราะการเคลื่อนไหว ค่อนข้างจะแจ้ง กดเป็นมา ไม่ต้องรอจังหวะ พร้อมเสียงคลิ๊กแบบเล็กๆ ที่อาจไม่ได้เยอะเหมือนกับ Blue แต่ก็สนุกได้แบบเต็มที่เช่นกัน
Conclusion
ต้องเรียกว่า HyperX ได้ก้าวผ่านเส้นทางของเกมมิ่งเกียร์มาอีกระดับ กับการส่งคีย์สวิทช์ของตนลงสู่ตลาดให้กับเกมเมอร์ได้สัมผัสกันทั่วโลก กับคีย์บอร์ดรุ่นแรก Alloy Origins ซึ่งมาพร้อม Red switch ที่ตอบโจทย์คอเกมได้เป็นอย่างดี ด้วยคุณสมบัติแบบจัดเต็ม ไม่มีอั้นตามสไตล์ของผู้ใหญ่ใจดี ที่มักจะเพิ่มลูกเล่นและดีไซน์ให้เกมเมอร์ได้ใช้งานกัน ตามที่ได้เห็นบน หูฟัง Cloud ที่ได้รับความนิยมและเกมมิ่งเมาส์ที่เริ่มเข้าที่เข้าทางในตลาด ซึ่งคีย์บอร์ดรุ่นใหม่นี้ ให้อารมณ์ในการเล่นและฟีลลิ่งแทบไม่ต่างจากคีย์สวิทช์ชั้นนำค่ายต่างๆ ทั้งจังหวะการกดและระยะการตอบสนองที่ฉับไว เอาใจสายแอ็คชั่น ที่บางครั้งไม่ชอบการรั้งรอหรือระยะการวางนิ้ว ในช่วงแรกอาจจะมีลั่นไปบ้าง แต่พอได้ปรับความคุ้มชินไปสักระยะ ก็จะคล่องตัวไปเอง สำหรับคนที่เคยใช้ Blue switch ก็อาจจะต้องปรับตัวเล็กน้อย เรื่องของเสียงก็สำคัญ อาจจะไม่ค่อยลั่นเหมือนกับที่เคยใช้ แต่ด้วยเสียงที่มีความนุ่ม ก็น่าจะเปลี่ยนใจใครหลายคนให้ชื่นชอบได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน ส่วนตัวเองรู้สึกสบายใจและไม่ต้องเกรงใจเวลาที่เล่น ว่าจะไปรบกวนคนอื่นๆ ที่อยู่ใกล้ๆ นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่นสำคัญสำหรับคอเกมมาครบ ไม่ว่าจะเป็น Game Mode, 100 % Anti ghosting and Full N Key Rollover
แต่ที่น่าจะยกให้เป็นไฮไลต์ก็คือ ความสะดวกคล่องตัว ว่ากันตั้งแต่น้ำหนักและบอดี้ ที่ดูกระทัดรัด จัดวางบนโต๊ะได้แบบไม่เสียพื้นที่จัดวางอย่างอื่นมากนัก และที่สำคัญน้ำหนักพอดี เล่นไปเพลินๆ ไม่มีเลื่อนไปมาให้เสียอารมณ์ ปรับระดับตามความถนัดของข้อมือได้อีกด้วย 3 สเตปเลือกได้ตามชอบ รวมถึงเรื่องของแสงสี ที่มีซอฟต์แวร์ให้ปรับ NGENUITY ในเวอร์ชั่นล่าสุด ดูจะเป็นศูนย์กลางในการเชื่อมต่อและปรับแต่งได้เป็นอย่างดี รูปแบบการใช้งานสวยงาม ตอบสนองได้แบบเรียลไทม์ แต่อินเทอร์เฟสอาจจะต้องทำความเข้าใจเล็กน้อยในการทำงาน ใครที่ไม่คุ้นเคยซอฟต์แวร์ประเภทนี้ ก็ต้องเพิ่มเวลาในการใช้งาน อย่างไรก็ดีสิ่งที่คือสิ่งที่เติมเต็มทำให้การใช้งานบนเกมมิ่งเกียร์ของ HyperX สมบูรณ์มากยิ่งขึ้นนั่นเอง ด้วยสนนราคาเพียง 3,990 บาท ดูไม่สูงเกินไปนัก สำหรับคีย์บอร์ดรุ่นนี้ เมื่อเทียบกับคู่แข่งรายอื่นๆ ที่แม้จะมีส่วนของปุ่มคีย์ มาโคร และลูกเล่นมากขึ้น แต่ก็อัพราคาขึ้นไปไม่น้อย ซึ่งถ้าสิ่งเหล่านั้นดูเยอะไป และคุณยังคงต้องการคีย์บอร์ดสไตล์ดิบเล็กๆ ไม่เน้นดีไซน์หรู แต่ใช้แล้วเข้ามือ เน้นฟังก์ชั่นเฉพาะเล่นเกมจริงจัง Alloy Origins ก็น่าจะเป็นอีกตัวเลือกหนึ่ง ที่ตอบความต้องการของคุณได้ไม่มากก็น้อย
จุดเด่น
- จังหวะการคลิ๊กเบาและสั้น ตอบสนองไว
- มาพร้อมไฟ RGB ปรับแต่งผ่านซอฟต์แวร์ได้
- บอดี้หนักแน่น ไม่ต้องกังวลจะเลื่อนไปมาขณะเล่น
- ฟีเจอร์ด้านการเล่นเกมจัดมาครบ
ข้อสังเกต
- เสียงคลิ๊กอาจไม่สะใจสายแอ็คชั่นที่เน้นความลั่น
ราคา: ประมาณ 3,990 บาท
ติดต่อ: ComputeandMore, Mercular, Gump.in.th