HP Pavilion x360 14 ปี 2019 นั้นถือเป็น 2-in-1 Notebook ที่ได้ความบางเบาหรูหรา ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ล่าสุดได้สเปก Core i Gen 10 ในราคาคุ้มค่าเหมือนเดิม มาพร้อมดีไซน์ใหม่ที่สวยงามลงตัว อีกทั้งยังแถมปากกา Stylus ใช้วาดรูปมาให้ในกล่องอีกด้วย ซึ่งบอกเลยว่าเป็น 2-in-1 Notebook ที่คาดว่าจะขายดีเช่นเดิม จากดีไซน์ที่สวยงามหรูหรา พกพาสะดวก พร้อมสเปกและฟีเจอร์ที่เกินราคา ในราคาเริ่มต้นเพียง 27,990 บาท สำหรับชิปประมวลผล Intel Core i5-10210U + NVIDIA GeForce MX130 + RAM 8GB + SSD 512GB
ซึ่งอีกราคา 29,990 บาท จะได้สเปกจะเป็น Intel Core i7-10510U + NVIDIA GeForce MX250 + RAM 8GB + SSD 512GB ที่ในส่วนชิปประมวลผลทั้ง i5 / i7 นี้เป็นสถาปัตยกรรม Comet Lake ใหม่ล่าสุดที่การผลิต 14 นาโนเมตร การ์ดจอแยกได้เป็น MX130 / MX250 ควบคู่กับแรมขนาด 8 GB และ SSD M.2 NVMe ความจุ 512 GB ส่วนหน้าจอเป็นแบบจอกระจกสัมผัส 14″ รองรับสัมผัสมัลติทัชและปากกา Stylus รองรับแรงกดได้หลายระดับ พาเนลจอเป็น IPS ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล พร้อมกับ Windows 10 ประกัน 2 ปี On-Site
VDO Review
Specification
สเปกของ HP Pavilion x360 14 สเปก Core i Gen 10 แบ่งด้วยกันเป็น 2 รุ่นหลักๆ ก็คือ HP Pavilion x360 14-dh0017tx ราคา 29,990 บาท ใช้ชิปประมวลผลเป็น Intel Core i7-10510U (Comet Lake) ที่เป็นการทำงานแบบ 4 Core 8 Thread ความเร็ว 1.8GHz (เร่งไปได้สูงสุดที่ 4.9GHz) เทคโนโลยีการผลิตที่ 14 นาโนเมตร มีค่า TDP ที่ 25Watt ส่วนกราฟิกภายในชิปเป็น Intel HD Graphics 620 ได้การ์ดจอแยกเป็น NVIDIA GeForce MX250 ด้านแรมก็ติดตั้งมาให้ขนาด 8GB DDR4 และฮาร์ดดิสก์แบบ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ที่ทั้งมีพื้นที่เยอะและลื่นไหล
และในส่วนของสเปก HP Pavilion x360 14-dh1015tx ราคา 27,990 บาท จะเป็นการใช้ชิปประมวลผลเป็น Intel Core i5-10210U (Comet Lake) ที่เป็นการทำงานแบบ 4 Core 8 Thread ความเร็ว 1.6GHz (เร่งไปได้สูงสุดที่ 4.2GHz) เทคโนโลยีการผลิตที่ 14 นาโนเมตร มีค่า TDP ที่ 25Watt ส่วนกราฟิกภายในชิปเป็น Intel HD Graphics 620 พร้อมการ์ดจอแยก NVIDIA GeForce MX130 ด้านสเปกอื่นๆ เหมือนกันรุ่น Core i7 คือได้แรมติดตั้งมาขนาด 8GB DDR4 และฮาร์ดดิสก์แบบ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ที่เพียงพอกับการใช้งาน
ทางด้านพอร์ตที่ติดตั้งมีมาให้จะใช้ถือว่าครบครันเลยทีเดียวไม่ว่าจะเป็น USB 3.1 Type-A จำนวน 2 ช่อง, USB 3.1 Type-C จำนวน 1 ช่อง, SD Card Reader, HDMI สำหรับต่อหน้าจอเสริม และรูหูฟังกับไมค์แบบคอมโบ ซึ่งแน่นอนว่ารองรับการเชื่อมต่อไร้สายด้วย Wi-Fi 802.11a/b/g/n/ac (1×1) กับ Bluetooth 4.2 และมีน้ำหนักอยู่ที่ 1.58 กิโลกรัม พร้อมการรับประกัน 2 ปีแบบ On-site Service ตามมาตรฐานของ HP ที่ทุกคนไว้ใจได้
- Core i5-10210U / MX 130 / RAM 8GB / SSD 512GB / Windows 10 ราคา 27,990 บาท
- Core i7-10510U / MX 250 / RAM 8GB / SSD 512GB / Windows 10 ราคา 29,990 บาท
Hardware / Design
HP Pavilion x360 14 สเปก Core i Gen 10 ปี 2019 เป็น 2-in-1 Notebook บางเบาหน้าจอ 14 ปรับได้หลากหลายโหมด โดยเลือกใช้เป็นพาเนล IPS คุณภาพดี ที่มาพร้อมกับความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล รองรับมัลติทัชกรีน และปากกา HP Active Pen รองรับแรงกดได้หลายระดับ ทำให้ใช้งานกับระบบปฏิบัติการ Windows 10 ได้อย่างเต็มรูปแบบ พร้อมการขีดเขียนที่สมจริง ด้วยน้ำหนักตัวเครื่องเพียง 1.58 กิโลกรัม และบางเพียง 20 มิลลิเมตร ทำให้การพกพาทำได้โดยง่าย
HP Pavilion x360 14 มาพร้อมกับดีไซน์การออกแบบใหม่ ขอบจอบางเฉียบ ซึ่งจัดได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คยุคปัจจุบันที่มาพร้อมสีสันที่สวยงามลงตัวอย่าง Mineral Silver โดยฝาหลังจะเป็นเทาเข้มส่วนตัวเครื่องภายในจะเป็นเงินที่สว่างกว่า เชื่อได้ว่ายังโดนใจวัยรุ่นเพราะมีความโดดเด่นสะดุดตาเป็นพิเศษ มีหน้าตาออกไปทางเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยความหรูหราด้วยการเล่นกับการออกแบบที่มีความโค้งเว้ามีมิติในหลายๆ ส่วน
วัสดุที่ HP Pavilion x360 14 เลือกใช้ในบริเวณฝาหลังของเครื่องจะเป็นพลาสติกเกรดสูงตัดด้วยโลโก้ของ HP ที่เป็นสีเงินเงางามบริเวณกลางฝาหลัง ส่วนด้านในเครื่องบริเวณหน้าจอเป็นกระจกทั้งบาน เล่นสีขอบจอด้านในเป็นสีดำพร้อมด้วยยางรองขอบรอบตัวจอ สำหรับตัวเครื่องด้านในบริเวณรอบๆ แป้นพิมพ์ ที่พักมือ ใช้วัสดุพลาสติกเกรดสูงเช่นกัน ที่สำคัญยังได้ลำโพง Bang & Olufsen ที่เสียงดีกว่าลำโพงทั่วไปอีกด้วย และขาดไม่ได้เลยสำหรับสแกนลายนิ้วมือ Fingerprint ผ่านทาง Windows Hello
นอกเหนือจากนี้ปุ่ม Power (Wake Up / Sleep) ยังได้ถูกออกแบบเอาไว้ขอบจอด้านนอกรวมไปถึงปุ่มปรับระดับเสียงด้วย ซึ่งดูแล้วอาจจะไม่คุ้นตาเหมือนกับโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ แต่เมื่อใช้งานจริงแล้วพบว่าสามารถใช้งานได้คล่องตัวและสะดวกมากๆ จากการที่มันเป็น 2-in-1 Notebook พับได้ 360 องศา เพื่อรองรับการทำงานหลากหลายโหมดนั่นเอง
ด้านล่างตัวเครื่องของ HP Pavilion x360 14 สเปก Core i Gen 10 ปี 2019 จะเห็นว่ายางรองตัวเครื่องขนาดใหญ่ 4 จุด วางไว้เป็นลักษณะตัว X เพื่อยกตัวเครื่องให้สูงขึ้นและเวลาใช้งานจะแน่นหนากับพื้นที่วาง พร้อมช่องดูดลมเย็นขนาดใหญ่ อาศัยระบบระบายความร้อนด้วยพัดลมเพียงตัวเดียวก็เอาอยู่แบบสบายๆ สำหรับส่วนของน็อตก็เป็นแบบพิเศษ แน่นอนว่าตรงนี้จะมีโลโก้ Windows 10 นอกจากนี้ตรงส่วนขอบด้านหน้าที่ใช้ยกฝาจอเพื่อเปิดเครื่องใช้งานก็จะมีการทำเป็นเว้าร่องลงไปเพื่อช่วยในการเปิดเครื่องที่ง่ายขึ้น
ส่วนระบบระบายความร้อนก็ได้ติดตั้งอยู่ใต้หน้าจอ ทำให้หมดกังวลเรื่องปัญหาที่จะทำให้ร้อนมืออย่างรุ่นก่อนๆ โดยบานพับเป็นแบบแกนขนาดใหญ่ 2 แกนสีเงินแบบพิเศษที่แลดูแข็งแรงทนทานเข้ากับเครื่อง รองรับการพับ 2 ขั้นเพื่อใช้งานแบบ 360 องศา รวมๆ HP Pavilion x360 14 ถือว่าเป็น 2-in-1 Notebook ที่ออกแบบมาได้เรียบง่ายแต่ดูดีเกินราคาไปมากจริงๆ เรียกได้ว่าสาวๆ หรือหนุ่มๆ หลายคนเห็นแล้วคงชอบ
Keyboard / Touchpad
ชุดคีย์บอร์ดของ HP Pavilion x360 14 นั้นตัวปุ่มเป็นพลาสติกสีขาวเงินเข้ากับตัวเครื่อง โดยสกรีนตัวอักษรเป็นเทา อีกทั้งได้รับการปรับดีไซน์ใหม่แบบ Island Style ทำให้สามารถพิมพ์ได้ง่ายขึ้น แต่สำหรับคนที่นิ้วเล็กนิ้วใหญ่สามารถใช้งานได้สะดวกทั้งหมด อีกทั้งให้สัมผัสและการเด้งตอบสนองได้ดีในระดับหนึ่ง โดยขนาดของคีย์บอร์ดเป็นไซต์แบบปกติของโน๊ตบุ๊คจอ 14″ ซึ่งจะไม่มีแป้นในส่วนของ Numpad มาให้ ส่วนปุ่มเปิดเครื่องจะไปอยู่ที่ขอบตัวเครื่องด้านซ้าย ซึ่งข้อดีก็คือไม่ว่าใช้งานโหมดไหนก็กดได้สะดวก
ทางด้านทัชแพดมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่และยาวเมื่อเทียบกับขนาดตัวเครื่อง ลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าโดยตัวขอบมีสีเงินมันวาวเพิ่มความโดดเด่น ปุ่มคลิกซ้ายขวาเป็นแบบซ่อนปุ่ม การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ กดไม่มียวบยาบ งานประกอบดี ตัวซอฟต์แวร์ควบคุมก็ช่วยจัดการได้ดี ใช้งานมัลติทัชได้ลื่นไหล อีกทั้งมีฟีเจอร์อย่างสแกนลายนิ้วมือ Fingerprint ติดตั้งไว้มุมขวาล่างของคีย์บอร์ดไว้ให้ใช้งานกับ Windows Hello เพื่อที่จะเข้าใช้งานตัวเครื่องเพื่อความปลอดภัยแบบไม่ต้องใส่รหัสไปมาทุกครั้งอีกด้วย ส่วนการใช้งานก็ตอบสนองได้รวดเร็วไม่แพ้มือถือในปัจจุบันเลยล่ะ
Screen / Speaker
จอภาพ HP Pavilion x360 14 ปี 2019 ถือเป็นอีกจุดเด่นก็ว่าได้ด้วยจอภาพขนาด 14″ ที่มีขอบบางมากถึง 3 ด้านด้วยกัน ซึ่งเป็นแบบจอกระจกสีสันสดใสกว่าจอแบบด้าน แต่ก็อาจจะมีการสะท้อนภาพบ้างเวลาใช้งานกลางแจ้งหรือที่มีแสงจัดๆ โดยตัวจอรองรับการทัชสกรีนจำนวน 10 จุด ทั้งการใช้งานทั้งนิ้วมือแบบมัลติทัชและปากกา HP Active Pen ไม่แค่นั้นตัวเรื่องยังสามารถรองรับแรงกดได้หลายระดับ อีกทั้งยังสามารถพับปรับจอได้ 360 องศาอีกด้วย ตัวจอเป็นพาเนล IPS ทำให้สีสันคมชัดสมจริงไม่ว่ามองมุมไหน ความละเอียด 1920 x 1080 (Full HD) ซึ่งถือได้ว่าคมชัดเป็นอย่างมาก ที่เว็บแคมและไมโครโฟนยังติดตั้งขอบด้านบนปกติ
ทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ HP Pavilion x360 14 ที่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใช้หน้าจอพาเนล IPS คุณภาพดี แต่ดีแค่ไหนต้องทดสอบหน้าจอแบบละเอียดๆ ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite พร้อมทั้งคาลิเบรตหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด นอกจากนี้เรายังทำการ Display Analysis ดูประสิทธิภาพการแสดงผลแบบละเอียด อย่างที่ดูด้วยตาเปล่าไม่สามารถบอกได้ จึงต้องใช้เครื่องมือช่วย
โดยขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 62% และ AdobeRGB ที่ 46% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันแค่ระดับกลางๆ ค่อนไปทางบน เมื่อเทียบกับพาเนล IPS รุ่นอื่นๆ ที่ได้สูงกว่านี้ มีความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 250 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานความสว่างที่ดี ของหน้าจอในโน๊ตบุ๊คราคาระดับนี้ คือรองรับการใช้งานที่กลางแจ้งได้สบายๆ อย่างไรก็ตามถ้าจะเอาไปทำภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นสีตรงกับอุปกรณ์เกี่ยวพ่วงก็ควรคาลิเบรตเสียก่อน
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางด้านขวาที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ไม่มีผิดเพี้ยน แต่สำหรับช่องมุมซ้ายด้านล่างจะมีแสงสว่างที่ลดลงไปถึงระดับ 20% ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนน 3.0
ระบบเสียง HP Pavilion x360 14 เลือกใช้ของ B&O พร้อมฟีเจอร์ HP Audio Boostช่วยปรับแต่ง ซึ่งวางส่วนของลำโพงไว้ด้านบนตัวเครื่องเหนือคีย์บอร์ด จำนวน 2 ตัว แบบสเตอริโอ ทำให้เสียงที่ออกมากระจายกว้างไม่มีอะไรปิดกั้น ซึ่งให้เสียงที่ดีและดังพอสมควร จนไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องใช้งานในที่เสียงดัง สามารถตอบสนองเรื่องความบันเทิง การฟังเพลงสำหรับคนที่ชอบทำงานได้โอเคเลย ถึงแม้ว่าอาจจะไม่ได้มีเสียงเบสมาก และเสียงจะค่อนไปทางเสียงกลาง เสียงแหลมมากกว่าก็ตาม แต่ก็จัดว่าดีกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปแบบรู้สึกได้
Connector / Thin And Weight
พอร์ตการเชื่อมต่อตัวเครื่อง HP Pavilion x360 14 ปี 2019 นี้จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่มีความครบครับอย่างมากเมื่อเทียบกับขนาดตัวเครื่อง แม้ว่าจะเป็นเครื่องที่มีการออกแบบมาให้เป็นเครื่องที่มีขนาดความบางและน้ำหนักเบาแต่เรื่องพอร์ตการเชื่อมต่อต่างๆ นั้น ก็มีมาให้มากพอทีเดียวไม่ว่าจะเป็น USB 3.1 Type-A จำนวน 2 พอร์ต, USB 3.1 Type-C อีก 1 พอร์ต, HDMI SD Card Reader และช่องต่อหูฟังกับไมค์ขนาดแบบคอมโบขนาดมาตรฐาน 3.5 มิลลิเมตร เพียงพอต่อการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ในยุคปัจจุบัน
ขนาดของตัวเครื่องและสายชาร์จ เมื่อเทียบกับขนาดของ 2-in-1 Notebook หน้าจอ 14″ รุ่นก่อนๆ ถือได้ว่ามีมิติที่เล็กพอสมควร ขนาด 32.4 x 22.29 x 2.05 เซนติเมตร ส่วนน้ำหนักตัวเครื่องเปล่านั้น อยู่ที่ 1.58 กิโลกรัม และเมื่อรวมกับตัวอแด็ปเตอร์เข้าไปด้วย ก็จะมีน้ำหนักราวๆ 1.9 กิโลกรัมเท่านั้น ก็จัดว่ามีน้ำหนักเบามาก ซึ่งแน่นอนว่าตอบสนองในเรื่องของการพกพาไปนอกสถานที่ได้อย่างเต็มรูปแบบ สมกับเป็น 2-in-1 Notebook ในยุคปัจจุบันเลยทีเดียว
Using Experience
อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่า HP Pavilion x360 14 ปี 2019 ตอบสนองได้อย่างหลากหลายจากการที่เป็น 2-in-1 Notebook ที่ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี ด้วยการพับใช้งานถึง 4 รูปแบบด้วยกันไม่ว่าจะเป็น Notebook / Stand / Tent / Tablet ที่ทีมงานของเรานั้นนำไปใช้งานอะไรบ้าง และรูปลักษณ์เมื่อเปลี่ยนไปใช้โหมดต่างๆ นั้น จะมีลักษณะเป็นอย่างไร
Notebook Mode เป็นรูปแบบธรรมดาทั่วไปเหมือนกับโน๊ตบุ๊คปกติ เน้นสำหรับการใช้งานทั่วไป เล่นอินเตอร์เน็ต รวมไปถึงงานเอกสารต่างๆ ที่จำเป็นต้องใช้คีย์บอร์ดและทัชแพดในการควบคุมเหมือนโน๊ตบุ๊คปกติ
Stand Mode เน้นใช้งานที่ระบบจอสัมผัสของตัวเครื่องอย่างเดียวและวางไว้บนพื้นที่ราบ โดยรูปแบบการใช้งานนี้จะเน้นไปทางการใช้งานแอพพลิเคชั่นของ Windows เอง หรือเน้นไปทางการดู YouTube หรือชมภาพยนตร์เป็นหลัก พร้อมรองรับการทำงานแบบมัลติทัชได้พร้อมกันมากสุดที่ 10 จุดพร้อมกัน
Tent Mode ค่อนข้างจะคล้ายกับ Stand Mode ก่อนหน้านี้ แต่จะอยู่ในรูปทรงตั้งเครื่องเอาไว้เป็นลักษณะสามเหลี่ยม ใช้ในการวิวดูข้อมูลการแสดงผลหน้าจอเป็นหลัก อีกทั้งยังสามารถจับพาดหรือเกาะกับสิ่งของรอบๆ ได้
Tablet Mode ด้วยการพับหน้าจอกลับแบบ 360 องศา จนฝาหลังและฐานใต้เครื่องมาติดกัน เราก็จะได้แท็บเล็ตที่มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows ซึ่งเรามีความคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เหมาะสำหรับการเอาไว้เล่นเกมหรือดู E-Book อย่างที่แท็บเล็ตอื่นๆ ทั่วไปในตลาดสามารถทำได้
อย่างไรก็ตามสำหรับ HP Pavilion x360 14 ปี 2019 ก็ต้องบอกว่าวางใจได้เลยเรื่องความทนทาน เพราะมีการออกแบบบานพับที่สามารถเปิดปิดหรือปรับระดับได้อย่างลื่นไหลได้เหมือนใหม่ทุกครั้ง แข็งแรงสามารถหมุนเปิดปิดได้เป็นพันๆ หมื่นๆ ครั้ง อย่างไม่มีปัญหาแน่นอน
สำหรับปากกาสไตลัส HP Active Pen ทาง HP ได้ร่วมกับ Wacom ในการผลิต โดยตัวสไตลัสจะมีความสามารถเหมือนกันกับสไตลัสของ Surface ทุกอย่าง เช่นจะมาพร้อมกับความสามารถในการใช้งานแบบ N-Trig, มีปุ่มบนตัวสไตลัสจำนวน 2 ปุ่มทางด้านข้างและทางด้านบน (ซึ่งปุ่มทางด้านบนจะเอาไว้ใช้สำหรับการรันโปรแกรม OneNote)
และที่สำคัญสไตลัสนี้ยังรองรับระดับแรงกดได้มากถึง 2,048 ระดับเลยทีเดียวอันนี้การันตีได้จากผู้ใช้งานนักวาดการ์ตูนหลายคนทีเดียว หรือจะใช้ไว้จดงานเขียนหนังสือก็สามารถทำได้สบายๆ ส่วนท้ายด้ามของ HP Active Pen ก็ใช้งานเป็นยางลบเสมือนจริงได้อีกด้วย เรียกได้ว่าจะลืมการใช้กระดาษแบบเดิมๆ ไปเลย
ซึ่งบอกได้เลยว่าสำหรับใครที่กำลังมองหาโน๊ตบุ๊คบางเบาซักตัวที่พกพาสะดวกในราคาไม่แพง และมีความสามารถครบครันทั้งในเรื่องของการทำงานทั่วไปหรือแท็บเล็ตที่ทำงานร่วมกับโปรแกรมบนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ส่วนสเปคก็ถือว่าดีมากๆ ได้ SSD M.2 NVMe แรงๆ การทำงานไม่ว่าจะเป็นในเรื่องงานเอกสาร เล่นอินเตอร์เน็ต ชมภาพยนตร์ ฟังเพลง หรือเล่นเกมเล็กๆ น้อยๆ HP Pavilion x360 14 ปี 2019 ก็สามารถทำได้ดีและเป็นหนึ่งใน 2-in-1 Notebook ที่เป็นตัวเลือกน่าซื้ออันดับต้นๆ เลยทีเดียว
Performance / Software
HP Pavilion x360 14 ปี 2019 ที่ได้รับมารีวิวเป็นสเปกขายจริง ได้ชิปประมวลผลรุ่นล่าสุดระดับสูงอย่าง Intel Core i7-10510U สถาปัตยกรรม Comet Lakeใหม่ล่าสุด ทำงานแบบ 4 Core / 8 Thread ความเร็ว 1.80 – 4.90 GHz เทคโนโลยีการผลิตที่ 14 นาโนเมตร มีค่า TDP ที่ 10 – 15 – 25Watt ที่เน้นความแรงกว่า Ice Lake 10 นาโนเมตร รองรับการใช้งานทั่วไปได้สบายๆ ส่วนแรมก็ให้มาเป็นแบบ 8 GB DDR4 Bus 2400 MHz ที่เพียงพอต่อการใช้งานทันที อีกทั้งได้ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ที่ได้ทั้งขนาดที่ใหญ่ใส่ไฟล์ได้เยอะ
โดยมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home Single Language มาตั้งแต่แกะกล่อง ดังนั้นจึงไม่ต้องห่วงเรื่องลิขสิทธิ์ Windows เลยครับ ส่วนถ้าต้องการเคลียร์เครื่อง ก็สามารถใช้งานฟังก์ชัน Reset this PC ที่อยู่ใน Settings ของ Windows 10 ได้เลยโดยไม่ต้องฟอร์แมต SSD เพื่อลง Windows ใหม่
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel UHD Graphics 620 ไม่ต่างจาก Core i Gen 8 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่ก็รองรับการทำงานกับหน้าจอความละเอียดสูงได้แบบไม่มีปัญหา และนอกจากนี้ยังมาพร้อมกับการ์ดจอน้องเล็กรุ่นล่าสุดอย่าง NVIDIA GeForce MX250 (2GB GDDR5) ที่ประสิทธิภาพที่เรียกได้ว่าใกล้เคียงกับ GTX 950m แต่ก็พอเล่นเกมออนไลน์ได้บ้าง ซึ่งเดี๋ยวไปดูผลทดสอบกันอีกที
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลที่เป็นรหัส U รุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ ไม่น่าเป็นห่วงนัก
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 512GB แบบ M.2 NVMe ระดับกลางๆ แน่นอนว่าเร็วกว่า SSD M.2 SATA 3 แบบทั่วไป ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 3179 MB/s และเขียนที่ 1817 MB/s เป็นระดับความเร็วในการเขียนอ่านทำงานโดยรวมที่น่าประทับใจ จัดว่าเป็น SSD M.2 NVMe ระดับบน แรงเกินราคาค่าตัวจริงๆ
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 3,372 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ จากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คใช้ชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 มีการ์ดจอแยกเป็น NVIDIA GeForce MX250 ทำให้มีคะแนนพุ่งกว่าโน๊ตบุ๊คในสเปกใกล้เคียงกันที่ไม่มีการ์ดจอแยกนั่นเอง
ทดสอบเกมสำหรับ HP Pavilion x360 14 ปี 2019 คะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 3 เกมออนไลน์ เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยค่อนข้างลื่นไหล น่าประทับใจทีเดียว เมื่อเทียบกับโน๊ตบุ๊คที่ไม่ได้เน้นเล่นเกมมาก ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-10510U ที่สามารถรีดพลัง NVIDIA GeForce MX250 ประกอบกับยังใช้แรม 8GB DDR4 รวมไปถึง SSD ก็ส่งผลช่วยด้วย
สำหรับเกมออนไลน์อย่าง DOTA 2 ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมด ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่เฉลี่ยที่ 46 แต่ฉากตะลุมบอนกันก็เฟรมเรทลดลงไปที่ 14 (อยากลื่นกว่านี้ก็ปรับกลางๆ ได้) ในส่วนของเกมอื่นๆ อย่าง Overwatch / PUBG ที่ปรับ Low ทดสอบแล้วจะมีเฟรมเรทตกต่ำกว่า 60 / 30 ซึ่งร่วงหนักสุดจะอยู่ที่ 38/9 กันเลยทีเดียว นั่นก็เป็นเพราะเป็นเกมออนไลน์ที่กินทรัพยากรพอตัวเหมือนกัน จากการที่เครื่องมีอุณหภูมิสูงเกินปกติเวลาใช้งานหนักๆ ตัวชิปประมวลผลก็จะลดความเร็วลงมาเพื่อความปลอดภัยนั่นเอง
อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจของ HP Pavilion x360 14 ปี 2019 รวมไปถึงโน๊ตบุ๊ค HP ทุกรุ่น ก็คือมาพร้อมซอฟต์แวร์บันเดิลอย่าง HP Support Assistant โดยเป็นโปรแกรมซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้เราดูแลคอมพิวเตอร์ได้อย่างเหมาะสม ป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น และช่วยแก้ปัญหาได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว โปรแกรมนี้ยังระบุข้อมูลที่สำคัญสำหรับแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งนั่นหมายรวมไปถึงการอัพเดทไดร์เวอร์ต่างๆ และ Windows ด้วย จัดได้ว่าดีและใช้งานได้จริง
อีกทั้ง HP Pavilion x360 14ยังมีเทคโนโลยี HP CoolSense เป็นคุณสมบัติที่รวมเอา ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และการออกแบบกลไกเพื่อช่วยในการจัดการอุณหภูมิของโน๊ตบุ๊ค และช่วยให้เราเกิดรู้สึกสบายขณะใช้ โดยใช้เซ็นเซอร์การเคลื่อนที่ในโน๊ตบุ๊คเพื่อตรวจจับว่ากำลังใช้งานแบบตั้งอยู่กับที่หรือแบบเคลื่อนที่ และจะทำการปรับเปลี่ยนประสิทธิภาพของคอมพิวเตอร์และความเร็วของพัดลมเพื่อช่วยให้เย็นอยู่ตลอดเวลาโดยอัตโนมัตินั่นเอง
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ของ HP Pavilion x360 14 ปี 2019 เป็นแบบฝังไว้ในเครื่องเหมือนกับโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นในปัจจุบัน ตัวแบตเตอรี่จากการทดสอบด้วยการเปิด Wi-Fi และปรับเป็น Power Saver Mode ทำงานต่อเนื่องยาวนานได้ราวๆ 4:20 ชั่วโมงต่อเนื่องในการใช้งานอย่างการดูภาพยนตร์และเล่นอินเตอร์เน็ต คาดว่าจะทำได้นานยิ่งกว่านั้นปรับเปลี่ยนตามการใช้งานของแต่ละคน ดูแล้วอาจให้ระยะเวลาการทำงานที่ค่อนข้างสั้นกว่าเครื่องอื่นเล็กน้อย ส่วนช่องระบายความร้อนจะอยู่ด้านบนบริเวณข้อพับจอ โดยออกแบบให้ซ่อนตัวเอาไว้ด้านหลังติดกับกรอบอะลูมิเนียมของจอ ถึงพับจอก็ไม่เห็นช่องระบายความร้อนเลย
อุณหภูมิปกติของชิปประมวลผลจะอยู่ที่ 40 – 50 – 60 องศาเซลเซียส แต่พอรีดประสิทธิภาพเต็มที่จะเห็นว่าเครื่องจะร้อนที่สุดที่ 98 องศาเซลเซียส ส่วนการ์ดจอร้อนสุดจะอยู่ที่ 66 องศาเซลเซียส ถือว่าทำได้ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนๆ แต่ด้วยการที่ระบบระบายความร้อนของ HP Pavilion x360 14 ปี 2019 ไม่ได้ออกแบบมาให้ทำงานหนักๆ ตลอดเวลา เหมือน Gaming Notebook เครื่องอื่นๆ ซึ่งจากการทดสอบเป็นการนำไปเล่นเกมหลายชั่วโมง อย่างไรก็ตามตัวเครื่องไม่ได้เกิดอาการค้าง หน่วง หรือมีปัญหาแต่อย่างใด เว้นแต่กรณีเล่นเกมจะมีเฟรมเรทล่วงไปบ้าง แม้ว่าชิปประมวลผล Intel และ NVDIA รุ่นล่าสุดจะแรงขึ้น เรียกได้ว่าชุดระบายความร้อนของ HP สามารถจัดการได้ดีเวลาใช้งานหนักๆ
Conclusion / Award
สรุปรีวิวได้ว่า HP Pavilion x360 14 สเปก Core i Gen 10 เป็น 2-in-1 Notebook สายคุ้มค่าได้ดีไซน์สวยงามหน้าจอขนาด 14″ พาเนล IPS ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล โดยสเปกชิปประมวลผลรุ่นใหม่ล่าสุด Intel Core i5-10210U / Core i7-10510U สถาปัตยกรรม Comet Lake ที่เน้นเรื่องของประสิทธิภาพความแรงที่มากกว่า Ice Lake ซึ่งเป็น Gen 10 ด้วยกัน โดยทำงานแบบ 4 Core / 8 Thread เทคโนโลยีการผลิตที่ 14 นาโนเมตร มีค่า TDP ที่ 25Watt
โดยมีการ์ดจอบนชิปเป็น Intel UHD Graphics UHD620 เดิมๆ ผสานการทำงานร่วมกับการ์ดจอแยก MX130 / MX250 ที่รองรับการใช้งานทั่วไปหรือต่อจอความละเอียดสูงได้สบายๆ ส่วนใส่ฮาร์ดดิสก์ให้มาแบบ SSD M.2 NVMe ที่ 512GB ความเร็วสูงจัด พร้อมแรมขนาด 8GB DDR4 Bus 2400MHz ในราคาเพียง 27,990 บาท และ 29,990 บาท ที่น่าว่าเป็นราคาที่เหมาะสม
HP Pavilion x360 14 ให้ประสิทธิภาพการทำงานที่พอใช้งานทั่วๆ ไป อย่างพิมพ์งานเอกสารหรือเล่นอินเตอร์เน็ต รวมไปถึงความบันเทิงอย่างดูหนังฟังเพลง Steaming กับความบางและน้ำหนักที่เหมาะแก่การพกพาไปใช้งานนอกสถานที่มากๆ ที่ต้องขอบอกว่าคุ้มค่ามากๆ เหมาะมากๆ สำหรับคนที่ต้องการมองหา 2-in-1 Notebook รุ่นใหม่ล่าสุด ราคาไม่แพงบางๆ เบาๆ ไว้ใช้งานนอกบ้าน ด้วยน้ำหนักเพียง 1.58 กิโลกรัม และบางเพียง 20 มิลลิเมตร
รวมถึงหน้าจอก็เป็นพาเนล IPS คุณภาพดี มีความละเอียด Full HD ที่แสดงผลได้อย่างลื่นไหล ที่สำคัญเป็นระบบสัมผัสที่รองรับการใช้งานมัลติทัชแถมลื่นเสมือนใช้สมาร์ทโฟนและยังรองรับการใช้ปากกา Stylus อย่าง HP Active Pen ที่ใช้สำหรับงานวาดรูป รองรับแรงกดได้หลายระดับเสมือนวาดบนกระดาษเลยจริงๆ เลยทีเดียว
HP Pavilion x360 14 น่าจะตอบโจทย์ความต้องการได้เป็นอย่างดีทีเดียวกับโน้ตบุ๊ตที่เน้นใช้งานหลากลาย ให้ความสดใหม่แบบสุดๆ ส่วนถ้าใครเน้นเล่นเกมจริงๆ แนะนำว่าเพิ่มงบประมาณในการซื้อไปเอา HP Pavilion Gaming 15 จะดีกว่า ส่วนข้อสังเกตต้องบอกว่ามีเพียงหน้าจอเป็นพาเนล IPS ที่เป็นระดับกลางๆ เท่านั้น ทำให้ไม่เหมาะกับคนที่เน้นความเที่ยงตรงของสีหรืองานกราฟิกเส่วนเรื่องอื่นๆ โดยรวมถือว่าลงตัวมากๆ ในราคาที่เราจ่ายไป ไม่ว่าจะเป็น ดีไซน์งานประกอบ ประสิทธิภาพความลื่นไหล แบตเตอรี่และพอร์ตการเชื่อมต่อ
บวกการรับประกันอย่าง HP On-site Service รับซ่อมเครื่องถึงหน้าบ้านเป็นระยะเวลา 2 ปี + Smart Friend (Plus) 1 ปี กู้ข้อมูลฟรี 1 ครั้ง , เช็คเครื่องฟรี 2 ครั้ง และ Call Center Support ตลอด 24 ชั่วโมงเพิ่มความคุ้มยิ่งเพิ่มเข้ามาอีกเยอะเลยละ เอาเป็นว่าใครกำลังมองหาโน๊ตบุ๊คที่เน้นประสบการณ์ใช้งานที่ดีเหนือระดับกว่าโน๊ตบุ๊คยุคก่อนๆ ในราคาที่จ่ายถูกกว่า ก็ตามไปจัด HP Pavilion x360 14 กันได้เลย มีขายตามหน้าร้านทั่วไปแล้ว ก่อนแบรนด์อื่นๆ ที่เป็นสเปกชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 เลยทีเดียว
ข้อดี
- สเปกแรงคุ้มประสิทธิภาพดีด้วย Core i Gen 10 + MX250 + RAM 8GB + SSD 512GB
- เล่นเกม 3 มิติ หรือตัดต่อวีดีโอพอได้ ใช้งานทั่วไปลื่นไหลสบายมาก
- วัสดุทำจากพลาสติกเกรดสูงตลอดทั้งตัวเครื่องที่มีความแข็งแรง งานประกอบดูแน่นหนา
- น้ำหนักเบา 1.58 กิโลกรัม ขอบจอบาง เหมาะสำหรับคนที่ชอบนำไปใช้งานนอกสถานที่บ่อยๆ
- หน้าจอสัมผัสมัลติทัชลื่นไหล รองรับแรงกดได้หลายระดับ พร้อม Stylus สามารถใช้วาดรูปได้ดี
- เป็นโน๊ตบุ๊คที่มีคุณสมบัติ 2-in-1 Notebook ใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ
- รองรับการใช้งานกับปากกาสไตลัส HP Active Pen บันเดิลมาให้เลย
- หน้าจอ IPS Full HD พาเนล IPS สีสันสดใส ทัชกรีนได้
- ลำโพง B&O พร้อมฟีเจอร์ HP Audio Boost
- มีไฟ Backlit Keyboard สวยงาม รวมถึงใช้งานได้เป็นอย่างดี
- ตัวเครื่องสามารถปรับเปลี่ยนได้หลายโหมด กางหน้าจอได้ 360 องศา
- มีระบบสแกนนิ้วมือใช้กับ Windows Hello รักษาความปลอดภัยได้ดี
- มี Windows 10 แท้ในตัวเครื่อง พร้อมซอฟต์แวร์ที่ดี
- ประกัน 2 ปี แบบ On-site Service
ข้อสังเกต
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานแค่ 4:20 ชั่วโมง
- อุณหภูมิค่อนข้างสูงเมื่อใช้งานหนักๆ แต่ไม่มีผลต่อการใช้งาน
- จอกระจกทำให้เวลาใช้งานกลางแจ้งเจอแสงสะท้อน
- ราคา i5 / i7 ไม่ต่างกันมาก แนะนำเลือก i7 ที่ได้ MX250 ไปเลยจะดีกว่า
- เน้นเล่นเกมเลือกเป็น HP Pavilion Gaming 15 น่าจะเหมาะสมกว่า
Awards
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับกลุ่ม 2-in-1 Notebook ด้วยกัน ซึ่ง HP Pavilion x360 14 ก็ได้รับรางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Design
ดีไซน์โดยรวมของ HP Pavilion x360 14 ปี 2019 มีความโดดเด่นเรื่องความพรีเมียมพรูหรา รวมถึงหน้าจอขอบบางแบบบางพิเศษ ที่ทำให้สามารถใช้งานจอขนาด 14″ ภายในตัวเครื่องที่มีขนาดเล็กกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปที่ใช้จอขนาดเดียวกัน ด้วยการที่ตัวเครื่องมีความบางและน้ำหนักเบาเป็นพิเศษ ที่เชื่อได้เลยว่าทาง HP ได้ใส่ใจในส่วนของรายละเอียดนี้เป็นอย่างมาก ประกอบกับวัสดุหลักในการผลิตยังใช้เป็นอลูมิเนียมที่ให้ในเรื่องของความแข็งแรงทนทาน และยังบ่องบอกได้ถึงความสวยงามหรูหราอีกด้วย ฉะนั้นในเรื่องของรางวัล Best Design ทำให้ได้ไปอย่างไม่ยากเย็น
Best Value
ถึงแม้ HP Pavilion x360 14 ปี 2019 จะไม่ใช่โน๊ตบุ๊คที่มีสเปคที่ดีที่สุด แต่ถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คราคาไม่เกิน 30,000 บาท ที่คุ้มค่าที่สุดรุ่นหนึ่ง ด้วยราคาขาย 27,990 – 29,990 บาท ที่มาพร้อมสเปกอย่าง Intel Core i5-10210U + NVIDIA GeForce MX130 + RAM 8GB + SSD 512GB และ Intel Core i7-10510U + NVIDIA GeForce MX250 + RAM 8GB + SSD 512GB แถมมีสแกนลายนิ้วมือและฟีเจอร์อื่นๆ จัดเต็ม เป็น 2-in-1 Notebook เหมาะกับการใช้งานทั่วไปเน้นหลากหลายพับหน้าจอไปมาได้ เรียกได้ว่าหาได้ยากสำหรับโน๊ตบุ๊คแบบนี้ ที่สำคัญประกันยังมีระยะถึง 2 ปี On-site Service เราจึงมอบรางวัล Best Value ไปให้เลยอย่างไม่ต้องสงสัย
VDO Review
Specification
สเปกของ HP Pavilion x360 14 สเปก Core i Gen 10 แบ่งด้วยกันเป็น 2 รุ่นหลักๆ ก็คือ HP Pavilion x360 14-dh0017tx ราคา 29,990 บาท ใช้ชิปประมวลผลเป็น Intel Core i7-10510U (Comet Lake) ที่เป็นการทำงานแบบ 4 Core 8 Thread ความเร็ว 1.8GHz (เร่งไปได้สูงสุดที่ 4.9GHz) เทคโนโลยีการผลิตที่ 14 นาโนเมตร มีค่า TDP ที่ 25Watt ส่วนกราฟิกภายในชิปเป็น Intel HD Graphics 620 ได้การ์ดจอแยกเป็น NVIDIA GeForce MX250 ด้านแรมก็ติดตั้งมาให้ขนาด 8GB DDR4 และฮาร์ดดิสก์แบบ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ที่ทั้งมีพื้นที่เยอะและลื่นไหล
และในส่วนของสเปก HP Pavilion x360 14-dh1015tx ราคา 27,990 บาท จะเป็นการใช้ชิปประมวลผลเป็น Intel Core i5-10210U (Comet Lake) ที่เป็นการทำงานแบบ 4 Core 8 Thread ความเร็ว 1.6GHz (เร่งไปได้สูงสุดที่ 4.2GHz) เทคโนโลยีการผลิตที่ 14 นาโนเมตร มีค่า TDP ที่ 25Watt ส่วนกราฟิกภายในชิปเป็น Intel HD Graphics 620 พร้อมการ์ดจอแยก NVIDIA GeForce MX130 ด้านสเปกอื่นๆ เหมือนกันรุ่น Core i7 คือได้แรมติดตั้งมาขนาด 8GB DDR4 และฮาร์ดดิสก์แบบ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ที่เพียงพอกับการใช้งาน
ทางด้านพอร์ตที่ติดตั้งมีมาให้จะใช้ถือว่าครบครันเลยทีเดียวไม่ว่าจะเป็น USB 3.1 Type-A จำนวน 2 ช่อง, USB 3.1 Type-C จำนวน 1 ช่อง, SD Card Reader, HDMI สำหรับต่อหน้าจอเสริม และรูหูฟังกับไมค์แบบคอมโบ ซึ่งแน่นอนว่ารองรับการเชื่อมต่อไร้สายด้วย Wi-Fi 802.11a/b/g/n/ac (1×1) กับ Bluetooth 4.2 และมีน้ำหนักอยู่ที่ 1.58 กิโลกรัม พร้อมการรับประกัน 2 ปีแบบ On-site Service ตามมาตรฐานของ HP ที่ทุกคนไว้ใจได้
- Core i5-10210U / MX 130 / RAM 8GB / SSD 512GB / Windows 10 ราคา 27,990 บาท
- Core i7-10510U / MX 250 / RAM 8GB / SSD 512GB / Windows 10 ราคา 29,990 บาท
Hardware / Design
HP Pavilion x360 14 สเปก Core i Gen 10 ปี 2019 เป็น 2-in-1 Notebook บางเบาหน้าจอ 14 ปรับได้หลากหลายโหมด โดยเลือกใช้เป็นพาเนล IPS คุณภาพดี ที่มาพร้อมกับความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล รองรับมัลติทัชกรีน และปากกา HP Active Pen รองรับแรงกดได้หลายระดับ ทำให้ใช้งานกับระบบปฏิบัติการ Windows 10 ได้อย่างเต็มรูปแบบ พร้อมการขีดเขียนที่สมจริง ด้วยน้ำหนักตัวเครื่องเพียง 1.58 กิโลกรัม และบางเพียง 20 มิลลิเมตร ทำให้การพกพาทำได้โดยง่าย
HP Pavilion x360 14 มาพร้อมกับดีไซน์การออกแบบใหม่ ขอบจอบางเฉียบ ซึ่งจัดได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คยุคปัจจุบันที่มาพร้อมสีสันที่สวยงามลงตัวอย่าง Mineral Silver โดยฝาหลังจะเป็นเทาเข้มส่วนตัวเครื่องภายในจะเป็นเงินที่สว่างกว่า เชื่อได้ว่ายังโดนใจวัยรุ่นเพราะมีความโดดเด่นสะดุดตาเป็นพิเศษ มีหน้าตาออกไปทางเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยความหรูหราด้วยการเล่นกับการออกแบบที่มีความโค้งเว้ามีมิติในหลายๆ ส่วน
วัสดุที่ HP Pavilion x360 14 เลือกใช้ในบริเวณฝาหลังของเครื่องจะเป็นพลาสติกเกรดสูงตัดด้วยโลโก้ของ HP ที่เป็นสีเงินเงางามบริเวณกลางฝาหลัง ส่วนด้านในเครื่องบริเวณหน้าจอเป็นกระจกทั้งบาน เล่นสีขอบจอด้านในเป็นสีดำพร้อมด้วยยางรองขอบรอบตัวจอ สำหรับตัวเครื่องด้านในบริเวณรอบๆ แป้นพิมพ์ ที่พักมือ ใช้วัสดุพลาสติกเกรดสูงเช่นกัน ที่สำคัญยังได้ลำโพง Bang & Olufsen ที่เสียงดีกว่าลำโพงทั่วไปอีกด้วย และขาดไม่ได้เลยสำหรับสแกนลายนิ้วมือ Fingerprint ผ่านทาง Windows Hello
นอกเหนือจากนี้ปุ่ม Power (Wake Up / Sleep) ยังได้ถูกออกแบบเอาไว้ขอบจอด้านนอกรวมไปถึงปุ่มปรับระดับเสียงด้วย ซึ่งดูแล้วอาจจะไม่คุ้นตาเหมือนกับโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ แต่เมื่อใช้งานจริงแล้วพบว่าสามารถใช้งานได้คล่องตัวและสะดวกมากๆ จากการที่มันเป็น 2-in-1 Notebook พับได้ 360 องศา เพื่อรองรับการทำงานหลากหลายโหมดนั่นเอง
ด้านล่างตัวเครื่องของ HP Pavilion x360 14 สเปก Core i Gen 10 ปี 2019 จะเห็นว่ายางรองตัวเครื่องขนาดใหญ่ 4 จุด วางไว้เป็นลักษณะตัว X เพื่อยกตัวเครื่องให้สูงขึ้นและเวลาใช้งานจะแน่นหนากับพื้นที่วาง พร้อมช่องดูดลมเย็นขนาดใหญ่ อาศัยระบบระบายความร้อนด้วยพัดลมเพียงตัวเดียวก็เอาอยู่แบบสบายๆ สำหรับส่วนของน็อตก็เป็นแบบพิเศษ แน่นอนว่าตรงนี้จะมีโลโก้ Windows 10 นอกจากนี้ตรงส่วนขอบด้านหน้าที่ใช้ยกฝาจอเพื่อเปิดเครื่องใช้งานก็จะมีการทำเป็นเว้าร่องลงไปเพื่อช่วยในการเปิดเครื่องที่ง่ายขึ้น
ส่วนระบบระบายความร้อนก็ได้ติดตั้งอยู่ใต้หน้าจอ ทำให้หมดกังวลเรื่องปัญหาที่จะทำให้ร้อนมืออย่างรุ่นก่อนๆ โดยบานพับเป็นแบบแกนขนาดใหญ่ 2 แกนสีเงินแบบพิเศษที่แลดูแข็งแรงทนทานเข้ากับเครื่อง รองรับการพับ 2 ขั้นเพื่อใช้งานแบบ 360 องศา รวมๆ HP Pavilion x360 14 ถือว่าเป็น 2-in-1 Notebook ที่ออกแบบมาได้เรียบง่ายแต่ดูดีเกินราคาไปมากจริงๆ เรียกได้ว่าสาวๆ หรือหนุ่มๆ หลายคนเห็นแล้วคงชอบ
Keyboard / Touchpad
ชุดคีย์บอร์ดของ HP Pavilion x360 14 นั้นตัวปุ่มเป็นพลาสติกสีขาวเงินเข้ากับตัวเครื่อง โดยสกรีนตัวอักษรเป็นเทา อีกทั้งได้รับการปรับดีไซน์ใหม่แบบ Island Style ทำให้สามารถพิมพ์ได้ง่ายขึ้น แต่สำหรับคนที่นิ้วเล็กนิ้วใหญ่สามารถใช้งานได้สะดวกทั้งหมด อีกทั้งให้สัมผัสและการเด้งตอบสนองได้ดีในระดับหนึ่ง โดยขนาดของคีย์บอร์ดเป็นไซต์แบบปกติของโน๊ตบุ๊คจอ 14″ ซึ่งจะไม่มีแป้นในส่วนของ Numpad มาให้ ส่วนปุ่มเปิดเครื่องจะไปอยู่ที่ขอบตัวเครื่องด้านซ้าย ซึ่งข้อดีก็คือไม่ว่าใช้งานโหมดไหนก็กดได้สะดวก
ทางด้านทัชแพดมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่และยาวเมื่อเทียบกับขนาดตัวเครื่อง ลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าโดยตัวขอบมีสีเงินมันวาวเพิ่มความโดดเด่น ปุ่มคลิกซ้ายขวาเป็นแบบซ่อนปุ่ม การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ กดไม่มียวบยาบ งานประกอบดี ตัวซอฟต์แวร์ควบคุมก็ช่วยจัดการได้ดี ใช้งานมัลติทัชได้ลื่นไหล อีกทั้งมีฟีเจอร์อย่างสแกนลายนิ้วมือ Fingerprint ติดตั้งไว้มุมขวาล่างของคีย์บอร์ดไว้ให้ใช้งานกับ Windows Hello เพื่อที่จะเข้าใช้งานตัวเครื่องเพื่อความปลอดภัยแบบไม่ต้องใส่รหัสไปมาทุกครั้งอีกด้วย ส่วนการใช้งานก็ตอบสนองได้รวดเร็วไม่แพ้มือถือในปัจจุบันเลยล่ะ
Screen / Speaker
จอภาพ HP Pavilion x360 14 ปี 2019 ถือเป็นอีกจุดเด่นก็ว่าได้ด้วยจอภาพขนาด 14″ ที่มีขอบบางมากถึง 3 ด้านด้วยกัน ซึ่งเป็นแบบจอกระจกสีสันสดใสกว่าจอแบบด้าน แต่ก็อาจจะมีการสะท้อนภาพบ้างเวลาใช้งานกลางแจ้งหรือที่มีแสงจัดๆ โดยตัวจอรองรับการทัชสกรีนจำนวน 10 จุด ทั้งการใช้งานทั้งนิ้วมือแบบมัลติทัชและปากกา HP Active Pen ไม่แค่นั้นตัวเรื่องยังสามารถรองรับแรงกดได้หลายระดับ อีกทั้งยังสามารถพับปรับจอได้ 360 องศาอีกด้วย ตัวจอเป็นพาเนล IPS ทำให้สีสันคมชัดสมจริงไม่ว่ามองมุมไหน ความละเอียด 1920 x 1080 (Full HD) ซึ่งถือได้ว่าคมชัดเป็นอย่างมาก ที่เว็บแคมและไมโครโฟนยังติดตั้งขอบด้านบนปกติ
ทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ HP Pavilion x360 14 ที่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใช้หน้าจอพาเนล IPS คุณภาพดี แต่ดีแค่ไหนต้องทดสอบหน้าจอแบบละเอียดๆ ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite พร้อมทั้งคาลิเบรตหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด นอกจากนี้เรายังทำการ Display Analysis ดูประสิทธิภาพการแสดงผลแบบละเอียด อย่างที่ดูด้วยตาเปล่าไม่สามารถบอกได้ จึงต้องใช้เครื่องมือช่วย
โดยขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 62% และ AdobeRGB ที่ 46% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันแค่ระดับกลางๆ ค่อนไปทางบน เมื่อเทียบกับพาเนล IPS รุ่นอื่นๆ ที่ได้สูงกว่านี้ มีความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 250 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานความสว่างที่ดี ของหน้าจอในโน๊ตบุ๊คราคาระดับนี้ คือรองรับการใช้งานที่กลางแจ้งได้สบายๆ อย่างไรก็ตามถ้าจะเอาไปทำภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นสีตรงกับอุปกรณ์เกี่ยวพ่วงก็ควรคาลิเบรตเสียก่อน
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางด้านขวาที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ไม่มีผิดเพี้ยน แต่สำหรับช่องมุมซ้ายด้านล่างจะมีแสงสว่างที่ลดลงไปถึงระดับ 20% ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนน 3.0
ระบบเสียง HP Pavilion x360 14 เลือกใช้ของ B&O พร้อมฟีเจอร์ HP Audio Boostช่วยปรับแต่ง ซึ่งวางส่วนของลำโพงไว้ด้านบนตัวเครื่องเหนือคีย์บอร์ด จำนวน 2 ตัว แบบสเตอริโอ ทำให้เสียงที่ออกมากระจายกว้างไม่มีอะไรปิดกั้น ซึ่งให้เสียงที่ดีและดังพอสมควร จนไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องใช้งานในที่เสียงดัง สามารถตอบสนองเรื่องความบันเทิง การฟังเพลงสำหรับคนที่ชอบทำงานได้โอเคเลย ถึงแม้ว่าอาจจะไม่ได้มีเสียงเบสมาก และเสียงจะค่อนไปทางเสียงกลาง เสียงแหลมมากกว่าก็ตาม แต่ก็จัดว่าดีกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปแบบรู้สึกได้
Connector / Thin And Weight
พอร์ตการเชื่อมต่อตัวเครื่อง HP Pavilion x360 14 ปี 2019 นี้จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่มีความครบครับอย่างมากเมื่อเทียบกับขนาดตัวเครื่อง แม้ว่าจะเป็นเครื่องที่มีการออกแบบมาให้เป็นเครื่องที่มีขนาดความบางและน้ำหนักเบาแต่เรื่องพอร์ตการเชื่อมต่อต่างๆ นั้น ก็มีมาให้มากพอทีเดียวไม่ว่าจะเป็น USB 3.1 Type-A จำนวน 2 พอร์ต, USB 3.1 Type-C อีก 1 พอร์ต, HDMI SD Card Reader และช่องต่อหูฟังกับไมค์ขนาดแบบคอมโบขนาดมาตรฐาน 3.5 มิลลิเมตร เพียงพอต่อการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ในยุคปัจจุบัน
ขนาดของตัวเครื่องและสายชาร์จ เมื่อเทียบกับขนาดของ 2-in-1 Notebook หน้าจอ 14″ รุ่นก่อนๆ ถือได้ว่ามีมิติที่เล็กพอสมควร ขนาด 32.4 x 22.29 x 2.05 เซนติเมตร ส่วนน้ำหนักตัวเครื่องเปล่านั้น อยู่ที่ 1.58 กิโลกรัม และเมื่อรวมกับตัวอแด็ปเตอร์เข้าไปด้วย ก็จะมีน้ำหนักราวๆ 1.9 กิโลกรัมเท่านั้น ก็จัดว่ามีน้ำหนักเบามาก ซึ่งแน่นอนว่าตอบสนองในเรื่องของการพกพาไปนอกสถานที่ได้อย่างเต็มรูปแบบ สมกับเป็น 2-in-1 Notebook ในยุคปัจจุบันเลยทีเดียว
Using Experience
อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่า HP Pavilion x360 14 ปี 2019 ตอบสนองได้อย่างหลากหลายจากการที่เป็น 2-in-1 Notebook ที่ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี ด้วยการพับใช้งานถึง 4 รูปแบบด้วยกันไม่ว่าจะเป็น Notebook / Stand / Tent / Tablet ที่ทีมงานของเรานั้นนำไปใช้งานอะไรบ้าง และรูปลักษณ์เมื่อเปลี่ยนไปใช้โหมดต่างๆ นั้น จะมีลักษณะเป็นอย่างไร
Notebook Mode เป็นรูปแบบธรรมดาทั่วไปเหมือนกับโน๊ตบุ๊คปกติ เน้นสำหรับการใช้งานทั่วไป เล่นอินเตอร์เน็ต รวมไปถึงงานเอกสารต่างๆ ที่จำเป็นต้องใช้คีย์บอร์ดและทัชแพดในการควบคุมเหมือนโน๊ตบุ๊คปกติ
Stand Mode เน้นใช้งานที่ระบบจอสัมผัสของตัวเครื่องอย่างเดียวและวางไว้บนพื้นที่ราบ โดยรูปแบบการใช้งานนี้จะเน้นไปทางการใช้งานแอพพลิเคชั่นของ Windows เอง หรือเน้นไปทางการดู YouTube หรือชมภาพยนตร์เป็นหลัก พร้อมรองรับการทำงานแบบมัลติทัชได้พร้อมกันมากสุดที่ 10 จุดพร้อมกัน
Tent Mode ค่อนข้างจะคล้ายกับ Stand Mode ก่อนหน้านี้ แต่จะอยู่ในรูปทรงตั้งเครื่องเอาไว้เป็นลักษณะสามเหลี่ยม ใช้ในการวิวดูข้อมูลการแสดงผลหน้าจอเป็นหลัก อีกทั้งยังสามารถจับพาดหรือเกาะกับสิ่งของรอบๆ ได้
Tablet Mode ด้วยการพับหน้าจอกลับแบบ 360 องศา จนฝาหลังและฐานใต้เครื่องมาติดกัน เราก็จะได้แท็บเล็ตที่มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows ซึ่งเรามีความคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เหมาะสำหรับการเอาไว้เล่นเกมหรือดู E-Book อย่างที่แท็บเล็ตอื่นๆ ทั่วไปในตลาดสามารถทำได้
อย่างไรก็ตามสำหรับ HP Pavilion x360 14 ปี 2019 ก็ต้องบอกว่าวางใจได้เลยเรื่องความทนทาน เพราะมีการออกแบบบานพับที่สามารถเปิดปิดหรือปรับระดับได้อย่างลื่นไหลได้เหมือนใหม่ทุกครั้ง แข็งแรงสามารถหมุนเปิดปิดได้เป็นพันๆ หมื่นๆ ครั้ง อย่างไม่มีปัญหาแน่นอน
สำหรับปากกาสไตลัส HP Active Pen ทาง HP ได้ร่วมกับ Wacom ในการผลิต โดยตัวสไตลัสจะมีความสามารถเหมือนกันกับสไตลัสของ Surface ทุกอย่าง เช่นจะมาพร้อมกับความสามารถในการใช้งานแบบ N-Trig, มีปุ่มบนตัวสไตลัสจำนวน 2 ปุ่มทางด้านข้างและทางด้านบน (ซึ่งปุ่มทางด้านบนจะเอาไว้ใช้สำหรับการรันโปรแกรม OneNote)
และที่สำคัญสไตลัสนี้ยังรองรับระดับแรงกดได้มากถึง 2,048 ระดับเลยทีเดียวอันนี้การันตีได้จากผู้ใช้งานนักวาดการ์ตูนหลายคนทีเดียว หรือจะใช้ไว้จดงานเขียนหนังสือก็สามารถทำได้สบายๆ ส่วนท้ายด้ามของ HP Active Pen ก็ใช้งานเป็นยางลบเสมือนจริงได้อีกด้วย เรียกได้ว่าจะลืมการใช้กระดาษแบบเดิมๆ ไปเลย
ซึ่งบอกได้เลยว่าสำหรับใครที่กำลังมองหาโน๊ตบุ๊คบางเบาซักตัวที่พกพาสะดวกในราคาไม่แพง และมีความสามารถครบครันทั้งในเรื่องของการทำงานทั่วไปหรือแท็บเล็ตที่ทำงานร่วมกับโปรแกรมบนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ส่วนสเปคก็ถือว่าดีมากๆ ได้ SSD M.2 NVMe แรงๆ การทำงานไม่ว่าจะเป็นในเรื่องงานเอกสาร เล่นอินเตอร์เน็ต ชมภาพยนตร์ ฟังเพลง หรือเล่นเกมเล็กๆ น้อยๆ HP Pavilion x360 14 ปี 2019 ก็สามารถทำได้ดีและเป็นหนึ่งใน 2-in-1 Notebook ที่เป็นตัวเลือกน่าซื้ออันดับต้นๆ เลยทีเดียว
Performance / Software
HP Pavilion x360 14 ปี 2019 ที่ได้รับมารีวิวเป็นสเปกขายจริง ได้ชิปประมวลผลรุ่นล่าสุดระดับสูงอย่าง Intel Core i7-10510U สถาปัตยกรรม Comet Lakeใหม่ล่าสุด ทำงานแบบ 4 Core / 8 Thread ความเร็ว 1.80 – 4.90 GHz เทคโนโลยีการผลิตที่ 14 นาโนเมตร มีค่า TDP ที่ 10 – 15 – 25Watt ที่เน้นความแรงกว่า Ice Lake 10 นาโนเมตร รองรับการใช้งานทั่วไปได้สบายๆ ส่วนแรมก็ให้มาเป็นแบบ 8 GB DDR4 Bus 2400 MHz ที่เพียงพอต่อการใช้งานทันที อีกทั้งได้ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ที่ได้ทั้งขนาดที่ใหญ่ใส่ไฟล์ได้เยอะ
โดยมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home Single Language มาตั้งแต่แกะกล่อง ดังนั้นจึงไม่ต้องห่วงเรื่องลิขสิทธิ์ Windows เลยครับ ส่วนถ้าต้องการเคลียร์เครื่อง ก็สามารถใช้งานฟังก์ชัน Reset this PC ที่อยู่ใน Settings ของ Windows 10 ได้เลยโดยไม่ต้องฟอร์แมต SSD เพื่อลง Windows ใหม่
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel UHD Graphics 620 ไม่ต่างจาก Core i Gen 8 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่ก็รองรับการทำงานกับหน้าจอความละเอียดสูงได้แบบไม่มีปัญหา และนอกจากนี้ยังมาพร้อมกับการ์ดจอน้องเล็กรุ่นล่าสุดอย่าง NVIDIA GeForce MX250 (2GB GDDR5) ที่ประสิทธิภาพที่เรียกได้ว่าใกล้เคียงกับ GTX 950m แต่ก็พอเล่นเกมออนไลน์ได้บ้าง ซึ่งเดี๋ยวไปดูผลทดสอบกันอีกที
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลที่เป็นรหัส U รุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ ไม่น่าเป็นห่วงนัก
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 512GB แบบ M.2 NVMe ระดับกลางๆ แน่นอนว่าเร็วกว่า SSD M.2 SATA 3 แบบทั่วไป ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 3179 MB/s และเขียนที่ 1817 MB/s เป็นระดับความเร็วในการเขียนอ่านทำงานโดยรวมที่น่าประทับใจ จัดว่าเป็น SSD M.2 NVMe ระดับบน แรงเกินราคาค่าตัวจริงๆ
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 3,372 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ จากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คใช้ชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 มีการ์ดจอแยกเป็น NVIDIA GeForce MX250 ทำให้มีคะแนนพุ่งกว่าโน๊ตบุ๊คในสเปกใกล้เคียงกันที่ไม่มีการ์ดจอแยกนั่นเอง
ทดสอบเกมสำหรับ HP Pavilion x360 14 ปี 2019 คะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 3 เกมออนไลน์ เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยค่อนข้างลื่นไหล น่าประทับใจทีเดียว เมื่อเทียบกับโน๊ตบุ๊คที่ไม่ได้เน้นเล่นเกมมาก ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-10510U ที่สามารถรีดพลัง NVIDIA GeForce MX250 ประกอบกับยังใช้แรม 8GB DDR4 รวมไปถึง SSD ก็ส่งผลช่วยด้วย
สำหรับเกมออนไลน์อย่าง DOTA 2 ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมด ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่เฉลี่ยที่ 46 แต่ฉากตะลุมบอนกันก็เฟรมเรทลดลงไปที่ 14 (อยากลื่นกว่านี้ก็ปรับกลางๆ ได้) ในส่วนของเกมอื่นๆ อย่าง Overwatch / PUBG ที่ปรับ Low ทดสอบแล้วจะมีเฟรมเรทตกต่ำกว่า 60 / 30 ซึ่งร่วงหนักสุดจะอยู่ที่ 38/9 กันเลยทีเดียว นั่นก็เป็นเพราะเป็นเกมออนไลน์ที่กินทรัพยากรพอตัวเหมือนกัน จากการที่เครื่องมีอุณหภูมิสูงเกินปกติเวลาใช้งานหนักๆ ตัวชิปประมวลผลก็จะลดความเร็วลงมาเพื่อความปลอดภัยนั่นเอง
อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจของ HP Pavilion x360 14 ปี 2019 รวมไปถึงโน๊ตบุ๊ค HP ทุกรุ่น ก็คือมาพร้อมซอฟต์แวร์บันเดิลอย่าง HP Support Assistant โดยเป็นโปรแกรมซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้เราดูแลคอมพิวเตอร์ได้อย่างเหมาะสม ป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น และช่วยแก้ปัญหาได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว โปรแกรมนี้ยังระบุข้อมูลที่สำคัญสำหรับแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งนั่นหมายรวมไปถึงการอัพเดทไดร์เวอร์ต่างๆ และ Windows ด้วย จัดได้ว่าดีและใช้งานได้จริง
อีกทั้ง HP Pavilion x360 14ยังมีเทคโนโลยี HP CoolSense เป็นคุณสมบัติที่รวมเอา ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และการออกแบบกลไกเพื่อช่วยในการจัดการอุณหภูมิของโน๊ตบุ๊ค และช่วยให้เราเกิดรู้สึกสบายขณะใช้ โดยใช้เซ็นเซอร์การเคลื่อนที่ในโน๊ตบุ๊คเพื่อตรวจจับว่ากำลังใช้งานแบบตั้งอยู่กับที่หรือแบบเคลื่อนที่ และจะทำการปรับเปลี่ยนประสิทธิภาพของคอมพิวเตอร์และความเร็วของพัดลมเพื่อช่วยให้เย็นอยู่ตลอดเวลาโดยอัตโนมัตินั่นเอง
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ของ HP Pavilion x360 14 ปี 2019 เป็นแบบฝังไว้ในเครื่องเหมือนกับโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นในปัจจุบัน ตัวแบตเตอรี่จากการทดสอบด้วยการเปิด Wi-Fi และปรับเป็น Power Saver Mode ทำงานต่อเนื่องยาวนานได้ราวๆ 4:20 ชั่วโมงต่อเนื่องในการใช้งานอย่างการดูภาพยนตร์และเล่นอินเตอร์เน็ต คาดว่าจะทำได้นานยิ่งกว่านั้นปรับเปลี่ยนตามการใช้งานของแต่ละคน ดูแล้วอาจให้ระยะเวลาการทำงานที่ค่อนข้างสั้นกว่าเครื่องอื่นเล็กน้อย ส่วนช่องระบายความร้อนจะอยู่ด้านบนบริเวณข้อพับจอ โดยออกแบบให้ซ่อนตัวเอาไว้ด้านหลังติดกับกรอบอะลูมิเนียมของจอ ถึงพับจอก็ไม่เห็นช่องระบายความร้อนเลย
อุณหภูมิปกติของชิปประมวลผลจะอยู่ที่ 40 – 50 – 60 องศาเซลเซียส แต่พอรีดประสิทธิภาพเต็มที่จะเห็นว่าเครื่องจะร้อนที่สุดที่ 98 องศาเซลเซียส ส่วนการ์ดจอร้อนสุดจะอยู่ที่ 66 องศาเซลเซียส ถือว่าทำได้ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนๆ แต่ด้วยการที่ระบบระบายความร้อนของ HP Pavilion x360 14 ปี 2019 ไม่ได้ออกแบบมาให้ทำงานหนักๆ ตลอดเวลา เหมือน Gaming Notebook เครื่องอื่นๆ ซึ่งจากการทดสอบเป็นการนำไปเล่นเกมหลายชั่วโมง อย่างไรก็ตามตัวเครื่องไม่ได้เกิดอาการค้าง หน่วง หรือมีปัญหาแต่อย่างใด เว้นแต่กรณีเล่นเกมจะมีเฟรมเรทล่วงไปบ้าง แม้ว่าชิปประมวลผล Intel และ NVDIA รุ่นล่าสุดจะแรงขึ้น เรียกได้ว่าชุดระบายความร้อนของ HP สามารถจัดการได้ดีเวลาใช้งานหนักๆ
Conclusion / Award
สรุปรีวิวได้ว่า HP Pavilion x360 14 สเปก Core i Gen 10 เป็น 2-in-1 Notebook สายคุ้มค่าได้ดีไซน์สวยงามหน้าจอขนาด 14″ พาเนล IPS ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล โดยสเปกชิปประมวลผลรุ่นใหม่ล่าสุด Intel Core i5-10210U / Core i7-10510U สถาปัตยกรรม Comet Lake ที่เน้นเรื่องของประสิทธิภาพความแรงที่มากกว่า Ice Lake ซึ่งเป็น Gen 10 ด้วยกัน โดยทำงานแบบ 4 Core / 8 Thread เทคโนโลยีการผลิตที่ 14 นาโนเมตร มีค่า TDP ที่ 25Watt
โดยมีการ์ดจอบนชิปเป็น Intel UHD Graphics UHD620 เดิมๆ ผสานการทำงานร่วมกับการ์ดจอแยก MX130 / MX250 ที่รองรับการใช้งานทั่วไปหรือต่อจอความละเอียดสูงได้สบายๆ ส่วนใส่ฮาร์ดดิสก์ให้มาแบบ SSD M.2 NVMe ที่ 512GB ความเร็วสูงจัด พร้อมแรมขนาด 8GB DDR4 Bus 2400MHz ในราคาเพียง 27,990 บาท และ 29,990 บาท ที่น่าว่าเป็นราคาที่เหมาะสม
HP Pavilion x360 14 ให้ประสิทธิภาพการทำงานที่พอใช้งานทั่วๆ ไป อย่างพิมพ์งานเอกสารหรือเล่นอินเตอร์เน็ต รวมไปถึงความบันเทิงอย่างดูหนังฟังเพลง Steaming กับความบางและน้ำหนักที่เหมาะแก่การพกพาไปใช้งานนอกสถานที่มากๆ ที่ต้องขอบอกว่าคุ้มค่ามากๆ เหมาะมากๆ สำหรับคนที่ต้องการมองหา 2-in-1 Notebook รุ่นใหม่ล่าสุด ราคาไม่แพงบางๆ เบาๆ ไว้ใช้งานนอกบ้าน ด้วยน้ำหนักเพียง 1.58 กิโลกรัม และบางเพียง 20 มิลลิเมตร
รวมถึงหน้าจอก็เป็นพาเนล IPS คุณภาพดี มีความละเอียด Full HD ที่แสดงผลได้อย่างลื่นไหล ที่สำคัญเป็นระบบสัมผัสที่รองรับการใช้งานมัลติทัชแถมลื่นเสมือนใช้สมาร์ทโฟนและยังรองรับการใช้ปากกา Stylus อย่าง HP Active Pen ที่ใช้สำหรับงานวาดรูป รองรับแรงกดได้หลายระดับเสมือนวาดบนกระดาษเลยจริงๆ เลยทีเดียว
HP Pavilion x360 14 น่าจะตอบโจทย์ความต้องการได้เป็นอย่างดีทีเดียวกับโน้ตบุ๊ตที่เน้นใช้งานหลากลาย ให้ความสดใหม่แบบสุดๆ ส่วนถ้าใครเน้นเล่นเกมจริงๆ แนะนำว่าเพิ่มงบประมาณในการซื้อไปเอา HP Pavilion Gaming 15 จะดีกว่า ส่วนข้อสังเกตต้องบอกว่ามีเพียงหน้าจอเป็นพาเนล IPS ที่เป็นระดับกลางๆ เท่านั้น ทำให้ไม่เหมาะกับคนที่เน้นความเที่ยงตรงของสีหรืองานกราฟิกเส่วนเรื่องอื่นๆ โดยรวมถือว่าลงตัวมากๆ ในราคาที่เราจ่ายไป ไม่ว่าจะเป็น ดีไซน์งานประกอบ ประสิทธิภาพความลื่นไหล แบตเตอรี่และพอร์ตการเชื่อมต่อ
บวกการรับประกันอย่าง HP On-site Service รับซ่อมเครื่องถึงหน้าบ้านเป็นระยะเวลา 2 ปี + Smart Friend (Plus) 1 ปี กู้ข้อมูลฟรี 1 ครั้ง , เช็คเครื่องฟรี 2 ครั้ง และ Call Center Support ตลอด 24 ชั่วโมงเพิ่มความคุ้มยิ่งเพิ่มเข้ามาอีกเยอะเลยละ เอาเป็นว่าใครกำลังมองหาโน๊ตบุ๊คที่เน้นประสบการณ์ใช้งานที่ดีเหนือระดับกว่าโน๊ตบุ๊คยุคก่อนๆ ในราคาที่จ่ายถูกกว่า ก็ตามไปจัด HP Pavilion x360 14 กันได้เลย มีขายตามหน้าร้านทั่วไปแล้ว ก่อนแบรนด์อื่นๆ ที่เป็นสเปกชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 เลยทีเดียว
ข้อดี
- สเปกแรงคุ้มประสิทธิภาพดีด้วย Core i Gen 10 + MX250 + RAM 8GB + SSD 512GB
- เล่นเกม 3 มิติ หรือตัดต่อวีดีโอพอได้ ใช้งานทั่วไปลื่นไหลสบายมาก
- วัสดุทำจากพลาสติกเกรดสูงตลอดทั้งตัวเครื่องที่มีความแข็งแรง งานประกอบดูแน่นหนา
- น้ำหนักเบา 1.58 กิโลกรัม ขอบจอบาง เหมาะสำหรับคนที่ชอบนำไปใช้งานนอกสถานที่บ่อยๆ
- หน้าจอสัมผัสมัลติทัชลื่นไหล รองรับแรงกดได้หลายระดับ พร้อม Stylus สามารถใช้วาดรูปได้ดี
- เป็นโน๊ตบุ๊คที่มีคุณสมบัติ 2-in-1 Notebook ใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ
- รองรับการใช้งานกับปากกาสไตลัส HP Active Pen บันเดิลมาให้เลย
- หน้าจอ IPS Full HD พาเนล IPS สีสันสดใส ทัชกรีนได้
- ลำโพง B&O พร้อมฟีเจอร์ HP Audio Boost
- มีไฟ Backlit Keyboard สวยงาม รวมถึงใช้งานได้เป็นอย่างดี
- ตัวเครื่องสามารถปรับเปลี่ยนได้หลายโหมด กางหน้าจอได้ 360 องศา
- มีระบบสแกนนิ้วมือใช้กับ Windows Hello รักษาความปลอดภัยได้ดี
- มี Windows 10 แท้ในตัวเครื่อง พร้อมซอฟต์แวร์ที่ดี
- ประกัน 2 ปี แบบ On-site Service
ข้อสังเกต
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานแค่ 4:20 ชั่วโมง
- อุณหภูมิค่อนข้างสูงเมื่อใช้งานหนักๆ แต่ไม่มีผลต่อการใช้งาน
- จอกระจกทำให้เวลาใช้งานกลางแจ้งเจอแสงสะท้อน
- ราคา i5 / i7 ไม่ต่างกันมาก แนะนำเลือก i7 ที่ได้ MX250 ไปเลยจะดีกว่า
- เน้นเล่นเกมเลือกเป็น HP Pavilion Gaming 15 น่าจะเหมาะสมกว่า
Awards
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับกลุ่ม 2-in-1 Notebook ด้วยกัน ซึ่ง HP Pavilion x360 14 ก็ได้รับรางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Design
ดีไซน์โดยรวมของ HP Pavilion x360 14 ปี 2019 มีความโดดเด่นเรื่องความพรีเมียมพรูหรา รวมถึงหน้าจอขอบบางแบบบางพิเศษ ที่ทำให้สามารถใช้งานจอขนาด 14″ ภายในตัวเครื่องที่มีขนาดเล็กกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปที่ใช้จอขนาดเดียวกัน ด้วยการที่ตัวเครื่องมีความบางและน้ำหนักเบาเป็นพิเศษ ที่เชื่อได้เลยว่าทาง HP ได้ใส่ใจในส่วนของรายละเอียดนี้เป็นอย่างมาก ประกอบกับวัสดุหลักในการผลิตยังใช้เป็นอลูมิเนียมที่ให้ในเรื่องของความแข็งแรงทนทาน และยังบ่องบอกได้ถึงความสวยงามหรูหราอีกด้วย ฉะนั้นในเรื่องของรางวัล Best Design ทำให้ได้ไปอย่างไม่ยากเย็น
Best Value
ถึงแม้ HP Pavilion x360 14 ปี 2019 จะไม่ใช่โน๊ตบุ๊คที่มีสเปคที่ดีที่สุด แต่ถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คราคาไม่เกิน 30,000 บาท ที่คุ้มค่าที่สุดรุ่นหนึ่ง ด้วยราคาขาย 27,990 – 29,990 บาท ที่มาพร้อมสเปกอย่าง Intel Core i5-10210U + NVIDIA GeForce MX130 + RAM 8GB + SSD 512GB และ Intel Core i7-10510U + NVIDIA GeForce MX250 + RAM 8GB + SSD 512GB แถมมีสแกนลายนิ้วมือและฟีเจอร์อื่นๆ จัดเต็ม เป็น 2-in-1 Notebook เหมาะกับการใช้งานทั่วไปเน้นหลากหลายพับหน้าจอไปมาได้ เรียกได้ว่าหาได้ยากสำหรับโน๊ตบุ๊คแบบนี้ ที่สำคัญประกันยังมีระยะถึง 2 ปี On-site Service เราจึงมอบรางวัล Best Value ไปให้เลยอย่างไม่ต้องสงสัย