Acer Swift 7 ปี 2019 จัดว่าเป็น Ultrabook หรือ Notebook ที่มีขนาดที่เบาและบางกว่ารุ่นเดิม พร้อมใช้ชิปประมวลผล Intel รุ่นพิเศษอย่าง Core i7-8500Y ที่เป็นขุมพลังแรงแต่ประหยัดพลังงานและยังมาพร้อมกับ Thunderbolt 3 และตัวเครื่องยังใช้วัสดุและกรรมวิธีสุดเทพ พร้อมขอบจอที่บางเฉียบทั้ง 4 ด้าน ทำให้ต้องซ่อนกล้อง Webcam แบบ Pop Up เอาไว้ที่ด้านบนอีกด้วย เรียกได้ว่าล้ำสุดๆ ไปเลยสำหรับ Ultrabook ปี 2019
สเปกเต็มๆ ของ Acer Swift 7 ปี 2019 ใช้ Intel Core i7-8500Y ซึ่งเป็น Core i Gen 8 จาก Intel (Amber Lake-Y) เป็นตัวประมวลผล และมาพร้อมกับแรม 16GB LPDDR3 และได้ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ปุ่มเปิด-ปิดเป็นปุ่มเดียวกับปุ่มแสกนลายนิ้วมือ ที่ใช้กับ Windows Hello ได้ ส่วนแบตเตอรี่ใช้งานได้ 12 ชั่วโมง พร้อมการเชื่อมต่อมาตรฐาน 2×2 MU-MIMO Gigabit Wi-Fi และ Bluetooth 5.0. นอกจากนี้ส่วนของคีย์บอร์ดยังมีระยะกดที่ 1.1 มิลลิเมตรทำให้ได้ประสบการณ์ด้านการพิมพ์ที่สุดยอด แน่นอนว่าตัวเครื่องบางขนาดนี้ก็ยังเป็นแบบไร้พัดลมเหมือนเดิม
หน้าสเปก Acer Swift 7 ปี 2019 ราคา 49,990 บาท
- Warranty 3Y. (1Y. On-site + 2Y. Carry-in)
Acer Swift 7 ปี 2019 เป็นโน๊ตบุ๊คที่บางมากๆ ซึ่งทาง Acer เคลมว่าบางที่สุดในโลก โดยมีความบางของตัวเครื่องเพียง 9.95 มิลลิเมตร ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่ชื่นชอบโน๊ตบุ๊ครูปทรงกะทัดรัด พกพาง่าย ทำจากวัสดุที่แข็งแกร่งทนทานและพรีเมียมที่สุด เรียกได้ว่าถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 14″ ที่เบาที่สุดรุ่นหนึ่งในตลาดก็ว่าได้ ส่วนน้ำหนักอาจจะไม่เบาที่สุด โดยอยู่ที่ 890 กิโลกรัม แต่ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีกว่ามาตรฐานโน๊ตบุ๊คพกพาทั่วไป มีระบบปฏิบัติการ Windwos 10 ติดตั้งมาให้พร้อมใช้งานทันที และสามารถใช้งาน Windows Hello ได้ผ่านทางสเแกนลายนิ้วมือเพื่อเข้าใช้งาน
การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของ Acer Swift 7 ที่แตกต่างจากรุ่นที่แล้วคือ มีสัดส่วนหน้าจอสูงถึง 92% ของพื้นที่ทั้งหมด (จากเดิม 8.5 มิลลิเมตร เหลือเพียง 2.57 มิลลิเมตร) และหน้าจอพาเนล IPS ความบะเอียด Full HD รองรับ Touch Screen ขนาด 14 นิ้ว ขอบเขตสี 100% SRGB (72% NTSC) ความสว่างที่ 300 nit และใช้หน้าจอ Corning Gorilla Glass 6 โดย Acer ยังคงรักษาความบางไว้ที่ 9.95 มิลลิเมตร มีการลดน้ำหนักของ Acer Swift 7 เหลือเพียง 890 กรัม เท่านั้น ถือว่าบางและเบามากๆ ตัวเครื่องหลักๆ แล้วทำจากวัสดุแมกนีเซียมและอลูมิเนียมอัลลอยด์แบบไร้รอยต่อให้น้ำหนักเบาเป็นพิเศษแต่ก็ยังแข็งแรงและทนทาน
รวมไปถึงฝาหลังมีการใช้เทคโนโลยี Micro-Arc Oxidation เป็นการใช้ไฟฟ้าสูงกว่า 10,000 โวลต์เผาวัสดุอะลูมิเนียมก่อให้เกิดปฏิกิริยาทางเคมีถึงระดับจุลภาค กำเนิดเป็นพื้นผิวเซรามิคเคลือบทับวัสดุอะลูมิเนียมอีกที ทำให้ตัวเครื่อง Acer Swift 7 ทนทานต่อรอยขีดข่วนเรียบหรูคงทน พร้อมความหรูหราและสวยงาม แตกต่างจาก Ultrabook รุ่นอื่นๆ ทั่วไป ที่สำคัญสิบเนื่องมาจากขอบหน้าจอที่บางสุดๆ แต่ก็ยังเลือกติดตั้งกล้อง Webcam มาให้ จึงได้ติดตั้งเป็นแบบ Pop Up เอาไว้ที่ขอบจอด้านบน
ซึ่งนอกเหนือจากทำให้เรามั่นใจในการใช้งานที่ดูแล้วไม่แตกหักง่ายๆ ยังเสริมภาพลักษณ์ที่ดูสวยงาม หรูหรา ตามมาตรฐาน Acer ที่ปกติแล้วดีไซน์จะสวยงามแบบเรียบๆ พร้อมความทนทานที่ให้ได้มากกว่ากับตระกูล Ultrabook ระดับสูง ขอบตัวเครื่องมีการใช้เป็นสีเงินมันวาวดูโดดเด่นสไตล์ Diamond Cutting พร้อมขอบตัวเครื่องด้านหลังยังมีการสลักคำว่า Swift เอาไว้ เพิ่มความหรูหราเข้าไปอีก ที่ไม่ใช้แค่ว่าตัวเครื่องบางเบาแบบที่สามารถถือมือเดียวสบาย แต่ยังให้ประสบการณ์ใช้งานที่เยี่ยมยอดอีกด้วย
ด้านล่างของตัวเครื่องถูกออกแบบมาให้ดูเรียบง่าย ด้านข้างทั้งสองด้านฝั่งผู้ใช้จะเป็นในส่วนของลำโพง ที่โดดเด่นก็คือไม่มีในส่วนของช่องดูดอากาศเย็นเข้าไปหมุนเวียนเพื่อระบายออกเลย เพราะไม่มีพัดลมและช่องระบายความร้อน แน่นอนในการทำงานจริงคือเงียบสนิท ในห้องนี่คือไร้เสียงรบกวนไปเลย เรียกได้ว่า Acer Swift 7 โน๊ตบุ๊คบางเบาระดับท็อป เครื่องนี้ได้รับการใส่ใจในการออกแบบเป็นดี สำหรับตัวเครื่องฮาร์ดแวร์และดีไซน์นั้นมีความน่าประทับใจในทุกมิติจริงๆ เพราะดูแล้ว Acer ทำการบ้านมาเป็นอย่างดีกับ Ultrabook รุ่นล่าสุด
Acer Swift 7 ต้องยอมรับว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่ตัวเครื่องบางมากๆ เรียกได้ว่าบางเฉียบเสมอพอร์ตสุดล้ำอย่าง USB Type-C ที่รองรับการใช้งาน Thunderbolt 3 โดยติดตั้งมาให้ 2 พอร์ตด้วยกัน รองรับการชาร์จจากอแดปเตอร์ขนาด 45Watt หรือ Power Bank ที่รองรับอีกด้วย พร้อมช่องต่อหูฟังขนาดมาตรฐาน ซึ่งถ้าใครจำเป็นต้องต่อพอร์ตอื่นๆ อย่าง USB Type-C / USB Type-A / HDMI ก็มี USB Type-C Hub ที่รองรับการเชื่อมต่อมาให้ในบันเดิลแล้ว
ขนาดของตัวเครื่องและสายชาร์จ เมื่อเทียบกับขนาดของโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 14 นิ้วทั่วไปถือได้ว่ามีมิติที่เล็กมาก ส่วนน้ำหนักตัวเครื่องเปล่านั้น อยู่ที่ 890 กรัมเท่านั้น ซึ่งตรงนี้ต้องบอกว่านอกจากตัวเครื่องที่บางเบาแล้ว ในส่วนของอแดปเตอร์เองก็มีขนาดที่เล็กและเบามากๆ เทียบได้ก็พอๆ กับอแดปเตอร์ของสมาร์ทโฟนเท่านั้นเองเมื่อรวมกับตัวอแดปเตอร์ไซส์เล็กเข้าไปด้วย ก็จะมีหนักเพียง 1 กิโลกรัม แน่นอนว่าตอบสนองในเรื่องของการพกพาไปนอกสถานที่ได้อย่างเต็มรูปแบบ สมกับเป็นโน๊ตบุ๊คบางเบาอีกรุ่นหนึ่ง
Acer Swift 7 ถือเป็นโน๊ตบุ๊คที่มีราคาสูง แต่นั้นก็เป็นเพราะเป็น Ultrabook ตัวท็อปสุดของทาง Acer ซึ่งเมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้ ไม่ว่าจะเป็น ความเบา งานประกอบ วัสดุ สเปก และฟีเจอร์อื่นๆ รวมไปถึงประสบกาณ์ใช้งาน ก็ถือว่าหาซื้อมาใช้งานได้กับราคา 59,990 บาท สำหรับคนที่ต้องการที่สุดของโน๊ตบุ๊คที่เน้นความบางและความพรีเมียม หรูหรา หยิบออกมาจากกระเป๋า คนรอบข้างต้องตะลึงในความบางเฉียบของตัวเครื่องเพียง 9.95 มิลลิเมตร และเบาเพียง 890 กรัม
ที่สำคัญ Acer Swift 7 ได้นำเทคโนโลยีเชื่อมต่อไร้สาย Wi-Fi AC พร้อมรองรับ MU-MIMO มาติดตั้ง ส่งผลให้เรานั้นจะได้สัมผัสกับความสามารถของระบบไร้สายในระดับที่แรงอย่างจริงจัง ที่มาพร้อมความเร็วในการดาวน์โหลดสูงสุดถึง 866 Mbps เลยทีเดียว พูดๆ ง่ายคือแรงกว่าเดิมถึง 2 เท่า ซึ่งช่วยให้เราได้สัมผัสการใช้งาน Wi-Fi ดีกว่าที่เคย ทำให้ไม่พลาดทุกการเชื่อมต่ออย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นการทำงานผ่าน Cloud เล่นโซเซียล ดูหนังออนไลน์ การสตรีมข้อมูล รวมถึงการดาวน์โหลดไฟล์ต่างๆ
จะเห็นว่า Acer Swift 7 ได้อะไรที่เหนือกว่าโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นด้วยกัน ทั้งความบางอย่างที่สุด และประกันที่ On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน สูงสุดถึง 3 ปีด้วยกันในรุ่นท็อป ทำให้กรณีที่เครื่องมีปัญหา แค่โทรไปก็จะมีเจ้าหน้าที่ Acer มาจัดการให้ถึงหน้าบ้านทีเดียว ไม่ต้องเสียเวลาไปเคลมแบบเดิมๆ อีกต่อไป หรือถ้าใครอยากเคลมก็เข้าศูนย์ได้ พร้อมบริการซ่อมด่วนใน 3 ชั่วโมงเท่านั้น
Acer Swift 7 สนนราคาต่อสเปกต่อสิ่งที่ได้ทั้งหมดแล้วก็ถือว่าราคาสมเหตุสมผล เพราะด้วยเทคโนโลยีที่ออกแบบมา ความยากที่จะทำ จำนวนเครื่องที่ผลิต ต้นทุนต่อตัวจึงสูง คำถามคือ แล้วเหมาะกับใครกันล่ะ ??? คำตอบคือ คนที่งบประมาณในการซื้อไม่ใช่ปัญหา พร้อมต้องการโน๊ตบุ๊คเบาที่สุด พรีเมียมที่สุด ที่เน้นใช้งานทั่วไปให้ประสิทธิภาพพอตัว แต่พกพาไปที่นู้นที่นั่นบ่อยๆ ซึ่งรองรับการทำงานได้ยาวนานกว่าโน๊ตบุ๊คปกติ ทำให้เราสามารถพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้อย่างสบายๆ แต่ประสิทธิภาพก็คงจะสู้โน๊ตบุ๊คที่เน้นความคุ้มค่าต่อประสิทธิภาพอย่าง Predator Helios 300 ไม่ได้ในราคาที่ใกล้เคียงกัน