เมื่อไม่นานมานี้ทาง Intel ได้ทำการเปิดตัว Core i Gen 9 สำหรับโน๊ตบุ๊คออกมาถึง 6 รุ่นด้วยกันโดยจะมาพร้อมกับรุ่นใหญ่อย่าง Core i9-9980HK, Core i9-9980H, Core i7-9850H, Core i7-9850H, Core i7-9750H, Core i5-9400H และ Core i5-9300H ซึ่งแต่ละรุ่นนั้นก็มีสเปคแตกต่างกันไป
แต่อยู่ภายใต้สถาปัตยกรรม Coffee Lake-H (CFL-H) ที่มาพร้อมกับกระบวนการผลิตระดับ 14 nm++ ที่บอกได้เลยครับว่าอยากได้มากๆ เพราะตัวหน่วยประมวลผลทุกรุ่นนั้นจะมาพร้อมกับอัตราการคายความร้อนที่ 45 W TDP เท่านั้น แถมด้วยทาง Intel ยังได้ประกาศออกมาด้วยว่าหน่วยประมวลผลสถาปัตยกรรม Coffee Lake-H (CFL-H) นี้นั้นเป็นหน่วยประมวลผลสำหรับโน๊ตบุ๊คที่มีประสิทธิภาพสูงมากที่สุดในโลก ณ เวลานี้ครับ
มาเริ่มกันที่ตัวสถาปัตยกรรมก่อนครับกับ Coffee Lake-H (CFL-H) ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่ได้รับการสืบทอดต่อมาจาก Coffee Lake เหมือนๆ กันกับ 15 W ULV Whiskey Lake-U ที่เคยถูกเปิดตัวไว้ในงาน IFA 2018 เมื่อปีที่แล้วโดยที่มีหลายๆ ส่วนที่น่าสนใจอย่างการมาพร้อมกับชิปกราฟิกแบบฝัง Gen11 GT2 นอกไปจากนั้นแล้วทาง Intel ยังได้มีการเปิดตัวหน่วยประมวลผล Sunny Cove ที่จะใช้กระบวนการผลิตที่ระดับ 10 nm
ดังนั้นแล้วในส่วนของ CFL-H จะยังคงมาแค่พร้อมกับชิปกราฟิกแบบฝังรุ่น Intel UHD Graphics 630 เท่านั้น(รองรับการเชื่อมต่อแบบ HDMI 1.4 ที่ความละเอียดสูงสุด 4K 30 Hz และ DisplayPort 1.2 ที่ 4K 60 Hz นอกไปจากนั้นยังมาพร้อมกับ LSPCon ที่สามารถเปลี่ยนสัญญาณผ่าน DisplayPort 1.2 เป็นผ่าน HDMI 2.0a ได้ รวมไปถึงยังคงมี eDP 1.4-out ร่วมอยู่ด้วยดังนั้น CFL-H จึงสามารถที่จะเชื่อมต่อหน้าจอได้สูงสุดถึง 4 จอเช่นเดียวกันกับหน่วยประมวลผลรุ่นที่ 9 ของเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ ในส่วนของหน่วยความจำนั้น CFL-H รองรับกับ 16 Gb die density DIMMs จำนวน 2 DIMMs per channel (2DPC) รวมทั้งหมดแล้วก็จะสามารถรองรับหน่วยความจำได้สูงสุดที่ 128 GB แบบ DDR4 ครับ
สำหรับชิปเซ็ทที่ทาง Intel ใช้คู่กันกับ CFL-H นั้นจะเป็นชิปเซ็ทซีรีส์ 300 ซึ่งจะมาพร้อมกับ Thunderbolt 3 ที่อยู่ในรูป DDI interface, USB 3.1 Gen2, USB 2.0, SATA 3.0 และ Intel LAN PHY จุดเด่นสุดเลยนั้นน่าจะเป็นการรองรับการเชื่อมต่อเครือข่ายไร้สายแบบใหม่อย่าง Intel Wi-Fi 6 AX200 (Gig+) นอกไปจากนั้นแล้วยังจะรองรับกับ Intel Optane H10 ที่ใช้ SSD ซึ่งจะเป็นการรวมของ Optane memory และ Intel SSD 660p QLC NAND บน single M.2 PCB ทว่าในจุดนี้นั้นคงต้องรอดูนะครับว่าทางผู้ผลิตโน๊ตบุ๊คนั้นจะเอาไปสานต่อหรือไม่เพราะแว่วๆ มาว่าราคาค่อนข้างจะสูงอยู่
มาเริ่มกันที่หน่วยประมวลผลรุ่นท๊อปของซีรีส์อย่าง Core i9-9980HK ที่มาพร้อมกับแกนการประมวลผลทั้งหมด 8 แกน 16 threads ซึ่ง Intel ได้ตั้งชื่อเล่นไว้เท่ห์ๆ ว่า ‘Musclebooks’ โดยตามความน่าจะเป็นนั้น Intel น่าจะสื่อถึง ‘THICC BOIS’ คล้ายๆ กับ Thermal Velocity Boost (TVB) ที่ถูกนำมาใช้ครั้งแรกบนหน่วยประมวลผลรุ่นที่ 8 ซึ่งกับหน่วยประมวลผลรุ่นที่ 9 นี้นั้นเจ้า TVB จะเข้ามาช่วยทำให้ตัวหน่วยประมวลผล 9980HK สามารถที่จะเร่งความเร็วสูงสุดไปไดุ้คง 5 GHz โดยที่มีอัตราการคายความร้อนอยู่ที่ 45 W TDP เท่านั้น
หมายเหตุ – ตามชื่อรหัสของ 9980HK นั้นจะเห็นได้ว่าหน่วยประมวลผลรุ่นนี้จะมาพร้อมกับการปลดล๊อคตัวคูณทำให้ผู้ใช้สามารถที่จะ OC ได้
ในส่วนของ Core i9-9980H นั้นก็จะตรงตามชื่อรหัสครับคือเมื่อไม่มี K ตามท้ายก็จะไม่มีการปลดล๊อคตัวคูณมาทำให้ไม่สามารถทำการ OC ได้ แต่ทว่าความเร็วสูงสุดขณะ Boost นั้นก็สูงอยู่แล้วที่ 4.8 GHz ส่งส่วนสเปคอื่นๆ ในตัวหน่วยประมวลผลนั้นก็จะเหมือนกันทุกประการกับรุ่นที่มีการลงท้ายด้วย HK อย่าง L3 cache นั้นก็จะมีขนาดอยู่ที่ 16 MB ครับ
ในส่วนของหน่วยประมวลผลระดับกลางนั้นจะมีอยู่ 2 รุ่นได้แก่ Core i7-9850H และ Core i7-9750H ซึ่งจะมาพร้อมกับแกนการประมวลผลจำนวน 6 แกน 12 threads, L3 cache มีขนาดอยู่ที่ 12 MB แต่ไม่รองรับ TVB เหมือนกับในรุ่น i9 ทว่าในรุ่น i7-9850H นั้นจะได้รับการปลดล๊อคมาบางส่วนซึ่งถึงแม้ว่าจะสามารถทำการ OC ได้
ทว่าก็ไม่ได้สะดวกหรือลากไปได้ไกลมากนักเท่ากับรุ่น i9-9980H ตามมาด้วย Core i5-9400H และ i5-9300H ซึ่งทั้ง 2 รุ่นนี้นั้นจะมาพร้อมกับแกนการประมวลผล 4 แกน 8 threads พร้อมด้วย L3 cache ขนาด 8 MB ทั้งนี้หน่วยประมวลผล CFL-H นั้นจะรองรับกับหน่วยความจำ Intel Optane memory และ dual-channel DDR4-2666
มาต่อกันที่ข้อมูลที่หลายๆ ท่านอยากจะทราบครับกับประสิทธิภาพของ CFL-H ในรุ่น Core i9-9980HK นั้นจะแรงมากแค่ไหน โดยทาง Intel ได้ทำการบอกออกมาว่า i9-9980HK มีประสิทธิภาพในการเล่นเกมเพิ่มขึ้นถึง 18%(จากการวัด FPS ที่เพิ่มขึ้น), ประสิทธิภาพทางด้านการ streamers สูงขึ้นถึง 2.1 เท่า การตัดต่อไฟล์วีดีโอความละเอียด 4K จะเร็วมากขึ้นถึง 28% ซึ่งโดยรวมๆ แล้วนั้นประสิทธิภาพของ i9-9980HK จะเหนือกว่า Core i7-6700HQ เป็นอย่างมากครับ
ในช่วงที่มีการเปิดตัวนั้นทาง NotebookCheck ได้รับเครื่องโน๊ตบุ๊คต้นแบบที่มาพร้อมกับหน่วยประมวลผล Core i9-9980HK และ Core i7-9750H ดังนั้นแล้วทาง NotebookCheck จึงได้ทำการทดสอบโดยการใช้โปรแกรม Cinebench R15 ซึ่งผลการทดสอบของ i9-9980HK นั้นจะมีคะแนนห่างจาก i9-9900K ทั้งในส่วนของ single และ multi-core ที่ราวๆ 5%
สำหรับ Core i7-9750H นั้นจะได้คะแนนมากกว่า Core i7-8750H ที่เป็นรุ่นพี่อยู่ไม่มากเท่าไรนักทั้งในส่วนของ Single core และ multi cores ทว่าเมื่อนำไปเทียบกับ Core i7-6700HQ แล้วนั้นจะเห็นได้ว่าประสิทธิภาพนั้นแตกต่างกันเป็นอย่างมาก โดยในส่วนของผลการทดสอบนั้นจะมีดังต่อไปนี้ครับ
ทาง NotebookCheck นั้นได้ทำการทดสอบ Core i9-9980HK บนโปรแกรม Cinebench R15 Multi loop วนรอบประมาณ 50 รอบ โดยจากการทดสอบนั้นพบว่าถ้าตั้งค่าแบบมาตรฐานทั้งหมดตัวหน่วยประมวลผลจะมีช่วงเวลาสั้นๆ ประมาณ 48 วินาทีที่มีการคายความร้อนออกมาถึง 83 W แต่ทว่าในช่วงหลังก็สามารถที่จะลดการคายความร้อนลงมาอยู่ที่ 55 W สำหรับคะแนนที่ได้ในรอบแรกของการทดสอบนั้นจะอยู่ที่ประมาณ 1600 คะแนน รันโดยใช้แกนทั้งหมด 8 แกนนั้น ความเร็วสัญญาณนาฬิกาจะแกว่งมาอยู่ที่ 3.6 – 3.9 GHz โดยมีอัตราการคายความร้อนอยู่ที่ 83 W ส่วนการทดสอบในช่วงที่มีอัตราการคายความร้อนอยู่ที่ 55 W นั้นจะมีความเร็วสัญญาณนาฬิกาอยู่ที่ 3.2 GHz โดยคะแนนจะลดลงมาอยู่ที่ 1420 คะแนน
เพื่อที่จะทำให้ Core i9-9980HK นั้นสามารถที่จะทำผลการทดสอบให้ดีมากขึ้นกว่าเดิมทาง NotebookCheck จึงได้ทำการลดแรงดันไฟฟ้าที่จ่ายให้ตัวหน่วยประมวลผลลงมา 130 mV และได้ทำการเพิ่มในส่วนของขีดจำกัดทางด้านการคายความร้อนไปอยู่ที่ 75 W ผลปรากฎว่าในรอบแรกของการทดสอบนั้นจะอยู่ที่ 1740 ตะแนน และเมื่อขึ้นรอบอื่นๆ นั้นคะแนนก็จะอยู่ในช่วง 1720 – 1740 คะแนนครับ
ทั้งนี้หน่วยประมวลผลทั้ง 6 รุ่นนั้นได้มีการจัดส่งไปให้ยังผู้ผลิตโน๊ตบุ๊คแล้ว ในเร็วๆ นี้ท่านก็น่าจะได้สัมผัสความแรงกันแล้วครับ โดยสำหรับรุ่นแรกๆ ที่จะออกมาและมีการยืนยันแล้วแน่นอนก็คือ Dell XPS 15, HP Spectre รวมไปถึงโน๊ตบุ๊คสำหรับการเล่นเกมจากทาง ASUS และ MSI กับแบรนด์อื่นๆ อีกมากมายครับ
ที่มา : notebookcheck