เชื่อว่าหลายๆ ท่านน่าจะรอการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ GeForce GTX 1650 และ GTX 1660 Ti 2 กราฟิกการ์ดตัวใหม่ที่มาพร้อมกับสถาปัตยกรรม Turing ที่ออกมาสานต่อความสำเร็จของกราฟิกการ์ดรุ่นพี่กับสถาปัตยกรรม Pascal ซึ่ง GTX 1650 จะถูกนำมาแทนที่ GTX 1050 Ti และ GTX 1660 Ti นั้นจะมาแทนที่ GTX 1070
ซึ่งถึงแม้ว่าเจ้าตัว GTX 1650 และ GTX 1660 Ti นั้นจะไม่ได้มาพร้อมกับ Tensor cores หรือรองรับกับเทคโนโลยี ray-tracing โดยตรงแต่ก็มาพร้อมกับความแรงที่เพิ่มมากขึ้นจากรุ่นพี่ และในวันนี้เราจะขอนำเอาผลการทดสอบแรกมาให้ทุกท่านได้ดูครับว่ากราฟิกการ์ดทั้ง 2 นั้นจะน่าสนใจมากขนาดไหน
อย่างที่บอกครับถึงแม้ว่าเจ้า GTX 1650 และ GTX 1660 Ti นั้นไม่ได้มาพร้อมกับ Tensor cores เหมือนรุ่นพี่อย่าง RTX 2xxx แต่มันก็ยังได้รับข้อดีมาจากสถาปัตยกรรม Turing อยู่อย่างการมาพร้อมกับการคำนวณ FLOAT ได้ INT พร้อมๆ กัน, unified cache และ adaptive shading โดยในการทดสอบในเรื่องของการคำนวนตัวเลขแบบ FLOAT และ INT นั้นทาง NVIDIA ได้ใช้เกม Shadow of the Tomb Raider เป็นตัวอย่าง
โดยในการคำนวนชุดคำสั่งจำนวน 100 คำสั่งแบบ floating-point นั้นจะต้องใช้ชุดคำสั่งทั้งหมด 38 คำสั่งของ integer ซึ่งในสถาปัตยกรรม Pascal นั้น CUDA Core จะมีหน้าที่ในการทำ 2 อย่างคือการคำนวน INT32 และ FP32 ทว่าใน Pascal นั้นเวลาที่ทำการคำนวนจะต้องเลือกทำอย่างใดอย่างหนึ่งก่อนแล้วจึงจะสามารถไปทำชุดคำสั่งต่อไปได้ ทว่าบนสถาปัตยกรรม Turing นั้น NVIDIA ได้ทำการออกแบบให้ตัวชิปกราฟิกมี block การคำนวนที่แยกออกจากกันโดยชุดคำสั่ง INT32 และ FP32 นั้นจะถูกทำการประมวลผลไปพร้อมๆ กันครับ
นอกไปจากนั้นแล้วบนสถาปัตยกรรม Turing ทาง NVIDIA ยังได้มีการออกแบบ unified cache ใหม่เพื่อลดปัญหาเรื่องคอชวดให้มากที่สุดโดยแต่ละใน graphics loads นั้นจะมี L1 cache อยู่ที่ขนาด 64 KB ซึ่งเจ้า L1 cache นี้นั้นยังคงสามารถที่จะแชร์การทำงานไปให้กับ graphics loads อื่นๆ ได้อีก ทำให้ graphics loads นั้นๆ สามารถที่จะประมวลผลได้เร็วขึ้นเป็น 2 เท่าหากเทียบกับ Pascal
นอกไปจากนั้นแล้ว Turing ยังมาพร้อมกับ Adaptive shading ซึ่งจะเข้ามาช่วยทำให้ประสิทธิภาพในการประมวลผลนั้นเพิ่มมากขึ้นกว่า Pascal ซึ่ง ณ เวลานี้นั้นเจ้า Adaptive shading ก็ได้ถูกรวมไว้ใน API ยอดฮิตอย่าง DirectX 12 เป็นที่เรียบร้อยแล้วซึ่งสามารถที่จะทำ pixel shading ได้ทีละ 16 x 16 จากรูปแบบเดิมที่ทำได้แค่ 1 x 1 เท่านั้น ผู้พัฒนาเกมยังสามารถที่จะออกแบบการใช้งาน Adaptive shading ในรูปแบบ 2×1, 1×2, 2×2 และ 4×4 pixel blocks ได้อีกด้วย ซึ่งนั่นย่อมแน่นอนว่าทั้ง GTX 1650 และ GTX 1660 Ti นั้นจะสามารถทำการประมวลผลในด้านดังกล่าวนี้ได้ดีและมีประสิทธิภาพมากกว่า Pascal เป็นอย่างมากครับ
ทั้งนี้ทาง NVIDIA ได้บอกเอาไว้ครับว่า 3/4 ของผู้ใช้งานโน๊ตบุ๊คสำหรับการเล่นเกมนั้นยังคงใช้เครื่องที่มาพร้อมกับกราฟิกชิปอย่าง GTX 960M อยู่ ซึ่งเมื่อพวกเขาเหล่านั้นตัวสินใจที่จะเปลี่ยนโน๊ตบุ๊คเป็นรุ่นใหม่ แน่นอนว่า GTX 1660 Ti จะทำให้พวกเขาเห็นความแตกต่างของประสิทธิภาพที่เห็นได้อย่างชัดเจน โดยทาง NVIDIA ได้บอกเอาไว้ว่า GTX 1660 Ti นั้นจะมีประสิทธิภาพมากกว่า GTX 960M อยู่ถึง 4 เท่า และเมื่อเทียบกับ GTX 1060 นั้นพบว่าจะมีประสิทธิภาพมากกว่าที่ราวๆ 1.5 เท่า
ตัวเลขต่างๆ เหล่านี้นั้นทาง NVIDIA ได้มาจากการทดสอบด้วยเกม Wolfenstein II, Shadow of the Tomb Raider และ Call of Duty: Black Ops 4 ที่ความละเอียดระดับ 1080p แล้วพบว่า GTX 1660 Ti นั้นสามารถที่จะรันทุกเกมได้เกิน 100 FPS ดังนั้นแล้วหากพูดถึงเกมออนไลน์อย่าง PUBG, Fortnite และ Apex Legends เจ้า GTX 1660 Ti ก็สามารถที่จะเอาอยู่แบบชิวๆ ได้อย่างสบายๆ ครับ
ในงานนี้นั้นทาง NVIDIA ได้ทำการเปรียบเทียบโน๊ตบุ๊ค 2 รุ่นคือ Asus ROG GL552 ที่มาพร้อมกับ GTX 960M และ Asus ROG Zephyrus GU502 ที่มาพร้อมกับ GTX 1660 Ti มาเทียบกันทั้งในส่วนของประสิทธิภาพไปจนถึงการออกแบบตัวเครื่องนั้นจะเห็นได้ชัดเจนว่า Asus ROG Zephyrus GU502 ที่มาพร้อมกับ GTX 1660 Ti นั้นทังบางและเบากว่าครับ
ไม่เพียงแค่การเล่นเกมเท่านั้นนะครับ ประสิทธิภาพในการถอดและเข้ารหัสไฟล์แบบ H.264 ที่ความละเอียดระดับ 1080p และ 4K ด้วย Lumetri HD ใน Premiere Pro CC ที่เมื่อใช้ CPU เพียงอย่างเดียวเป็นตัวเข้าปละถอดรหัสนั้นจะพบได้ว่าเครื่องที่มาพร้อม GTX 1660 Ti มีประสิทธิภาพมากกว่าหลายเท่าตัว หรือจะเป็นการตัดต่อรูปบน Illustrator พร้อมๆ กับการ upscaling ใน Photoshop นั้นก็สามารถรองรับได้หมดทำให้ตัวหน่วยประมวลผลนั้นทำงานน้อยลงกว่าเดิมครับ
ในส่วนของผู้ที่ชอบสตรีมมิ่งเกมไปด้วยนั้นเรื่องความเร็วในการส่งสัญญาณภาพก็หายห่วงได้ครับเพราะ GTX 1660 Ti นั้นยังคงมาแรงแซงโค้งการใช้หน่วยประมวลผลในการเข้ารหัสไฟล์ H.264 เพียงอย่างเดียว งานนี้ก็เรียกได้ว่าเล่นเกมก็เร็วสตรีมมิ่งก็ไม่กระตุกไปด้วยเหมาะกับผู้ใช้งานทางด้านนี้จริงๆ ครับ
ส่วนน้องเล็กอย่าง GTX 1650 นั้นจากการทดสอบของทาง NVIDIA พบว่ามีประสิทธิภาพมากกว่า GTX 1050 ถึง 1.7 เท่าตัว และเมื่อเทียบกับ GTX 950M แล้วนั้นพบว่ามีประสิทธิภาพมากกว่าถึง 2.5 เท่าตัว ซึ่งการทดสอบนี้นั้นได้ทำการทดสอบผ่านเกม Wolfenstein II, Shadow of the Tomb Raider และ Call of Duty: Black Ops 4 ซึ่งแน่นอนครับว่าเกมออนไลน์ที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบันอย่าง PUBG, Apex Legends และ Fortnite เจ้า GTX 1650 ก็สามารถที่จะรันภาพที่ 60 FPS ได้แบบสบายๆ ครับ
ในส่วนของการทดสอบบน 3DMark 1920×1080 Fire Strike นั้นพบว่าเป็นไปตามที่คาดหมายเอาไว้ครับเพราะ GTX 1660 Ti นั้นได้คะแนนเกือบจะเท่า RTX 2060 ส่วน GTX 1650 นั้นก็สามารถที่จะไล่ตาม GTX 1060 เข้ามาได้แบบติดๆ ถือว่าในครั้งนี้นั้นทาง NVIDIA นั้นทำการบ้านมาได้ดีจริงๆ ครับ
หมายเหตุ – ตรงนี้ก็ต้องใช้วิจารณญาณกันหน่อยนะครับเนื่องจากตัวเครื่องที่มาพร้อมกับ GTX 1660 TI และ GTX 1650 นั้นจะมาพร้อมกับหน่วยประมวลผลรุ่นใหม่กว่าเครื่องที่มีพร้อมกับ GTX 1060 หรือ GTX 1050 Ti ครับ
สำหรับโน๊ตบุ๊คที่มาพร้อมกับ GTX 1660 Ti และ GTX 1650 รวมไปถึงรุ่นที่ลงท้ายด้วย MaxQ ของชิปทั้ง 2 นั้น เริ่มมีการวางจำหน่ายให้เราได้เห็นกันบ้างแล้ว ซึ่งสนนราคาเริ่มต้นนั้นจะอยู่ที่ $799 หรือประมาณ 25,580 บาท ตัวอย่างเช่น MSI PS63, Lenovo Legion Y540, HP Omen 15, Acer Nitro 7 และ Dell G5 นอกไปจากนั้นแล้วหากคุณตัดสินใจซื้อเครื่องที่มาพร้อมกับชิปกราฟิกซีรีส์ GTX 16XX ภายในวันที่ 23 เมษายนไปจนถึง 22 พฤษภาคม คุณจะยังได้รับตัวเกม Fortnite bundle ที่มาพร้อมกับ 2000 V-Bucks และ Fortnite Counterattack set ด้วยครับ
ที่มา : notebookcheck