ถ้าจะกล่าวถึงหูฟังเกมมิ่งในบ้านเรา Razer เป็นอีกค่ายหนึ่งที่มีไลน์ผลิตภัณฑ์หูฟังมาให้เลือกมากมายเลยทีเดียว Razer Thresher, Thresher Tournament Edition, Electra V2, Tiamat, Kraken Pro V2, เรื่อยมาถึง Nari เป็นต้น ซึ่งล่าสุดในสายพันธุ์ RAZER KRAKEN ก็ออกมาวาดลวดลายกันอีกครั้ง ซึ่งเพิ่มขีดความสนุกได้มากขึ้น ด้วยไดรเวอร์ชุดใหญ่ ครอบหูที่สวมสบาย นุ่มกระชับกว่าเดิม รวมไปถึงเพิ่มรีโมทมาในสาย และน้ำหนักเบา เหมาะกับการใช้งานได้นานขึ้น
RAZER KRAKEN สำหรับหูฟังรุ่นนี้ อาจจะเรียกได้ว่าเป็น New KRAKEN ที่ออกมาล่าสุด สำหรับคิอเกมในทุกแพลตฟอร์ม กับรูปลักษณ์ที่ยังคงเอกลักษณ์ของ KRAKEN เอาไว้อย่างเหนียวแน่น มีให้เลือก 4 เฉดสี ให้การสวมใส่ที่สบาย ด้วยน้ำหนักที่เบาราวๆ 300 กรัม ทำให้รองรับการใช้งานได้นาน จุดเด่นที่ไดรเวอร์ขนาดใหญ่ 50mm เพื่อให้การเล่นเกมสนุกมากขึ้น กับเสียงสุดกระหึ่มเร้าใจ โดยเฉพาะเกม FPS และแนว Adventure ก็จะได้เต็มอิ่มกับเอฟเฟกต์เสียงมากขึ้น โดยทาง RAZER ได้นำผ้านุ่มๆ และชั้นเจลบางๆ ซ้อนเข้าไปในส่วนของครอบหูฟัง เพื่อให้สวมใส่สบายในกรณีที่เล่นเกมเป็นเวลานาน รวมไปถึงไมโครโฟนที่ได้รับการปรับปรุงให้ตัดเสียงรอบข้างได้ดีทีเดียว และยังมีลูกเล่นอื่นๆ อีกเพียบ ใครที่กำลังมองหาหูฟังสำหรับเล่นเกมตามมาดูกันครับ
Specification
- Custom-tuned 50 mm Drivers
- Cooling Gel-Infused Cushions
- Retractable Unidirectional Microphone
- Bauxite Aluminum Frame
- Thicker Headband Padding
- Cross-Platform Compatibility
Headphone
- Frequency response: 12 Hz – 28 kHz
- Impedance: 32 Ω @ 1 kHz
- Sensitivity (@1 kHz): 109 dB
- Input power: 30 mW (Max)
- Drivers: 50 mm, with Neodymium magnets
- Inner ear cup diameter: 54 mm x 65 mm
- Connection type: Analog 3.5 mm
- Cable length: 1.3 m / 4.27 ft.
- Approx. weight: 322 g / 0.71 lbs
- Oval ear cushions: Designed for full-ear coverage with cooling gel, perfect for long-wearing comfort
Microphone
- Frequency response: 100 Hz – 10 kHz
- Signal-to-noise ratio: > 60 dB
- Sensitivity (@1 kHz): -45 ± 3 dB
- Pick-up pattern: Unidirectional ECM boom
- Audio Usage: Devices with 3.5 mm audio jack
- Audio+microphone usage: Devices with 3.5 mm audio + mic combined jack
- Audio/mic splitter adapter cable usage: Devices with separate 3.5 mm audio and microphone jacks
Feature
การออกแบบและฟังก์ชั่น
หน้ากล่องของ RAZER KRAKEN เรียกว่าแทบไม่ต่างไปจากรุ่นเดิม ด้วยโทนสีดำตัดด้วยเส้นสายสีเขียวและมีภาพกราฟิกของหูฟัง ส่วนด้านหลัง มาพร้อมคุณสมบัติเบื้องต้น และกราฟิกของครอบหูฟังชัดเจน
สิ่งที่บันเดิลมาภายในกล่องนั้น ประกอบด้วยเคเบิล 2 เส้น แบ่งเป็น หัวต่อ 3.5mm แบบ 90 องศา ที่ต่อเข้าตัวหูฟังโดยตรง ซึ่งมีตัวควบคุมเพิ่ม-ลดเสียงและเปิด-ปิดไมโครโฟนมาในตัว
ถัดมาจะเป็นสายที่ใช้ต่อขยาย เพิ่มอีก 1.3m สำหรับคนที่ต้องใช้ต่อกับ Sound ด้านหลังเครื่อง หรือยืดระยะจากหน้าจอให้ไกลขึ้น ถ้าใช้จอขนาดใหญ่
ตัวควบคุมที่ใส่ใสในสาย ใช้สำหรับปรับเพิ่ม-ลดเสียง และเปิด-ปิดไมโครโฟน ซึ่งให้ความสะดวกดีทีเดียว
ครอบหูฟังขนาดใหญ่กับโลโก้ RAZER ในโนสีดำ ซึ่งปกติมีให้เลือก 4 สีคือ สีดำ เขียว ชมพู และดำคาดน้ำเงิน
คาดศีรษะด้านบนมีโลโก้ RAZER ดูหล่อทีเดียว ออกแบบมาเป็นโครงอลูมิเนียมด้านใน น้ำหนักเบา และเสริมแพดที่มีความหนา จึงทำให้สวมกับศีรษะในขนาดต่างๆ ได้สบาย ไม่หนีบจนเกิดความรำคาญ
หูฟัง KRAKEN ใหม่นี้ รองรับการปรับได้ถึง 5 ระดับ สำหรับศีรษะที่แตกต่างกัน เพื่อให้เหมาะและกระชับในการใช้งาน เรียกว่าจะหัวไซส์ไหนก็มาดิคร้าบบบ
ไฮไลต์ของหูฟัง RAZER KRAKEN รุ่นนี้ อยู่ที่ครอบหูฟัง ซึ่งแฝงไปด้วยคุณสมบัติที่น่าสนใจมากมาย ภายนอกจะหุ้มด้วยหนังแบบนุ่มๆ ด้านในจะเป็นเมมโมรีโฟม ที่ครอบด้วยชั้นเจลระบายความร้อนบางๆ อีกชั้นหนึ่ง เพื่อให้รู้สึกสบายหูมากยิ่งขึ้น เมื่อต้องใช้งานนานๆ
อีกสิ่งหนึ่งคือไดรเวอร์ขนาด 50nm ในแบบแม่เหล็กนีโอดายเมียม ให้ย่านเสียงที่กว้าง 12 Hz – 28 kHz
โครงครอบศีรษะเป็นอลูมิเนียม Bauxite ที่มีน้ำหนักเบา ให้ความยืดหยุ่นและแข็งแรง ครอบด้วยหนังด้านบนและฟองน้ำที่บุผ้า หนาเป็นพิเศษ เพื่อให้รองรับศีรษะได้สบาย กระจายน้ำหนักได้ดี
ไมโครโฟนตอบสนองในย่าน 100 Hz – 10 kHz ซึ่งเป็นแบบ Unidirectional ECM ให้เสียงที่คมชัด ตัดเสียงรบกวนภายนอกได้ดีพอสมควร ปรับยืดออกมาและพับเก็บได้
ผู้ใช้สามารถปรับระยะของไมโครโฟนที่ยืดจากตัวหูฟัง ให้ระยะที่พอเหมาะกับตัวคุณได้ ด้วยการดัดหรือยืดให้เข้ากับการใช้งาน
Conclusion
ค่อนข้างชัดเจน สำหรับ RAZER KRAKEN กับไลน์ผลิตภัณฑ์มีมายาวนาน และมาถึงวันนี้ก็ได้คลอด KRAKEN Multi-Platform ด้วยการนำจุดเด่นของรุ่นที่ผ่านมา เติมเข้ามาในรุ่นใหม่นี้ เหมือนจะเป็นการย้ำให้ภาพของรุ่นนี้ชัดเจนสำหรับเกมเมอร์และกลุ่มอีสปอร์ตได้ดี โดยมีจุดเด่นในการออกแบบ 3 ข้อหลักคือ การใช้วัสดุที่แข็งแรง และน้ำหนักเบา ทำให้โครงสร้างมีความยืดหยุ่น สวมใส่สบาย ทีมงานลองกับเกมเมอร์ผู้ชายคนหัวโตๆ ก็ยังนืดออกได้โดยไม่บีบมากนัก หรือจะเป็นแอดมินแอ๋มสาวร่างเล็ก ที่หูฟังอาจจะดูใหญ่ไปบ้าง แต่ก็ครอบได้พอดี เกือบมีพื้นที่เหลือเล็กน้อย แต่ได้ฟองน้ำด้านใต้โครงหูฟังที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ เลยลงตัวพอดี ส่วนใครที่ไม่ถนัด ก็ปรับยืดได้ถึง 5 ระดับเลย เช่นเดียวกับไมโครโฟน ที่ยืดระยะกับปรับมุมให้ใช้งานได้สะดวก
จุดสำคัญที่สองก็คือ RAZER นำชั้นเจลมาแทรกตรงครอบหูฟังด้านใน ระหว่างเมมโมรีโฟมผิวสัมผัสที่เป็นหนัง เพื่อลดความร้อนเมื่อสวมใส่เป็นเวลานานๆ ได้ดีขึ้น ซึ่งน่าจะตอบโจทย์กลุ่มเกมเมอร์ที่เล่นกันแบบจริงจัง อีกสิ่งหนึ่งก็คือ การใช้ไดรเวอร์ขนาด 50mm แม่เหล็กนีโอดายเมียม ซึ่งช่วยให้คุณภาพของเสียงนั้นดีขึ้น สิ่งเหล่านี้คือการการันตีถึงการค้นคว้าของทาง RAZER ที่มุ่งเป้ามาที่เกมเมอร์และอีสปอร์ตอย่างชัดเจนมากขึ้น
เรื่องของคุณภาพเสียง ความอิ่มของเสียงต้องยกให้ เสียงกลาง ตามสไตล์ของหูฟังเกมมิ่ง กับเอฟเฟกต์เสียงที่ให้ความบึ้มบ้ำได้ดี ในช่วงนี้ลุยอยู่กลาง Dead zone ใน PUBG และกระหน่ำยิงกันแบบหูดับใน COD ก็ตาม ทิศทางเสียงก็พอให้สัมผัสได้ เอฟเฟกต์เสียงเก็บรายละเอียดได้ดีในระดับหนึ่ง รวมถึงเสียงกระสุน การพูดคุยของตัวละครและเสียงยิบย่อย เช่น เสียงความเสียหายของชิ้นส่วนต่างๆ ในเกม ในขณะที่เสียงแหลมไม่แจ่มชัดนัก แต่ก็พอไปได้ ส่วนหนึ่งเพราะหูฟังถูกเซ็ตมาเพื่อการเล่นเกม หนักเบสและเน้นอารมณ์ร่วมขณะลุยสมรภูมิ หรือแข่งรถและเอฟเฟกต์การโจมตี ส่วนเรื่องเสียงไมโครโฟน ต้องบอกว่าคมชัดมากทีเดียว สิ่งเหล่านี้อย่าเพิ่งเชื่อ จนกว่าคุณจะได้ลองสัมผัสด้วยตัวเอง
จุดเด่น
- สวมใส่สบายหู กระจายน้ำหนักได้ดี รองรับศีรษะได้หลายขนาด
- เสียงเอฟเฟกต์มาครบ เบสหนัก เสียงกลางชัด
- ไมค์ตัดเสียงดี ให้ความคมชัด
- ทิศทางเสียงในเกม ชัดเจนดี
ข้อสังเกต
- ขนาดค่อนข้างใหญ่ สำหรับสาวศีรษะเล็ก
- เสียงแหลมไม่จัดจ้านตามสไตล์หูฟังเกมมิ่ง
ราคา: ประมาณ 2,690 บาท