ในงาน GDC 2019 ที่ผ่านมานั้นสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจที่ทาง Intel ได้ทำการเปิดตัวออกมานั้นก็คือชิปกราฟิกแบบฝังรุ่นใหม่ Gen 11 ของทาง Intel แล้วครับ โดยหลังจากที่มีการเปิดตัวออกมานั้นเราก็ได้เห็นข่าวโชว์ประสิทธิภาพของเจ้ากราฟิกชิปแบบฝังรุ่นนี้ออกมาโดยใช้การทดสอบจาก Ashes of The Singularity และ GFXBench ซึ่งทำได้ดีกว่ารุ่นก่อนหน้านี้ถึงเท่าตัวเลยทีเดียวครับ ล่าสุดนั้นจาก Graphics Command Center หรือ Driver รุ่นใหม่นั้นก็ได้มีการเจาะโค้ดดูแล้วซึ่งทำให้เราได้ทราบครับว่าตัวชิปกราฟิกแบบฝังนั้นจะมีรุ่นใหม่ใดบ้างครับ
ตามข้อมูลที่ทาง TechPowerUp ปล่อยออกมานั้นทำให้เราได้ทราบว่าชิปกราฟิกแบบฝังรุ่นที่ 11 ใหม่นี้นั้นจะถูกนำไปใช้งานบนหน่วยประมวลผลสถาปัตยกรรม Ice Lake, Sunny Cove และ Lakefield ที่กำลังจะออกมาโลดเแล่นในอนาคตอันใกล้นี้ครับ ด้วยการแกะโค้ดของ Graphics Command Center เวอร์ชันใหม่นี้นั้นทำให้เราได้เห็นว่าชิปกราฟิกรุ่นที่ 11 นั้นจะถูกแบ่งออกเป็นรุ่นย่อยจำนวน 13 รุ่นดังต่อไปนี้ครับ
ตามข้อมูลทางด้านบนนี้นั้นจะทำให้เราเห็นได้ครับว่าชิปกราฟิกแบบฝังรุ่นที่ 11 นั้นจะจำนวนรุ่นที่ใช้ชื่อขายในตลาดทั้งหมด 5 รุ่นโดยเรียงจาก 910 ไปจนถึง 950 ดังนี้ครับ
- Intel Iris Plus Graphics 950
- Intel Iris Plus Graphics 940
- Intel Iris Plus Graphics 930
- Intel UHD Graphics 920
- Intel UHD Graphics 910
เริ่มต้นกันที่รุ่นท๊อปสุดอย่าง Intel Iris Plus Graphics 950 ซึ่งคาดว่าจะมาพร้อมกับหน่วยประมวลผลสถาปัตยกรรม Ice Lake ครับ โดยตัวชิปกราฟิกนั้นจะมาพร้อมกับดีไซน์แบบ GT2 tier ซึ่งประกอบไปด้วย 64 EUs พร้อมด้วยความเร็วสัญญาณนาฬิกามากที่สุดในบรรดาชิปกราฟิกรุ่นที่ 11 ด้วยกัน ตามมาด้วย Intel Iris Plus Graphics 940 ที่อาจจะมาพร้อมกับ 64 EUs หรือลดมาอยู่ที่ 48 EUs เช่นเดียวกับ Intel Iris Plus Graphics 930 ที่น่าจะมาพร้อมกับจำนวน EUs เท่ากับรุ่น 940 แต่ก็จะมีการลดความเร็วสัญญาณนาฬิกาลงมาตามลำดับครับ
นอกไปจากชิปกราฟิกที่จะใช้ชื่อ Iris แล้วนั้นทาง Intel ยังคงจะมีชิปกราฟิกแบบฝังรุ่นล่างจำนวน 2 รุ่นที่ใช้ชื่อทางการตลาดว่า UHD Graphics 920 และ UHD Graphics 910 อยู่เช่นเดิมซึ่งทั้ง 2 รุ่นนี้นั้นคาดว่าจะมาพร้อมกับ Execution Units จำนวน 32 EUs พร้อมกับการลดความเร็วสัญญาณนาฬิกาลงในแต่ละรุ่นให้เหมาะสมกับรุ่นของหน่วยประมวลผลที่เจ้ากราฟิกแบบฝังนั้นจะมาด้วยครับ
ยังไม่หมดแค่เพียงเท่านั้นนะครับ ทาง Intel ยังคงจะมีชิปกราฟิกแบบฝั่งที่มาพร้อมกับสถาปัตยกรรมรุ่นที่ 11 อยู่ด้วยแต่ว่าจะลดทั้ง EUs และความเร็วสัญญาณนาฬิกกาลงเพื่อให้เหมาะสมอีกหลายรุ่น ซึ่งชิปกราฟิกแบบฝังรุ่นดังกล่าวนี้นั้นน่าจะถูกใช้งานกับหน่วยประมวลผลที่มีรหัสลงท้ายด้วยตัว U และ Y ที่เป็นหน่วยประมวลผลที่เน้นการประหยัดพลังงาน อย่างไรก็ตามครับในโค้ดที่ถูกแกะมานั้นพบว่าจะมีชิปกราฟิกแบบฝังที่เป็นรหัส GT0 ซึ่งเจ้าหน่วยประมวลผลรุ่นที่มาพร้อมกับ GT0 นี้นั้นน่าจะเป็นหน่วยประมวลผลที่ไม่ได้มาพร้อมกับชิปกราฟิกแบบฝังซึ่งในหน่วยประมวลผลรุ่นที่ 9 นั้นเราก็ได้เห็นมาก่อนหน้านี้แล้วครับ
ปิดท้ายกันด้วยโมเดล UHD Graphics ที่จะมีทั้งหมด 4 โมเดลนั้นคาดว่าจะมีการใช้งานบนหน่วยประมวลผลสถาปัตยกรรม Lakefield ซึ่งชิปกราฟิกแบบฝังบนหน่วยประมวลผลดังกล่าวนี้จะมีทั้ง GT2, GT1 และ GT0 ซึ่งทาง Intel นั้นยังไม่ได้เผยข้อมูลในจุดนี้ออกมามากนักนอกเหนือไปจากที่ว่าชิปกราฟิกแบบฝังที่ออกแบบตาม GT2 นัั้นจะมาพร้อมกับ 64 EUs ตามมาด้วย GT1 ที่อาจจะมาพร้อมกับ 32 EUs หรือน้อยกว่านั้นบนหน่วยประมวลผลสถาปัตยกรรม Lakefield ครับ
จากข้อมูลของทาง Intel นั้นพบว่าชิปกราฟิกแบบฝังรุ่นที่ 11 นี้นั้นจะรองรับ API ที่ใช้ในการพัฒนาเกมทุก API อย่าง DirectX, OpenGL, Vulkan, OpenCL และ Metal และด้วยการออกแบบผังวงจรใหม่ทั้งหมดเพื่อให้รองรับกับหน่วยประมวลผลที่ใช้กระบวนการผลิตที่ระดับ 10 nm นั้นก็จะทำให้ชิปกราฟิกแบบฝังทุกรุ่นมีประสิทธิภาพต่อกำลังไฟฟ้าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีที่สุดมากกว่าที่เคยมีมาครับ ส่วนประสิทธิภาพโดยรวมแล้วนั้นชิปกราฟิกแบบฝังรุ่นที่ 11 จะมีประสิทธิภาพสูงกว่าชิปกราฟิกแบบฝังที่อยู่บนหน่วยประมวลผลรุ่นที่ 9 อยู่ถึง 2.67 เท่าเลยทีเดียว
กราฟิกชิปแบบฝังรุ่นที่ 11 ของทาง Intel นั้นถือว่าได้รับการพัฒนาขึ้นมาอย่างมากเลยทีเดียวครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการใช้หน่วยความจำตั้งแต่ L1 – L3 cache นั้นก็มีการใช้งานมากขึ้นเพื่อให้รองรับกับหน่วยประมวลผลรุ่นใหม่ หากทำการเปรียบเทียบกับชิปกราฟิกแบบฝังในรุ่นที่ 9 แล้วนั้นจะมีความแตกต่างกันตามตารางต่อไปนี้ครับ
ตามกำหนดการนั้นพบว่าหน่วยประมวลผลสถาปัตยกรรม Ice Lake และ Lakefield ที่จะมาพร้อมกับชิปกราฟิกแบบฝังรุ่นใหม่นี้จะเปิดตัวและเริ่มวางจำหน่ายในช่วงครึ่งปีหลังนี้ เมื่อถึงเวลานั้นแล้วเราก็น่าจะได้ทราบกันล่ะครับว่าสรุปแล้วชิปกราฟิกแบบฝังรุ่นที่ 11 นั้นจะแรงสมกับที่ทาง Intel ได้ทำการโฆษณาเอาไว้หรือไม่ครับ
ที่มา : wccftech