ในยุคต่อไปนั้นมาตรฐานของ WiFi ที่เราจะได้ใช้กันก็คือ Wi-Fi 6 ที่ภายในปีนี้นั้นเราๆ ท่านๆ ก็จะได้ใช้งานกันแล้ว ลองมาทำความรู้จักกันครับว่าเจ้า Wi-Fi 6 นั้นจะมีดีอะไรบ้างนอกเหนือไปจากความเร็วที่เพิ่มขึ้นเพื่อที่ว่าจะได้สามารถเตรียมตัวรับกับการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ได้ครับ
แน่นอนครับว่าเมื่อเข้าสู่ยุคของการเชื่อมต่อไร้สายแบบใหม่ สิ่งหนึ่งที่จะได้รับการพัฒนาขึ้นมาด้วยนั้นก็คือความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลที่สูงมากขึ้น สำหรับเทคโนโลยีการเชื่อมต่อแบบไร้สายอย่าง Wi-Fi นั้นก็ย่อมมาพร้อมกับความเร็วที่เพิ่มขึ้นมากเช่นกันครับ
ก่อนอื่นเรามาดูในส่วนของความเร็วกันก่อนครับ Wi-Fi 6 นั้นตามทฤษฎีแล้วจะมาพร้อมกับความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลอยู่ที่ 9.6 Gbps ซึ่งถือว่ามากกว่า Wi-Fi 5 ที่มีความความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลอยู่ที่ 3.5 Gbps ประมาณ 3 เท่าตัวได้เลยครับ สิ่งหนึ่งที่เป็นคำถามที่น่าคิดตามมานั้นก็คือเราจะเป็นที่จะต้องใช้ Wi-Fi ที่ความเร็วขนาดนี้หรือไม่เพราะในปัจจุบันนั้นแม้แต่ที่สหรัฐอเมริกาเองความเร็วสูงสุดในการเชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi นั้นก็ยังอยู่ที่ 72 Mbps หรือคิดเป็น 1% ของความเร็วตามทฤษฎีเท่านั้นครับ
แต่ครับแต่ด้วยความที่ปัจจุบันนั้นอุปกรณ์อัจฉริยะต่างๆ ที่เรามีการนำมาใช้งานในครัวเรือนหรือแม้แต่สถานที่ทำงานนั้นต่างก็มากขึ้นตามลำดับครับ ดังนั้นแล้วสิ่งหนึ่งที่ Wi-Fi 6 สามารถที่จะทำได้ดีกว่ามาตรฐาน Wi-Fi ในอดีตที่ผ่านมาก็คือความสามารถในการที่จะสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ มากกว่า 1 อุปกรณ์ได้ในเวลาเดียวกันโดยที่หลายๆ อุปกรณ์นั้นก็จะสามารถที่จะทำการใช้งานในการโอนถ่ายข้อมูลไปพร้อมๆ กันได้ทำให้ไม่ต้องแย่งแบนด์วิดธ์กันเหมือนอย่างที่เคย ดังนั้นแล้วความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลสูงสุดตามทฤษฎีของ Wi-Fi 6 นั้นหากคิดดีๆ แล้วก็ถือว่ามีความจำเป็นมากๆ ครับ
อุปกรณ์เก่าจะสามารถใช้ Wi-Fi 6 ได้หรือไม่
ในการจะใช้มาตรฐาน Wi-Fi 6 ได้นั้นสิ่งหนึ่งเลยที่คุณจะต้องมีก็คืออุปกรณ์ใหม่ครับ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ตัวรับสัญญาณ Wi-Fi หรือตัวกระจายสัญญาณ Wi-Fi หากขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปแล้วนั้นก็ไม่สามารถที่จะใช้เทคโนโลยีใหม่ที่มาพร้อมกับ Wi-Fi 6 ได้ครับ ซึ่งตามข้อมูลนั้นอุปกรณ์ต่างๆ ที่จะออกมาภายในปีนี้นั้นโดยทั่วไปแล้วก็จะมาพร้อมกับมาตรฐาน Wi-Fi 6 แล้ว อย่างไรก็ตามคุณเองก็ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนอุปกรณ์ใหม่ครับเนื่องจากว่ากว่าที่อุปกรณ์ที่รองรับมาตรฐาน Wi-Fi 6 นี้นั้นกว่าจะรับรองมาตรฐาน Wi-Fi 6 ก็น่าจะกินเวลา 5 ปีได้ถึงจะมีวางจำหน่ายเป็นมาตรฐานในตลาดทั้งหมดครับ
อะไรที่ทำให้ Wi-Fi 6 มาเหนือทางด้านความเร็ว
สาเหตุที่ Wi-Fi 6 นั้นเร็วกว่า Wi-Fi 5 ก็เนื่องมาจากว่า Wi-Fi 6 นั้นจะมาพร้อมกับเทคโนโลยี 2 อย่างครับ อย่างแรกก็คือ MU-MIMO หรือ “multi-user, multiple input, multiple output” ซึ่งจริงๆ แล้วนั้นเทคโนโลยีดังกล่าวนี้นั้นก็มาพร้อมกับอุปกรณ์กระจายสัญญาณที่รองรับ Wi-Fi 5 แล้ว ทว่าบน Wi-Fi 6 นั้นก็จะได้รับการอัพเกรดให้ดีมากขึ้นกว่าเดิมซึ่งตามทฤษฎีนั้นเทคโนโลยี MU-MIMO จะรองรับการโอนถ่ายข้อมูลในเวลาเดียวกันให้กับอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออยู่มากถึง 8 อุปกรณ์ในเวลาเดียวกัน(Wi-Fi 5 จะรองรับเพียงแค่ 4 อุปกรณ์เท่านั้น)
สำหรับเทคโนโลยีที่สองนั้นก็คือ OFDMA หรือ “orthogonal frequency division multiple access” ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่จะเข้ามาช่วยให้การโอนถ่ายข้อมูลในหนึ่งครั้งนั้นสามารถที่จะรองรับข้อมูลดังกล่าวมากกว่า 1 อุปกรณ์ได้ในเวลาเดียวกัน คิดง่าๆ ครับว่าหากอุปกรณ์หนึ่งนั้นต้องการข้อมูลเพียงแค่ 50 % ของการโอนถ่ายข้อมูล 1 ครั้งดังนั้นแล้วด้วยเทคโนโลยี OFDMA นั้นก็จะทำให้ในการโอนถ่ายข้อมูลในครั้งนั้นสามารถที่จะรองรับกับอุปกรณ์ตัวอื่นได้ด้วยจนกว่าจะเต็ม 100% ซึ่งทำให้ระยะเวลาในการโอนถ่ายข้อมูลนั้นก็จะใช้น้อยลงตามไปด้วยครับ
Wi-Fi 6 ยังช่วยให้อุปกรณ์ต่างๆ นั้นประหยัดแบตเตอรี่ได้มากขึ้นด้วย
อีกหนึ่งเทคโนโลยีที่เพิ่มเข้ามาบน Wi-Fi 6 นั้นก็คือเทคโนโลยี Target Wake Time ซึ่งจะอนุญาตให้อุปกรณ์ของเรานั้นสามารถที่จะวางแผนการในการเชื่อมต่อกับตัวเราเตอร์ได้ครับ ซึ่งนั่นจะช่วยทำให้อุปกรณ์ของเรานั้นไม่ได้ทำการเชื่อมต่อกับเราเตอร์อยู่ตลอดเวลาลดการใช้งานเสาสัญญาณของตัวอุปกรณ์ สำหรับเทคโนโลยีนี้นั้นน่าจะเห็นผลมากที่สุดก็คือตอนที่อุปกรณ์ของเรานั้นอยู่ในโหมด sleep ซึ่งทำให้การเชื่อมต่อแล้วโอนถ่ายข้อมูลผ่าน Wi-Fi นั้นลดลงโดยที่จะทำการเชื่อมต่อเฉพาะเมื่อจำเป็นเท่านั้นครับ
WPA3 ระบบรักษาความปลอดภัยในการเชื่อมต่อที่แจ๋มมากขึ้น
สิ่งหนึ่งที่จะขาดไปไม่ได้เลยนั้นก็คือเรื่องของระบบรักษาความปลอดภัยครับ โดยสำหรับในส่วนของ Wi-Fi 6 นั้นจะมาพร้อมกับระบบรักษาความปลอดภัยใหม่อย่าง WPA3 อย่างไรก็ตามแต่แล้วนั้นอุปกรณ์ที่รองรับมาตรฐาน Wi-Fi 5 ในปัจจุบันนั้นก็สามารถที่จะทำให้รองรับระบบรักษาความปลอดภัย WPA3 ได้ด้วยเช่นเดียวกันแต่ก็ขึ้นอยู่กับทางผู้ผลิตครับว่าจะเลือกนำเอาระบบรักษาความปลอดภัยนี้มาใช้งานกับเราเตอร์ของพวกเขาหรือไม่แต่ที่แน่ๆ นั้นเราเตอร์ที่มาพร้อมกับมาตรฐาน Wi-Fi 6 นั้นจะมีระบบรักษาความปลอดภัย WPA3 อย่างแน่นอนครับ
สรุป
อย่างที่บอกไปในตอนต้นครับว่ามาตรฐาน Wi-Fi 6 นั้นพึ่งที่จะเริ่มมีการใช้งานอย่างเป็นทางการมาได้ไม่นานนักดังนั้นแล้วในตลาดคุณเองก็สามารถที่จะซื้ออุปกรณ์ที่รองรับกับ Wi-Fi 6 ได้ ทว่าจุดหนึ่งที่อาจจะต้องคิดหนักหน่อยก็คืออุปกรณ์ที่มาพร้อมกับ Wi-Fi 6 ณ เวลาปัจจุบันนั้นจะมีราคาค่าตัวที่ค่อนข้างจะสูงมากเลยทีเดียวครับ
ที่มา : theverge