ปกติคุณเลือกเมาส์เล่นเกมจากอะไร ทนทาน มีแสงสี มีความแม่นยำ จับกระชับหรือราคา แน่นอนว่าคงไม่ได้มีอะไรตายตัวหากใช้แค่การเล่นเกมทั่วไป แต่ถ้าเป็นเกมเมอร์ระดับฮาร์ดคอร์แล้ว เกมมิ่งเมาส์จะเป็นเสมือนอาวุธที่ต้องถนัดมือ ถือกวัดแกว่งได้ตามใจ ซึ่งแน่นอนว่าใครที่เคยได้ใช้งาน แทบจะลืมเมาส์ธรรมดากันไปเลยทีเดียว โดยเฉพาะเรื่องของรายละเอียดและความแม่นยำที่เหนือกว่า เพื่อให้สนุกเกมที่ชื่นชอบได้มั่นใจยิ่งขึ้น
HyperX Pulsefire Core เป็นเกมมิ่งเมาส์ในสายพันธุ์สำหรับเกมเมอร์ระดับเริ่มต้น ที่ต้องการสัมผัสถึงการเคลื่อนไหวที่คล่องตัวและอัตราตอบสนองที่ดีในเกมต่างๆ ซึ่งมีจุดเด่นอยู่ที่ความทนทานในระดับ 20 ล้านคลิก พร้อมเซ็นเซอร์ที่มีความแม่นยำจาก Pixart PAW3327 ความละเอียดสูงสุด 6,200DPI ปรับพรีเซ็ตได้ตามต้องการ ดีไซน์เป็นแบบใช้ได้ทั้งซ้ายและขวา จับถนัดมือด้วยไซส์สำหรับคนเอเซีย ปุ่มปรับตั้งโพรไฟล์ได้ ที่สำคัญมาพร้อมไฟ RGB บนตัวเมาส์ ซึ่งสามารถปรับผ่านซอฟต์แวร์ NGeunity ได้ เรียกว่ามีให้ครบสำหรับคนที่ชื่นชอบการเล่นเกมและความสวยงาม ในราคาประมาณพันต้นๆ เท่านั้นเอง ส่วนรายละเอียดกับการออกแบบบนเมาส์รุ่นนี้ต้องติดตามกันในบทความครับ
Specification
- Ergonomics: Symmetrical
- Sensor: Pixart PAW3327
- Resolution: Up to 6,200 DPI
- DPI presets: 800 / 1600 / 2400 / 3200 DPI
- Speed: 220 IPS
- Acceleration: 30G
- Buttons: 7
- Left/right buttons durability: 20 million clicks
- Backlight: RGB (16,777,216 colours)
- Light effects: 1 lighting zone and 4 brightness levels1
- On-board memory: 1 profile
- Connection type: USB 2.0
- Polling rate: 1000Hz
- USB data format: 16 bits/axis
- Cable type: Braided
- Weight (without cable): 87g
- Weight (with cable): 123g
- Dimensions
Length: 119.30mm
Height: 41.30mm
Width: 63.90mm
Cable length: 1.8m
การออกแบบและฟังก์ชั่น
สำหรับกล่องของ HyperX Pulsefire Core รุ่นนี้ มาในโทนสีใหม่ ซึ่งต่างจากสไตล์ดำ-แดงแบบเดิมๆ แต่เน้นพื้นขาวตัดโลโก้สีแดงสวย โดยมีฟีเจอร์ NGenuity และ RGB มาอย่างชัดเจน
ด้านหลังกล่อง บอกรายละเอียดฟีเจอร์บางส่วนมาด้วย กับภาพกราฟฟิกของเมาส์ ซึ่งดูสวยลงตัวทีเดียว
อุปกรณ์ภายในกล่องมาตามมาตรฐาน ประกอบด้วย ตัวเมาส์ คู่มือแนะนำการใช้และเอกสารประกอบ
ตัวเมาส์มาในโทนสีดำทั้งตัว เป็นทรงแบบสมมาตร สามารถใช้งานได้ทั้งมือซ้ายและขวา ดีไซน์จะต่างจาก Pulsefire ตัวแรกอยู่พอสมควร ทั้งในแง่ของขนาดและฟังก์ชั่น ความยาวเมาส์อยู่ที่ประมาณ 12cm
สายเคเบิลแบบสายถักอ่อน ความยาว 1.8m ซึ่งอาจไม่ได้ยาวมากนัก แต่ก็พอสำหรับการต่อใช้เมาส์บนโต๊ะได้สบายๆ มีความแข็งแรงพอสมควร
ด้านใต้เมาส์มาพร้อมฟีตขนาดใหญ่เป็นพิเศษ ทั้งด้านบนและล่าง HyperX เลือกใช้เซ็นเซอร์ Pixart PAW3327 ให้ความละเอียดสูงสุดที่ 6,200 DPI
สัมผัสพื้นผิวของเมาส์เรียบลื่นดีทีเดียว เหมาะกับคนที่ชอบความถนัดมือ วางนิ้วสะดวกกดไม่หนัก ปุ่มปรับ DPI 2 ปุ่มด้านบน โดยสามารถตั้งโปรแกรมได้ถึง 7 ปุ่มด้วยกัน
กริ้ปด้านข้างแบบยางจับนุ่มมือและกระชับกับนิ้วทั้ง 2 ด้าน จะค่อนข้างแตกต่างจากรุ่นอื่นๆ ในท้องตลาดที่มักจะทำเป็นปุ่มๆ ให้จับสะดวกเช่นกัน
ด้านท้ายตรงที่วางอุ้งมือจะเป็นโลโก้ HyperX ที่มีไฟ RGB ปรากฏขึ้นเพียงจุดเดียวของเมาส์รุ่นนี้ ต่างจาก Pulsefire รุ่นอื่นๆ ที่มีเส้นไฟ RGB ลากยาวตลอดทั้งตัวเมาส์
ด้านข้างซ้ายมีกริ้ปเช่นเดียวกัน พร้อมปุ่มมาโคร 2 ปุ่มสำหรับให้ปรับแต่งได้ หากใครมือเล็กหน่อย น่าจะชื่นชอบกับการออกแบบเช่นนี้ เนื่องจากหัวแม่มือจะจับได้พอดี ไม่ล้นไปที่ปุ่มมากนัก แต่ก็เลื่อนนิ้วไปกดปุ่มได้ง่าย
แสงไฟ RGB ที่เรืองแสงอยู่บนอุ้งมือ ให้ความสดใสได้ในระดับหนึ่ง กับโครงสร้างที่ออกแบบมาอย่างเรียบง่าย ไม่เน้นการวางมือที่สูงไป ออกแบบมาได้ขนาดสำหรับมือคนทางแถบบ้านเราพอดี
นอกจากนี้ในซีรีส์ของเกมมิ่งเกียร์ที่ออกมาในช่วงเดียวกันของ HyperX ยังมีอีกหลายรุ่นเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น Pulsefire FPS Pro, Pulsefire Core, Alloy FPS RGB, HyperX Alloy Core RGB, Cloud Earbuds, และ CloudX เป็นต้น
Conclusion
HyperX Pulsefire Core จัดเป็นเมาส์สำหรับเกมเมอร์เริ่มต้นในราคาที่คุ้มค่ามากๆ หากเทียบกับรุ่นพี่ๆ ที่ออกมาก่อนหน้านี้ ซึ่งเปิดราคาราวๆ 1,800-2,200 บาท ด้วยฟีเจอร์ที่แม้จะดูกระทัดรัด แต่เรื่องความคล่องตัวและดีไซน์ที่จับกระชับมือ ด้วยการออกแบบจึงให้ผู้เล่นเลือกลักษณะการจับได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะลงวางทั้งมือหรือถนัดกับวางที่นิ้วกดเป็นหลัก เพราะอัตราการตอบสนองทำได้ดีและไว ด้วยจังหวะการกดที่สั้น นอกจากนี้มีน้ำหนักไม่มากนัก ซึ่งทำให้เกมเมอร์บางคนที่ชินกับเมาส์ที่มีน้ำหนัก อาจจะต้องใช้เวลาปรับตัวเล็กน้อย ฟีตหรือพื้นรองด้านใต้มีขนาดใหญ่ ประกบทั้งบนและล่าง ทำให้เลื่อนไปมาบนแผ่นรองเมาส์ได้คล่องแคล่ว ไม่ว่าจะเป็นเมาส์แพดแบบสปีดหรือคอนโทรลก็ตาม การปรับตั้งค่าก็ง่ายดายบนซอฟต์แวร์ NGeunity ที่ดูเป็นกันเองมากขึ้นกว่าในเวอร์ชั่นก่อน จะมีเพียงบางส่วนเช่น การให้ค่า DPI ไม่สูงนัก แต่ก็ไวมากพอสำหรับคนที่เล่นเกมแนว FPS หรือ RTS ด้วยสนนราคาแค่พันต้นๆ ได้เมาส์เกมมิ่งที่ออกแบบมาอย่างดี สวิทช์ที่มีความทนทาน รวมถึงลูกเล่นระดับนี้ ถือว่าเป็นเมาส์ที่คุ้มค่ามากทีเดียว
จุดเด่น
- ขนาดกำลังพอเหมาะ มีกริ้ปจับถนัดมือ
- ซอฟต์แวร์ช่วยปรับ DPI และแสงสีได้ง่ายขึ้น
- ปุ่มกดไม่ลึกมาก ตอบสนองไว
ข้อสังเกต
- ให้ค่า DPI สูงสุดที่ 6,200 เท่านั้น
ราคา: ประมาณ 1,290 บาท
ข้อมูลเพิ่มเติม: HyperX Pulsefire Core