ไม่ว่าจะเป็นการเลือกซื้อ Notebook เครื่องแรกหรือแม้กระทั่งทำซื้อเครื่องใหม่เพื่ออัพเกรดฮาร์ดแวร์ให้ใหม่กว่าเดิมนั้นมีปัจจัยหลายๆ อย่างให้คุณต้องศึกษาก่อนครับ เนื่องจากว่าในปัจจุบันนั้นเทคโนโลยีก้าวไปอย่างรวดเร็วเอามากๆ ทำให้การติดตามอัพเกรดหรือซื้อโน๊ตบุ๊คเครื่องใหม่สักเครื่องนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ยากพอสมควร
แน่นอนว่าการเลือกซื้อดังกล่าวนั้นอาจจะเกิดข้อผิดพลาดขึ้นมาได้ เพื่อไม่ให้เกิดความประมาทแล้วนั้นวันนี้เราขอนำเสนอ 7 สิ่งที่คุณอาจจะพลาดเมื่อทำการเลือกซื้อโน๊ตบุ๊คเครื่องใหม่ จะมีอะไรบ้างนั้นไปติดตามกันได้เลยครับ
1. ซื้อโน๊ตบุ๊คที่มีพลังในการประมวลผลไม่เพียงพอกับการใช้งาน
ไม่ว่าจะเป็นสิ่งใดๆ ในโลกก็แล้วแต่นั้นหากเราต้องการของที่มีคุณภาพสูงนั่นหมายความว่าเราจำเป็นที่จะต้องจ่ายเงินมากขึ้นเพื่อซื้อมันไปด้วยครับ สำหรับผู้ใช้นั้นแน่ล่ะครับว่าต้องการสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวเองไม่ว่าจะเป็นโน๊ตบุ๊คที่มาพร้อมกับหน้าจอเทพที่สามารถใช้งานในสภาวะแวดล้อมที่มีแสงสว่างมาก หรือแม้กระทั่งโน๊ตบุ๊คที่มาพร้อมกับไฟส่องสว่างที่คีย์บอร์ด ฯลฯ ฟีเจอร์ต่างๆ ที่เพิ่มเข้ามานั้นก็แน่นอนอยู่แล้วครับว่ามันย่อมทำให้ราคาของตัวเครื่องโน๊ตบุ๊คที่คุณจะซื้อสูงมากขึ้นตามไปด้วย
ด้วยราคาของตัวเครื่องตามสิ่งที่คุณต้องการอยากจะได้นั้นยิ่งมีฟีเจอร์มากราคาก็มากขึ้นตามไปด้วยตามลำดับ ทว่าในท้ายที่สุดแล้วคุณอาจจะคิดว่า “ช่างมัน” เพราะมันแค่โน๊ตบุ๊คเท่านั้น แถมคุณยังสามารถหาซื้อโน๊ตบุ๊คราคาถูกกว่าโน๊ตบุ๊คที่คุณอยากได้อย่างหลากหลายตัวเลือกทำให้คุณตัดสินใจลดความต้องการแล้วหันมาเลือกซื้อโน๊ตบุ๊คที่มีราคาถูกกว่าเพื่อนำมาใช้งานเพื่อเป็นการประหยัดเงินในกระเป๋าของคุณ หากคุณเป็นคนหนึ่งที่คิดเช่นนั้นแล้วล่ะก็เราขอบอกว่าคุณคิดผิดและอยากให้คิดใหม่ครับ
โน๊ตบุ๊คนั้นไม่เหมือนกับเครื่องคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะครับ ด้วยข้อจำกัดหลายๆ อย่างทำให้คุณไม่สามารถที่จะอัพเกรดฮาร์ดแวร์หลักๆ ของโน๊ตบุ๊คได้ไม่ว่าจะเป็นหน่วยประมวลผลหรือกราฟิกชิปแบบแยกเป็นต้น ดังนั้นการลดสเปคตัวเครื่องเพื่อประหยัดงบประมาณนั้นถือว่าเป็นการปิดช่องทางที่คุณจะสามารถใช้โน๊ตบุ๊คเครื่องใหม่ได้ในระยะเวลาเพียงแค่ 1 – 2 ปีเท่านั้นแทนที่จะสามารถใช้มันได้ยาวนานต่อเนื่อง 4 – 5 ปีแล้วค่อยเปลี่ยนเครื่องใหม่ครับ
ดังนั้นแล้วเรื่องของสเปคโดยเฉพาะในส่วนของหน่วยประมวลผลนั้นถือว่าเป็นจุดที่สำคัญที่สุดครับ การเลือกซื้อในปัจจุบันนั้นอย่างน้อยคุณควรจะดูเครื่องที่มาพร้อมกับแกนการประมวลผลมากกว่า 4 แกนและเป็นหน่วยประมวลผลที่ใช้สถาปัตยกรรมใหม่ล่าสุดในตลาด ณ เวลาที่คุณซื้อเพราะเชื่อเถอะครับว่าหากคุณซื้อเครื่องที่มาพร้อมกับหน่วยประมวลผลที่เก่ากว่ารุ่น ณ เวลาที่คุณซื้อนั้นในท้ายที่สุดคุณจะไม่สามารถใช้งานโน๊ตบุ๊คเครื่องดังกล่าวได้ยาวนานมากพอซึ่งเป็นผลทำให้อีกไม่นานคุณเองก็ต้องซื้อเครื่องใหม่อีกครับ
หมายเหตุ – จงคิดไว้เสมอครับว่าการลงทุนเพื่อซื้อเครื่องโน๊ตบุ๊คสักเครื่องนั้นเป็นการลงทุนระยะยาวครับ ดังนั้นแล้วเราขอแนะนำให้คุณเก็บงบประมาณให้ได้มากที่สุดก่อนที่จะตัดสินใจซื้อโน๊ตบุ๊คสักเครื่องเพราะการซื้อมาแล้วต้องเปลี่ยนบ่อยๆ ทุก 1 – 2 ปีนั้นไม่ใช่เรื่องสนุกแน่ครับ(เว้นแต่ว่าคุณเป็นคนที่ตามเทคโนโลยีตลอดอันนี้เราก็ไม่ว่ากันครับ)
2. ให้ความสนใจกับสเปคที่เป็นจุดใหญ่ๆ มากจนลืมที่จะดูสเปคในส่วนประกอบอื่นๆ
โดยมากแล้วผู้ซื้อโน๊ตบุ๊คนั้นมักจะดูสเปคที่เป็นจุดใหญ่ๆ อย่างเช่นความละเอียของหน้าจอ, หน่วยประมวลผล, กราฟิกชิป, หน่วยความจำและความจุของแหล่งเก็บข้อมูลนำหน้ามาก่อนส่วนอื่นๆ เสมอครับ แน่นอนว่าสเปคต่างๆ เหล่านั้นก็มีความสำคัญในการที่เราจะเลือกซื้อโน๊ตบุ๊คสักเครื่องแต่ถ้าหากคุณคิดว่าดูแค่เพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้วล่ะก็เราขอบอกเลยครับว่าคุณคิดผิดครับ สิ่งที่คุณควรจะดูเพิ่มก็คือพอร์ตต่างๆ ของตัวเครื่องว่าจะเพียงพอต่อการใช้งานของคุณหรือไม่ หรือแม้กระทั่งความจุของแบตเตอรี่ก็มีความสำคัญเพราะหากมีแบตเตอรี่น้อยคุณเองก็จะไม่สามารถใช้โน๊ตบุ๊คได้ตลอดทั้งวันเป็นต้นครับ
ยังครับยังไม่หมดแค่เพียงเท่านั้น สำหรับในส่วนของสเปคหลักๆ เองนั้นคุณเองก็ควรที่จะดูให้แตกฉานก่อนครับ ในที่นี้ผมขอยกตัวอย่างในส่วนของหน่วยประมวลผลที่เป็น Core i5 ที่อยู่ใน Gen เดียวกัน แค่มีรหัสตามหลังไม่เหมือนกันดังต่อไปนี้ครับ
- Intel Core i5 7600K (desktop – four cores at up to 4.2 GHz, 91W TDP)
- Intel Core i5 7300HQ (mobile – four cores at up to 3.5 GHz, 45W TDP)
- Intel Core i5 7287U (mobile – two cores at up to 3.7 GHz, 28W TDP)
- Intel Core i5 7260U (mobile – two cores at up to 3.4 GHz, 15W TDP)
- Intel Core i5 7Y54 (mobile – two cores at up to 3.2 GHz, 5W TDP)
จากสเปคที่ยกตัวอย่างมานั้นจะเห็นได้คับว่าในส่วนของหน่วยประมวลผล Core i5 ทั้งหมดนั้นใช้สถาปัตยกรรมเดียวกันซึ่งนั่นก็คือ Kaby Lake ทว่าแต่ละรุ่นนั้นมีประสิทธิภาพในการทำงานแตกต่างกันอย่างชัดเจนทั้งๆ ที่ราคาของมันต่อหน่วยนั้นไม่ได้แตกต่างกันมากเท่าไรนัก โดยปกติทั่วไปแล้วนั้นผู้ที่ทำการแนะนำในร้านค้าปลีกหรือแม้กระทั่งผู้ผลิตหน่วยประมวลผลอย่าง Intel เองนั้นมักจะไม่ค่อยชอบบอกข้อมูลดังกล่าวให้ผู้ซื้อให้รู้เท่าไรนัก ดังนั้นแล้วก่อนที่จะซื้อนั้นคุณควรสนใจรายละเอียดปลีกย่อยทั้งหลายก่อนที่จะทำการตัดสินใจจะดีที่สุดครับ
3. ซื้อเพราะรูปลักษณ์ดูสวยหรือเท่ห์
มีผู้ซื้อหลายๆ คนเลยครับที่สนใจรูปลักษณ์ตัวเครื่องมาเป็นอันดับหนึ่งไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆ ก็แล้วแต่ด้วยความที่เราเป็นมนุษย์ที่มีการเข้าสังคมนั้นหลายๆ คนให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์มากๆ ไปจนกระทั่งมองข้ามสิ่งที่อยู่ด้านใน แน่นอนครับว่าโน๊ตบุ๊คสำหรับการเล่นเกมนั้นอาจจะไม่ได้มีปัญหาในเรื่องของรูปลักษณ์สักเท่าไร ทว่าโน๊ตบุ๊คในการทำงานนั้นโดยปกติแล้วมันมักจะเหมือนๆ กันไปหมด หากคุณอยากดูแตกต่างก็ต้องเลือกเครื่องที่ดูสวยหรือเทห์เป็นธรรมดาอยู่แล้วครับ
ในที่นี้เราขอยกตัวอย่างเป็น MacBook โมเดลหน้าจอ 12 นิ้วขึ้นมาครับ แน่นอนครับว่าโน๊ตบุ๊คของทางฝั่ง Apple นั้นไม่ว่าจะเป็นเครื่องรุ่นๆ ไหนๆ ก็ดูดีดูเท่ห์ไปหมดจนอาจจะทำให้คุณลืมไปว่าเจ้าหน่วยประมวลผล Core m3 ที่อยู่บน MacBook โมเดลหน้าจอขนาด 12 นิ้วนั้นแทบจะไม่สามารถใช้ในการทำงานหนักๆ ได้เลย ซึ่งแน่นอนครับว่าในการใช้งานช่วงแรกๆ อาจจะไม่มีปัญหา ทว่าหลังจากนั้นไม่นานแล้วคุณเอาอาจจะต้องมาเสียใจที่ต้องเสียเงินเพื่อซื้อโน๊ตบุ๊คใหม่อีกเครื่องแน่ๆ ครับ
4. ซื้อโน๊ตบุ๊คเพราะจำเป็นต้องซื้ออย่างเร่งด่วน
โดยปกติทั่วไปแล้วนั้นเชื่อว่าหลายๆ ท่านเวลาที่จะซื้อโน๊ตบุ๊คสักเครื่องคงต้องมีการศึกษาสเปคต่างๆ ของตัวเครื่องมาก่อนแล้วอย่างแน่นอนครับ อย่างไรก็แล้วแต่ในบางครั้งนั้นหากมีความจำเป็นจริงๆ อย่างเช่นโน๊ตบุ๊คเครื่องเก่าพังจนต้องรีบไปซื้อนั้นอาจจะทำให้เกิดข้อผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงขึ้นมาได้ซึ่งแน่นอนครับว่าเรื่องนี้มันก็ช่วยกันไม่ได้แต่จริงๆ แล้วนั้นเวลาที่โน๊ตบุ๊คสักเครื่องจะพังนั้นมันมักจะมีอาการที่บ่งบอกเราก่อนล่วงหน้าหลายอย่าง ดังนั้นคุณควรจะสังเกตอาการเหล่านั้นให้ดีๆ และเตรียมตัวไว้ให้พร้อมก่อนเพื่อที่จะได้ไม่ต้องรีบไปซื้อโน๊ตบุ๊คเครื่องใหม่โดยที่ไม่ได้เตรียมตัวเอาไว้ล่วงหน้าครับ
5. พลาดการทดสอบตัวเครื่องก่อนที่จะทำการซื้อ
อีกจุดหนึ่่งที่คุณควรให้ความสนใจมากๆ ในการซื้อก็คือการทดสอบตัวเครื่องให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ก่อนที่คุณจะจ่ายเงินออกมาครับ แน่นอนว่าวิธีการนี้อาจจะต้องใช้เวลาในการทดสอบทดลองสักหน่อยแต่เชื่อเถอะครับว่ามันจะช่วยคุณได้มากทีเดียว ใช้เวลาทุกนาทีก่อนจ่ายเงินให้คุ้มค่าเพื่อที่จะลดอัตราเสี่ยงที่จะเจอเครื่องที่ไม่มีประสิทธิภาพจะช่วยให้คุณสามารถได้เครื่องที่ดีที่สุดสำหรับคุณครับ
6. กลัวที่จะจ่ายเงินเพิ่มสำหรับการซื้อประกันเพิ่ม
แน่นอนครับว่าการลงทุนทุกอย่างมีความเสี่ยง ถึงแม้ว่าในบ้านเรานั้นแต่ละร้านจะมีประกันโน๊ตบุ๊คให้คุณ 7 วันหลังจากการซื้อเพื่อทำการเปลี่ยนเครื่องใหม่เมื่อเครื่องเก่าเจอปัญหา ทว่ากรณีที่คุณจะเจอเครื่องที่เสียในช่วงระยะเวลา 7 วันนั้นก็ค่อนข้างจะเป็นไปได้ยากเลยทีเดียว ในปัจจุบันนั้นผู้ผลิตมักจะมีการรับประกันตัวเครื่องเป็นระยะเวลา 1 – 2 ปีขึ้นอยู่กับยี่ห้อที่คุณซื้อและคุณยังสามารถที่จะซื้อประกันเพิ่มได้อีก การลงทุนเพื่อที่จะซื้อประกันเพิ่มนั้นถือได้ว่าเป็นการป้องกันความเสียงได้ดีในระดับหนึ่งเพราะคุณสามารถมั่นใจได้ว่าหากเครื่องมีปัญหาคุณก็ยังสามารถที่จะเอาเครื่องเข้าศูนย์บริการได้ยาวนานขึ้นครับ
หมายเหตุ – จะยกเว้นก็แต่ว่าคุณมีความคิดจะเปลี่ยนเครื่องทุกๆ 1 หรือ 2 ปีอยู่แล้วอันนี้ก็ไม่ว่ากันครับ
7. ซื้อโน๊ตบุ๊คแทนที่จะซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ
สำหรับข้อท้ายสุดนี้นั้นถือได้ว่าเกิดขึ้นได้บ่อยๆ ครับ โดยถึงแม้ว่าคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะจะต้องกินพื้นที่ในการวางตัวเครื่องแถมยังไม่สามารถพกพาไปไหนมาไหนได้ แต่ทว่ามีหลายๆ งานที่ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้โน๊ตบุ๊คตัวอย่างเช่นการเล่นเกมเป็นต้นครับ สิ่งหนึ่งที่คุณต้องยอมรับให้ได้ก็คือคุณมีความจำเป็นหรือไม่ที่จะต้องใช้โน๊ตบุ๊คโดยขอให้คุณใช้เวลาคิดให้แตกก่อนที่จะตัดสินใจ เพราะถ้าคุณตัดสินใจพลาดไปแล้วนั้นการแก้ไขต่างๆ มันก็ยากแล้วครับ
ที่มา : notebookcheck
