ช่วงครึ่งหลังปี 2018 นี้จะเห็นได้ว่า HP เริ่มจะมีการเปลี่ยนแปลงเน้นในเรื่องของการดีไซน์มากขึ้น เพื่อให้เข้ากับกลุ่มวัยรุ่นวัยทำงานหรือนัก Creator ทั้งหลายที่นอกจากจะสเปคต้องได้แล้วดีไซน์ตัวเครื่องต้องได้ด้วย ซึ่ง HP ก็เน้นในจุดๆ นี้มาตลอด โดย HP Pavilion x360 ปี 2018 นี้ ถือเป็น 2-in-1 หน้าจอสัมผัสรองรับปากกา ที่มาพร้อมกับคุณสมบัติและการใช้งานเหนือกว่าโน๊ตบุ๊คปกติที่สามารถพับได้ 360 องศาใช้งานในหลากหลายตามใจต้องการ
โดย HP Pavilion x360 ปี 2018 มีขนาดหน้าจอกระจก 14 นิ้ว แต่ตัวเครื่องเทียบเท่าโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 13.3 นิ้วเท่านั้น จากการที่ดีไซน์ให้ขอบหน้าจอบางลง การแสดงผลที่ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ที่ดูแล้วสวยสมจริงสุดๆ และมีเลือกให้ด้วยกัน 3 สเปคราคาตั้งแต่ 24,900 – 29,900 บาท โดยรุ่นที่ทีมงานได้มารีวิวจะเป็นตัวท็อปสุด รีวิวข้างในจะเป็นยังไงบ้างไปดูกันเลยครับ
Specification
ในส่วนของสเปค HP Pavilion x360 ปี 2018 จะมีด้วยกัน 3 สเปคด้วยกัน โดยรุ่นที่ทีมงาน NBS ได้รับมารีวิวนั้นจะเป็น 2-in-1 Notebook ตัวท็อปขอบจอบางพาเนล IPS คุณภาพสูงให้มุมมองที่กว้างและสีสันสวยสมจริง กับขนาด 14 นิ้ว ที่มาพร้อมกับความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล รองรับการใช้งานปากกาและ Multi-touch ทำให้ใช้งานกับระบบปฏิบัติการ Windows 10 ได้อย่างเต็มรูปแบบ และด้วยน้ำหนักตัวเครื่องเพียง 1.59 กิโลกรัม ทำให้การพกพาทำได้โดยง่าย
ชิปประมวลผลเป็นเลือกใช้ Intel Core i7-8550U ที่เป็นการทำงานแบบ 4 Core/8 Thread ความเร็ว 1.80 GHz – 4.00 GHz) ส่วนกราฟิกภายในเป็น Intel UHD Graphics 620 พร้อมด้วยการ์ดจอแยกอย่าง NVIDIA GeForce MX130 (4GB GDDR5) ด้าน Ram ก็ติดตั้งมาให้ขนาด 4 GB DDR4 (มี 1 ช่อง) และฮาร์ดดิสก์แบบปกติที่ความจุ 1 TB 5400 RPM + 16 GB Intel Optane แถมมาพร้อมกับ Windows 10 แท้อีกด้วย
สำหรับการเชื่อมต่อของจะมีทั้ง USB 3.1 จำนวน 2 ช่อง, USB 3.1 Type-C, HDMI, Finger Print และพอร์ตหูฟังกับไมค์แบบคอมโบขนาด 3.5 มิลลิเมตรมารตรฐาน การเชื่อมต่อแบบไร้สายรองรับทั้ง 802.11 ac Wi-Fi + Bluetooth 4.2 ก็ครบครัน สนนราคาอยู่ที่ 29,900 บาท ประกัน Onsite 2 ปีเต็ม
- HP Pavilion x360 14 i5-8250U + UHD 620 ราคา 24,900 บาท
- HP Pavilion x360 14 i5-8250U + MX 130 ราคา 26,900 บาท
- HP Pavilion x360 14 i7-8550U + MX 130 ราคา 29,900 บาท
Hardware / Design
HP Pavilion x360 ปี 2018 มาพร้อมกับดีไซน์การออกแบบใหม่หมดจด ซึ่งจัดได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คยุคปัจจุบันออกแบบมาได้มันสมัยที่สุดรุ่นหนึ่งเลยในงบประมาณนี้ ทั้งขอบจอบาง สีสันสะอาดตา เน้นออกแบบไปทางเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยความหรูหราด้วยการเล่นกับการออกแบบที่มีความโค้งเว้ามีมิติในหลายๆ มุม เรียกได้ว่าสาวๆ หลายคนเห็นแล้วคงชอบอยากได้เครื่องนี้ว่าไว้ทำงานแน่นอน
โดยวัสดุที่ทาง HP เลือกใช้ในบริเวณฝาหลังของเครื่องจะเป็นพลาสติกเกรดสูงตัดด้วยโลโก้ของ HP ที่เป็นสีเงินเงางามบริเวณกลางฝาหลัง ส่วนด้านในเครื่องบริเวณหน้าจอเป็นกระจกทั้งบาน เล่นสีขอบจอด้านในเป็นสีดำพร้อมด้วยยางรองขอบรอบตัวจอ สำหรับตัวเครื่องด้านในบริเวณรอบๆ แป้นพิมพ์ ที่พักมือ ใช้วัสดุอลูมิเนียมเกรดสูงเช่นกัน
นอกเหนือจากนี้ปุ่ม Power ยังได้ถูกออกแบบเอาไว้ขอบจอด้านนอกรวมไปถึงปุ่มปรับระดับเสียงด้วย ซึ่งดูแล้วอาจจะไม่คุ้นตาเหมือนกับ Ultrabook รุ่นอื่นๆ แต่เมื่อใช้งานจริงแล้วพบว่าสามารถใช้งานได้คล่องตัวและสะดวกมากๆ จากการที่มันเป็น 2-in-1 Notebook พับได้ 360 องศานั่นเอง ส่วนความบางก็บางเพียง 19.7 มิลลิเมตรและเบาเพียง 1.59 กิโลกรัมเท่านั้น
HP Pavilion x360 ปี 2018 สามารถพับหน้าจอได้ 360 องศา ส่งผลให้มีรูปแบบการใช้งานถึง 4 แบบด้วยกัน ประกอบไปด้วย Notebook / Stand / Tent / Tablet ส่งผลให้เป็นได้มากกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป เรื่องของการระายความร้อนนั้นก็ออกแบบมาเป็นอย่างดีกับด้านล่างตัวเครื่องมีช่องลมร้อนออกอยู่ ทำให้ไม่รบกวนเราเวลาที่ใช้งานเครื่อง
ซึ่งโดยรวมแล้วสำหรับดีไซน์การออกแบบของ HP Pavilion x360 รุ่นใหม่นั้น ให้ความสวยงามลงตัวมากกว่าเดิมที่สำคัญขนาดหน้าจอ 14 นิ้วขอบบาง เหมือนอยู่บนไซต์เครื่อง 13.3 นิ้วเลย เรียกได้ว่า HP ได้ก้าวไปอีกขั้นกับโน๊ตบุ๊คราคานี้สเปคแบบนี้ครับ
Keyboard / Touchpad
สำหรับการใช้งานคีย์บอร์ดและทัชแพดของ HP Pavilion x360 ปี 2018 ก็เรียกได้ว่าแทบไม่แตกต่างจากการใช้งานในโน๊ตบุ๊คทั่วไป ด้วยขนาดใหญ่และมีความเหมาะสมกับขนาดตัวเครื่อง ด้วยคีย์บอร์ด 4 แถวขนาด Full Size อีกทั้งด้านการใช้งานในการพิมพ์ ก็ยังตอบสนองได้เป็นอย่างดีทั้งขนาดแป้นพิมพ์ที่รับกันนิ้วและช่องว่างระหว่างแป้นที่ทำให้มีความแม่นยำในการกด รวมทั้งแป้นก็เด้งกับนิ้วเมื่อกดลงไปอย่างพอดี ที่สำคัญยังมีไฟคีย์บอร์ดส่องสว่าง ไว้ใช้งานในที่แสงน้อยหรือในที่มืดได้เป็นอย่างดี หรือจะปิดไว้ก็สามารถทำได้
ทัชแพดมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับขนาดตัวเครื่อง โดยมีสัมผัสที่หนืดเล็กน้อย มีลักษณะรูปแบบหน้าตาเหมือนกับโน๊ตบุ๊คของทาง HP หลายๆ รุ่น ทั้งในเรื่องของสัดส่วนขนาด ที่เป็นวัสดุที่ทำออกมาได้ดี สามารถลากนิ้วได้ลื่น ไม่เกิดอาการสะดุดหรือหน่วงใดๆ ซึ่งจากการใช้งานจริง พบว่าสามารถตอบสนองการใข้งานได้เป็นอย่างดี ทั้งในการใช้งานแบบปกติหรือใช้งานฟังก์ชันการทำงานแบบ Multi-Touch Gesture จริงๆ ที่มีและพร้อมใช้งานใน Windows 10 อย่างเต็มที่
Screen / Speaker
หน้าจอของ HP Pavilion x360 ปี 2018 นั้นเป็นจอแบบพาเนล IPS ที่มีคุณภาพดี ทั้งในเรื่องของสีสันที่มีความสดใสสมจริงกับความละเอียด Full HD 1920 x 1080 พิกเซล ให้ประสบการณ์ใช้งานระดับที่น่าพึงพอใจ ทั้งการเล่นเกม ชมภาพยนตร์ ดูวีดีโอ YouTube ก็สามารถมอบประสบการณ์ความบันเทิงให้อย่างดี จากความเรียบเนียนของพิกเซล เมื่อใช้งานการสัมผัสหน้าจอก็มีความลื่นไหลไม่มีสะดุด ส่งผลให้เวลาใช้งานเล่นเกมหรือทำงานก็สามารถทำได้เต็มประสิทธิภาพ แต่ก็มีข้องสังเกตเล็กน้อยตรงที่หน้าจอเป็นกระจกทำให้สะท้อนแสงพอสมควร ใช้งานกลางแจ้งลำบากนิดหนึ่ง
สำหรับระบบเสียงเป็น B&O และลำโพงที่มีการติดตั้งเอาไว้บริเวณขอบแป้นคีย์บอร์ดด้านบนแบบสเตอริโอ ซึ่งหลังจากที่ได้ฟังเสียงที่ได้จากโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้แล้ว เรียกได้ว่ามีความประทับใจในเรื่องคุณภาพเสียงพอสมควรเลยทีเดียว จากการที่มี HP Audio Boost ช่วยยกระดับประสบการณ์ระบบเสียง ด้วยเทคโนโลยีขยายสัญญาณ ที่ให้เสียงดัง คมชัด ในทุกมิติ แต่ถ้าใครอยากได้ที่กว่านี้คงต้องต่อลำโพงแยกหรือหูฟังแล้วล่ะ
มาต่อกันที่การคาลิเบทหน้าจอโดย HP Pavilion x360 ปี 2018 ให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB อยู่ที่ 61% ดูจากที่เส้นสีของหน้าจอจะเป็นสีแดงรูปด้านข้าง เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันอยู่ในระดับพอใช้ ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 180 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าค่อนข้างน้อยไปหน่อยเพียงพอทำงานในร่ม แต่นอกที่ร่มกลางอาจจะลำบากนิดหนึ่ง
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าช่องกลางเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ไม่มีผิดเพี้ยน แต่สำหรับช่องมุมล่างซ้ายเหมือนจะมีแสงสว่างที่ลดลงไปถึงล่างซ้าย 13% ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนน 4.0 เมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว ผ่านทางอุปกรณ์ Spyder5Elite
Connector / Thin And Weight
มาดูในส่วนของการเชื่อมต่อกันบ้าง หลักๆ แล้วถือว่ามีความครบครันทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นพอร์ต USB 3.1 จำนวน 2 พอร์ต และพอร์ตยุคใหม่อย่าง USB 3.1 Type-C อีกหนึ่งพอร์ต ไว้สำหรับการเชื่อมต่อกับแฟลชไดร์ฟหรือฮาร์ดดิสก์ภายนอกรุ่นใหม่ๆ รวมไปถึงสามารถเชื่อมต่อออกหน้าจอภายนอกได้ง่ายๆ ผ่านทาง HDMI ขนาดมาตรฐาน นอกเหนือจากนี้ก็มีช่องเสียบหูฟังหรือ SD Card Reader ก็มีครบครันในระดับนึง ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติสำหรับโน๊ตบุ๊คที่เน้นความบางเบาอยู่แล้ว ที่สำคัญคือมี Finger Print สแกนลายนิ้วมือและปุ่มเพิ่มเสียงลดเสียงด้านข้างขวาตัวเครื่องด้วย
สำหรับที่ดูแล้วแปลกตาหน่อยก็จะเป็นส่วนของปุ่ม Windows ที่ติดตั้งไว้ขอบด้านข้างตัวเครื่อง จริงๆ ออกแบบไว้ให้กดล็อคหน้าจอเหมือนมือถือ เพื่อให้เราสามารถใช้งานสะดวกยิ่งขึ้น ส่วนเรื่องการเชื่อมต่อไร้สายก็รองรับ Wireless แบบ 802.11 ac + Bluetooth 4.2 ปกติ ความบางเบาก็จัดอยู่ในมาตรฐานของ Ultrabook ได้ที่ขนาด 32.35 x 22.42 x 1.97 cm นำหนัก 1.59 กิโลกรัม ทำให้พกพาไปใช้งานนอกสถานที่อย่างสะดวกสบาย
Using Experience
อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่า HP Pavilion x360 ปี 2018 ตอบสนองได้อย่างหลากหลายจากการที่เป็น 2-in-1 Notebook ที่ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี ด้วยการพับใช้งานถึง 4 รูปแบบด้วยกันไม่ว่าจะเป็น Notebook / Stand / Tent / Tablet ที่ทีมงานของเรานั้นนำไปใช้งานอะไรบ้าง และรูปลักษณ์เมื่อเปลี่ยนไปใช้โหมดต่างๆ นั้น จะมีลักษณะเป็นอย่างไร
Notebook Mode เป็นรูปแบบธรรมดาทั่วไปเหมือนกับโน๊ตบุ๊คปกติ เน้นสำหรับการใช้งานทั่วไป เล่นอินเตอร์เน็ต รวมไปถึงงานเอกสารต่างๆ ที่จำเป็นต้องใช้คีย์บอร์ดและทัชแพดในการควบคุมเหมือนโน๊ตบุ๊คปกติ
Stand Mode เน้นใช้งานที่ระบบจอสัมผัสของตัวเครื่องอย่างเดียวและวางไว้บนพื้นที่ราบ โดยรูปแบบการใช้งานนี้จะเน้นไปทางการใช้งานแอพพลิเคชั่นของ Windows เอง หรือเน้นไปทางการดู Youtube หรือชมภาพยนตร์เป็นหลัก พร้อมรองรับการทำงานแบบมัลติทัชได้พร้อมกันมากสุดที่ 10 จุดพร้อมกัน
Tent Mode ค่อนข้างจะคล้ายกับ Stand Mode ก่อนหน้านี้ แต่จะอยู่ในรูปทรงตั้งเครื่องเอาไว้เป็นลักษณะสามเหลี่ยม ใช้ในการวิวดูข้อมูลการแสดงผลหน้าจอเป็นหลัก อีกทั้งยังสามารถจับพาดหรือเกาะกับสิ่งของรอบๆ ได้
Tablet Mode ด้วยการพับหน้าจอกลับแบบ 360 องศา จนฝาหลังและฐานใต้เครื่องมาติดกัน เราก็จะได้แท็บเล็ตที่มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows ซึ่งเรามีความคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เหมาะสำหรับการเอาไว้เล่นเกมหรือดู E-Book อย่างที่แท็บเล็ตอื่นๆ ทั่วไปในตลาดสามารถทำได้
อย่างไรก็ตามสำหรับ HP Pavilion x360 ปี 2018 ก็ต้องบอกว่าวางใจได้เลยเรื่องความทนทาน เพราะมีการออกแบบบานพับใหม่ที่สามารถเปิดปิดหรือปรับระดับได้อย่างลื่นไหลได้เหมือนใหม่ทุกครั้ง บานพับสแตนเลสนี้ยังผ่านบททดสอบสุดทรหดด้วยการเปิดปิดกว่า 25,000 ครั้ง และการหมุนรอบ 360 องศา อีกกว่า 7,000 ครั้ง อีกทั้งกลไกการทำงานเของฟันเฟืองเปิดปิดบานพับเหล็กกล้ายังช่วยป้องกันฝุ่นละออง ทำให้ทนทานต่อการสึกหรอ
บอกได้เลยว่าสำหรับใครที่กำลังมองหาโน๊ตบุ๊คบางเบาซักตัวที่พกพาสะดวกในราคาไม่แพง และมีความสามารถครบครันทั้งในเรื่องของการทำงานทั่วไปหรือแท็บเล็ตที่ทำงานร่วมกับโปรแกรมบนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ส่วนสเปคก็ถือว่าไม่แรงมากด้วยชิประมวลผลประหยัดพลังงานอย่าง Intel Core i5 แต่ก็ใช้งานได้อย่างลื่นไหล ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการทำงานทั่วไปอย่างงานเอกสาร เล่นอินเตอร์เน็ต ชมภาพยนตร์ ฟังเพลง หรือเล่นเกมเล็กๆ น้อยๆ ก็สามารถเลือก HP Pavilion x360 เป็นหนึ่งใน 2-in-1 Notebook ที่จะตัดสินใจได้เลย
Performance / Software
HP Pavilion x360 ปี 2018 เครื่องรีวิวนี้มาพร้อมกับชิปประมวลผลจาก Intel Core i7-8550U ซึ่งเป็นชิปประมวลผลใช้พลังงานไฟต่ำมาก มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 1.80 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 4.00 GHz ครับ เป็นซีพียูแบบ 4 Core/8 Thread ที่เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลหนักก็รองรับได้ระดับหนึ่ง มาพร้อม Ram ภายในขนาด 4 GB (1 แถว ใส่ได้ 1 ช่องถ้าจะอัปเกรดต้องถอดตัวเก่าออก)
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel UHD Graphics 620 และการ์ดจอแยก NVIDIA GeForce MX130 (2GB GDDR5) ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่เอาเข้าจริงๆ ก็สนับสนุนการเล่นเกมได้ในระดับนึงเหมือนกัน
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังประมวลผลซีพียู คะแนนก็อยู่ในระดับกลางๆ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลที่เป็น Intel Core i รหัส U ซึ่งใช้กับรุ่นก่อนหน้านี้เแล้วก็ทำได้ดีกว่ามากเพราะเป็นแบบ 4 Core/8 Thread พอใช้งานหนักๆ ได้อยู่
ทดสอบการทำงานฮาร์ดดิสก์ความจุอยู่ที่ 1 TB แบบความเร็ว 5400 รอบที่ติดตั้งมาให้ + Intel Optane 16 GB ด้วยโปรแกรม HD Tune แล้วพบว่าอัตราการถ่ายโอนข้อมูลน้อยสุดที่ 37.0 MB/s และสูงสุดที่ 313.3 MB/s ทำให้ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 207.0 MB/s ด้วยกัน มีอัตราการเข้าถึงข้อมูลที่ 3.82 ms ซึ่งนับได้ว่าผลทดสอบที่ออกมานั้นมีความน่าประทับใจทีเดียว
ทดสอบ HDD อีกโปรแกรมกับ CrystalDiskMark จะเห็นได้ว่า HDD ธรรมดาใช้งานควบคู่กับ Intel Optane ผลออกมาทำคะแนนได้น่าประทับใจมากมีค่า Read สูงถึง 933.3 MB/s และ Write ที่ 160.1 MB/s กันเลยทีเดียวครับ
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 2,145 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานพีซีทั่วไปนั้นพอได้ แต่ถ้าใช้งานหนักๆ อาจจะต้องเพิ่ม Ram เป็น 8 GB ก็จะใช้งานได้ดีขึ้นครับ
ในส่วนถัดไปทีมงานจะมาทดสอบในการเล่นเกมกันบ้างกับเกมยอดนิยมทั้ง 2 เกมหลักๆ ที่ตัวเครื่อง HP Pavilion x360 ปี 2018 พอเล่นได้ จะเป็นอย่างไรกันบ้างกับ ไปดูกันเลยครับ
จากกราฟจะเห็นได้ว่าทีมงานได้ทดสอบเฉพาะเกมออนไลน์ที่ไม่ได้กินสเปคเครื่องมากอย่าง DOTA 2 และ Overwatch ซึ่งตัวเครื่อง HP Pavilion x360 ปี 2018 ก็สามารถเล่นได้มีค่า FPS เฉลี่ยนที่ 40 เฟรมขึ้นไป เมื่อปรับแบบ Low บนความละเอียด Full HD ตาม Native หน้าจอ แต่มีข้อสังเกตตัวเครื่องมี Ram เพียง 4 GB ทำให้เฟรทเรทที่ได้ค่อนข้างแกว่ง ไม่นิ้งเท่าไร ซึ่งถ้าเป็นไปได้หากจะใช้งานหนักๆ แนะนำว่าควรเปลี่ยน Ram เป็น 8 GB ครับ (ถอด Ram เก่าออกเปลี่ยนใหม่)
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ของ HP Pavilion x360 ปี 2018 เป็นแบบฝังไว้ในเครื่องเหมือนกับโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นในปัจจุบัน ตัวแบตเตอรี่มีขนาด 3-cell, 41 Wh Li-ion สามารถทำงานต่อเนื่องยาวนานได้ประมาณ 3 ชั่วโมง 45 นาทีในการต่อ Wi-fi ดู YouTube ปกติ บอกเลยครับว่าพกพาไปทำงานข้างนอกได้ในระดับหนึ่งครับ
ทางด้านอุณหภูมิสำหรับ HP Pavilion x360 ปี 2018 เครื่องนี้ที่พัดลมระบายความร้อน 1 ตัว ช่องระบายความร้อน 1 ช่องเรียกได้ในระดับโอเคใช้ได้ ซึ่งเมื่อใช้เล่นเกมหนักๆ เป็นเวลานานๆ จะมีอุณหภูมิสูงสุด 93 องศาสำหรับ CPU และ 63 องศาสำหรับ GPU แต่หากใช้งานทั่วไปดูหนังฟังเพลงอุณหภูมิไม่เกิน 80 องศาแน่นอนครับ
Conclusion / Award
สำหรับ HP Pavilion x360 ปี 2018 รุ่นใหม่ของปีนี้ก็ถือได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊ค 2-in-1 ที่น่าใช้อีกรุ่นหนึ่งเลยทีเดียว ดีไซน์สวยงามหรูหรา สเปคก็ถือว่าโอเคด้วยที่ตัวเครื่องเลือกใช้ชิปประมวลผล Intel Core i7-8550U + การ์ดจอ MX130 ทำให้ใช้งานไม่ว่าจะเป็นดูหนังฟังเพลง หรือแม้แต่กระทั่งวาดรูปก็สามารถได้อย่างสบายๆ ด้วยหน้าสัมผัสรองรับการใช้งานปากกา ซึ่งตัวเครื่องก็ได้มี HP Pen มาให้ด้วยไม่ต้องซื้อแยก แถมหน้าจอรองรับแรงกดได้ 1024 ระดับ จะกดแรงกดอ่อน ระบายสีก็ถือว่าโอเคเลย
นอกจากนี้ตัวเครื่องยังมาพร้อมกับระบบเสียง B&O ที่จัดได้ว่าให้อรรถรสของเสียงได้ดีกว่าลำโพงทั่วไป รวมไปถึงการออกแบบดีไซน์ที่ดูแล้วเรียบหรูและใช้วัสดุคุณภาพอย่างพลาสติกเกรดสูง รวมไปถึงมีประกันถึง 2 ปีแบบ On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน ทำให้ HP Pavilion x360 เป็น 2-in-i Notebook ที่มีความโดดเด่นเหนือกว่าคู่แข่งหลายๆ ตัวในตลาด แถมสนนราคายังไม่แพงจนเกินไปด้วย เพียง 29,900 บาทเท่านั้นสำหรับตัวท็อป
อย่างไรก็ตาม HP Pavilion x360 ปี 2018 ก็ยังมีข้อสังเกตอยู่บ้างคือตัวเครื่องให้ Ram มาเพียง 4 GB เท่านั้นทำให้งานหนักๆ บน Windows 10 อาจจะลำบากไปหน่อย และถ้าหากจะแกะอัปเกรดก็ทำได้ค่อนข้างยากเพราะตัวเครื่องมิติเล็กกระทัดรัด ซึ่งถ้าอัปเกรดจริงๆ แนะนำให้ช่างทำให้จะดีกว่า รวมถึงจอที่เป็นจอกระจกทำให้ใช้งานกลางแจ้งลำบาก สะท้อนมองไม่ค่อยเห็นเท่าไร แต่ถ้าเรื่องเหล่านี้ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรก็จัดไปเลยครับคุ้ม เป็นเครื่อง Work, Play & Sharing ได้ในทุกที่ทุกเวลา
ข้อดี
- เป็นโน๊ตบุ๊คที่มีคุณสมบัติ 2-in-1 Notebook ใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ
- วัสดุและงานประกอบถืออว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานของโน๊ตบุ๊คระดับสูงจาก HP
- สเปคโดยรวมถือว่าโอเคได้ทั้ง i7-8550U + MX130
- หน้าจอทัชกรีนขนาด 14 นิ้วขอบบาง Full HD IPS
- มีสแกนลายนิ้วมือ Finger Print
- หน้าจอรองรับแรงกดได้สูงสุด 1024 ระดับ พร้อมมีปากกา HP Pen แถมมาให้เลย
- ตัวเครื่องใส่ Intel Optane Memory 16 GB มาให้ ใช้งานดีกว่าเป็น HDD ธรรมดาอย่างเดียว
- มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Windows 10 ที่สนับสนุนการใช้งานทัชกรีนอย่างเต็มที่
- ระบบเสียงและลำโพง B&O ให้เสียงที่ดีใช้ได้
- รับประกัน 2 ปีแบบ On-site Service
- HP SmartFriend บริการหลังการขายที่มากกว่าจาก HP
ข้อสังเกต
- หน้าจอเป็นกระจกภาพค่อนข้างสะท้อนหากใช้งานกลางแจ้ง
- Ram ตัวเครื่องให้มาเพียง 4 GB
Best Design
HP Pavilion x360 ปี 2018 ตัวเครื่องออกแบบได้อย่างสวยงามตามมาตรฐานการดีไซน์ของ HP รวมทั้งวัสดุคุณภาพอย่างพลาสติกเกรดดีทั้งชิ้นที่ให้ทั้งความหรูหราและความแข็งแรงทนทานไปพร้อมๆ กัน ให้ความรู้สึกเมื่อจับถือแล้วเหมือนกันกับ โน๊ตบุ๊คระดับไฮเอนด์ ที่สำคัญยังเป็นเสริมภาพลักษณ์ผู้ใช้ให้ดูดีไปอีกระดับ ด้วยการที่เป็นได้ทั้งโน๊ตบุ๊คและแท็บเล็ตในเครื่องเดียวกันโดยการพับหน้าจอ 360 องศา
Best Mobility
ส่วนของความสามารถในการพกพาก็ยังคงอยู่ในระดับที่ดีตามสไตล์ของโน๊ตบุ๊ค 2-in-1 ที่ทำให้สามารถหิ้วไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก ด้วยน้ำหนักตัวเครื่องเพียง 1.59 กิโลกรัมเท่านั้น ถือมือเดียวสะพายกระเป๋าพกพาไปไหนมาไหนสบายๆ
Specification
ในส่วนของสเปค HP Pavilion x360 ปี 2018 จะมีด้วยกัน 3 สเปคด้วยกัน โดยรุ่นที่ทีมงาน NBS ได้รับมารีวิวนั้นจะเป็น 2-in-1 Notebook ตัวท็อปขอบจอบางพาเนล IPS คุณภาพสูงให้มุมมองที่กว้างและสีสันสวยสมจริง กับขนาด 14 นิ้ว ที่มาพร้อมกับความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล รองรับการใช้งานปากกาและ Multi-touch ทำให้ใช้งานกับระบบปฏิบัติการ Windows 10 ได้อย่างเต็มรูปแบบ และด้วยน้ำหนักตัวเครื่องเพียง 1.59 กิโลกรัม ทำให้การพกพาทำได้โดยง่าย
ชิปประมวลผลเป็นเลือกใช้ Intel Core i7-8550U ที่เป็นการทำงานแบบ 4 Core/8 Thread ความเร็ว 1.80 GHz – 4.00 GHz) ส่วนกราฟิกภายในเป็น Intel UHD Graphics 620 พร้อมด้วยการ์ดจอแยกอย่าง NVIDIA GeForce MX130 (4GB GDDR5) ด้าน Ram ก็ติดตั้งมาให้ขนาด 4 GB DDR4 (มี 1 ช่อง) และฮาร์ดดิสก์แบบปกติที่ความจุ 1 TB 5400 RPM + 16 GB Intel Optane แถมมาพร้อมกับ Windows 10 แท้อีกด้วย
สำหรับการเชื่อมต่อของจะมีทั้ง USB 3.1 จำนวน 2 ช่อง, USB 3.1 Type-C, HDMI, Finger Print และพอร์ตหูฟังกับไมค์แบบคอมโบขนาด 3.5 มิลลิเมตรมารตรฐาน การเชื่อมต่อแบบไร้สายรองรับทั้ง 802.11 ac Wi-Fi + Bluetooth 4.2 ก็ครบครัน สนนราคาอยู่ที่ 29,900 บาท ประกัน Onsite 2 ปีเต็ม
- HP Pavilion x360 14 i5-8250U + UHD 620 ราคา 24,900 บาท
- HP Pavilion x360 14 i5-8250U + MX 130 ราคา 26,900 บาท
- HP Pavilion x360 14 i7-8550U + MX 130 ราคา 29,900 บาท
Hardware / Design
HP Pavilion x360 ปี 2018 มาพร้อมกับดีไซน์การออกแบบใหม่หมดจด ซึ่งจัดได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คยุคปัจจุบันออกแบบมาได้มันสมัยที่สุดรุ่นหนึ่งเลยในงบประมาณนี้ ทั้งขอบจอบาง สีสันสะอาดตา เน้นออกแบบไปทางเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยความหรูหราด้วยการเล่นกับการออกแบบที่มีความโค้งเว้ามีมิติในหลายๆ มุม เรียกได้ว่าสาวๆ หลายคนเห็นแล้วคงชอบอยากได้เครื่องนี้ว่าไว้ทำงานแน่นอน
โดยวัสดุที่ทาง HP เลือกใช้ในบริเวณฝาหลังของเครื่องจะเป็นพลาสติกเกรดสูงตัดด้วยโลโก้ของ HP ที่เป็นสีเงินเงางามบริเวณกลางฝาหลัง ส่วนด้านในเครื่องบริเวณหน้าจอเป็นกระจกทั้งบาน เล่นสีขอบจอด้านในเป็นสีดำพร้อมด้วยยางรองขอบรอบตัวจอ สำหรับตัวเครื่องด้านในบริเวณรอบๆ แป้นพิมพ์ ที่พักมือ ใช้วัสดุอลูมิเนียมเกรดสูงเช่นกัน
นอกเหนือจากนี้ปุ่ม Power ยังได้ถูกออกแบบเอาไว้ขอบจอด้านนอกรวมไปถึงปุ่มปรับระดับเสียงด้วย ซึ่งดูแล้วอาจจะไม่คุ้นตาเหมือนกับ Ultrabook รุ่นอื่นๆ แต่เมื่อใช้งานจริงแล้วพบว่าสามารถใช้งานได้คล่องตัวและสะดวกมากๆ จากการที่มันเป็น 2-in-1 Notebook พับได้ 360 องศานั่นเอง ส่วนความบางก็บางเพียง 19.7 มิลลิเมตรและเบาเพียง 1.59 กิโลกรัมเท่านั้น
HP Pavilion x360 ปี 2018 สามารถพับหน้าจอได้ 360 องศา ส่งผลให้มีรูปแบบการใช้งานถึง 4 แบบด้วยกัน ประกอบไปด้วย Notebook / Stand / Tent / Tablet ส่งผลให้เป็นได้มากกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป เรื่องของการระายความร้อนนั้นก็ออกแบบมาเป็นอย่างดีกับด้านล่างตัวเครื่องมีช่องลมร้อนออกอยู่ ทำให้ไม่รบกวนเราเวลาที่ใช้งานเครื่อง
ซึ่งโดยรวมแล้วสำหรับดีไซน์การออกแบบของ HP Pavilion x360 รุ่นใหม่นั้น ให้ความสวยงามลงตัวมากกว่าเดิมที่สำคัญขนาดหน้าจอ 14 นิ้วขอบบาง เหมือนอยู่บนไซต์เครื่อง 13.3 นิ้วเลย เรียกได้ว่า HP ได้ก้าวไปอีกขั้นกับโน๊ตบุ๊คราคานี้สเปคแบบนี้ครับ
Keyboard / Touchpad
สำหรับการใช้งานคีย์บอร์ดและทัชแพดของ HP Pavilion x360 ปี 2018 ก็เรียกได้ว่าแทบไม่แตกต่างจากการใช้งานในโน๊ตบุ๊คทั่วไป ด้วยขนาดใหญ่และมีความเหมาะสมกับขนาดตัวเครื่อง ด้วยคีย์บอร์ด 4 แถวขนาด Full Size อีกทั้งด้านการใช้งานในการพิมพ์ ก็ยังตอบสนองได้เป็นอย่างดีทั้งขนาดแป้นพิมพ์ที่รับกันนิ้วและช่องว่างระหว่างแป้นที่ทำให้มีความแม่นยำในการกด รวมทั้งแป้นก็เด้งกับนิ้วเมื่อกดลงไปอย่างพอดี ที่สำคัญยังมีไฟคีย์บอร์ดส่องสว่าง ไว้ใช้งานในที่แสงน้อยหรือในที่มืดได้เป็นอย่างดี หรือจะปิดไว้ก็สามารถทำได้
ทัชแพดมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับขนาดตัวเครื่อง โดยมีสัมผัสที่หนืดเล็กน้อย มีลักษณะรูปแบบหน้าตาเหมือนกับโน๊ตบุ๊คของทาง HP หลายๆ รุ่น ทั้งในเรื่องของสัดส่วนขนาด ที่เป็นวัสดุที่ทำออกมาได้ดี สามารถลากนิ้วได้ลื่น ไม่เกิดอาการสะดุดหรือหน่วงใดๆ ซึ่งจากการใช้งานจริง พบว่าสามารถตอบสนองการใข้งานได้เป็นอย่างดี ทั้งในการใช้งานแบบปกติหรือใช้งานฟังก์ชันการทำงานแบบ Multi-Touch Gesture จริงๆ ที่มีและพร้อมใช้งานใน Windows 10 อย่างเต็มที่
Screen / Speaker
หน้าจอของ HP Pavilion x360 ปี 2018 นั้นเป็นจอแบบพาเนล IPS ที่มีคุณภาพดี ทั้งในเรื่องของสีสันที่มีความสดใสสมจริงกับความละเอียด Full HD 1920 x 1080 พิกเซล ให้ประสบการณ์ใช้งานระดับที่น่าพึงพอใจ ทั้งการเล่นเกม ชมภาพยนตร์ ดูวีดีโอ YouTube ก็สามารถมอบประสบการณ์ความบันเทิงให้อย่างดี จากความเรียบเนียนของพิกเซล เมื่อใช้งานการสัมผัสหน้าจอก็มีความลื่นไหลไม่มีสะดุด ส่งผลให้เวลาใช้งานเล่นเกมหรือทำงานก็สามารถทำได้เต็มประสิทธิภาพ แต่ก็มีข้องสังเกตเล็กน้อยตรงที่หน้าจอเป็นกระจกทำให้สะท้อนแสงพอสมควร ใช้งานกลางแจ้งลำบากนิดหนึ่ง
สำหรับระบบเสียงเป็น B&O และลำโพงที่มีการติดตั้งเอาไว้บริเวณขอบแป้นคีย์บอร์ดด้านบนแบบสเตอริโอ ซึ่งหลังจากที่ได้ฟังเสียงที่ได้จากโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้แล้ว เรียกได้ว่ามีความประทับใจในเรื่องคุณภาพเสียงพอสมควรเลยทีเดียว จากการที่มี HP Audio Boost ช่วยยกระดับประสบการณ์ระบบเสียง ด้วยเทคโนโลยีขยายสัญญาณ ที่ให้เสียงดัง คมชัด ในทุกมิติ แต่ถ้าใครอยากได้ที่กว่านี้คงต้องต่อลำโพงแยกหรือหูฟังแล้วล่ะ
มาต่อกันที่การคาลิเบทหน้าจอโดย HP Pavilion x360 ปี 2018 ให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB อยู่ที่ 61% ดูจากที่เส้นสีของหน้าจอจะเป็นสีแดงรูปด้านข้าง เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันอยู่ในระดับพอใช้ ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 180 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าค่อนข้างน้อยไปหน่อยเพียงพอทำงานในร่ม แต่นอกที่ร่มกลางอาจจะลำบากนิดหนึ่ง
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าช่องกลางเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ไม่มีผิดเพี้ยน แต่สำหรับช่องมุมล่างซ้ายเหมือนจะมีแสงสว่างที่ลดลงไปถึงล่างซ้าย 13% ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนน 4.0 เมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว ผ่านทางอุปกรณ์ Spyder5Elite
Connector / Thin And Weight
มาดูในส่วนของการเชื่อมต่อกันบ้าง หลักๆ แล้วถือว่ามีความครบครันทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นพอร์ต USB 3.1 จำนวน 2 พอร์ต และพอร์ตยุคใหม่อย่าง USB 3.1 Type-C อีกหนึ่งพอร์ต ไว้สำหรับการเชื่อมต่อกับแฟลชไดร์ฟหรือฮาร์ดดิสก์ภายนอกรุ่นใหม่ๆ รวมไปถึงสามารถเชื่อมต่อออกหน้าจอภายนอกได้ง่ายๆ ผ่านทาง HDMI ขนาดมาตรฐาน นอกเหนือจากนี้ก็มีช่องเสียบหูฟังหรือ SD Card Reader ก็มีครบครันในระดับนึง ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติสำหรับโน๊ตบุ๊คที่เน้นความบางเบาอยู่แล้ว ที่สำคัญคือมี Finger Print สแกนลายนิ้วมือและปุ่มเพิ่มเสียงลดเสียงด้านข้างขวาตัวเครื่องด้วย
สำหรับที่ดูแล้วแปลกตาหน่อยก็จะเป็นส่วนของปุ่ม Windows ที่ติดตั้งไว้ขอบด้านข้างตัวเครื่อง จริงๆ ออกแบบไว้ให้กดล็อคหน้าจอเหมือนมือถือ เพื่อให้เราสามารถใช้งานสะดวกยิ่งขึ้น ส่วนเรื่องการเชื่อมต่อไร้สายก็รองรับ Wireless แบบ 802.11 ac + Bluetooth 4.2 ปกติ ความบางเบาก็จัดอยู่ในมาตรฐานของ Ultrabook ได้ที่ขนาด 32.35 x 22.42 x 1.97 cm นำหนัก 1.59 กิโลกรัม ทำให้พกพาไปใช้งานนอกสถานที่อย่างสะดวกสบาย
Using Experience
อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่า HP Pavilion x360 ปี 2018 ตอบสนองได้อย่างหลากหลายจากการที่เป็น 2-in-1 Notebook ที่ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี ด้วยการพับใช้งานถึง 4 รูปแบบด้วยกันไม่ว่าจะเป็น Notebook / Stand / Tent / Tablet ที่ทีมงานของเรานั้นนำไปใช้งานอะไรบ้าง และรูปลักษณ์เมื่อเปลี่ยนไปใช้โหมดต่างๆ นั้น จะมีลักษณะเป็นอย่างไร
Notebook Mode เป็นรูปแบบธรรมดาทั่วไปเหมือนกับโน๊ตบุ๊คปกติ เน้นสำหรับการใช้งานทั่วไป เล่นอินเตอร์เน็ต รวมไปถึงงานเอกสารต่างๆ ที่จำเป็นต้องใช้คีย์บอร์ดและทัชแพดในการควบคุมเหมือนโน๊ตบุ๊คปกติ
Stand Mode เน้นใช้งานที่ระบบจอสัมผัสของตัวเครื่องอย่างเดียวและวางไว้บนพื้นที่ราบ โดยรูปแบบการใช้งานนี้จะเน้นไปทางการใช้งานแอพพลิเคชั่นของ Windows เอง หรือเน้นไปทางการดู Youtube หรือชมภาพยนตร์เป็นหลัก พร้อมรองรับการทำงานแบบมัลติทัชได้พร้อมกันมากสุดที่ 10 จุดพร้อมกัน
Tent Mode ค่อนข้างจะคล้ายกับ Stand Mode ก่อนหน้านี้ แต่จะอยู่ในรูปทรงตั้งเครื่องเอาไว้เป็นลักษณะสามเหลี่ยม ใช้ในการวิวดูข้อมูลการแสดงผลหน้าจอเป็นหลัก อีกทั้งยังสามารถจับพาดหรือเกาะกับสิ่งของรอบๆ ได้
Tablet Mode ด้วยการพับหน้าจอกลับแบบ 360 องศา จนฝาหลังและฐานใต้เครื่องมาติดกัน เราก็จะได้แท็บเล็ตที่มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows ซึ่งเรามีความคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เหมาะสำหรับการเอาไว้เล่นเกมหรือดู E-Book อย่างที่แท็บเล็ตอื่นๆ ทั่วไปในตลาดสามารถทำได้
อย่างไรก็ตามสำหรับ HP Pavilion x360 ปี 2018 ก็ต้องบอกว่าวางใจได้เลยเรื่องความทนทาน เพราะมีการออกแบบบานพับใหม่ที่สามารถเปิดปิดหรือปรับระดับได้อย่างลื่นไหลได้เหมือนใหม่ทุกครั้ง บานพับสแตนเลสนี้ยังผ่านบททดสอบสุดทรหดด้วยการเปิดปิดกว่า 25,000 ครั้ง และการหมุนรอบ 360 องศา อีกกว่า 7,000 ครั้ง อีกทั้งกลไกการทำงานเของฟันเฟืองเปิดปิดบานพับเหล็กกล้ายังช่วยป้องกันฝุ่นละออง ทำให้ทนทานต่อการสึกหรอ
บอกได้เลยว่าสำหรับใครที่กำลังมองหาโน๊ตบุ๊คบางเบาซักตัวที่พกพาสะดวกในราคาไม่แพง และมีความสามารถครบครันทั้งในเรื่องของการทำงานทั่วไปหรือแท็บเล็ตที่ทำงานร่วมกับโปรแกรมบนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ส่วนสเปคก็ถือว่าไม่แรงมากด้วยชิประมวลผลประหยัดพลังงานอย่าง Intel Core i5 แต่ก็ใช้งานได้อย่างลื่นไหล ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการทำงานทั่วไปอย่างงานเอกสาร เล่นอินเตอร์เน็ต ชมภาพยนตร์ ฟังเพลง หรือเล่นเกมเล็กๆ น้อยๆ ก็สามารถเลือก HP Pavilion x360 เป็นหนึ่งใน 2-in-1 Notebook ที่จะตัดสินใจได้เลย
Performance / Software
HP Pavilion x360 ปี 2018 เครื่องรีวิวนี้มาพร้อมกับชิปประมวลผลจาก Intel Core i7-8550U ซึ่งเป็นชิปประมวลผลใช้พลังงานไฟต่ำมาก มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 1.80 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 4.00 GHz ครับ เป็นซีพียูแบบ 4 Core/8 Thread ที่เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลหนักก็รองรับได้ระดับหนึ่ง มาพร้อม Ram ภายในขนาด 4 GB (1 แถว ใส่ได้ 1 ช่องถ้าจะอัปเกรดต้องถอดตัวเก่าออก)
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel UHD Graphics 620 และการ์ดจอแยก NVIDIA GeForce MX130 (2GB GDDR5) ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่เอาเข้าจริงๆ ก็สนับสนุนการเล่นเกมได้ในระดับนึงเหมือนกัน
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังประมวลผลซีพียู คะแนนก็อยู่ในระดับกลางๆ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลที่เป็น Intel Core i รหัส U ซึ่งใช้กับรุ่นก่อนหน้านี้เแล้วก็ทำได้ดีกว่ามากเพราะเป็นแบบ 4 Core/8 Thread พอใช้งานหนักๆ ได้อยู่
ทดสอบการทำงานฮาร์ดดิสก์ความจุอยู่ที่ 1 TB แบบความเร็ว 5400 รอบที่ติดตั้งมาให้ + Intel Optane 16 GB ด้วยโปรแกรม HD Tune แล้วพบว่าอัตราการถ่ายโอนข้อมูลน้อยสุดที่ 37.0 MB/s และสูงสุดที่ 313.3 MB/s ทำให้ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 207.0 MB/s ด้วยกัน มีอัตราการเข้าถึงข้อมูลที่ 3.82 ms ซึ่งนับได้ว่าผลทดสอบที่ออกมานั้นมีความน่าประทับใจทีเดียว
ทดสอบ HDD อีกโปรแกรมกับ CrystalDiskMark จะเห็นได้ว่า HDD ธรรมดาใช้งานควบคู่กับ Intel Optane ผลออกมาทำคะแนนได้น่าประทับใจมากมีค่า Read สูงถึง 933.3 MB/s และ Write ที่ 160.1 MB/s กันเลยทีเดียวครับ
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 2,145 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานพีซีทั่วไปนั้นพอได้ แต่ถ้าใช้งานหนักๆ อาจจะต้องเพิ่ม Ram เป็น 8 GB ก็จะใช้งานได้ดีขึ้นครับ
ในส่วนถัดไปทีมงานจะมาทดสอบในการเล่นเกมกันบ้างกับเกมยอดนิยมทั้ง 2 เกมหลักๆ ที่ตัวเครื่อง HP Pavilion x360 ปี 2018 พอเล่นได้ จะเป็นอย่างไรกันบ้างกับ ไปดูกันเลยครับ
จากกราฟจะเห็นได้ว่าทีมงานได้ทดสอบเฉพาะเกมออนไลน์ที่ไม่ได้กินสเปคเครื่องมากอย่าง DOTA 2 และ Overwatch ซึ่งตัวเครื่อง HP Pavilion x360 ปี 2018 ก็สามารถเล่นได้มีค่า FPS เฉลี่ยนที่ 40 เฟรมขึ้นไป เมื่อปรับแบบ Low บนความละเอียด Full HD ตาม Native หน้าจอ แต่มีข้อสังเกตตัวเครื่องมี Ram เพียง 4 GB ทำให้เฟรทเรทที่ได้ค่อนข้างแกว่ง ไม่นิ้งเท่าไร ซึ่งถ้าเป็นไปได้หากจะใช้งานหนักๆ แนะนำว่าควรเปลี่ยน Ram เป็น 8 GB ครับ (ถอด Ram เก่าออกเปลี่ยนใหม่)
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ของ HP Pavilion x360 ปี 2018 เป็นแบบฝังไว้ในเครื่องเหมือนกับโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นในปัจจุบัน ตัวแบตเตอรี่มีขนาด 3-cell, 41 Wh Li-ion สามารถทำงานต่อเนื่องยาวนานได้ประมาณ 3 ชั่วโมง 45 นาทีในการต่อ Wi-fi ดู YouTube ปกติ บอกเลยครับว่าพกพาไปทำงานข้างนอกได้ในระดับหนึ่งครับ
ทางด้านอุณหภูมิสำหรับ HP Pavilion x360 ปี 2018 เครื่องนี้ที่พัดลมระบายความร้อน 1 ตัว ช่องระบายความร้อน 1 ช่องเรียกได้ในระดับโอเคใช้ได้ ซึ่งเมื่อใช้เล่นเกมหนักๆ เป็นเวลานานๆ จะมีอุณหภูมิสูงสุด 93 องศาสำหรับ CPU และ 63 องศาสำหรับ GPU แต่หากใช้งานทั่วไปดูหนังฟังเพลงอุณหภูมิไม่เกิน 80 องศาแน่นอนครับ
Conclusion / Award
สำหรับ HP Pavilion x360 ปี 2018 รุ่นใหม่ของปีนี้ก็ถือได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊ค 2-in-1 ที่น่าใช้อีกรุ่นหนึ่งเลยทีเดียว ดีไซน์สวยงามหรูหรา สเปคก็ถือว่าโอเคด้วยที่ตัวเครื่องเลือกใช้ชิปประมวลผล Intel Core i7-8550U + การ์ดจอ MX130 ทำให้ใช้งานไม่ว่าจะเป็นดูหนังฟังเพลง หรือแม้แต่กระทั่งวาดรูปก็สามารถได้อย่างสบายๆ ด้วยหน้าสัมผัสรองรับการใช้งานปากกา ซึ่งตัวเครื่องก็ได้มี HP Pen มาให้ด้วยไม่ต้องซื้อแยก แถมหน้าจอรองรับแรงกดได้ 1024 ระดับ จะกดแรงกดอ่อน ระบายสีก็ถือว่าโอเคเลย
นอกจากนี้ตัวเครื่องยังมาพร้อมกับระบบเสียง B&O ที่จัดได้ว่าให้อรรถรสของเสียงได้ดีกว่าลำโพงทั่วไป รวมไปถึงการออกแบบดีไซน์ที่ดูแล้วเรียบหรูและใช้วัสดุคุณภาพอย่างพลาสติกเกรดสูง รวมไปถึงมีประกันถึง 2 ปีแบบ On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน ทำให้ HP Pavilion x360 เป็น 2-in-i Notebook ที่มีความโดดเด่นเหนือกว่าคู่แข่งหลายๆ ตัวในตลาด แถมสนนราคายังไม่แพงจนเกินไปด้วย เพียง 29,900 บาทเท่านั้นสำหรับตัวท็อป
อย่างไรก็ตาม HP Pavilion x360 ปี 2018 ก็ยังมีข้อสังเกตอยู่บ้างคือตัวเครื่องให้ Ram มาเพียง 4 GB เท่านั้นทำให้งานหนักๆ บน Windows 10 อาจจะลำบากไปหน่อย และถ้าหากจะแกะอัปเกรดก็ทำได้ค่อนข้างยากเพราะตัวเครื่องมิติเล็กกระทัดรัด ซึ่งถ้าอัปเกรดจริงๆ แนะนำให้ช่างทำให้จะดีกว่า รวมถึงจอที่เป็นจอกระจกทำให้ใช้งานกลางแจ้งลำบาก สะท้อนมองไม่ค่อยเห็นเท่าไร แต่ถ้าเรื่องเหล่านี้ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรก็จัดไปเลยครับคุ้ม เป็นเครื่อง Work, Play & Sharing ได้ในทุกที่ทุกเวลา
ข้อดี
- เป็นโน๊ตบุ๊คที่มีคุณสมบัติ 2-in-1 Notebook ใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ
- วัสดุและงานประกอบถืออว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานของโน๊ตบุ๊คระดับสูงจาก HP
- สเปคโดยรวมถือว่าโอเคได้ทั้ง i7-8550U + MX130
- หน้าจอทัชกรีนขนาด 14 นิ้วขอบบาง Full HD IPS
- มีสแกนลายนิ้วมือ Finger Print
- หน้าจอรองรับแรงกดได้สูงสุด 1024 ระดับ พร้อมมีปากกา HP Pen แถมมาให้เลย
- ตัวเครื่องใส่ Intel Optane Memory 16 GB มาให้ ใช้งานดีกว่าเป็น HDD ธรรมดาอย่างเดียว
- มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Windows 10 ที่สนับสนุนการใช้งานทัชกรีนอย่างเต็มที่
- ระบบเสียงและลำโพง B&O ให้เสียงที่ดีใช้ได้
- รับประกัน 2 ปีแบบ On-site Service
- HP SmartFriend บริการหลังการขายที่มากกว่าจาก HP
ข้อสังเกต
- หน้าจอเป็นกระจกภาพค่อนข้างสะท้อนหากใช้งานกลางแจ้ง
- Ram ตัวเครื่องให้มาเพียง 4 GB
Best Design
HP Pavilion x360 ปี 2018 ตัวเครื่องออกแบบได้อย่างสวยงามตามมาตรฐานการดีไซน์ของ HP รวมทั้งวัสดุคุณภาพอย่างพลาสติกเกรดดีทั้งชิ้นที่ให้ทั้งความหรูหราและความแข็งแรงทนทานไปพร้อมๆ กัน ให้ความรู้สึกเมื่อจับถือแล้วเหมือนกันกับ โน๊ตบุ๊คระดับไฮเอนด์ ที่สำคัญยังเป็นเสริมภาพลักษณ์ผู้ใช้ให้ดูดีไปอีกระดับ ด้วยการที่เป็นได้ทั้งโน๊ตบุ๊คและแท็บเล็ตในเครื่องเดียวกันโดยการพับหน้าจอ 360 องศา
Best Mobility
ส่วนของความสามารถในการพกพาก็ยังคงอยู่ในระดับที่ดีตามสไตล์ของโน๊ตบุ๊ค 2-in-1 ที่ทำให้สามารถหิ้วไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก ด้วยน้ำหนักตัวเครื่องเพียง 1.59 กิโลกรัมเท่านั้น ถือมือเดียวสะพายกระเป๋าพกพาไปไหนมาไหนสบายๆ