เริ่มมีให้เราเห็นกันในท้องตลาดแล้วครับสำหรับหน่วยประมวลผลสำหรับโน๊ตบุ๊คตัวแรงล่าสุดกับหน่วยประมวลผลสถาปัตยกรรม Coffee Lake หรือหน่วยประมวลผลใน Gen 8 ที่เปิดตัวกันจริงๆ ก็ตั้งแต่ในวันที่ 3 เมษายน 2018 ที่ผ่านมา โดยในขณะนี้นั้นรุ่นที่เริ่มมีการวางจำหน่ายก็จะประกอบไปด้วย Core i7-8750H และ i5-8300H มาวันนี้นั้นเราจึงขอนำเอาผลการทดสอบของหน่วยประมวลผลทั้ง 2 รุ่นเทียบกับตัวแรงใน Gen 7 ของเดิมอย่าง i7-7700HQ จะเป็นอย่างไรบ้างนั้นติดตามกันได้เลยครับ
สำหรับหน่วยประมวลผล Core i7-8750H รุ่นใหม่นี้นั้นถือได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊ครุ่นแรกๆ ในตลาดสำหรับโน๊ตบุ๊คที่มาพร้อมกับแกนการประมวลผลจำนวน 6 แกน 12 threads ซึ่งเมื่อเทียบกับ i7-7700HQ ที่ใช้สถาปัตยกรรม KabyLake ซึ่งจะมาพร้อมกับแกนการประมวลผล 4 แกน 8 threads เท่านั้นซึ่งจะไปเท่ากับรุ่น i5-8300H โดยส่วนที่แตกต่างกันนั้นก็จะอยู่ในส่วนของความเร็วสัญญาณนาฬิกาฐานและ Turbo ครับ สำหรับสเปคของทั้ง 3 รุ่นที่จะนำมาทดสอบให้ได้เห็นกันนั้นจะเป็นไปดังต่อไปนี้ครับ
จากสเปคนั้นจะเห็นได้ว่าหน่วยประมวลผลสถาปัตยกรรม Coffee Lake หรือ Gen 8 ทั้ง 2 รุ่นนั้นจะมาพร้อมกับความได้เปรียบเมื่อเทียบกับหน่วยประมวลผลสถาปัตยกรรม KabyLake พอสมควรครับ ด้วยกระบวนการผลิตที่ระดับ 14++ nm ที่ทำให้มีพื้นที่ผายในแผงวงจรของหน่วยประมวลผลเพิ่มมากขึ้นพอสมควรดังนั้นแล้วทั้ง Core i7-8750H และ i5-8300H จึงมาพร้อมกับสเปคที่สูงขึ้นพอสมควรไม่ว่าจะเป็นเรื่องของแกนการประมวลผล และจุดเด่นอย่าง L3 Cache ที่อยู่ที่ 9 MB บน i7 และ 8 MB บน i5 หรือจะเป็นการรองรับหน่วยความจำแบบ DDR4 ที่ความเร็ว 2666 MHz อีก ทำให้เวลาที่ใช้งานจริงๆ นั้นเห็นความแตกต่างพอควรครับ
ทั้ง Core i7-8750H และ i5-8300H จะมีอัตราการคายความร้อนเท่ากับ i7-7700HQ คือ 45 W เท่านั้นซึ่งต้องบอกเลยครับว่าในจุดนี้สามารถทำได้ดีมากๆ เพราะต้องไม่ลืมว่า i7-8750H นั้นมาพร้อมกับแกนการประมวลผลถึง 6 แกน 12 threads มาดูต่อกันที่ความเร็วสัญญาณนาฬิกาฐานที่ i7-8750H นั้นจะอยู่ที่ 2.2 GHz ส่วน i5-8300H นั้นจะอยู่ที่ 2.5 GHz โดยเมื่อเทียบตามตัวเลขแล้วก็น้อยกว่า i7-7700HQ แต่ต้องไม่ลืมครับว่า i7-8750H มีแกนการประมวลผลมากกว่าถึง 2 แกน
แต่ครับแต่อยากจะให้ดูในส่วนของความเร็วสัญญาณนาฬิกาแบบ Turbo – All Cores ซึ่ง i7-8750H นั้นสามารถทำได้สูงถึง 3.9 GHz มากกว่า i7-7700HQ ที่อยู่ที่ 3.4 GHz ซึ่งด้วยแกนการประมวลผลแบบ 6 แกนนั้นทำให้เมื่อทดสอบแล้วจะพบว่าคะแนนในส่วนของการประมวลผลแบบ Multi core ของ i7-8750H นั้นจะมากกว่า i7-7700HQ อย่างชัดเจน เอาเป็นว่ามาลองดูผลการทดสอบของหน่วยประมวลผลทั้ง 3 รุ่นเทียบกันดีกว่าครับว่าจะเป็นเช่นไรบ้าง
สำหรับผลการทดสอบทางด้านบนนั้นคงต้องขอบอกก่อนนะครับว่า i7-8750H ที่ใช้ในการทดสอบนั้นยังคงเป็นตัวทดสอบที่มีการเปิดตัวออกมาในวันที่ 3 เมษายน 2018 ที่ผ่านมาไม่ใช่ตัวจริงที่เริ่มอยู่บนโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่ดังนั้นแล้วเมื่อเทียบกับตัวที่มีการวางจำหน่ายก็อาจจะทำให้มีผลการทดสอบแตกต่างกัน ส่วนผลคะแนนของ i7-7700HQ นั้นมาจากค่าเฉลี่ยของเว็บไซต์ notebookcheck.com ตามมาด้วย i5-8300H ที่อยู่บนเครื่องทดสอบของทาง ultrabookreview เอง ส่วน Ryzen 7 1700 นั้นมาจากการทดสอบเครื่องรุ่น ASUS ROG GL702ZC ครับ
โดยรวมแล้วจะเห็นได้ครับว่า i7-8750H นั้นแรงกว่า i7-7700HQ ประมาณ 10% ในผลการทดสอบแบบ Single-core ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะความเร็วสูงสุดของ i7-8750H นั้นจะสูงกว่า i7-7700HQ ส่วนการทดสอบแบบ Multi-cores นั้นก็จะเร็วกว่าที่ราวๆ 15 – 25 % ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจมากนักเพราะทั้งจำนวนแกนการประมวลผลและความเร็วสัญญาณนาฬิกาสูงสุดของ i7-8750H นั้นสูงกว่า i7-7700HQ ในระดับหนึ่งครับ ที่น่าสนใจก็คือในส่วนของ i5-8300H นั้นผลจากทดสอบค่อนข้างที่จะเทียบเคียงกับ i7-7700HQ ได้แบบสบายๆ งานนี้นั้นถ้าคุณๆ มีงบจำกัดล่ะก็ i5-8300H ถือได้ว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งครับ
ท้ายสุดกับการเทียบข้ามค่ายไปดูกับ Ryzen 7 1700 นั้นจะเห็นได้ว่าคะแนนในการทดสอบแบบ Multi-cores ของ Ryzen 7 1700 ทำได้ดีกว่า i7-8750H ครับ ซึ่งจุดนี้ก็ไม่น่าแปลกใจเพราะ Ryzen 7 1700 นั้นมาพร้อมกับแกนการประมวลผล 8 แกน 16 threads มากกว่า i7-8750H ไปอีกขึ้นหนึ่ง แต่ถ้าดูคะแนนในส่วนของ Single-core แล้วนั้น i7-8750H ก็ยังสามารถทำได้ดีกว่าอยู่ดีเนื่องจากว่ามีความเร็วสัญญาณนาฬิกา Turbo ที่ single core สูงมากที่สุดนั่นเองครับ
i7-8750H นั้นถือได้ว่าเป็นหน่วยประมวลผลรุ่นใหม่ที่น่าจะเข้าไปอยู่ในใจของผู้ที่ชื่นชอบความแรงบนโน๊ตบุ๊คได้ไม่ยากเย็นครับ อย่างไรก็ตามแต่แล้วนั้นด้วยราคาที่น่าจะสูงพอสมควรดังนั้นแล้วอาจจะต้องรอกันสักพักหน่อยเพราะในช่วงนี้ผู้ผลิตโน๊ตบุ๊คคงจะเร่งเคลียร์สต๊อก i7-7700HQ กันมากกว่า
สำหรับผู้ซื้อนั้นหากคุณไม่มีปัญหาเรื่องงบประมาณ i7-8750H ถือได้ว่าเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ใช้ที่จะนำมาใช้งานอย่างด้าน programming/engineering software, VR, content editing และ streaming ที่ต้องใช้งานหน่วยประมวลผลเป็นหลัก แต่ถ้าคุณอยู่ในสายการเล่นเกมแล้วนั้นเพื่อให้กระเป๋าเงินของคุณไม่แบนไปมาก i5-8300H ถือได้ว่าเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าเพราะนอกจากจะมีประสิทธิภาพใกล้กับ i7-7700HQ แล้ว ราคาของมันก็น่าจะต่ำกว่าเครื่องรุ่นที่มาพร้อมกับ i7-7700HQ ด้วยครับ
ที่มา : ultrabookreview