การขุดเหมืองดิจิทัลนั้นได้รับความนิยมจนจะกระจายไปทั่วโลกเลยทีเดียวครับ ซึ่งจากปัญหาที่ผ่านๆ มานั้นการขุดเหมืองดิจิทัลก็ทำให้กราฟิกการ์ดขาดตลาดและมีราคาสูงขึ้นตามลำดับ อย่างไรก็ตามแต่แล้วนั้นผลกระทบของการขุดเหมืองดิจิตัลจะไม่ได้มีเพียงแค่นั้นครับเพราะว่าการขุดเหมืองดิจิทัลนั้นจำเป็นที่จะต้องเปิดเครื่องอยู่ตลอดเวลาเนื่องจากยิ่งนานวันไปผลตอบแทนที่ได้รับจากการขุดเหมืองดิจิทัลก็ยากมากขึ้นเรื่อยๆ แถมยังมีปัญหาตามมาอีกซึ่งนั่นก็คืออัตราการใช้ไฟฟ้านั้นสูงขึ้นตามลำดับครับ
ในเมืองเล็กๆ ของ New York อย่างเมือง Plattsburgh นั้นได้รับผลกระทบจากการคุดเหมืองที่เริ่มมีคนเข้ามาตั้งชุดขุดเหมืองในเมืองกันมากขึ้นครับ และนั่นเองที่ทำให้ทางสภาเมืองสั่งหยุดการขุดเหมืองดิจิทัลชั่วคราวอันเนื่องมาจากการที่ตัวเมืองนั้นได้รับผลกระทบอย่างหนักในเรื่องของกระแสไฟฟ้าไม่เพียงพอต่อความต้องการสำหรับประชากรทั่วไป(ไม่ใช่แบนไปเลยนะครับเป็นคำสั่งให้หยุดชั่วคราวเท่านั้น)
หากถามว่าทำไมนักขุดเหมืองดิจิทัลถึงไปตั้งฐานการขุดที่เมือง Plattsburgh นั้นก็เนื่องมาจากว่าค่าไฟฟ้าของเมือง Plattsburgh ค่อนข้างที่จะถูกกว่าเมืองอื่นๆ ใน New York ครับ ทั้งนี้นั้นนายกเทศมนตรีของเมืองได้ให้สัมภาษณ์กับ Motherboard เอาไว้ว่านอกจากปัญหาเรื่องกระแสไฟฟ้าไม่เพียงพอแล้ว ค่าไฟฟ้าโดยรวมของตัวเมืองที่ประชากรจะต้องจ่ายก็เพิ่มขึ้นอีก แถมด้วยการที่ต้องเปิดเครื่องไว้ตลอดเวลานั้นทำให้เกิดความร้อนมากขึ้นอีกด้วยครับ
อีกปัญหาหนึ่งที่ทำให้ทางนายกเทศมนตรีสั่งระงับการขุดเหมืองดิจิทัลชั่วคราวนั้นก็คืองบประมาณในการซื้อไฟฟ้าของตัวเมืองนั้นสามารถที่จะซื้อไฟฟ้าได้แค่ 104 megawatt-hours per month เท่านั้นเพราะตัวเมืองไม่สามารถผลิตไฟฟ้าเองได้ต้องซื้อไฟฟ้าจากเมืองอื่น ซึ่งหากทางเมืองต้องการซื้อไฟฟ้าเพิ่มอีกเพื่อให้ตอบสนองกับประชากรทางเมืองก็ต้องไปเก็บค่าไฟฟ้าจากประชากรในเมืองเพิ่มขึ้นครับ
Plattsburgh ไม่ใช่เมืองแรกที่เจอปัญหาดังกล่าวนี้ครับเพราะก่อนหน้านี้นั้นในประเทศจีนก็เจอปัญหาแบบเดียวกันจนทำให้ทางการของประเทศจีนต้องออกมาสั่งแบนการขุดเหมืองดิจิทัล(เพราะไม่เพียงแค่ทำให้ไฟฟ้าไม่พอใช้แต่ทางจีนได้บอกเอาไว้ว่าทางการมีความกังวลกับมลพิษที่เกิดจากการเปิดอุปกรณ์ขุดเหมืองดิจิทัลด้วย) ทั้งนี้เชื่อได้ว่าอีกไม่นานนักน่าจะมีอีกหลายๆ เมืองออกประกาศงดหรือแบนการขุดเหมืองดิจิทัลเช่นเดียวกันส่วนในเมืองไทยนั้นจะเป็นอย่างไรต้องคอยดูกันต่อไปครับ
ที่มา : engadget