ถึงเกมที่ทำเป็นภาพยนตร์จะออกมาไม่ดีแค่ไหนแต่ยังไงก็มีแฟนเกมหลายท่านล่ะครับที่อยากให้เกมโปรดถูกขึ้นจอเงินโลดแล่นบนแผ่นฟิลม์ไม่ว่าจะเป็นเกมเก่าหรือใหม่ ฉะนั้นแล้ววันนี้เราจะมาดู 7 เกมชื่อดังที่ทาง PCGAMER ได้รวบรวมมาว่ามันควรจะถูกทำเป็นภาพยนตร์ได้แล้วหรือถ้างบไม่ถึงก็ลงเป็นทีวีซีรี่ส์แทนก็ได้นะ
Silent Hill Anthology Show
ถึงเกมนี้จะถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ไปแล้วแต่ถ้าหากมันกลับมาอีกครั้งในรูปแบบซีรี่ส์ Netflix ก็คงเป็นอะไรที่น่าดูทีเดียวครับกับเรื่องราวเมืองต้องคำสาปที่มีเหล่าคนบาปอาศัยอยู่โดยเนื้อหาอาจจะเป็นการเล่าเรื่องจบในตอนแต่ทุกตอนอยู่ในจักรวาลเดียวกันอารมณ์ประมาณซีรี่ส์ Black Mirror แต่อยู่ในโทนสยองขวัญ/ลึกลับแทน
นอกจากนี้การเดินเรื่องก็อาจจะมีการหักมุมหรือชักชวนให้คนดูคิดตามไปด้วยซึ่งการลงเป็นซีรี่ส์จะทำให้มีโอกาสขยายเนื้อหาเล่าเรื่องได้ละเอียดกว่าการทำเป็นหนังโรงที่มีระยะเวลาจำกัดเพียง 1 ชั่วโมงครึ่ง – 2 ชั่วโมงซึ่งซีรี่ส์สามารถทำเป็น Episode หลาย ๆ ตอนได้
Bioshock
เกมสยองขวัญในเมืองใต้ทะเลที่หากใครเล่นก็พอจะรู้ซึ้งถึงความหลอนของสภาพเมืองหรือศัตรูที่เราต้องเจอโดยเฉพาะพี่ Big Daddy ซึ่งตัวเกมก็เหมาะสำหรับทำเป็นภาพยนตร์หรือลงเป็นซีรี่ส์ได้ทั้งหมดโดยการเดินเรื่องอาจจะใส่ความสยองลงไปเล็กน้อยแต่เน้นหนักเรื่องอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครใส่ประเด็นปรัชญาก็น่าจะทำให้หนังดูมีอะไรให้ขบคิดมากขึ้น
หรือถ้าหากนำ Bioshock ไปผลิตเป็นซิทคอมก็น่าสนใจเหมือนกันครับกับการนำเสนอในแง่มุมของความสัมพันธ์ตัวละครในเกมโดยมีฉากหลังเป็นเมืองบาดาลอาจจะเล่าเรื่องราวของตัว Splicer ว่าวัน ๆ มันทำอะไรบ้างหรือเล่าเรื่องการค้นพบผลิต ADAM เป็นต้น
PUBG/Fornite
สองเกมแนว Battle Royale ที่การนำไปทำเป็นเรียลลิตี้โชว์ก็ดูเหมือนจะเป็นไอเดียที่เข้าท่าเหมาะกับสไตล์เกมเพราะเป็นการจับคน 100 คนมาต่อสู้กันถ้าหากทำเป็นรายการเรียลลิตี้โชว์ก็อาจจะมีการการตามติดชีวิตของคนที่ถูกปล่อยเกาะต้องตามหาอาวุธไล่ฆ่าคนอื่นคาดว่าคงจะสนุกและตลกแบบแสบ ๆ ไม่น้อย
Team Fortress 2
เกมดังจาก Valve ที่ถ้าหากถูกทำเป็นหนังโรงคงจะท้าทายและฮามาก ๆ กับการนำเสนอตัวละครที่มีบุคลิกลักษณะแตกต่างกันแต่มาอยู่ในทีมเดียวโดยเนื้อหาก็มีให้เล่าให้เล่นเยอะมากอย่างเช่นในคลิปหนังสั้น Expiration Date ที่ทีม Red พบว่าทุกคนต้องตายในอีกไม่กี่สันเพราะขนมปังติดเชื้อคงจะบันเทิงไม่น้อยเลยล่ะ
Dishonored
การนำ Dishonored มาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ก็ดูจะเหมาะสมกันดีครับเพราะเนื้อหาบรรยากาศเกมจะมาในแนวนักฆ่ามีความเป็นการเมืองดราม่าแบบจริงจังซึ่งสามารถทำเป็นหนังสเกลใหญ่ได้สบายหรือจะถูกทำเป็นซีรี่ส์แบ่งเป็น Season ยาว ๆ ก็ทำได้ครับจะลงเป็นซีรี่ส์ช่อง HBO ก็ดูดีหรือหนังโรงก็เชื่อว่ามีแฟน ๆ ต้องตามไปดูแน่นอน
The Final Station
มันเป็นเกมเอาชีวิตรอดบนรถไฟกับจุดเด่นคือการเดินเรื่องในสถานที่แคบ ๆ อย่างรถไฟที่ต้องวิ่งไปตลอดพร้อมภารกิจที่ตัวเอกต้องทำมากมายเช่นหาเสบียง , ป้องกันการโจมตีของผู้ติดเชื้อ , หาวิธีรักษาคนเจ็บในรถไฟ ด้วยวัตถุดิบที่มีมันสามารถทำเป็นหนังใหญ่ได้เลยเพราะเกมนี้มีทุกอารมณ์และการเดินเรื่องที่อยู่บนรถไฟอย่างเดียวก็แปลกใหม่ทีเดียว
Star Wars: Knight of the Old Republic
จริงอยู่ที่เราอาจจะได้เห็นภาพยนตร์ชุด Star Wars บนแผ่นฟิลม์หลายต่อหลายภาคไปแล้วแต่ถ้านำเรื่องราวในช่วงของ Knight of the Old Republic คาดว่าจะต้องเรียกความสนใจจากแฟน ๆ ได้มากโขเลยเพราะมีเนื้อหาเข้มข้นมีการต่อสู้ของอัศวินเจไดในยุคก่อนแถมยังเป็นการขยายจักรวาลให้กว้างขึ้นอีกด้วยก็หวังว่าความหวังจะยังมีนะ
ทั้งหมดนี้ก็คือ 7 เกมที่ควรถูกทำเป็นภาพยนตร์หรือซีรี่ส์มากที่สุดแต่ถ้าใครให้มากกว่านี้หรืออยากให้ผู้กำกับคนไหนมากำกับเกมไหนก็ลองบอกกันหน่อยนะครับ
ที่มา: PCGAMER