ASUS Vivo AiO ถือว่าเป็นซีรีส์ Desktop PC ที่มีทุกสิ่งที่คุณต้องการรวมกันเป็นอันเดียว ด้วยมีทั้งจอแสดงผล, โปรเซสเซอร์, กราฟฟิก, หน่วยจัดเก็บ, หน่วยความจำ และอื่นๆ ซึ่งทั้งหมดได้รับการออกแบบสร้างให้มีความทันสมัย เก๋ไก๋ รวมส่วนถึงการออกแบบอย่างพิถีพิถันใส่ใจทุกลายละเอียด เพื่อการใช้แบบโฮมคอมพิวเตอร์ที่สามารถโต้ตอบและใช้งานง่ายแบบสบายๆ ซึ่งในบทความนี้เราจะมีรีวิว ASUS Vivo AiO V241IC รุ่นใหม่ล่าสุดที่มาพร้อมกับหน้าจอ NanoEdge สุดบาง จะเป็นอย่างไรบ้างไปดูกันได้เลย
ข้อมูลสเปคเบื้องต้น
- CPU : Intel Core i5-7200U (2.50 GHz 3M Cache, up to 3.10 GHz)
- GPU : NVIDIA® GeForce 930MX 2GB
- Ram : 4 GB DDR4 2400 MHz
- Harddisk : 500 GB Up to 1TB SATA
- Display : 23.8 นิ้ว , NanoEdge, Full HD 1920×1080, LED-backlight, 178° wide viewing angle
- Connector : 1 x USB 2.0, 1 x Audio Jack(s) (Mic/Headphone Combo), 4 x USB 3.1 Gen 1, HDMI, LAN, Kensington Lock, DC-in, SD Card Reader/ SDHC/ SDXC
- Network : Wireless 802.11 a/b/g/n/ac, Bluetooth V4.1
- Size : 47.9 x 40.9 x 4.8 ~16.5 cm
- OS : Windows 10 Home
- ตัวเครื่องมาพร้อมคีย์บอร์ดและเมาส์ไวเลส
- น้ำหนัก 5.01 กิโลกรัม
- ประกัน 3 ปี Onsite by Asus
- ราคาประมาณ 28,000 บาท
การใช้งาน
สำหรับ ASUS Vivo AiO V241IC ถือว่าเป็น AiO ที่ดีไซน์สวยมากรุ่นหนึ่งเลยทีเดียว โดยขอบหน้าจอสุดบางแบบ NanoEdge ที่มีขอบจอเพียง 2 mm. เข้ากับยุคปัจจุบันสมัยปัจจุบัน อีกทั้งขาตั้งที่ออกแบบมามีส่วนเว้า ส่วนโค้งดูทันสมัย ซึ่งตัวเครื่องมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home แท้ในตัวเครื่อง เมื่อใช้งานครั้งแรกอาจจะต้องใช้เวลานานสักหน่อยในการอัพเกรดวินโด้ และไดร์เวอร์ที่ติดตั้งมาในตัวเครื่อง
ด้วยสเปคตัวเครื่องที่มาพร้อมกับ CPU ที่เป็น Intel Core i5-7200U รุ่นประหยัดพลังงาน การ์ดจอแยก NVIDIA® GeForce 930MX 2 GB และ Ram 4 GB DDR4 ซึ่งดูเหมือนว่า AiO เครื่องนี้น่าเหมาะสำหรับทำงานเอกสาร เล่นเกมออนไลน์เบาๆ หรือนำมาดูหนัง 4K ฟังเพลง ตกแต่งภาพนิดหน่อย เสียงมากกว่าไม่เหมาะกับการเอามาเล่นเกมหนักหรือทำงานสูงๆ
ส่วนหน้าจอเป็นแบบขนาด 23.8 นิ้ว LED widescreen Full HD มุมกว้าง 178 องศา ไม่ว่าจะมุมมองไหนก็ให้สีที่ไม่ผิดเพี้ยน ตัวจอสามารถขยับเงย-ก้มได้ในระดับหนึ่ง แถมยังมีขอบเขตสีที่แสดงผลถึง 100% sRGB เหมาะอย่างยิ่งสำหรับนักตกแต่งภาพที่ต้องการเรื่องความแม่นยำของสี จะได้มีต้องไปซื้อจอแยกเพิ่ม แต่อย่าลืมคาลิเบตหน้าจอก่อนแล้วกัน อีกทั้งหน้าจอยังมาพร้อมกล้องคุณภาพ HD ความละเอียด 1 ล้านพิกเซล อยู่กลางหน้าจอด้านล่างและมีไมค์ตัดเสียงให้สองตัว ส่วนระบบเสียงเป็นแบบ SonicMaster Premium ที่มีตัวลำโพง 2 ดอกขนาดใหญ่ จึงทำให้เสียงที่ออกมามีคุณภาพดียิ่งขึ้น แยกเสียงซ้ายขวาชัดเจน และมีเสียงดังพอสมควร ทำให้ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมได้อรรถรสเพิ่มขึ้นกว่ารุ่นอื่นๆ มาเลยทีเดียว
ด้านหลังตัวเครื่องก็มีพอร์ทต่างๆ มาให้ครบครันเลยทีเดียว ทั้ง USB 3.1 Gen 1 จำนวน 4 ช่อง, HDMI, LAN และ SD Card Reader จะอยู่ด้านหลังตัวเครื่อง ส่วนด้านล่างฝั่งซ้ายหน้าจอจะมี USB 2.0 จำนวน 1 ช่อง และ รูเสียบหูฟังและไมค์แบบ Combo 1 การเชื่อมต่อไร้สายก็รองรับ Wireless 802.11 มาตราฐานใหม่ทำให้เชื่อมต่อได้ไม่มีสะดุด แต่น่าเสียดายที่ ASUS Vivo AiO V241IC ไม่มีที่ใส่ SD Card มาให้ หากจำเป็นต้องใส่เมมโมรี่คงต้องหา SD Card Reader มาใช้แทน
Performance / Software
ทางด้านชิปประมวลใช้ CPU เป็น Intel Core i5-7200U ซึ่งเป็นชิปประมวลผลรุ่นประหยัดพลังงาน มีความเร็วในการประมวลผลเริ่มต้นอยู่ที่ 2.50 GHz เร่งได้สูงสุดถึง 3.10 GHz เป็นซีพียูแบบ 2 Core 4 Thread 4 ซึ่งเพียงพอสำหรับการประมวลผลหนักๆ ในระดับหนึ่ง พร้อมแรมภายในขนาด 4 GB DDR4 บัส 2400 MHz
ด้านของการ์ดจอที่ติดตั้งมาให้จะมีสองตัวด้วยกัน คือการ์ดจอออนบอร์ดและการ์ดจอแยกจาก Nvidia ซึ่งการ์ดจอออนบอร์ดจะเป็น Intel HD Graphic 620 สำหรับประมวลผลทั่วไปเช่นดูหนังหรือฟังเพลง ส่วนการ์ดจอแยกจาก Nvidia GeForce 930MX ขนาด 2 GB DDR3 สามารถรองรับการประมวลผลกราฟิกระดับสูงพอได้ ไม่ว่าจะตัดต่อหนังหรือจะเล่นเกมได้ในระดับหนึ่ง แม้อาจจะไม่แรงมากเทียบเท่าพวก GTX แต่ก็พอเพียงกับการใช้งานเล่นเกมประเภทออนไลน์ได้อยู่
ทางด้านอุณหภูมิปกติของเครื่องจะอยู่ที่ประมาณ 42 องศา แต่พอรีดประสิทธิภาพเครื่องจะร้อนที่สุดที่ 72 องศาเซลเซียส นับว่าเรื่องระบบระบายความร้อนของ ASUS Vivo AiO V241IC เครื่องนี้ทำออกมาได้ดีมากเลยทีเดียว ซึ่งนั่นน่าจะเป็นเพราะชุดระบายความร้อนจาก ASUS ที่ออกแบบมาค่อนข้างดี อีกทั้งเลือกใช้ชิปประมวลผล Intel รุ่นล่าสุดที่มีเทคโนโลยีการผลิตที่เล็กลงทำให้ใช้พลังงานน้อยลงไปด้วย
สรุป
ASUS Vivo AiO V241IC ดูน่าจะมองเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับคนที่พื้นที่จำกัด ไม่ชอบอะไรที่เกะกะและอยากได้เครื่องที่วางแล้วสบายตา ไม่ได้เน้นสเปคที่ต้องแรงไว้ก่อน ซึ่งเจ้าเครื่องนี้มาพร้อมกับเมาส์และคีย์บอร์ดแบบ Wireless แถมมาให้เสร็จสรรพในกล่อง และยังรวมไปถึงกล้องเว็บแคม, ไมค์ตัดเสียง และการเชื่อมตัวไร้สายอย่าง Wireless และ Bluetooth ในตัว เสมือนกับโน๊ตบุ๊คที่มีหน้าจอขนาดใหญ่นั่นเอง แถมการรับประกัน 3 ปีเต็มแบบ On-site Sevice ในราคาประมาณ 28,000 บาทเรียกได้ว่าคุ้มค่าจริงๆ เลยทีเดียวครับ
ข้อดี
- หน้าจอขอบบางมากเพียง 2.2 mm
- ระบบเสียงแบบ SonicMaster ให้เสียงคุณภาพดีมาก
- หน้า 23.8 นิ้ว ความละเอียด Full HD 1920 x 1080 มุมมอง 178 องศา และขอบเขตสี 100% sRGB
- การรับประกัน 3 ปีเต็ม On-site Service
- มีเมาส์กับคีย์บอร์ด Wireless มาให้ด้วยในกล่อง
- ตัวเครื่องมาพร้อมกับ Windows 10 Home
ข้อสังเกต
- สเปคที่ได้เป็น i5-7200U รุ่นประหยัดพลังงาน ประสิทธิภาพธรรมดา
- การแกะอัพเกรดทำได้ยาก