หลังจากที่ USB-C ที่เป็นพอร์ตแห่งอนาคต และได้รับการใช้งานอย่างแพร่หลายตั้งแต่ปี 2016 เป็นต้นมา แถมได้รับการยกย่องว่าเป็นมาตรฐานสากลใหม่ที่จะช่วยให้เราประหยัดทั้งพอร์ตในการชาร์จไฟโทรศัพท์ แล็ปท็อป แท็บเล็ต ลำโพงบลูทูธ หรือแม้แต่คอนโซล Nintendo ได้ทั้งหมดผ่านทางพอร์ตเดียว แถมยังมีการโอนถ่ายข้อมูลที่รวดเร็วมากอีกด้วย
แต่น่าเสียดายระบบการชาร์จไฟของแต่ละอุปกรณ์มีข้อจำกัดของมันเกี่ยวกับแรงดันไฟฟ้าที่แตกต่างของแต่ละเครื่อง ทำให้การถ่ายโอนข้อมูลหรือการชาร์จพลังงานและอื่นๆ ทั้งหมดมีระบบที่ซับซ้อน เพื่อให้มั่นใจว่าเมื่อเสียบปลั๊กเข้ากับพอร์ต USB-C จะทำงานได้จริง ไม่จ่ายไฟเกินจนทำให้อุปกรณ์พัง
และด้วยเหตุนี้เองทาง USB 3.0 Promoter Group ซึ่งนับว่าเป็นผู้พัฒนาพอร์ตให้กับ Apple, HP, Intel, Microsoft, Texas Instruments และอื่นๆ ได้ประกาศข้อกำหนด USB-C ใหม่อีกอันหนึ่ง ซึ่งจะใช้ชื่อว่า USB 3.2 โดยจะสนับสนุน การใช้งานแบบหลายช่องทางในสายเส้นเดียว ซึ่งในทางทฤษฎีจะทำให้อุปกรณ์ต่างๆ สามารถใช้ประโยชน์ได้ในการถ่ายโอนข้อมูลหลายช่องทางในเวลาเดียวกันและทำงานได้เร็วกว่า USB 3.0 ทั่วไป โดยความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 20 Gbps หรือ 2 GB ต่อวินาที
แน่นอนเพื่อที่จะใช้ประโยชน์จาก USB 3.2 คุณจะต้องมีอุปกรณ์ที่รองรับด้วย สมมติว่าโฮสต์และอุปกรณ์รับเข้ากันได้กับ USB 3.2 เชื่อมกับสาย USB 3.0 ที่เก่ากว่า ซึ่งทำให้เห็นความแค่ 2 Gbps เท่านั้น และ USB 3.2 คาดว่าจะเริ่มใช้งานจริงและพบให้เห็นในอุปกรณ์ต่างๆ ช่วงปลายปีนี้ รับรองว่าในอนาคตโลกเราการส่งข้อมูลหลัก 1 TB จะใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น
ที่มา : theverge