ถึงเวลานี้ Dell XPS 13 รุ่นปี 2015 ได้สร้างมาตรฐานใหม่ของ Ultrabook เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ด้วยการที่มาพร้อมขอบจอบางเฉียบ InfinityEdge display มาในตอนนี้ทางทีมงาน NotebookSPEC ของเราก็ได้สัมผัส Dell XPS 13 รุ่นปี 2017 ที่จัดได้ว่าเป็น Ultrabook รุ่นใหม่ล่าสุด ที่มาพร้อมสเปกและดีไซน์เดิมในเรื่องของขนาดตัวเครื่อง น้ำหนักและการออกแบบที่เล็กกว่า Ultrabook ในหน้าจอขนาดเดียวกัน แน่นอนว่านั่นก็มาจากการที่ Dell มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ พร้อมทั้งต่อยอดความเร็จที่มีอยู่อย่างตลอดเวลา
Dell XPS 13 (2017) เลือกใช้ชิประมวลผลรุ่นล่าสุดจากทาง Intel ด้วย Core i Gen 7 ที่มีให้เลือกทั้ง Core i5 และ Core i7 ที่เป็นตระกูล U ที่เป็นรุ่นประหยัดพลังงานพิเศษ รวมไปถึงยังมีหน้าจอความละเอียดสูงระดับ 1920 x 1080 พิกเซล Full HD และความละเอียดแบบสุดๆ ที่ 3200 x 1800 พิกเซล (UltraSharp QHD+) ส่งผลให้เราได้พบประสบการณ์ใช้งานที่เหนือชั้นกว่า Ultrabook ทั่วๆ ไปในตลาดทีเดียว สนนราคาเริ่มต้นที่ 54,900 บาท ไปจนถึง 64,900 บาท พร้อมประกันเทพ 3 ปี ซ่อมฟรีถึงบ้าน
Specification
ในเรื่องของสเปก Dell XPS 13 (2017) นั้น เครื่องที่เราได้มารีวิวเป็นเครื่องที่ใช้ชิปประมวลผลเป็นIntel Core i7-7560U ที่มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.2 GHz และเร่งความเร็วด้วย TurboBoost ได้เป็น 3.2 GHz ส่วนการ์ดจอก็แน่นอนว่าต้องเป็น Intel Iris Plus Graphics 640 ที่ติดมาในตระกูล Kabylake ระดับสูง แรมก็ให้มา 8GB DDR3L เป็นแบบฝังติดบอร์ดมาเช่นเดียวกับ Ultrabook ส่วนใหญ่ในท้องตลาด จะมีจุดที่ต่างก็คือการเลือกใช้ SSD NVMe ความจุ 256GB นอกจากนี้ยังมีเรื่องจอที่ได้กล่าวไปแล้วว่าใช้จอขนาด 13.3 นิ้ว ความละเอียด Full HD ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ที่เป็นพาเนล IGZO IPS แถมตัวคีย์บอร์ดยังมีไฟ LED Backlit มาให้ด้วย เรียกได้ว่าเป็น Ultrabook ระดับสูงได้อย่างเต็มภาคภูมิ
ส่วนเรื่องของพอร์ตเชื่อมต่อนั้นก็ยังมีพอร์ตมาตรฐานของกลุ่ม Ultrabook มาให้ค่อนข้างครบ เช่น USB 3.0 ที่มาพร้อมฟีเจอร์ Sleep Charge, USB Type-C มาตรฐาน Thunderbolt 3 สำหรับเชื่อมต่อจอภายนอกหรือโอนถ่ายข้อมูลความเร็วสูง และ Card Reader มาให้ด้วย อีกอย่างที่ขาดไม่ได้เลยก็คือระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ พร้อมจุดเด่นเดิมที่ยังคงเป็นเอกลักษณ์ของ Dell นั่นคือมีประกันแบบ On-site Service ให้เป็นระยะเวลา 3 ปีด้วยกัน โดยแต่ละรุ่น แต่ละสเปกสามารถตามไปชมราละเอียดเต็มๆ ได้ ที่นี่ ครับ
Hardware / Design
ดีไซน์การออกแบบโดยรวมของ Dell XPS 13 (2017) นั้นจะดูเล็กกว่า Ultrabook หน้าจอ 13 นิ้วอื่นๆ อยู่พอสมควร เนื่องด้วยมีการใช้ตัวเครื่องขนาด 11 นิ้วเท่านั้น ทำให้ตัวเครื่องดูเล็ก กะทัดรัด เหมาะกับการพกพา แต่ทั้งนี้ถึงแม้ว่าตัวเครื่องจะเล็ก แต่ก็ยังใส่จอขนาด 13 นิ้วเทียบเท่ากับ Ultrabook จากแบรนด์อื่นๆ มาให้อยู่ดี ด้วยเทคโนโลยีขอบจอบาง InfinityEdge display เพียงแต่อาจจะดูแปลกตาเล็กน้อยในตอนแรกๆ เท่านั้น
ส่วนของตัวเครื่องใช้วัสดุเป็นอลูมิเนียมและคาร์บอนไฟเบอร์เป็นส่วนประกอบหลัก ทำให้ได้ข้อดีมาก็คือทั้งความแข็งแรงและน้ำหนักที่เบา แต่กระนั้นเรื่องของ Dell XPS 13 (2017) ก็มีจุดที่น่าเสียดายเล็กน้อย นั่นคือฝาหลักดูธรรมดาไปหน่อย ส่วนตัวคิดว่าน่าจะทำให้ดูหรูหรามีราคามากกว่านี้ซักหน่อยหน่อย
ตัวเครื่องมีการออกแบบโดยรวมให้ดูทันสมัยและเรียบง่าย สีสันเป็นสีทองสวยงาม ที่มุมตัวเครื่องจะทำให้เป็นแบบโค้งมน แต่ว่าไม่ได้มนมากจนเกินไป ตามมาด้วยการใส่รายละเอียดในการทำให้ตัวเครื่องมีลักษณะลาดเอียงเล็กน้อย ที่ขอบอลูมิเนียมรอบของตัวเครื่อง ส่วนคาร์บอนไฟเบอร์นั่น จะถูกนำเอามาใช้ด้านในของตัวเครื่องเป็นหลัก ส่งให้เวลาที่เราเอามือมาวางจะรู้สึกว่าเป็นอะไรที่เหนือชั้นกว่าวัสดุทั่วๆ ไป แต่ก็เป็นรอยนิ้วมือได้ค่อนข้างง่ายเช่นกัน ดังนั้นผู้ใช้อาจจะต้องขยันเช็ดดูแลทำความสะอาดเครื่องซักหน่อย เรียกได้ว่าเป็นการออกแบบที่บ่งบอกได้อย่างชัดเจน ว่านี่คือ Ultrabook ตัวเครื่องระดับบน ที่มีการออกแบบมาเป็นอย่างดีพร้อมใส่ในรายละเอียดอย่างที่สุด
อีกหนึ่งจุดเด่นของ Dell XPS 13 (2017) ที่เป็น Ultrabook ระดับสูงก็คือ มีน้ำหนักตัวที่เบามากๆ แถมตัวเครื่องยังบางสุดๆ โดยสามารถถือได้ด้วยมือเดียวอย่างสบายๆ ด้วยน้ำหนักเพียง 1.29 กิโลกรัมเท่านั้น ส่วนความบางมีความส่วนที่บางสุดเพียง 8 มิลลิเมตร และส่วนที่หนาสุดก็เพียง 15 มิลลิเมตรเท่านั้น บอกได้เลยว่าบางกว่า Ultrabook หลายตัวในตลาดอย่างแน่นอน
ถ้าหากจะหาการออกแบบที่ขาดหายไปจาก Dell XPS 13 (2017) ตัวนี้สักอย่างนึง ก็เป็นจะเรื่องของความง่ายในการอัพเกรดตัวเครื่องเองของผู้ใช้ด้วยตนเอง แต่นั่นก็ดูจะเป็นเรื่องที่ Dell ไม่ได้ตั้งใจหรือมีความต้องการให้ผู้ใช้ทำอะไรมากมายกับตัวเครื่องมากนักนั่นเอง ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติของ Ultrabook อยู่แล้ว
ส่วนการออกแบบมาที่ค่อนข้างแปลกตา นั่นคือใต้ตัวเครื่องมีแถบฝาโลหะอยู่ตรงกลางเครื่อง ซึ่งภายในจะมีโลโก้มาตรฐานติดอยู่ นับว่าเป็นการซ่อนได้ดีทีเดียว นอกจากนี้การออกแบบยางรองใต้เครื่องก็เรียกได้ว่าไม่เหมือนใคร โดยใช้เป็นแถบยางยาวขนานไปกับแนวยาวของตัวเครื่อง พร้อมกับมีช่องระบายอากาศอยู่เป็นแนวยาวอีก ที่สำคัญยังมีการในส่วนของดีไซน์การออกแบบ Dell XPS 13 (2017) ยังมีปุ่มสำหรับเช็คพลังงานในแบตเตอรี่ พร้อมไฟบอกระดับพลังงานแบตเตอรี่บริเวณขอบตัวเครื่องด้านซ้าย
Keyboard / Touchpad
ส่วนของคีย์บอร์ดนั้นตัวปุ่มเป็นพลาสติกสีดำสกรีนตัวอักษรสีขาว มีการออกแบบมาให้ปุ่มมีความโค้งรับกับนิ้วมือได้พอดี ทำให้สามารถพิมพ์ได้ง่ายขึ้น แต่สำหรับคนที่นิ้วค่อนข้างใหญ่ อาจจะพิมพ์ได้ลำบากเล็กน้อย เนื่องด้วยปุ่มมีขนาดเล็กกว่าเครื่องอื่นๆ จากการที่เพื่อให้สามารถใส่จอขนาด 13 นิ้วลงมาในตัวเครื่อง 11 นิ้วได้นั่นเองในส่วนของไฟ LED Backlit ก็สามารถใช้งานได้ดีทีเดียว โดยมีระบบการปรับระดับความสว่างอัตโนมัติตามสภาพแสงรอบข้างด้วย ส่วนปุ่มเปิดเครื่องจะไปอยู่ที่มุมขวาบน สีกลืนไปกับเครื่อง ซึ่งข้อดีก็คือมั่นใจได้ว่าจะไม่ไปเผลอกดระหว่างการใช้งานแน่นอน พร้อมมีไฟส่องสว่างให้เห็นสถานะ
ทัชแพดมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับขนาดตัวเครื่อง ส่วนดีไซน์นั้นก็ใช้เป็นแบบไม่มีปุ่มแยกออกมาเช่นเดียวกับ Ultrabook หลายๆ รุ่น การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ตัวซอฟต์แวร์ควบคุมก็ช่วยจัดการได้ดี โดยมีการจับความเคลื่อนไหวว่าผู้ใช้กำลังพิมพ์ข้อความอยู่หรือไม่ ซึ่งจะช่วยให้เคอร์เซอร์ไม่เลื่อนไปจากตำแหน่งเก่า ถ้าผู้ใช้เผลอนำมือไปโดนทัชแพดเข้า
Screen / Speaker
หน้าจอของ Dell XPS 13 (2017) นอกเหนือจากเรื่องความบางเฉียบแล้วด้วย InfinityEdge display จุดเด่นที่สุดที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ Dell เลือกใส่มาให้ทั้งแบบ Full HD หรือแบบ UltraSharp QHD+ ที่มีความละเอียดสูงมากถึง 3200 x 1800 พิกเซล (276 ppi) พาเนล IGZO2 IPS ที่มีคุณภาพระดับมืออาชีพ ส่งผลให้มีสีสันสวยสมจริง คมชัดในทุกมุมมอง ด้วยความสว่างที่ 400 นิต ซึ่งสว่างกว่าแผงหน้าจอทั่วไป (200 นิต) ถึง 100% จึงสามารถแสดงผลได้ยอดเยี่ยมแม้จะอยู่กลางแจ้ง อีกทั้งยังครอบคลุมเฉดสี 72% และมีอัตราส่วนคอนทราสต์สูงถึง 1000:1 จึงถ่ายทอดสีสันได้มากกว่า แสดงสีโทนสว่างได้สว่างสุดๆ และสีโทนมืดได้มืดสนิท
ด้านของลำโพงสเตอรีโอนั้นอยู่บริเวณด้านซ้ายขวาขอบตัวเครื่อง ในเรื่องของความดังของเสียงเรียกว่าทำออกมาได้อย่างน่าประทับใจทีเดียว ส่วนในเรื่องคุณภาพเสียงนั้น อาจจะไม่ได้ยิ่งใหญ่อลังการงานสร้างสักเท่าไหร่ แต่ถ้าหากว่าคุณเป็นผู้ใช้งานทั่วไป คุณภาพเสียงที่ได้นั้น ก็ถือว่าดีเพียงพอแบบสบายๆ แล้ว ส่วนใครจะเอาไปต่อกับหูฟังหรือลำโพงเพิ่ม ก็สามารถทำได้หากว่าต้องการคุณภาพเสียงที่ดีมากยิ่งขึ้นไปอีก
Connector / Thin And Weight
พอร์ตการเชื่อมต่อตัวเครื่อง Dell XPS 13 (2017) นี้จัดว่าเป็น Ultrabook ที่มีความครบครับระดับนึง แม้ว่าจะเป็นเครื่องที่มีการออกแบบมาให้เป็นเครื่องที่มีขนาดความบางและน้ำหนักเบาแต่เรื่องพอร์ตการเชื่อมต่อต่างๆ นั้น ก็มีมาให้มากพอทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น USB 3.0 จำนวน 2 พอร์จ (ด้านขวาเป็น PowerShare) และ USB Type-C ที่เป็นแบบ Thunderbolt 3 พร้อมช่องต่อหูฟังขนาดมาตรฐาน นอกเหนือจากนี้ยังมีช่องต่อกับ Power Adapter สำหรับจ่ายไฟให้กับตัวเครื่องที่มีจุดเด่นที่หัวตัวเชื่อมต่อมีไฟบอกสถานะการชาร์จแบบชัดเจน รวมไปถึงตัวเครื่องก็มีไฟสถานะการใช้งานอีกเช่นกัน
ขนาดของตัวเครื่องและสายชาร์จ เมื่อเทียบกับขนาดของ Ultrabook 13 นิ้วทั่วไปถือได้ว่ามีมิติที่เล็กกว่าพอสมควร ส่วนน้ำหนักตัวเครื่องเปล่านั้น อยู่ที่ 1.29 กิโลกรัม และเมื่อรวมกับตัวอแดปเตอร์เข้าไปด้วย ก็จะมีหนักไม่เกิน 1.5 กิโลกรัมเท่านั้น ก็จัดว่ามีน้ำหนักที่มีความเบามากๆ เลย แน่นอนว่าตอบสนองในเรื่องของการพกพาไปนอกสถานที่ได้อย่างเต็มรูปแบบ สมกับเป็น Ultrabook ในยุคปัจจุบันทีเดียว
Performance / Software
Dell XPS 13 (2017) เครื่องรีวิวนี้มาพร้อมกับชิปประมวลผลจาก Intel Core i7-7560U ซึ่งเป็นชิปประมวลผลใช้พลังงานไฟต่ำมาก มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.2 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 3.2 GHz นะครับ เป็นซีพียูแบบ 2 Core 4 Threads ที่เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลหนักก็รองรับได้อย่างสบายๆ แม้ก็ต้องยอมรับว่าอาจจะสูงกว่าพวก Core i7 ตัวซีรีย์ HQ ไม่ได้ แต่เรื่องประหยัดพลังงานนั้นไม่เป็นรองใครอย่างแน่นอน มาพร้อมแรมภายในขนาด 8GB DDR3L ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบายๆ
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel Iris Plus Graphics 640 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่เอาเข้าจริงๆ ก็สนับสนุนการเล่นเกมได้ในระดับนึงเหมือนกัน ที่โดยรวมแล้วให้ประสิทธิภาพการทำงานที่ดีกว่า Intel HD Graphics รุ่นก่อนหน้าแน่นอน เพราะอย่างน้อยๆ ก็รองรับการทำงานกับหน้าจอความละเอียดสูงได้แบบไม่มีปัญหา
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลที่เป็นรหัส U รุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ ไม่น่าเป็นห่วงนัก
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD แบบ NVMe M.2 ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 256GB ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดไดร์ฟแบบจานหมุนหรือแบบลูกผสมอย่าง SSHD แล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด โดยสามารถอ่านที่ความเร็วสูงสุดที่ 1596 MB/s และเขียนได้ระดับ 822 MB/s เลยทีเดียว
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ของ Dell XPS 13 (2017) เป็นแบบฝังไว้ในเครื่องเหมือนกับ Ultrabook หลายๆ เครื่อง ตัวแบตเตอรี่มีขนาด 7000mAh ทำงานต่อเนื่องยาวนานได้ราวๆ 11 ชั่วโมงต่อเนื่องในการใช้งานแบบปกติ (ดูภาพยนตร์และเล่นอินเตอร์เน็ต) และคาดว่าจะทำได้นานยิ่งกว่านั้นปรับเปลี่ยนตามการใช้งานของแต่ละคน ดูแล้วอาจให้ระยะเวลาการทำงานที่ค่อนข้างสั้นกว่าเครื่องอื่นเล็กน้อย ส่วนช่องระบายความร้อนของ Dell XPS 13 (2017) จะอยู่ด้านบนของแท่นเครื่องบริเวณขาพับจอ โดยออกแบบให้ซ่อนตัวเอาไว้ด้านหลังติดกับกรอบอะลูมิเนียมของจอ ถึงพับจอก็ไม่เห็นช่องระบายความร้อนเลย
อุณหภูมิปกติของเครื่องจะอยู่ที่ 35 องศาเซลเซียส แต่พอรีดประสิทธิภาพเต็มที่จะเห็นว่าเครื่องจะร้อนที่สุด 99 องศาเซลเซียสทีเดียว แต่ก็สามารถระบายออกได้อย่างรวดเร็ว นับว่าระบบระบายความร้อนของ Dell XPS 13 (2017) เครื่องนี้ทำออกมาได้ดีกว่า Ultrabook เครื่องอื่นๆ ที่เคยทำการรีวิวมาพอควร เพราะความร้อนทั่วไปจะอยู่ที่เพียง 43 องศาเซลเซียสตอนทำงานเต็มที่แล้ว ซึ่งนั่นน่าจะเป็นเพราะชุดระบายความร้อนจาก Dell ที่ดี และชิปประมวลผล Intel รุ่นล่าสุดที่มีมีเทคโนโลยีการผลิตที่เล็กลง
Conclusion / Award
เรียกได้ว่ามีความน่าสนใจจริงๆ สำหรับ Ultrabook รุ่นล่าสุดสุดพรีเมียมจากทาง Dell อย่าง Dell XPS 13 (2017) ที่ต่อยอดความสำเร็จตระกูล XPS ได้เป็นอย่างดี มาพร้อมความสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของดีไซน์การออกแบบ ภาพลักษณ์ วัสดุ งานประกอบ (แม้ว่าโมเดลนี้จะใช้มาตั้งแต่ปี 2015 แล้ว) รวมไปถึงประสิทธิภาพและประสบการณ์ใช้งาน ที่แม้ว่าอาจจะข้อสังเกตุในเรื่องของราคาค่าตัวที่สูงซักหน่อย รวมไปถึงยังมีไมีอะไรใหม่ๆ อย่างการเข้าใช้งานผ่านทาง Windows Hello ด้วย Fingerprint หรือ IR Camera ตามที่ Ultrabook ปี 2017 นี้เค้ามีๆ กัน
อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะมีราคา Dell XPS 13 (2017) จะมีราคาที่สูงกว่า Ultrabook รุ่นอื่นๆ แต่ก็เหนือกว่ารุ่นอื่นๆ ด้วยการที่ตัวเครื่องมีขนาดเล็กเทียบเท่าโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 11.6 นิ้ว ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงแล้วเป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 13.3 นิ้ว (แน่นอนว่าขนาดเล็กกว่าโน๊ตบุ๊ค 13.3 นิ้วทั่วไป) จัดได้ว่ามีความน่าซื้ออยู่ไม่น้อยเช่นกัน สำหรับการเป็น Ultrabook ระดับสูง แถมยังมีการรับประกันถึง 3 ปีอีกด้วย ที่สำคัญคือ On Site Service คือมารับมาส่งถึงบ้านเลย
โดยสนนเริ่มต้นที่ 54,990 บาท สำหรับรุ่น Core i5 ความละเอียดหน้าจอ Full HD ส่วนรุ่น Core i7 จอ Full HD เครื่องที่เรานำมารีวิวอยู่ที่ 59,990 บาท และรุ่น Core i7 หน้าจอความละเอียด 3200 x 1800 พิกเซล (UltraSharp QHD+) ก็สนนราคาที่ 64,990 บาท เอาเป็นว่าใครกำลังมองหา Ultrabook ที่เน้นประสบการณ์ใช้งานที่เหนือระดับโดยไม่กังวลในเรื่องของราคาค่าตัวล่ะก็ Dell XPS 13 (2015) น่าจะตอบโจทย์การใช้งานได้เป็นอย่างดีทีเดียวครับ
จุดเด่น
- เป็น Ultrabook หน้าจอ 13.3 นิ้ว แต่มีขนาดตัวเครื่องเล็กเทียบเท่ารุ่นหน้าจอ 11.6 นิ้ว
- พาเนลหน้าจอ IPS มีคุณภาพสูง แถมเป็นแบบจอด้าน แทบจะไร้แสงสะท้อน
- ขอบจอบางพิเศษกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป เพิ่มความโดดเด่น
- น้ำหนักเบา ตัวเครื่องบางพิเศษ วัสดุเป็นคาร์บอนไฟเบอร์
- ประสิทธิภาพดีด้วยชิปประมวลผล Intel รุ่นล่าสุด และ SSD ความเร็วสูง
- พอร์ตการเชื่อมต่อครบครัน ในระดับ Ultrabook ที่ควรจะเป็น
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานกว่า 11 ชั่วโมง
- ประกันถึง 3 ปี มาพร้อม On Site Service มาตรฐาน Dell
ข้อสังเกตุ
- ราคาสูงกว่า Ultrabook ทั่วไป
- น่าจะมีเทคโนโลยีมากกว่านี้
- ความร้อนสูงสุด ค่อนข้างสูง
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 13.3 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง Dell XPS 13 (2017) ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ XPS มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนในDell XPS 13 (2017) ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามโฉบเฉี่ยวเป็นเอกลักษณ์ ดูแล้วเรียบหรูตามสไตล์ครุ่นใหม่ ซึ่งในจุดของรูปร่างหน้าตาก็เป็นสิ่งที่หลายๆ คนยอมรับกันอยู่ในระดับหนึ่งอยู่แล้ว
Best Mobility
ส่วนของความสามารถในการพกพาก็ยังคงอยู่ในระดับที่ดีตามสไตล์ของ Ultrabook ตระกูล XPS อยู่เช่นเดิม ทั้งในความบางเพียง 15 มิลลิเมตร และน้ำหนักเบา 1.29 กิโลกรัม ที่ทำให้สามารถหิ้วไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก แถมไม่ต้องกลัวว่าเครื่องจะมีปัญหาอีกด้วย เพราะระบบไม่ได้ใช้ฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุน ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องการจับถือมากนัก สามารถพับฝาจอลงแล้วเก็บเครื่องได้ทันที อแดปเตอร์ก็ทำออกมาให้มีขนาดที่ไม่ใหญ่มากนัก พกพาสะดวก รวมน้ำหนักแล้วยังไม่ถึง 1.5 กิโลกรัม เหมาะมากๆ กั[คนที่ทำงานนอกสถานที่บ่อยๆ
Best Ultrabook
และด้วยข้อดีข้อเด่นทั้งหมดทั้งมวลนี้ Dell XPS 13 (2017) ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสุดยอด Ultrabook ของปี 2017 นี้ ทั้งในเรื่องของดีไซน์การออกแบบ ประสิทธิภาพ หน้าจอคุณภาพสูง ที่หา Ultrabook เครื่องอื่นๆ มาเทียบไม่ได้ ประกอบกับคุณสมบัติในการตอบสนองการทำงานที่ครบถ้วน เพราะฉะนั้นคงไม่แปลกอะไรนักที่ Dell XPS 13 (2017) จะได้รับ Award ประเภท Best Ultrabook ไปครับ
Specification
ในเรื่องของสเปก Dell XPS 13 (2017) นั้น เครื่องที่เราได้มารีวิวเป็นเครื่องที่ใช้ชิปประมวลผลเป็นIntel Core i7-7560U ที่มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.2 GHz และเร่งความเร็วด้วย TurboBoost ได้เป็น 3.2 GHz ส่วนการ์ดจอก็แน่นอนว่าต้องเป็น Intel Iris Plus Graphics 640 ที่ติดมาในตระกูล Kabylake ระดับสูง แรมก็ให้มา 8GB DDR3L เป็นแบบฝังติดบอร์ดมาเช่นเดียวกับ Ultrabook ส่วนใหญ่ในท้องตลาด จะมีจุดที่ต่างก็คือการเลือกใช้ SSD NVMe ความจุ 256GB นอกจากนี้ยังมีเรื่องจอที่ได้กล่าวไปแล้วว่าใช้จอขนาด 13.3 นิ้ว ความละเอียด Full HD ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ที่เป็นพาเนล IGZO IPS แถมตัวคีย์บอร์ดยังมีไฟ LED Backlit มาให้ด้วย เรียกได้ว่าเป็น Ultrabook ระดับสูงได้อย่างเต็มภาคภูมิ
ส่วนเรื่องของพอร์ตเชื่อมต่อนั้นก็ยังมีพอร์ตมาตรฐานของกลุ่ม Ultrabook มาให้ค่อนข้างครบ เช่น USB 3.0 ที่มาพร้อมฟีเจอร์ Sleep Charge, USB Type-C มาตรฐาน Thunderbolt 3 สำหรับเชื่อมต่อจอภายนอกหรือโอนถ่ายข้อมูลความเร็วสูง และ Card Reader มาให้ด้วย อีกอย่างที่ขาดไม่ได้เลยก็คือระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ พร้อมจุดเด่นเดิมที่ยังคงเป็นเอกลักษณ์ของ Dell นั่นคือมีประกันแบบ On-site Service ให้เป็นระยะเวลา 3 ปีด้วยกัน โดยแต่ละรุ่น แต่ละสเปกสามารถตามไปชมราละเอียดเต็มๆ ได้ ที่นี่ ครับ
Hardware / Design
ดีไซน์การออกแบบโดยรวมของ Dell XPS 13 (2017) นั้นจะดูเล็กกว่า Ultrabook หน้าจอ 13 นิ้วอื่นๆ อยู่พอสมควร เนื่องด้วยมีการใช้ตัวเครื่องขนาด 11 นิ้วเท่านั้น ทำให้ตัวเครื่องดูเล็ก กะทัดรัด เหมาะกับการพกพา แต่ทั้งนี้ถึงแม้ว่าตัวเครื่องจะเล็ก แต่ก็ยังใส่จอขนาด 13 นิ้วเทียบเท่ากับ Ultrabook จากแบรนด์อื่นๆ มาให้อยู่ดี ด้วยเทคโนโลยีขอบจอบาง InfinityEdge display เพียงแต่อาจจะดูแปลกตาเล็กน้อยในตอนแรกๆ เท่านั้น
ส่วนของตัวเครื่องใช้วัสดุเป็นอลูมิเนียมและคาร์บอนไฟเบอร์เป็นส่วนประกอบหลัก ทำให้ได้ข้อดีมาก็คือทั้งความแข็งแรงและน้ำหนักที่เบา แต่กระนั้นเรื่องของ Dell XPS 13 (2017) ก็มีจุดที่น่าเสียดายเล็กน้อย นั่นคือฝาหลักดูธรรมดาไปหน่อย ส่วนตัวคิดว่าน่าจะทำให้ดูหรูหรามีราคามากกว่านี้ซักหน่อยหน่อย
ตัวเครื่องมีการออกแบบโดยรวมให้ดูทันสมัยและเรียบง่าย สีสันเป็นสีทองสวยงาม ที่มุมตัวเครื่องจะทำให้เป็นแบบโค้งมน แต่ว่าไม่ได้มนมากจนเกินไป ตามมาด้วยการใส่รายละเอียดในการทำให้ตัวเครื่องมีลักษณะลาดเอียงเล็กน้อย ที่ขอบอลูมิเนียมรอบของตัวเครื่อง ส่วนคาร์บอนไฟเบอร์นั่น จะถูกนำเอามาใช้ด้านในของตัวเครื่องเป็นหลัก ส่งให้เวลาที่เราเอามือมาวางจะรู้สึกว่าเป็นอะไรที่เหนือชั้นกว่าวัสดุทั่วๆ ไป แต่ก็เป็นรอยนิ้วมือได้ค่อนข้างง่ายเช่นกัน ดังนั้นผู้ใช้อาจจะต้องขยันเช็ดดูแลทำความสะอาดเครื่องซักหน่อย เรียกได้ว่าเป็นการออกแบบที่บ่งบอกได้อย่างชัดเจน ว่านี่คือ Ultrabook ตัวเครื่องระดับบน ที่มีการออกแบบมาเป็นอย่างดีพร้อมใส่ในรายละเอียดอย่างที่สุด
อีกหนึ่งจุดเด่นของ Dell XPS 13 (2017) ที่เป็น Ultrabook ระดับสูงก็คือ มีน้ำหนักตัวที่เบามากๆ แถมตัวเครื่องยังบางสุดๆ โดยสามารถถือได้ด้วยมือเดียวอย่างสบายๆ ด้วยน้ำหนักเพียง 1.29 กิโลกรัมเท่านั้น ส่วนความบางมีความส่วนที่บางสุดเพียง 8 มิลลิเมตร และส่วนที่หนาสุดก็เพียง 15 มิลลิเมตรเท่านั้น บอกได้เลยว่าบางกว่า Ultrabook หลายตัวในตลาดอย่างแน่นอน
ถ้าหากจะหาการออกแบบที่ขาดหายไปจาก Dell XPS 13 (2017) ตัวนี้สักอย่างนึง ก็เป็นจะเรื่องของความง่ายในการอัพเกรดตัวเครื่องเองของผู้ใช้ด้วยตนเอง แต่นั่นก็ดูจะเป็นเรื่องที่ Dell ไม่ได้ตั้งใจหรือมีความต้องการให้ผู้ใช้ทำอะไรมากมายกับตัวเครื่องมากนักนั่นเอง ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติของ Ultrabook อยู่แล้ว
ส่วนการออกแบบมาที่ค่อนข้างแปลกตา นั่นคือใต้ตัวเครื่องมีแถบฝาโลหะอยู่ตรงกลางเครื่อง ซึ่งภายในจะมีโลโก้มาตรฐานติดอยู่ นับว่าเป็นการซ่อนได้ดีทีเดียว นอกจากนี้การออกแบบยางรองใต้เครื่องก็เรียกได้ว่าไม่เหมือนใคร โดยใช้เป็นแถบยางยาวขนานไปกับแนวยาวของตัวเครื่อง พร้อมกับมีช่องระบายอากาศอยู่เป็นแนวยาวอีก ที่สำคัญยังมีการในส่วนของดีไซน์การออกแบบ Dell XPS 13 (2017) ยังมีปุ่มสำหรับเช็คพลังงานในแบตเตอรี่ พร้อมไฟบอกระดับพลังงานแบตเตอรี่บริเวณขอบตัวเครื่องด้านซ้าย
Keyboard / Touchpad
ส่วนของคีย์บอร์ดนั้นตัวปุ่มเป็นพลาสติกสีดำสกรีนตัวอักษรสีขาว มีการออกแบบมาให้ปุ่มมีความโค้งรับกับนิ้วมือได้พอดี ทำให้สามารถพิมพ์ได้ง่ายขึ้น แต่สำหรับคนที่นิ้วค่อนข้างใหญ่ อาจจะพิมพ์ได้ลำบากเล็กน้อย เนื่องด้วยปุ่มมีขนาดเล็กกว่าเครื่องอื่นๆ จากการที่เพื่อให้สามารถใส่จอขนาด 13 นิ้วลงมาในตัวเครื่อง 11 นิ้วได้นั่นเองในส่วนของไฟ LED Backlit ก็สามารถใช้งานได้ดีทีเดียว โดยมีระบบการปรับระดับความสว่างอัตโนมัติตามสภาพแสงรอบข้างด้วย ส่วนปุ่มเปิดเครื่องจะไปอยู่ที่มุมขวาบน สีกลืนไปกับเครื่อง ซึ่งข้อดีก็คือมั่นใจได้ว่าจะไม่ไปเผลอกดระหว่างการใช้งานแน่นอน พร้อมมีไฟส่องสว่างให้เห็นสถานะ
ทัชแพดมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับขนาดตัวเครื่อง ส่วนดีไซน์นั้นก็ใช้เป็นแบบไม่มีปุ่มแยกออกมาเช่นเดียวกับ Ultrabook หลายๆ รุ่น การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ตัวซอฟต์แวร์ควบคุมก็ช่วยจัดการได้ดี โดยมีการจับความเคลื่อนไหวว่าผู้ใช้กำลังพิมพ์ข้อความอยู่หรือไม่ ซึ่งจะช่วยให้เคอร์เซอร์ไม่เลื่อนไปจากตำแหน่งเก่า ถ้าผู้ใช้เผลอนำมือไปโดนทัชแพดเข้า
Screen / Speaker
หน้าจอของ Dell XPS 13 (2017) นอกเหนือจากเรื่องความบางเฉียบแล้วด้วย InfinityEdge display จุดเด่นที่สุดที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ Dell เลือกใส่มาให้ทั้งแบบ Full HD หรือแบบ UltraSharp QHD+ ที่มีความละเอียดสูงมากถึง 3200 x 1800 พิกเซล (276 ppi) พาเนล IGZO2 IPS ที่มีคุณภาพระดับมืออาชีพ ส่งผลให้มีสีสันสวยสมจริง คมชัดในทุกมุมมอง ด้วยความสว่างที่ 400 นิต ซึ่งสว่างกว่าแผงหน้าจอทั่วไป (200 นิต) ถึง 100% จึงสามารถแสดงผลได้ยอดเยี่ยมแม้จะอยู่กลางแจ้ง อีกทั้งยังครอบคลุมเฉดสี 72% และมีอัตราส่วนคอนทราสต์สูงถึง 1000:1 จึงถ่ายทอดสีสันได้มากกว่า แสดงสีโทนสว่างได้สว่างสุดๆ และสีโทนมืดได้มืดสนิท
ด้านของลำโพงสเตอรีโอนั้นอยู่บริเวณด้านซ้ายขวาขอบตัวเครื่อง ในเรื่องของความดังของเสียงเรียกว่าทำออกมาได้อย่างน่าประทับใจทีเดียว ส่วนในเรื่องคุณภาพเสียงนั้น อาจจะไม่ได้ยิ่งใหญ่อลังการงานสร้างสักเท่าไหร่ แต่ถ้าหากว่าคุณเป็นผู้ใช้งานทั่วไป คุณภาพเสียงที่ได้นั้น ก็ถือว่าดีเพียงพอแบบสบายๆ แล้ว ส่วนใครจะเอาไปต่อกับหูฟังหรือลำโพงเพิ่ม ก็สามารถทำได้หากว่าต้องการคุณภาพเสียงที่ดีมากยิ่งขึ้นไปอีก
Connector / Thin And Weight
พอร์ตการเชื่อมต่อตัวเครื่อง Dell XPS 13 (2017) นี้จัดว่าเป็น Ultrabook ที่มีความครบครับระดับนึง แม้ว่าจะเป็นเครื่องที่มีการออกแบบมาให้เป็นเครื่องที่มีขนาดความบางและน้ำหนักเบาแต่เรื่องพอร์ตการเชื่อมต่อต่างๆ นั้น ก็มีมาให้มากพอทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น USB 3.0 จำนวน 2 พอร์จ (ด้านขวาเป็น PowerShare) และ USB Type-C ที่เป็นแบบ Thunderbolt 3 พร้อมช่องต่อหูฟังขนาดมาตรฐาน นอกเหนือจากนี้ยังมีช่องต่อกับ Power Adapter สำหรับจ่ายไฟให้กับตัวเครื่องที่มีจุดเด่นที่หัวตัวเชื่อมต่อมีไฟบอกสถานะการชาร์จแบบชัดเจน รวมไปถึงตัวเครื่องก็มีไฟสถานะการใช้งานอีกเช่นกัน
ขนาดของตัวเครื่องและสายชาร์จ เมื่อเทียบกับขนาดของ Ultrabook 13 นิ้วทั่วไปถือได้ว่ามีมิติที่เล็กกว่าพอสมควร ส่วนน้ำหนักตัวเครื่องเปล่านั้น อยู่ที่ 1.29 กิโลกรัม และเมื่อรวมกับตัวอแดปเตอร์เข้าไปด้วย ก็จะมีหนักไม่เกิน 1.5 กิโลกรัมเท่านั้น ก็จัดว่ามีน้ำหนักที่มีความเบามากๆ เลย แน่นอนว่าตอบสนองในเรื่องของการพกพาไปนอกสถานที่ได้อย่างเต็มรูปแบบ สมกับเป็น Ultrabook ในยุคปัจจุบันทีเดียว
Performance / Software
Dell XPS 13 (2017) เครื่องรีวิวนี้มาพร้อมกับชิปประมวลผลจาก Intel Core i7-7560U ซึ่งเป็นชิปประมวลผลใช้พลังงานไฟต่ำมาก มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.2 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 3.2 GHz นะครับ เป็นซีพียูแบบ 2 Core 4 Threads ที่เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลหนักก็รองรับได้อย่างสบายๆ แม้ก็ต้องยอมรับว่าอาจจะสูงกว่าพวก Core i7 ตัวซีรีย์ HQ ไม่ได้ แต่เรื่องประหยัดพลังงานนั้นไม่เป็นรองใครอย่างแน่นอน มาพร้อมแรมภายในขนาด 8GB DDR3L ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบายๆ
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel Iris Plus Graphics 640 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่เอาเข้าจริงๆ ก็สนับสนุนการเล่นเกมได้ในระดับนึงเหมือนกัน ที่โดยรวมแล้วให้ประสิทธิภาพการทำงานที่ดีกว่า Intel HD Graphics รุ่นก่อนหน้าแน่นอน เพราะอย่างน้อยๆ ก็รองรับการทำงานกับหน้าจอความละเอียดสูงได้แบบไม่มีปัญหา
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลที่เป็นรหัส U รุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ ไม่น่าเป็นห่วงนัก
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD แบบ NVMe M.2 ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 256GB ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดไดร์ฟแบบจานหมุนหรือแบบลูกผสมอย่าง SSHD แล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด โดยสามารถอ่านที่ความเร็วสูงสุดที่ 1596 MB/s และเขียนได้ระดับ 822 MB/s เลยทีเดียว
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ของ Dell XPS 13 (2017) เป็นแบบฝังไว้ในเครื่องเหมือนกับ Ultrabook หลายๆ เครื่อง ตัวแบตเตอรี่มีขนาด 7000mAh ทำงานต่อเนื่องยาวนานได้ราวๆ 11 ชั่วโมงต่อเนื่องในการใช้งานแบบปกติ (ดูภาพยนตร์และเล่นอินเตอร์เน็ต) และคาดว่าจะทำได้นานยิ่งกว่านั้นปรับเปลี่ยนตามการใช้งานของแต่ละคน ดูแล้วอาจให้ระยะเวลาการทำงานที่ค่อนข้างสั้นกว่าเครื่องอื่นเล็กน้อย ส่วนช่องระบายความร้อนของ Dell XPS 13 (2017) จะอยู่ด้านบนของแท่นเครื่องบริเวณขาพับจอ โดยออกแบบให้ซ่อนตัวเอาไว้ด้านหลังติดกับกรอบอะลูมิเนียมของจอ ถึงพับจอก็ไม่เห็นช่องระบายความร้อนเลย
อุณหภูมิปกติของเครื่องจะอยู่ที่ 35 องศาเซลเซียส แต่พอรีดประสิทธิภาพเต็มที่จะเห็นว่าเครื่องจะร้อนที่สุด 99 องศาเซลเซียสทีเดียว แต่ก็สามารถระบายออกได้อย่างรวดเร็ว นับว่าระบบระบายความร้อนของ Dell XPS 13 (2017) เครื่องนี้ทำออกมาได้ดีกว่า Ultrabook เครื่องอื่นๆ ที่เคยทำการรีวิวมาพอควร เพราะความร้อนทั่วไปจะอยู่ที่เพียง 43 องศาเซลเซียสตอนทำงานเต็มที่แล้ว ซึ่งนั่นน่าจะเป็นเพราะชุดระบายความร้อนจาก Dell ที่ดี และชิปประมวลผล Intel รุ่นล่าสุดที่มีมีเทคโนโลยีการผลิตที่เล็กลง
Conclusion / Award
เรียกได้ว่ามีความน่าสนใจจริงๆ สำหรับ Ultrabook รุ่นล่าสุดสุดพรีเมียมจากทาง Dell อย่าง Dell XPS 13 (2017) ที่ต่อยอดความสำเร็จตระกูล XPS ได้เป็นอย่างดี มาพร้อมความสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของดีไซน์การออกแบบ ภาพลักษณ์ วัสดุ งานประกอบ (แม้ว่าโมเดลนี้จะใช้มาตั้งแต่ปี 2015 แล้ว) รวมไปถึงประสิทธิภาพและประสบการณ์ใช้งาน ที่แม้ว่าอาจจะข้อสังเกตุในเรื่องของราคาค่าตัวที่สูงซักหน่อย รวมไปถึงยังมีไมีอะไรใหม่ๆ อย่างการเข้าใช้งานผ่านทาง Windows Hello ด้วย Fingerprint หรือ IR Camera ตามที่ Ultrabook ปี 2017 นี้เค้ามีๆ กัน
อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะมีราคา Dell XPS 13 (2017) จะมีราคาที่สูงกว่า Ultrabook รุ่นอื่นๆ แต่ก็เหนือกว่ารุ่นอื่นๆ ด้วยการที่ตัวเครื่องมีขนาดเล็กเทียบเท่าโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 11.6 นิ้ว ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงแล้วเป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 13.3 นิ้ว (แน่นอนว่าขนาดเล็กกว่าโน๊ตบุ๊ค 13.3 นิ้วทั่วไป) จัดได้ว่ามีความน่าซื้ออยู่ไม่น้อยเช่นกัน สำหรับการเป็น Ultrabook ระดับสูง แถมยังมีการรับประกันถึง 3 ปีอีกด้วย ที่สำคัญคือ On Site Service คือมารับมาส่งถึงบ้านเลย
โดยสนนเริ่มต้นที่ 54,990 บาท สำหรับรุ่น Core i5 ความละเอียดหน้าจอ Full HD ส่วนรุ่น Core i7 จอ Full HD เครื่องที่เรานำมารีวิวอยู่ที่ 59,990 บาท และรุ่น Core i7 หน้าจอความละเอียด 3200 x 1800 พิกเซล (UltraSharp QHD+) ก็สนนราคาที่ 64,990 บาท เอาเป็นว่าใครกำลังมองหา Ultrabook ที่เน้นประสบการณ์ใช้งานที่เหนือระดับโดยไม่กังวลในเรื่องของราคาค่าตัวล่ะก็ Dell XPS 13 (2015) น่าจะตอบโจทย์การใช้งานได้เป็นอย่างดีทีเดียวครับ
จุดเด่น
- เป็น Ultrabook หน้าจอ 13.3 นิ้ว แต่มีขนาดตัวเครื่องเล็กเทียบเท่ารุ่นหน้าจอ 11.6 นิ้ว
- พาเนลหน้าจอ IPS มีคุณภาพสูง แถมเป็นแบบจอด้าน แทบจะไร้แสงสะท้อน
- ขอบจอบางพิเศษกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป เพิ่มความโดดเด่น
- น้ำหนักเบา ตัวเครื่องบางพิเศษ วัสดุเป็นคาร์บอนไฟเบอร์
- ประสิทธิภาพดีด้วยชิปประมวลผล Intel รุ่นล่าสุด และ SSD ความเร็วสูง
- พอร์ตการเชื่อมต่อครบครัน ในระดับ Ultrabook ที่ควรจะเป็น
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานกว่า 11 ชั่วโมง
- ประกันถึง 3 ปี มาพร้อม On Site Service มาตรฐาน Dell
ข้อสังเกตุ
- ราคาสูงกว่า Ultrabook ทั่วไป
- น่าจะมีเทคโนโลยีมากกว่านี้
- ความร้อนสูงสุด ค่อนข้างสูง
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 13.3 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง Dell XPS 13 (2017) ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ XPS มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนในDell XPS 13 (2017) ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามโฉบเฉี่ยวเป็นเอกลักษณ์ ดูแล้วเรียบหรูตามสไตล์ครุ่นใหม่ ซึ่งในจุดของรูปร่างหน้าตาก็เป็นสิ่งที่หลายๆ คนยอมรับกันอยู่ในระดับหนึ่งอยู่แล้ว
Best Mobility
ส่วนของความสามารถในการพกพาก็ยังคงอยู่ในระดับที่ดีตามสไตล์ของ Ultrabook ตระกูล XPS อยู่เช่นเดิม ทั้งในความบางเพียง 15 มิลลิเมตร และน้ำหนักเบา 1.29 กิโลกรัม ที่ทำให้สามารถหิ้วไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก แถมไม่ต้องกลัวว่าเครื่องจะมีปัญหาอีกด้วย เพราะระบบไม่ได้ใช้ฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุน ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องการจับถือมากนัก สามารถพับฝาจอลงแล้วเก็บเครื่องได้ทันที อแดปเตอร์ก็ทำออกมาให้มีขนาดที่ไม่ใหญ่มากนัก พกพาสะดวก รวมน้ำหนักแล้วยังไม่ถึง 1.5 กิโลกรัม เหมาะมากๆ กั[คนที่ทำงานนอกสถานที่บ่อยๆ
Best Ultrabook
และด้วยข้อดีข้อเด่นทั้งหมดทั้งมวลนี้ Dell XPS 13 (2017) ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสุดยอด Ultrabook ของปี 2017 นี้ ทั้งในเรื่องของดีไซน์การออกแบบ ประสิทธิภาพ หน้าจอคุณภาพสูง ที่หา Ultrabook เครื่องอื่นๆ มาเทียบไม่ได้ ประกอบกับคุณสมบัติในการตอบสนองการทำงานที่ครบถ้วน เพราะฉะนั้นคงไม่แปลกอะไรนักที่ Dell XPS 13 (2017) จะได้รับ Award ประเภท Best Ultrabook ไปครับ