ผ่านไปแล้วครับกับวันแรกของงาน WWDC 2017 ที่ทาง Apple ได้เปิดเผยผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกมามากมาย วันนี้เราจะนำผลิตภัณฑ์ทั้ง 8 สุดเจ๋งที่ทาง Apple ได้ทำการเปิดตัวในงานวันแรกของทาง Apple มารวมเข้าไว้ให้ทุกท่านได้เห็นกันอีกรอบหนึ่ง ส่วนจะมีอะไรและน่าสนใจแค่ไหนนั้นไปติดตามชมกันได้เลยครับ
1. HOMEPOD SPEAKER
ที่สหรัฐอเมริกานั้นลำโพงที่มาพร้อมกับผู้ช่วยดิจิทัลอัจฉริยะถือว่าเป็นเทรนที่กำลังมาแรงเป็นอย่างมากครับ(ผู้นำคือ Amazon Echo และมี Microsoft กับคู่ค้าที่ตามมาติดๆ อย่าง HP หรือจะเป็น Google Home ก็ดังไม่แพ้กัน) เมื่อคู่แข่งมาซะขนาดนี้ทาง Apple คงอยู่เฉยๆ ไม่ได้ล่ะครับ Homepod จึงได้เกิดขึ้นมาเพื่อที่จะได้แย่งตลาดจากทาง Amazon ล่ะครับ
หลักการณ์ทั่งไปในการทำงานของ Homepod นั้นก็ไม่ได้แตกต่างไปจากของคู่แข่งครับ ทว่า ณ ตอนนี้คุณจะได้พบกับ Siri แทนที่จะเป็นผู้ช่วยดิจิทัลอื่นๆ แถมบน Homepod นั้น Siri ของเราก็ได้รับการอัพเกรดมากขึ้นโดยเฉพาะในส่วนของการสั่งงานด้วยเสียง ฟีเจอร์ในส่วนอื่นๆ นั้น Homepod ก็จะเชื่อมต่อกับ Apple Music โดยตรงครับ
Homepod นั้นจะมีจำหน่ายด้วยกันทั้งหมด 2 สีคือสีขาวและสีดำ ส่วนราคานั้นก็จะอยู่ที่ $349 หรือประมาณ 11,870 บาท งานนี้นั้นคนไทยอย่างเราๆ ท่านๆ ก็คงทำได้แค่ดูอยู่ห่างๆ ให้พี่ๆ ที่สหรัฐอเมริกาใช้ไปก่อนหล่ะครับ
2. IMAC PRO INTRODUCED, ALONGSIDE UPDATED DESKTOP SPECS
ในที่สุดผู้ใช้ Desktop ฝั่ง Mac ก็ฝันเป็นจริงแล้วครับ เมื่อทาง Apple เปิดตัวรุ่นใหม่อย่าง iMac Pro ที่มาพร้อมกับหน้าจอความละเอียดระดับ 5K ระบบระบายความร้อนฉบับปรับปรุงใหม่ เลือกใช้หน่วยประมวลผล Xeon ที่มีแกนการประมวลผลตั้งแต่ 8 แกนไปจนถึง 18 แกน แหล่งเก็บข้อมูลภายในความจุสูงสุดถึง 4 TB แบบ SSD หน่วยความจำเป็นแบบ ECC ขนาดสูงสุดที่ 128 GB Thunderbolt 3 จำนวน 4 พอร์ตและ 10 GB Ethernet ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ $4,999 หรือประมาณ 170,000 บาท
ในส่วน iMac รุ่นเก่านั้นได้รับการอัพเกรดทั้ง Retina displays, graphics boosts และเปลี่ยนมาใช้หน่วยประมวลผล Kaby Lake มาพร้อมกับพอร์ต USB Type-C ซึ่งสามารถที่จะรองรับการเล่นเกมแบบใช้อุปกรณ์สร้างภาพเสมือนจริงได้อย่างสบายๆ ตามที่ทาง Apple ได้สาธิตไว้ สนนราคาเริ่มต้นอยู่ที่ $1,299 หรือประมาณ 44,200 บาท สำหรับรุ่นหน้าจอ 4K ครับ
หมายเหตุ – MacBook Pro เองก็ได้รับการอัพเดทแบบเงียบๆ ด้วยการเปลี่ยนมาใช้หน่วยประมวลผล Kaby Lake โดยจะมีราคาเริ่มต้น $1,299 หรือประมาณ 44,200 บาทครับ
3. IOS 11 COMES WITH IMPROVED SIRI, AUTOMATIC DO NOT DISTURB DRIVING MODE, IMESSAGE FEATURES
ผู้ช่วยดิจิทัลอย่าง Siri นั้นยังคงเป็นดาวเด่นในงานนี้ครับ โดยไม่เพียงแค่มันจะเข้าไปอยู่บน Homepod ด้วยเท่านั้นแต่ว่าในบ้านเกิดของ Siri อย่างระบบปฎิบัติการ iOS นั้น Siri ก็ได้รับการอัพเกรดให้มาพร้อมกับความสามารถเพิ่มเติมอีกอย่างเช่นความสามารถในการอัเดทสิ่งต่างๆ เข้าไปบนเครือข่ายสังคม ความสามารถในการแปลภาษาใหม่ๆ ได้หลายภาษามากขึ้น แถมยังเรียนรู้ว่าคุณจะทำอะไรต่อไปเพื่อที่จะแนะนำคุณได้ถูกจุดมากขึ้นทั้ง iPhone และ iPad ครับ
นอกเหนือไปจาก Siri แล้วนั้น iMessages ก็ได้รับการผนวกเข้ากับ iColud อย่างสมบูรณ์เพื่อที่จะนำเอาสิ่งที่คุณพูดคุยซิงค์ไปเก็บไว้บน iCloud โดยที่คุณสามารถที่จะเข้าถึงเพื่อลบช้อความดังกล่าวได้จากอุปกรณ์ iOS ของคุณทั้งหมด ที่เด่นที่สุดก็คือคุณสามารถจ่ายเงินผ่านไปยังคนอื่นๆ ด้วยการใช้ iMessages ได้ด้วยครับ(รวมถึงการรับใบเสร็จ)
การถ่ายรูปก็ได้รับการปรับปรุงมากขึ้นในด้านประสิทธิภาพการถ่ายภาพในที่แสงน้อยและความสามารถทางด้านปรับแต่ง Live Photos ซึ่งการปรับแต่งนี้สามารถทำได้เลยที่ Live photo ไม่จำเป็นต้องยุ่งกับภาพนิ่งอีกต่อไป แถมคุณยังจะมี control center แบบใหม่ที่สามารถใช้งาน 3D Touch ในการใช้งานและ control center นั้นยังจะอยู่ไม่เกินครึ่งหน้าจอทำให้คุณสามารถที่จะใช้งานได้ง่ายขึ้น
Do Not Disturb ก็ได้รับการปรับปรุงใหม่โดยมันจะสามารถที่รับรู้ได้ว่าคุณกำลังขับรถอยู่และมันก็จะเปิดฟีเจอร์ Do Not Disturb ขึ้นมาเพื่อที่คุณจะได้มีสมาธิกับการขับรถในตอนนั้น ส่วนแอป Apple Music จะให้คุณสามารถที่จะเห็นได้ว่าเพื่อของคุณกำลังฟังเพลงอะไรอยู่และคุณก็จะสามารถฟังตามได้ทันทีครับ
ท้ายสุดกับการรีดีไซน์ของ Apple Store ใหม่เพื่อให้การค้นหาแอปพลิเคชันของคุณง่ายขึ้นกว่าเดิม แถมทาง Apple ยังมีการนำเอาฟีเจอร์ “App of the Day” กลับมาด้วยอีกครั้ง เพราะได้รับเสียงจากผู้ใช้งานว่าอยากให้นำเอากลับเข้ามามากที่สุดครับ
4. IOS 11 FOR IPAD BRINGS WINDOWS-ESQUE MULTITASKING ABILITIES
บน iPad นั้น iOS 11 จะมาพร้อมกับการปรับปรุงการทำงาน multitasking ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถที่จะดึงเอาแอปต่างๆ ที่อยากจะใช้งานขึ้นมาจาก Dock แล้วทำการลากไปที่หน้าจอหลังจากนั้นหน้าจอก็จะแบ่งตัวให้กับแอปพลิเคชันที่คุณต้องการจะใช้ออกจากกันให้สามารถใช้งานในเวลาเดียวกันได้(วิธีการใช้คล้ายๆ MacBook)
อีกจุดหนึ่งคุณเองนั้นก็ยังสามารถที่จะลากไฟลหรือ folder ฯลฯ ไปยังแอปพลิเคชันที่ต้องการทำงานได้ด้วยอย่างเช่นการลากไฟล์รูปเข้าสู่แอป Photo เป็นต้น จุดที่น่าจะสะดวกสบายที่สุดก็คือหากคุณใช้ Apple Pencil ในการเขียนในแอปพลิเคชัน Note ตอนนี้นั้นคุณสามารถที่จะค้นหาคำในรายมือที่คุณเขียนไว้เองได้แล้วครับ
5. APPLE LETS DEVELOPERS MAKE MORE IMMERSIVE APPS WITH ARKIT
ในงาน WWDC 2017 นี้นั้นทาง Apple ได้เปิดตัวชุดการพัฒนาแอปพลิเคชันสำหรับนักพัฒนาตัวใหม่อย่าง ARKit ซึ่งชุดพัฒนานี้นั้นได้จัดทำขึ้นมาเพื่อให้เหล่านักพัฒนาสามารถที่จะพัฒนาแอปพลิเคชันที่เติมความเสมือนจริงเข้าไปในการใช้งานได้ ตัวอย่างเช่น track motion, and estimate scale และ ambient lighting ได้
หมายเหตุ – ตัวอย่างง่ายๆ ที่สามารถนำเอา ARKit นี้ไปใช้ได้ก็อย่างเช่นเกม Pokémon Go เป็นต้นครับ
หมายเหตุ 2 – ถ้าไม่มีอะไรพลาดงานนี้ทาง Apple ก็ได้ใช้ให้เครื่อง iPhone และ iPad เป็นเครื่อง AR ไปในตัวไม่มีความจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์เสริมอื่นๆ ล่ะครับ
6. 10.5-INCH IPAD PRO INTRODUCED
เป็นไปตามความคาดหมายอีกอย่างครับกับการเปิดตัวของ iPad Pro ขนาดหน้าจอ 10.5 นิ้ว โดยตัวเครื่องนั้นจะมาพร้อมกับกล้องหลังความละเอียด 12 MP(เหมือน iPhone7) ส่วนกล้องหน้าจะมาพร้อมกับความละเอียด 7 MP สำหรับการ Selfie ที่คมชัด ตัวเครื่องรองรับ USB 3.0 และแบตเตอรี่สามารถใช้งานได้ยาวนานต่อเนื่อง 10 ชั่วโมงครับ
นอกไปจากนั้นแล้วยังมีฟีเจอร์ใหม่อย่าง ProMotion ที่จะลด latency ของ Apple Pencil ให้เหลือ 60 ms เพื่อการเขียนแบบไร้รอยต่อ นอกไปจากนั้นแล้วมันยังมาพร้อมกับความสามารถในการปรับ refresh rate ของหน้าจอแบบอัตโนมัติให้เป็นไปตามสื่อที่คุณกำลังดูอยู่ด้วยครับ
หมายเหตุ – ProMotion สามารถที่จะเพิ่ม refresh rate ไปที่ 120 Hz ได้ด้วยครับ
7. THE NEW MACOS IS NAMED HIGH SIERRA. YEP.
macOS รุ่นใหม่นั้นจะมาพร้อมกับชื่อใหม่อย่าง High Sierra ซึ่งมาพร้อมกับการปรับปรุง Safari ที่จะช่วย block site trackers และ autoplaying videos นอกจากนั้นแล้ว Apple ยังได้ทำการอัพเดทแอป Photo ให้มาพร้อมกับความสามารถในการปรับแต่งภาพที่มากขึ้น
การจัดการไฟล์นั้นก็ได้รับการอัพเดทเช่นเดียวกัน โดยในการใช้งานนั้นผู้ใช้จะพบกับความเร็วที่มากขึ้นกว่าเดิมในการเข้าถึงไฟล์ข้อมูล ตัวระบบปฎิบัติการยังรองรับความสามารถในการใช้งานอุปกรณ์สร้างภาพเสมือนจริงผ่านทาง Metal 2 แต่ทว่ามันจะใช้งานได้ก็ต่อเมื่อเครื่องคุณมาพร้อมกับชิปกราฟิกของ AMD เท่านั้นนะครับ(หรือไม่ก็ต้องใช้กล่องเชื่อต่อกราฟิกการ์ดภายนอกเอาครับ)
8. WATCHOS 4 BRINGS NEW SIRI WATCHFACE, FITNESS COACHING, AND A NEW APP-BROWSING UI
watchOS 4 นั้นเรียกได้ว่าเป็นการยกเครื่องใหม่ให้สามารถใช้งานได้ง่ายกว่าเดิมครับ โดย Siri นั้นจะมีหน้าจอการสั่งการใหม่ที่สะดวยสบายตามากขึ้นกว่าเดิม นอกนั้นแล้ว fitness-focused ก็ได้รับการอัพเดทใหม่ซึ่งจะมาพร้อมกับฟีเจอร์อย่าง monthly challenges พร้อมด้วย Apple Watch รุ่นที่มาพร้อมกับ NFC จะสามารถใช้ NFC ในการโอนถ่ายข้อมูลระว่างผู้ใช้ได้อีกด้วยครับ
หมายเหตุ – Apple Music สามารถที่จะเล่นผ่าน Apple Watch ได้แล้วครับ
ที่มา : theverge