สำหรับการเล่นเกมนำเสนอให้ผู้ใช้นั้นคงหนีไม่พ้นเรื่องของขนาดของตัวเครื่องที่นับวันจะมีขนาดเล็กลงเรื่อยๆ จนขนาดของมันนั้นพอฟัดพอเหวี่ยงกับเครื่องคอนโซลได้อย่างสบายๆ ครับ
ล่าสุดเลยนั้นทาง Corsair ได้นำเสนอเครื่องคอมพิวเตอร์ PC สำหรับการเล่นเกมให้ทุกท่านได้พิจารณาเป็นตัวเลือกอย่าง Corsair One ครับ แน่นอนว่าเมื่อเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์แล้วนั้นคุณจึงสามารถที่จะเลือกสเปคของมันได้ตามงบประมาณของคุณ โดยตัวเครื่องระดับเทพสุดนั้นจะมาพร้อมกับกราฟิกการ์ด GeForce GTX 1080 Ti ตามด้วยแหล่งเก็บข้อมูลแบบ SSD ที่มีความจุสูงถึง 960 GB
อย่างไรก็ตามแต่ครับ สเปคที่เพิ่มขึ้นราคาก็เพิ่มขึ้นจากเดิมด้วย โดยจริงๆ แล้วนั้น Corsair One จะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ $1,799.99 หรือประมาณ 62,400 บาท ส่วนเครื่องที่มาพร้อมกับสเปคแบบสูงสุดจะมีราคาอยู่ที่ $2,599.99 หรือราคาประมาณ 90,120 บาท(และเครื่องจะเรียกชื่อว่า Corsair One Pro) ส่วนรุ่นที่ทาง The Verge นำมารีวิวนั้นจะมีราคาอยู่ที่ $2,199.99 หรือประมาณ 76,250 บาท โดยสเปคนั้นจะมีดังต่อไปนี้ครับ
- Processor: Intel Core i7-7700K, 4.5GHz max Turbo Boost, liquid-cooled
- Graphics Card: Nvidia GeForce GTX 1080 8GB, 1,771MHz boost clock, 1,632MHz base clock, liquid-cooled
- Memory: 16GB Corsair Vengeance LPX 2,400MHz
- Storage: Corsair Force LE 480GB solid state drive และ 1TB hard drive
- Motherboard: Custom MSI Z270 Mini-ITX
- PSU: 400W Corsair SF400
- Chassis: Black aluminum
- OS: Windows 10 Home
หมายเหตุ – ตัวเครื่องที่ทาง The Verge นำมารีวิวนั้นถือว่าอยู่ในตระกลู Corsair One Pro เช่นเดียวกันครับ
จะเห็นได้จากสเปคครับว่าอุปกรณ์ส่วนใหญ่แล้วนั้นก็จะเป็นของทาง Corsair เอง ซึ่งตรงนี้เราสามารถมั่นใจได้ครับเนื่องจากว่าทาง Corsair นั้นมีอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่อยู่ในระดับบนที่ขึ้นชื่อว่ามีประสิทธิภาพสูง แต่จุดที่น่าเสียดายนั้นก็คือเครื่อง Corsair One นั้น ไม่ได้มาพร้อมกับอุปกรณ์เสริมสำหรับการเล่นเกมของทาง Corsiar เลยไม่ว่าะเป็นเมาส์, คีย์บอร์ด หรือแม้กระทั่งที่รองเมาส์ที่มาพร้อมกับไฟ LED RGB ครับ
ตัวเครื่อง Corsair One นั้นจะมาพร้อมกับประกันตัวเครื่องพร้อมกับอุปกรณ์ภายในเป็นระยะเวลา 2 ปีด้วยกัน และด้วยความที่ตัวเครื่องนั้นใช้ระบบระบายความร้อนด้วยของเหลวดังนั้นแล้วการที่คุณจะถอดเครื่องมาประกอบหรืออัพเกรดในส่วนอื่นๆ ใหม่นั้นค่อนข้างที่จะทำได้ยาก โดยทาง Corsiar นั้นได้เตือนเอาไว้ว่าคุณควรจะนำตัวเครื่อง Corsiar One ไปอัพเกรดที่ศูนย์จะดีกว่า(ทว่าเมืองไทยเลยนั้นก็ไม่มีศุนย์บริการของทาง Corsair โดยตรงครับ
อย่างที่บอกครับว่าการอัพเกรด Corsiar One นั้นสามารถที่จะทำเองได้ยาก อีกเหตุผลหนึ่งนั้นก็คือเรื่องความจุของตัวเคสที่มาพร้อมกับความจุแค่เพียง 12 ลิตรเท่านั้นทำให้อุปกรณ์ภายในจะอัดแน่นกันมากไปหน่อย แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าระบบระบายความร้อนนั้นเป็นการระบายความร้อนด้วยของเหลวที่มีพัดลมอยู่ทางด้านบนของตัวเครื่องครับ
เรื่องของการดีไซน์นั้นเรียกได้ว่า Corsair One นั้นมีความสวยงามมากๆ ครับ ตัวเครื่องด้านหน้าจะมาพร้อมหลอดไฟแสงสว่างทั้งทางซ้ายและขวาซึ่งเวลาเปิดเครื่องนั้นให้ความรู้สึกเหมือนกับอยู่ในภาพยนต์เรื่อง Tron ที่แย่ก็คือคุณจะไม่สามารถปิดไฟตรงนี้ได้เลยเวลาเปิดเครื่องดังนั้นแล้วผู้ใช้บางรายอาจจะไม่ชอบเอาได้ครับ
จุดเด่นที่มาจากการใช้งานระบบระบายความร้อนด้วยของเหลวนั้นก็คือตัวเครื่องเวลาทำงานจะมีเสียงรบกวนค่อนข้างต่ำมากๆ โดยพัดลมที่อยู่ในตัวเครื่องนั้นจะมีแค่ตัวเดียวทางด้านบนของเครื่องเพื่อที่จะระบายความร้อนออกจากตัวเครื่องครับ(จริงๆ แล้วพัดลมในตัวเครื่องจะมี 2 ตัวนอกเหนือจากพัดลมระบายความร้อนทางด้านบน อีกตัวหนึ่งก็คือพัดลมระบายความร้อนที่ PSU หล่ะครับ)
หมายเหตุ – ถึงเสียงรบกวนจะต่ำมาก แต่ทว่ามันก็อยู่ในระดับที่สามารถได้ยินได้ซึ่งจุดนี้นั้นผู้ใช้บางคนอาจจะไม่ชอบ โดยทาง The Verge ได้เสนอเอาไว้ว่าถ้าอยากได้อรรถรสของการเล่นเกมจริงๆ แล้วผู้ใช้ควรจะใช้หูฟังในการเล่นเกมครับ
ถึงแม้ว่า PSU จะให้กำลังไฟฟ้ามาค่อนข้างต่ำคืออยู่ที่ 400 W ทว่าในการใช้งานจริงนั้นถือว่าเสถียรเป็นอย่างมากครับ ทาง The Verge ได้ทดลองด้วยการรันเกม Mass Effect: Andromeda เป็นระยะเวลานานถึง 10 ชั่วโมงติดต่อกันทว่าตัวเครื่องก็ไม่ได้มีการแสดงอาการใดๆ เลยแถมในส่วนของพัดลมระบายความร้อนก็ไม่ได้สร้างเสียงมากกว่าเดิมอีกด้วยครับ(ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดีเป็นอย่างมาก)
ทั้งนี้สิ่งที่ต้องพึงระวังไว้อย่างหนึ่งสำหรับ Corsair One นั่นก็คือมันไม่รองรับกับการ Overclock ใดๆ เลยดังนั้นแล้วผู้ใช้ที่เน้นเรื่องการ Overclock เป็นหลักไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆ นั้นคุณเองอาจจะต้องมองข้าม Corsair One ออกไปก่อนครับ อย่างไรก็ตามถึงแม้ Corsair One จะไม่สามารถ Overclock ได้ทว่าในส่วนของการใช้งานสำหรับการเล่นเกมนั้นมันก็ตอบโจทย์ให้ผู้ใช้ได้เป็นอย่างดีครับ
สำหรับพอร์ตต่างๆ นั้นถึงแม้ว่าจะน้อย(ด้วยขนาดของตัวเครื่อง) ทว่ามันก็สามารถครอบคลุมการเล่นเกมได้เป็นอย่างดีไม่ว่าจะเป็น HDMI กับ USB ตรงหน้าเครื่องนั้นก็ทำขึ้นมาเพื่อรองรับสำหรับการใช้งานกับอุปกรณ์สร้างภาพเสมือนจริง และพอร์ตที่จะขาดไปไม่ได้เลยสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ยุคใหม่อย่าง USB Type-C แต่น่าเสียดายที่ว่ามันไม่รองรับ Thunderbolt 3 ด้วยดังนั้นแบนด์วิดท์ของมันจึงอยู่ที่ 10 Gbps เท่านั้นครับ)
พูดถึงเรื่องอุปกรณ์สำหรับสร้างภาพเสมือนจริงแล้วนั้น ผู้ใช้สามารถที่จะใช้งานร่วมกับ Oculus Rift แล้ว HTC Vive ได้เป็นอย่างดีแถมด้วยการที่ตัวเครื่อง Corsair One นั้นมาพร้อมกับการเชื่อมต่อไร้สายแบบ Bluetooth ดังนั้นแล้วคุณจึงสามารถที่จะใช้คอนโทรลเลอร์ที่รองรับการเชื่อมต่อแบบ Bluetooth เพื่อการใข้งานสำหรับการเล่นเกมได้จากระยะไกลตัวเครื่องครับ(และนั่นจะดีมากๆ ถ้าคุณต่อเครื่อง Corsair One เข้ากับหน้าจอทีวีใหญ่ๆ เพราะจะทำให้คุณนั่งเล่นไกลๆ ได้อย่างสบายตาครับ)
เรื่องของซอฟต์แวร์นั้นถือได้ว่า Corsair One ทำออกมาได้สะอาดหมดจดเพราะคุณจะไม่เจอซอฟต์แวร์ที่ไม่ได้ใช้งานเลยแม้แต่น้อย Corsair One นั้นจะมาพร้อมกับซอฟต์แวร์เสริมตัวเดียวซึ่งนั่นก็คือซอฟต์แวร์สำหรับการติดตามค่าต่างๆ ของตัวเครื่องอย่างเช่นอุณหภูมิของตัวเครื่องขณะที่คุณใช้เปิดใช้งานตัวเครื่องอยู่เป้นต้นครับ
ประสิทธิภาพในการเล่นเกมนั้นถือว่าผ่านครับไม่ว่าจะเป็นเกม Battlefield 1, Witcher 3, Mass Effect: Andromeda, XCOM 2, Gears of War 4 และ Overwatch ต่างก็สามารถที่จะรันด้วยมอนิเตอร์ที่มาพร้อมกับความละเอียดระดับ 1080p ได้เป็นอย่างดี ส่วนการเล่นเกมที่ความละเอียดระดับ 4K ในบางเกมนั้นอาจจะมีอาการหน่วยให้เห็นอยู่บ้างซึ่งนั่นก็ขึ้นอยู่กับตัวเลือกของกราฟิกการ์ดที่คุณเลือกครับ
หมายเหตุ – ความละเอียด 4K นั้นทาง The Verge ไม่ได้ทดสอบเอง เพียงแต่ว่าได้เห็นเครื่องที่สเปคใกล้ๆ กันรันกับมอนิเตอร์ที่ความละเอียดระดับ 4K ซึ่งถือว่ายอมรับได้ ทั้งนี้ทาง Corsair นั้นยืนยันว่าคุณจะสามารถใช้ Corsair One ในการเล่นเกมที่ความละเอียด 4K@60 FPS ได้อย่างสบาย(แต่ก็ขึ้นกับตัวเลือกของกราฟิกการ์ดด้วยครับ)
Corsair One นั้นถือว่าตอบโจทย์การเล่นเกมได้เป็นอย่างดีครับ ด้วยสเปคที่สูงและขนาดตัวเครื่องที่เล็กจนสามารถใช้งานแล้วนึกว่าเป็นเครื่องคอนโซลได้นั้น ทำให้คุณอาจจะมีเครื่องคอมพิวเตอร์ Desktop ที่คุณสามารถเอาไปเชื่อมต่อเพื่อการเล่นเกมบนหน้าจอทีวีได้ สิ่งที่น่าเสียดายก็คือทาง Corsair ไม่ได้แถมอุปกรณ์เสริมอย่างอื่นของทาง Corsair มาให้เลยทำให้คุณอาจจะต้องเสียเงินเพิ่มเพื่อที่จะซื้ออุปกรณ์เหล่านั้นมาใช้กับตัวเครื่อง Corsair One ครับ
จุดเด่น
- ตัวเครื่องมีสเปคให้เลือกหลายๆ อย่างซึ่งสเปคนั้นถือว่าเป็นสเปคเครื่องคอมพิวเตอร์สำหรับการเล่นเกมระดับสูง
- ตัวเครื่องมีขนาดเล็กเหมาะสมกับการใช้งานแทนเครื่องเกมคอนโซลจริงๆ
- ประสิทธิความและความน่าเชื่อถือของตัวเครื่องเยี่ยมมาก
- รองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์สร้างภาพเสมือนจริงได้จากทางหน้าเครื่อง
จุดด้อย
- ประกันจะหมดทันทีที่คุณทำการเปิดตัวเครื่องเพื่อจะอัพเกรดสเปคในส่วนต่างๆ
- การอัพเกรดเองนั้นมีข้อจำกัดอยู่มากในส่วนของการอัพเกรดด้วยตัวเอง
- พัดลมระบายความร้อนมีเสียงได้ยินอยู่บ้างหากคุณวางตัวเครื่องไว้ใกล้กับจุดที่คุณอยู่มากเกินไป
- ราคารุ่นท๊อปถือว่าแพงเกินไป
ที่มา : theverge