หากจะเอ่ยถึงเรื่องราวสงครามโลกครั้งที่ 2 แทบจะทุกคนคงจะนึกถึงเสงครามระหว่างฝ่ายสัมพันธมิตรที่มีสหรัฐเป็นแกนนำกับกลุ่มอักษะที่มีเยอรมันเป็นหัวเรือใหญ่หรือบางคนอาจจะนึกถึงเหตุการณ์วันยกพลขึ้นบกเป็นแน่แท้ครับเพราะจะเห็นได้จากสื่อภาพยนตร์หรือสารคดีที่มักจะถ่ายทอดเหตุการณ์ดังกล่าวซ้ำไปซ้ำมา
ซึ่งในฝั่งของวีดีโอเกมก็เช่นกันที่มักจะหยิบเหตุการณ์ยกพลขึ้นบกมาให้ผู้เล่นได้เล่นกันบ่อยครั้งจนเรียกว่าแทบทุกเกมเราจะได้ขึ้นหาดนอร์มังดีทุกรอบเลยทีเดียวและก็คงไม่แปลกนักที่หลายคนเวลาเห็นเกมสงครามโลกออกใหม่จะเกิดอาการเบื่อหน่ายโดยเฉพาะการเปิดตัว Call of Duty: WW 2 ที่แม้จะไม่มีกระแสแง่ลบแต่ก็มีการพูดถึงประปรายว่ามันจะซ้ำของเดิมหรือไม่
เพราะถ้าหากย้อนซีรี่ส์เกมชู้ตติ้งนี้ก็จะพบว่าตั้งแต่ Call of Duty หรือ Call of Duty 2 ก็เล่าเรื่องราวสงครามโลกครั้งที่ 2 ไปแล้วหรือจะเป็นภาค World At War ที่เล่าเรื่องฝั่งสงครามกับจักรวรรดิญี่ปุ่นเลยทำให้ Call of Duty: WW 2 ล่าสุดนี้จะเป็นบททดสอบที่ท้าทายสำหรับทีมพัฒนาว่าจะทำอย่างไรถึงจะไม่ทำให้เกมดูน่าเบื่อ
แม้ว่าจะยังไม่มีรายละเอียดออกมาให้ทราบเท่าไหร่แต่คงจะไม่เป็นไรถ้าหากจะขอเอ่ยถึงเหตุการณ์อื่น ๆ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ทีมพัฒนาควรใส่เข้ามาในเกม Call of Duty: WW 2 เพราะนอกเหนือจากการยกพลขึ้นบกแล้วมันยังมีเหตุการณ์หรือสมรภูมิรบอื่น ๆ ที่น่าสนใจอยู่อีกมากและจะดีมาก ๆ ถ้าหากทีมงานหยิบเหตุการณ์ที่จะกล่าวนี้ใส่ลงในเกม
การปะทะกันระหว่างรถถังเยอรมันกับรถถังของสหภาพโซเวียต
เดือนกรกฏาคมในปี 1943 ได้มีการต่อสู้กันด้วยยานเกราะระหว่างรถถังเยอรมัน Panzer IV กับรถถัง T-34 ของโซเวียตโดยเป็นการต่อสู้ในสมรภูมิ Kursk รัสเซียซึ่งเหตุการณ์นี้ไม่ใช่แค่การปะทะกันด้วยรถถังธรรมดาแต่เป็นการต่อสู้กันด้วยรถถังครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาตร์ก็ว่าได้เพราะมีรถถังนับ 10,000 คันเข้าประจัญบานต่อสู้กันอย่างดุเดือด
เหตุการณ์นี้นอกจากจะเป็นการต่อสู้ด้วยเครื่องจักรแล้วมันดุเดือดมากชนิดที่ว่าแทบจะพุ่งชนกันได้เลยจนอาจจะเรียกได้ว่าเป็น D-Day เวอร์ชั่นรถถังก็ว่าได้และคงจะเป็นอะไรที่เร้าใจมากหากเหตุการณ์นี้อยู่ในเกม
Simo Häyhä สไนเปอร์สงครามฤดูหนาวฝันร้ายของกองทัพแดง
ชื่อ Simo Häyhä อาจจะดูไม่คุ้นหูนักแต่กับกองทัพแดงโซเวียตแล้วล่ะก็คงจะรู้กิตติศัพท์ดีเพราะชื่อนี้คือบุคคลเพียงคนเดียวที่ทำให้กองทัพโซเวียตเกรงกลัวครับโดยเรื่องราวรี้เริ่มต้นเมื่อเดือนธันวาคมปี 1939 โซเวียตได้เริ่มบุกฟินแลนด์ประเทศเล็ก ๆ ที่มีประชากรเพียง 4 ล้านกว่าคนในช่วงฤดูหนาวแต่การบุกก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเจอมือสไนเปอร์ชาวฟินแลนด์เพียงคนเดียว
“Simo Häyhä ฉายา The White Death”
Simo Häyhä เป็นมือสไนเปอร์กองทัพฟินแลนด์ที่ยืนหยัดเพียงคนเดียวในสมรภูมิ “สงครามฤดูหนาว” (Winter War) เขาใช้เวลา 105 วันไปกับการสังหารข้าศึกไปกว่า 500 คนจนได้ฉายาว่า “ความตายสีขาว” (The White Death) จากวีรกรรมครั้งนั้นก็สร้างขวัญกำลังใจแก่พวกพ้องและทำลายขวัญของข้าศึกไปมากจนเขาถูกยกย่องเป็นวีรบุรุษแห่งฟินแลนด์
จากเหตุการณ์นี้คงจะดีไม่น้อยถ้าหากผู้เล่นจะได้รับบทเป็นมือสไนเปอร์คนดังกล่าวที่มาพร้อมกับความเก่งกาจและใจที่รักชาติปกป้องแผ่นดินแม่ถ้าหากมันมีอยู่ในเกมคาดว่าคงจะสร้างความมันส์และดราม่าได้พอสมควรเลยล่ะ
เหตุวินาศกรรมระเบิดนิวเคลียร์ที่นอร์เวย์
นอร์เวย์ก็เป็นอีกประเทศที่โดยเยอรมันนาซีเข้ายึดปกครองและยังถูกใช้เป็นฐานวิจัยอาวุธและระเบิดนิวเคลียร์ในปี 1943 เดือนกุมภาพันธ์แต่แผนการนี้ก็ได้ถูกทำลายลงโดยหน่วยรบพิเศษจากอังกฤษที่ได้บุกเข้าทำลายฐานวิจัยและเป็นการดับฝันของฮิตเลอร์ที่จะส่งระเบิดปรมาณูใส่กรุงลอนดอน
เหตุการณ์นี้มันน่าสนใจก็ตรงที่เป้าหมายภารกิจกับการทำลายระเบิดนิวเคลียร์นี่แหละครับและยังสอดคล้องกับธีมเกม Call of Duty กับแนวค้นหาและทำลายอีกด้วยซึ่งคงจะลุ้นสุด ๆ กับปฏิบัติการสุดระทึกเพราะถ้าหากพวกเขาทำไม่สำเร็จก็อาจจะหมายถึงจุดจบของกลุ่มสัมพันธมิตรได้เลย
ความรุ่งโรจน์ของกลุ่มเวียดมินห์
สงครามโลกครั้งที่ 2 ส่งผลกระทบไปทั่วไม่เว้นแม้แต่ฝั่ง SEA หรือกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในเมื่อจักรวรรดิญี่ปุ่นเริ่มแผ่ขยายอาณาเขตขณะเดียวกันในประเทศเวียดนามก็มีกลุ่มที่เรียกว่าเวียดมินห์ได้ถือกำเนิดขึ้นและมีบทบาทสำคัญอย่างมากในการต่อต้านการแผ่ขยายอำนาจของญี่ปุ่น
ความสำคัญของเหตุการณ์ดังกล่าวก็อยู่ที่กลุ่มเวียดมินห์นำโดย “โฮ จิ มินห์” ผู้นำที่ยิ่งใหญ่ของชาวเวียดนามได้ลุกขึ้นต่อต้านการมาของญี่ปุ่นพร้อมกับต่อสู้กับกลุ่มอำนาจเก่าฝรั่งเศสที่ต้องการจะครอบครองเวียดนามเป็นอาณานิคม นอกจากนี้ยุทธวิธีการรบที่เรียกกันว่า “กองโจร” ก็จะเห็นได้ชัดเจนขึ้นในช่วงนี้และยังเป็นรูปแบบการต่อสู้ที่รับมือได้ยากที่สุดอีกด้วย
ซึ่งก็ไม่แน่ว่าถ้าภารกิจนี้อยู่ในเกมเราอาจจะรบแบบกองโจรและเรื่องราวการต่อสู้เพื่อชาติกอบกู้เอกราชเวียดนามก็เป็นได้
สงครามในพม่า
ก็ยังอยู่ในแถบประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกครั้งแต่คราวนี้ลองมาดูที่ฝั่งประเทศเพื่อนบ้านของเราอย่างพม่าบ้างเมื่อปี 1942 ญี่ปุ่นที่ได้ไทยช่วยเหลือได้ทำการบุกพม่าเพื่อยึดครองดินแดนแต่กองทัพแห่งอาทิตย์อุทัยต้องรับมือกับศึกหนักเมื่อพวกเขาต้องเจอกับกองทัพผสมอังกฤษกับอินเดียและยังไม่พอพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับหน่วยรบเนปาล “กุรข่า” อันเลื่องลือด้วย
สำหรับหน่วยรบ “กุรข่า” ก็เป็นกลุ่มนักรบรับจ้างชนเผ่าเนปาลโดยมีอังกฤษเป็นเป็นผู้ว่าจ้างซึ่งความน่ากลัวอยู่ตรงที่อาวุธมีดขนาดใหญ่และทักษะการต่อสู้ประชิดตัวที่แทบจะไร้เทียมทาน นอกจากนี้สมรภูมิรบก็ยิ่งโหดร้ายเข้าไปอีกเพราะสภาพพื้นที่ที่ชื้นแฉะและอากาศที่มีแต่ลมมรสุมเรียกว่าเลวร้ายสุด ๆ และคงจะท้าทายมาก ๆ หากสภาพบรรยากาศแบบนี้ถูกถ่ายทอดลงในเกม
เยอรมันนาซีบุกยึดอเมริกา
สำหรับเหตุการณ์นี้แม้จะไม่เคยเกิดขึ้นในหน้าประวัติศาตร์จริงแต่มันน่าสนใจไม่น้อยทีเดียวเมื่ออยู่ในวีดีโอเกมครับถ้าหากเยอรมันสามารถเอาชนะสงครามและสามารถยกพลขึ้นฝั่งอเมริกาได้จะเกิดอะไรขึ้นโลกที่ปกครองโดยกลุ่มอักษะเราอาจจะได้เห็นชาวอเมริกันถูกเยอรมันปกครองหรือเห็นเทพีเสรีภาพทำท่าไฮ-ฮิตเลอร์แทนที่จะชูคบเพลิง
เหตุการณ์ที่ว่าอาจจะไม่เกิดขึ้นจริงแต่มันก็ได้เกิดขึ้นในทีวีซีรี่ย์ที่ชื่อ “The Man in the High Castle” ครับที่ในเรื่องก็จะพบว่าสภาพบ้านเมืองสหรัฐถูกปกครองโดยกลุ่มอักษะที่ประกอบด้วยเยอรมันนาซีและจักรวรรดิญี่ปุ่นซึ่งถ้าหาก Activision นำเหตุการณ์นี้มาลงในเกมเชื่อว่าคงจะสร้างความแปลกใหม่ได้ไม่น้อยเลยล่ะ (ทำเป็น Expansion เสริมออกมาก็ยังดี)
อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้ก็เป็นการคาดเดาและเป็นสิ่งที่อยากให้เกิดขึ้นใน Call of Duty: WW 2 เท่านั้นและก็ต้องมาลุ้นกันต่อไปล่ะครับว่าตัวเกมจริง ๆ จะดำเนินเรื่องในช่วงเหตุการณ์ไหนกันแน่
Call of Duty: WW 2 จะวางจำหน่ายในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2017 บน PlayStation 4 , Xbox One และ PC
ที่มา: PCGAMER