โน๊ตบุ๊คแบรนด์ Dell ได้รับความน่าเชื่อถือมาอย่างยาวนานและเป็นที่นิยมในการใช้งานกับองค์กรและภาคธุรกิจอย่างมากมาย ทั้งมาตรฐานการบริการ Dell Premium Support และ On-site Service “บริการซ่อมตรงถึงที่ ทุกที่ ในอีก 1 วันทำการ” ถึง 2 ปีด้วยกัน มาพร้อมดีไซน์ที่เรียบๆ แต่แฝงความหรูหรา รวมถึงโดยทั่วไปแล้วคนมักจะมองว่าแบรนด์ Dell เป็นแบรนด์ระดับสูง เพราะผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในท้องตลาดนั้นค่อนข้างจะอยู่ในเกรดที่สูงกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปนั่นเอง
ล่าสุดทางทาง Dell ได้นำเสนอ Dell Inspiron 5378 ที่เป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 13.3 นิ้วทัชสกรีน แบบ 2-in-1 โดยมาพร้อมกับขนาดตัวเครื่องที่บางเบาเล็กกระทัดรัด เน้นพกพาสะดวก หนักแค่ 1.71 กิโลกรัมเท่านั้น ส่วนสเปกเป็นชิปประมวลผล Intel Core i5 และ Core i7 รุ่นล่าสุด Gen 7 Kaby Lake แรมขนาด 8GB DDR4 สำหรับความละเอียดหน้าจอก็เป็นระดับ Full HD ให้ภาพคมชัดสวยงามสมจริง พร้อมใช้งานด้วย Windows 10 สนนราคา Dell Inspiron 5378 อยู่ที่ 27,990 บาท สำหรับรุ่น Core i5 ส่วนถ้าเป็นรุ่น Core i7 จะอยู่ที่ 35,990 บาท
VDO Review
Specification
สเปกภายในของตัว Dell Inspiron 5378 จะคล้ายกับกลุ่มโน๊ตบุ๊คประเภท Ultrabook ที่เน้นความบางเบา โดยมาพร้อมขนาดหน้าจอ 13.3 นิ้ว ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล พาเนลคุณภาพสูงอย่าง IPS ซึ่งให้สีสันที่สวยสมจริง มุมมองกว้างถึง 170 องศา ด้านประสิทธิภาพด้วยอย่างการใช้ชิปประมวลผล Intel Core i7-7500U และ Intel Core i5-7200U (รุ่นที่ได้รับมารีวิว) โดยเป็นชิปประหยัดพลังงานพิเศษ แบบ 2 คอร์ 4 เทรด ซึ่งแน่นอนว่าให้ทั้งความแรงและใช้งานได้ยาวนาน เป็นสถาปัตยกรรม Intel Core i Gen 7 (Kaby Lake) รุ่นล่าสุด
ส่วนแรมก็ติดตั้งมาให้ขนาด 8GB DDR4 ซึ่งพอเพียงกับการใช้งานแน่นอน (รองรับการเพิ่มแรมอีก 1 แถว) ในส่วนของกราฟิกการ์ดออนบอร์ด พอเพียงที่จะใช้งานทั่วไป ทำให้พอที่จะเล่นเกมออนไลน์ได้สบายๆ สำหรับฮาร์ดดิสก์ยังมีความจุ 1TB (ไม่รองรับ SSD M.2) ที่สำคัญยังเป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อ Wireless AC ด้วย อีกทั้งยังมีน้ำหนักเพียง 1.7.1 กิโลกรัมเท่านั้น นอกจากนี้ในส่วนของกล้องด้านหน้ารองรับการใช้งาน VDO Call
สนนราคา Dell Inspiron 5378 รุ่นที่ทางทีมงานนำมารีวิวอยู่ที่ 27,990 บาท พร้อมการรับประกัน 2 ปี แบบ Dell Premium Support และ On-Site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน ตามมาตรฐานของ Dell รวมถึงติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows 10 แท้และซอฟต์แวร์ McAfee Security Center ใช้ฟรี 15 เดือนด้วยกัน
- สเปกเต็มๆ ของ Dell Inspiron 5378 รุ่น Core i7 ราคา 35,990 บาท
- สเปกเต็มๆ ของ Dell Inspiron 5378 รุ่น Core i5 ราคา 27,990 บาท
Hardware / Design
เมื่อแรกเห็นต้องยอมรับเลยว่า Dell Inspiron 5378 เป็นโน๊ตบุ๊คอีกรุ่นหนึ่งที่มีความสวยงามลงตัวแบบเรียบง่ายที่สุดทั้งการออกแบบภายในและภายนอก อย่างที่หาโน๊ตบุ๊คน้อยรุ่นมาเปรียบเทียบได้ ด้วยการดีไซน์เน้นความเรียบหรูบางเบา จากวัสดุพลาสติก ABS ชั้นดีสีเทาที่ดูแล้วมีความโดดเด่น อีกทั้งบริเวณขอบตัวเครื่องและฝาหลังยังมีการลบเหลี่ยมมุมอย่างลงตัว ที่สำคัญตัวเครื่องยังมีความบางและเบากว่าโน๊ตบุ๊คปกติ อีกทั้งยังจัดว่าเป็น Ultrabook ขนาดหน้าจอ 13.3 นิ้ว ซึ่งสามารถใช้งานเป็น 2-in-1 Notebook ได้ โดยส่วนตัวก็ถือได้ว่าสร้างความน่าแปลกใจพอควร เพราะปกติโน๊ตบุ๊คตระกูล Inspiron จะไม่สวยงามโดดเด่นขนาดนี้ เรียกได้ว่าเทียบกับพวกตระกูล XPS เลยก็ว่าได้
ส่วนของฝาหลังก็มีการออกแบบไม่ซับซ้อนอะไร ที่มีแต่เพียงโลโก้ Dell ตามมาตรฐานโน๊ตบุ๊คของ Dell เท่านั้น แต่ถ้าได้จับตัวเครื่องเราจะสัมผัสได้ถึงพื้นผิววัสดุคุณภาพที่ให้รู้สึกที่ดีเทียบกับโลหะ สำหรับแกนฝาหลังเป็นแบบสองแกนที่ให้ความแข็งแรงทนทานและแน่หนา ทำให้รับรู้ได้เลยว่ามีความทนทานในการใช้งานที่พอตัว ฉะนั้นสบายใจหายห่วงเรื่องการใช้งานได้สบายๆ
ส่วนตัวเครื่องด้านล่างก็จะมีคำว่า Inspiron ปั๊มเอาไว้ นอกจากนี้การออกแบบยางรองใต้เครื่องก็เรียกได้ว่าไม่เหมือนใคร โดยใช้เป็นแถบยางยาวขนานไปกับแนวยาวของตัวเครื่อง พร้อมกับมีช่องระบายอากาศอยู่เป็นแนวยาวอีก แน่นอนว่าสติกเกอร์ Windows 10 ก็จะติดอยู่บริเวณนี้เช่นกัน สำหรับ Dell Inspiron 5378 ในการท่ายเทความร้อนออกไปจากช่องทางใต้หน้าจอ ส่งผลให้ถ่ายเทความร้อนได้อย่างรวดเร็วน่าประทับใจ แม้จะมีพัดลมเพียงตัวเดียวก็สามารถจัดการความร้อนภายในได้เป็นอย่างดี
เรียกได้ว่าเรื่องของดีไซน์นั้นตอบโจทย์กับคนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 13.3 นิ้วเครื่องเดียวจบแน่นอน ที่สำคัญตัวเครื่องยังหนักเพียง 1.71 กิโลกรัมและบางเพียง 19.5 มิลลิเมตรเท่านั้น ทำให้ไม่ว่าเราจะเอาไปทำงาน หรือเพื่อความบันเทิง ก็ตอบสนองไลฟ์สไตล์ได้หมด
Keyboard / Touchpad
ส่วนของคีย์บอร์ดนั้นตัวปุ่มเป็นพลาสติกสีดำสกรีนตัวอักษรสีขาว มีการออกแบบมาให้ปุ่มมีความโค้งรับกับนิ้วมือได้พอดี ทำให้สามารถพิมพ์ได้ง่ายขึ้น ก็ถือว่าทำไว้ดีอยู่แล้วเช่นกันตามสไตล์ของ Dell กับคีย์บอร์ด 4 แถวขนาด Full Size อีกทั้งด้านการใช้งานในการพิมพ์ ก็ยังตอบสนองได้เป็นอย่างดีทั้งขนาดแป้นพิมพ์ที่รับกันนิ้วและช่องว่างระหว่างแป้นที่ทำให้มีความแม่นยำในการกด รวมทั้งแป้นก็เด้งกับนิ้วเมื่อกดลงไปอย่างพอดี ในส่วนของไฟ LED Backlit ก็สามารถใช้งานได้ดีทีเดียว ส่วนปุ่มเปิดเครื่องจะไปอยู่ที่มุมขวาบน สีกลืนไปกับเครื่อง ซึ่งข้อดีก็คือมั่นใจได้ว่าจะไม่ไปเผลอกดระหว่างการใช้งานแน่นอน พร้อมมีไฟส่องสว่างให้เห็นสถานะ
ทัชแพดมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับขนาดตัวเครื่อง ส่วนดีไซน์นั้นก็ใช้เป็นแบบไม่มีปุ่มแยกออกมาเช่นเดียวกับโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่น การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ตัวซอฟต์แวร์ควบคุมก็ช่วยจัดการได้ดี โดยมีการจับความเคลื่อนไหวว่าผู้ใช้กำลังพิมพ์ข้อความอยู่หรือไม่ ซึ่งจะช่วยให้เคอร์เซอร์ไม่เลื่อนไปจากตำแหน่งเก่า ถ้าผู้ใช้เผลอนำมือไปโดนทัชแพดเข้า
Screen / Speaker
หน้าจอขนาด 13.3 นิ้ว รองรับการทัชกรีน 10 จุด ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล Full HD เทคโนโลยี Truelife ซึ่งให้ประสบการณ์การใช้งานที่ค่อนข้างน่าประทับใจ โดยการใช้หน้า Desktop ปกติที่ตัวหนังสือหรือปุ่มต่างๆ มีความเรียบเนียนตาทำให้ใช้งานได้สะดวก เรียกได้ว่ากำลังพอดีทีเดียว และด้วยความที่จอเป็นแบบกระจกที่ให้เรื่องสีสันสดใส แต่ก็ค่อนข้างสะท้อนแสงพอสมควร นอกจากจะมีกล้องเว็บแคมปกติที่ไว้เซลฟี่หรือวีดีโอคอลแล้ว ยังได้ติดตั้งในส่วนของกล้องอินฟาเรดที่ไว้ใช้งานเฉพาะกับฟีเจอร์ Windows Hello อีกด้วย โดยให้ล็
ลำโพงสเตอริโอเทคโนโลยี Waves MaxxAudio Pro ที่อยู่บริเวณด้านหน้าของตัวเครื่องซ้ายและขวาลักษณะยิงลงพื้น ให้เสียงที่ค่อนข้างดี แยกรายละเอียดได้ในระดับที่ดีน่าประทับใจ ถือได้ว่ามีเสียงดังชัดเจนออกแนวใสๆ เน้นไปโทนกลางเป็นหลักตามสไลต์ลำโพงจากโน๊ตบุ๊คทั่วไป คุณภาพเสียงที่ได้นั้น ก็ถือว่าดีเพียงพอแบบสบายๆ แล้ว ส่วนใครจะเอาไปต่อกับหูฟังหรือลำโพงเพิ่ม ก็สามารถทำได้หากว่าต้องการคุณภาพเสียงที่ดีมากยิ่งขึ้นไปอีก
Using Experience
อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่า Dell Inspiron 5378 ตอบสนองได้อย่างหลากหลายจากการที่เป็น 2-in-1 Notebook ที่ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี ด้วยการพับใช้งานถึง 4 รูปแบบด้วยกันไม่ว่าจะเป็น Notebook / Stand / Tent / Tablet บอกได้เลยว่าสำหรับใครที่กำลังมองหา 2-in-1 Notebook ซักตัวที่พกพาสะดวกในราคาเบาๆ แต่มีความสามารถครบครันทั้งในเรื่องของการทำงานทั่วไปหรือแท็บเล็ตที่ทำงานร่วมกับโปรแกรมบนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ส่วนสเปกก็ถือว่าแรงพอตัวด้วยชิประมวลผลประหยัดพลังงานอย่าง Intel Core i7 Gen 7 ซึ่งใช้งานได้อย่างลื่นไหล
Notebook Mode เป็นรูปแบบธรรมดาทั่วไปเหมือนกับโน๊ตบุ๊คปกติ เน้นสำหรับการใช้งานทั่วไป เล่นอินเตอร์เน็ต รวมไปถึงงานเอกสารต่างๆ ที่จำเป็นต้องใช้คีย์บอร์ดและทัชแพดในการควบคุมเหมือนโน๊ตบุ๊คปกติ
Stand Mode เน้นใช้งานที่ระบบจอสัมผัสของตัวเครื่องอย่างเดียวและวางไว้บนพื้นที่ราบ โดยรูปแบบการใช้งานนี้จะเน้นไปทางการใช้งานแอพพลิเคชั่นของ Windows เอง หรือเน้นไปทางการดู Youtube หรือชมภาพยนตร์เป็นหลัก พร้อมรองรับการทำงานแบบมัลติทัชได้พร้อมกันมากสุดที่ 10 จุดพร้อมกัน
Tent Mode ค่อนข้างจะคล้ายกับ Stand Mode ก่อนหน้านี้ แต่จะอยู่ในรูปทรงตั้งเครื่องเอาไว้เป็นลักษณะสามเหลี่ยม ใช้ในการวิวดูข้อมูลการแสดงผลหน้าจอเป็นหลัก อีกทั้งยังสามารถจับพาดหรือเกาะกับสิ่งของรอบๆ ได้
Tablet Mode ด้วยการพับหน้าจอกลับแบบ 360 องศา จนฝาหลังและฐานใต้เครื่องมาติดกัน เราก็จะได้แท็บเล็ตที่มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows ซึ่งเรามีความคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เหมาะสำหรับการเอาไว้เล่นเกมหรือดู E-Book อย่างที่แท็บเล็ตอื่นๆ ทั่วไปในตลาดสามารถทำได้
Connector / Thin And Weight
มาดูในส่วนของการเชื่อมต่อกันบ้าง หลักๆ แล้วถือว่ามีความครบครันทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นพอร์ต USB 3.0 จำนวน 2 พอร์ต ไว้สำหรับการเชื่อมต่อกับแฟลชไดร์ฟหรือฮาร์ดดิสก์ภายนอกไว้ถ่ายโอนข้อมูล รวมไปถึงชาร์จสมาร์ทโฟน และพอร์ต USB 2.0 อีก 1 พอร์ตที่ไว้เชื่อมต่อกับเมาส์หรืออุปกรณ์อื่นๆ รวมไปถึงสามารถเชื่อมต่อออกหน้าจอภายนอกได้ง่ายๆ ผ่านทาง HDMI ขนาดมาตรฐาน รวมไปถึงยังมีช่องเชื่อมต่อไมค์และหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร, ช่องอ่าน SD Card ตามสมัยนิยมอีกด้วย นอกเหนือจากส่วนของปุ่มเปิดปิดเครื่องและปุ่มปรับระดับเสียงจะอยู่ด้านข้างตัวเครื่อง ทำให้สามารถใช้งานได้สะดวก
เมื่อเทียบกับขนาดของโน๊ตบุ๊ค 13.3 นิ้วทั่วไปถือได้ว่ามีมิติที่ใกล้เคียง ส่วนน้ำหนักตัวเครื่องอยู่ที่ 1.71 กิโลกรัม และเมื่อรวมกับอแดปเตอร์ที่ชาร์จเข้าไปด้วย ก็จะมีหนักราวๆ 1.9 กิโลกรัมเท่านั้น ก็จัดว่ามีน้ำหนักที่มีความเบามากๆ เลย แน่นอนว่าตอบสนองในเรื่องของการพกพาไปนอกสถานที่ได้อย่างเต็มรูปแบบ สมกับเป็นโน๊ตบุ๊คเน้นประสิทธิภาพในยุคปัจจุบันทีเดียว
Performance / Software
Dell Inspiron 5378 เครื่องรีวิวนี้มาพร้อมกับชิปประมวลผลจาก Intel Core i5-7200U ซึ่งเป็นชิปประมวลผลใช้พลังงานไฟต่ำมาก มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.5 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 2.7 GHz เป็นซีพียูแบบ 2 Core 4 Threads ที่เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลหนักก็รองรับได้อย่างสบายๆ แม้ก็ต้องยอมรับว่าอาจจะสูงกว่าพวก Core i7 ไม่ได้ แต่เรื่องประหยัดพลังงานนั้นไม่เป็นรองใครอย่างแน่นอน มาพร้อมแรมภายในขนาด 8GB ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบายๆ
ด้านของการ์ดจอที่ติดตั้งมาให้จะมีสองตัวด้วยกัน คือการ์ดจอออนบอร์ดจะเป็น Intel HD Graphic 620 สำหรับประมวลผลทั่วไปเช่นดูหนังหรือฟังเพลง รองรับการประมวลผลกราฟิกระดับทั่งไปไม่ว่าจะตัดต่อหนังหรือจะเล่นเกมก็ถือว่าตอบสนองการทำงานได้ดีทีเดียว แม้อาจจะไม่แรงมากเทียบเท่าพวกการ์ดจอแยก แต่ก็พอเพียงกับการใช้งานเล่นเกมประเภทออนไลน์ได้อยู่
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลที่เป็นรหัส U รุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ ไม่น่าเป็นห่วงนัก
ทดสอบการทำงานฮาร์ดดิสก์ความจุอยู่ที่ 1TB ที่ติดตั้งมาให้ด้วยโปรแกรม HD Tune Pro แล้วพบว่าอัตราการถ่ายโอนข้อมูลน้อยสุดที่ 53 MB/s และสูงสุดที่ 135.6 MB/s ทำให้ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 99.8 MB/s ด้วยกัน มีอัตราการเข้าถึงข้อมูลที่ 19.3 ms ซึ่งนับได้ว่าผลทดสอบที่ออกมานั้นมีความน่าประทับใจทีเดียว เรียกได้ว่าจัดอยู่มาตรฐานของฮาร์ดดิสก์
นอกเหนือจากนี้ในส่วนของซอฟต์แวร์ติดเครื่องยังมาพร้อมกับ Wave Maxx Audio ที่เราสามารถจัดการเสียงได้อย่างอิสระในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการดูหนังฟังเพลง จากโปรไฟล์เสียงต่างๆ ที่ค่อนข้างปรับตั้งค่าได้อย่างยืดหยุ่นสุดๆ
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ของ Dell Inspiron 5378 เป็นแบบฝังไว้ในเครื่องเหมือนกับโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นในปัจจุบัน ตัวแบตเตอรี่มีขนาด 3,200 mAh ทำงานต่อเนื่องยาวนานได้ราว 7 ชั่วโมงต่อเนื่องในการใช้งานแบบปกติ (ดูภาพยนตร์และเล่นอินเตอร์เน็ต) และคาดว่าจะทำได้นานยิ่งกว่านั้นปรับเปลี่ยนตามการใช้งานของแต่ละคน ดูแล้วอาจให้ระยะเวลาการทำงานที่ค่อนข้างสั้นกว่าเครื่องอื่นเล็กน้อย ส่วนช่องระบายความร้อนของ Dell Inspiron 5378 จะอยู่ด้านบนบริเวณข้อพับจอด้านหลังตัวเครื่อง
อุณหภูมิปกติของเครื่องจะอยู่ที่ 38 องศาเซลเซียส แต่พอรีดประสิทธิภาพเต็มที่จะเห็นว่าเครื่องจะร้อนที่สุดที่ 90 องศาเซลเซียส นับว่าระบบระบายความร้อนของ Dell Inspiron 5378 เครื่องนี้ทำออกมาได้ดีกว่าโน๊ตบุ๊คเครื่องอื่นๆ ที่เคยทำการรีวิวมาพอควร เพราะความร้อนทั่วไปจะอยู่ที่เพียง 42 องศาเซลเซียส นับว่า Dell Inspiron 5378 เครื่องนี้จัดการระบบระบายความร้อนออกมาได้ดีมากทีเดียว ซึ่งนั่นน่าจะเป็นเพราะชุดระบายความร้อนจาก Dell ที่ดี และชิปประมวลผล Intel รุ่นล่าสุดที่มีมีเทคโนโลยีการผลิตที่เล็กลง
Conclusion / Award
เรียกได้ว่ามีความน่าสนใจจริงๆ สำหรับโน๊ตบุ๊คอีกหนึ่งรุ่นที่ทุกๆ คนให้ความสนใจ อย่าง Dell Inspiron 5378 ที่ต่อยอดความสำเร็จตระกูล Inspiron ได้เป็นอย่างดีกับประเภท 2-in-1 Notebook เพราะมาพร้อมความสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของดีไซน์การออกแบบ ภาพลักษณ์ วัสดุ งานประกอบ รวมไปถึงประสิทธิภาพและประสบการณ์ใช้งาน ที่แม้ว่าอาจจะข้อสังเกตุในเรื่องวัสดุตัวเครื่องที่เป็นเพียงพลาสติกเท่านั้น แต่เอาเข้าจริงงานก็คุณภาพอยู่ ตามมาตรฐาน Dell อีกทั้งยังไม่รองรับ SSD M.2 ตรงนี้ทำให้เวลาที่อัพเกรดคงต้องถอดฮาร์ดดิสก์ลูกเดิมออกก่อน แล้วค่อยใส่ SSD แบบ mSATA ไปแทน
โดยสนนเริ่มต้นที่ 27,990 บาท สำหรับรุ่น Core i5 ความละเอียดหน้าจอ Full HD ส่วนรุ่น Core i7 ก็สนนราคาที่ 35,990 บาท ซึ่งเหนือกว่าในเรื่องชิปประมวลผล แต่ส่วนอื่นๆ ก็เหมือนกันหมด ส่วนตัวแล้วแนะนำว่าถ้างบถึงตัว Core i7 ก็จัดรุ่นนี้จะดีกว่าจะได้ไม่ค้างคาใจ (หรือถ้าแค่ Core i5 แล้วเก็บเงินส่วนนึงไว้อัพเป็น SSD ก็จะดีอีกแบบ) แม้ว่าจะมีราคา Dell Inspiron 5378 จะมีราคาที่สูงกว่าโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ แต่ก็เหนือกว่ารุ่นอื่นๆ ด้วยการที่ตัวเครื่องมีขนาดเล็ก เน้นพกพาสะดวก อีกทั้งสามารถใช้งาน 2-in-1 Notebook ได้ รวมไปถึงก็มีน้ำหนักเบากว่าด้วย เพียง 1.71 กิโลกรัมและบางเพียง 19.5 มิลลิเมตรเท่านั้น
เอาเป็นว่าใครกำลังมองหาโน๊ตบุ๊ค ที่เน้นประสบการณ์ใช้งานที่เหนือระดับโดยไม่กังวลในเรื่องของราคาค่าตัวเมื่อเทียบกับสเปกความแรงล่ะก็ Dell Inspiron 5378 น่าจะตอบโจทย์การใช้งานได้เป็นอย่างดีทีเดียวครับ แต่ก็น่าเสียายเล็กน้อยที่ยังไม่มีพอร์ต USB 3.1 Type-C มาให้
จุดเด่น
- เป็น 2-in-1 Notebook ใช้งานหลากหลาย
- ตัวเครื่องบางเบาพกพาสะดวก เพียง 1.71 กิโลกรัมและบางเพียง 19.5 มิลลิเมตร
- หน้าจอมีความละเอียดสูงระดับ Full HD 1920 x 1080 พิกเซล
- พาเนลหน้าจอ IPS มีคุณภาพสูง พร้อมเทคโนโลยี Truelife
- ประสิทธิภาพดีด้วยชิปประมวลผล Intel รุ่นล่าสุด
- พอร์ตการเชื่อมต่อครบครัน แม้จะเป็นโน๊ตบุ๊คบางเบา
- มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 10
- ฟีเจอร์ Windows Hello โดยให้ล็
อกอินเข้าเครื่องโดยไม่ต้องใช้ พาสเวิร์ด - ประกันถึง 2 ปี มาพร้อม On-site Service มาตรฐาน Dell
ข้อสังเกตุ
- ราคาสูงกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปในสเปกใกล้เคียงกัน
- ไม่มีพอร์ต USB 3.1 Type-C ติดตั้งมาให้
- ไม่รองรับการอัพเกรด SSD M.2
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 13 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง Dell Inspiron 5378 ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ Inspiron มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน Dell Inspiron 5378 ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามโฉบเฉี่ยวเป็นเอกลักษณ์ ดูแล้วเรียบหรูตามสไตล์คนรุ่นใหม่ แถมยังบางเบาสุดๆ ด้วย ซึ่งในจุดของรูปร่างหน้าตาก็เป็นสิ่งที่หลายๆ คนยอมรับกันอยู่ในระดับหนึ่งอยู่แล้ว
Best Mobility
ส่วนของความสามารถในการพกพาก็ยังคงอยู่ในระดับที่ดีตามสไตล์ของโน้ตบุ๊ตที่เน้นความบางเบา ทั้งในความบางเพียง 19.5 มิลลิเมตร และน้ำหนักเบา 1.71 กิโลกรัม ที่ทำให้สามารถหิ้วไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องการจับถือมากนัก สามารถพับฝาจอลงแล้วเก็บเครื่องได้ทันที อแดปเตอร์ก็ทำออกมาให้มีขนาดที่ไม่ใหญ่มากนัก พกพาสะดวก รวมน้ำหนักแล้วยังไม่ถึง 1.9 กิโลกรัม เหมาะมากๆ กับคนที่ทำงานนอกสถานที่บ่อยๆ
VDO Review
Specification
สเปกภายในของตัว Dell Inspiron 5378 จะคล้ายกับกลุ่มโน๊ตบุ๊คประเภท Ultrabook ที่เน้นความบางเบา โดยมาพร้อมขนาดหน้าจอ 13.3 นิ้ว ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล พาเนลคุณภาพสูงอย่าง IPS ซึ่งให้สีสันที่สวยสมจริง มุมมองกว้างถึง 170 องศา ด้านประสิทธิภาพด้วยอย่างการใช้ชิปประมวลผล Intel Core i7-7500U และ Intel Core i5-7200U (รุ่นที่ได้รับมารีวิว) โดยเป็นชิปประหยัดพลังงานพิเศษ แบบ 2 คอร์ 4 เทรด ซึ่งแน่นอนว่าให้ทั้งความแรงและใช้งานได้ยาวนาน เป็นสถาปัตยกรรม Intel Core i Gen 7 (Kaby Lake) รุ่นล่าสุด
ส่วนแรมก็ติดตั้งมาให้ขนาด 8GB DDR4 ซึ่งพอเพียงกับการใช้งานแน่นอน (รองรับการเพิ่มแรมอีก 1 แถว) ในส่วนของกราฟิกการ์ดออนบอร์ด พอเพียงที่จะใช้งานทั่วไป ทำให้พอที่จะเล่นเกมออนไลน์ได้สบายๆ สำหรับฮาร์ดดิสก์ยังมีความจุ 1TB (ไม่รองรับ SSD M.2) ที่สำคัญยังเป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อ Wireless AC ด้วย อีกทั้งยังมีน้ำหนักเพียง 1.7.1 กิโลกรัมเท่านั้น นอกจากนี้ในส่วนของกล้องด้านหน้ารองรับการใช้งาน VDO Call
สนนราคา Dell Inspiron 5378 รุ่นที่ทางทีมงานนำมารีวิวอยู่ที่ 27,990 บาท พร้อมการรับประกัน 2 ปี แบบ Dell Premium Support และ On-Site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน ตามมาตรฐานของ Dell รวมถึงติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows 10 แท้และซอฟต์แวร์ McAfee Security Center ใช้ฟรี 15 เดือนด้วยกัน
- สเปกเต็มๆ ของ Dell Inspiron 5378 รุ่น Core i7 ราคา 35,990 บาท
- สเปกเต็มๆ ของ Dell Inspiron 5378 รุ่น Core i5 ราคา 27,990 บาท
Hardware / Design
เมื่อแรกเห็นต้องยอมรับเลยว่า Dell Inspiron 5378 เป็นโน๊ตบุ๊คอีกรุ่นหนึ่งที่มีความสวยงามลงตัวแบบเรียบง่ายที่สุดทั้งการออกแบบภายในและภายนอก อย่างที่หาโน๊ตบุ๊คน้อยรุ่นมาเปรียบเทียบได้ ด้วยการดีไซน์เน้นความเรียบหรูบางเบา จากวัสดุพลาสติก ABS ชั้นดีสีเทาที่ดูแล้วมีความโดดเด่น อีกทั้งบริเวณขอบตัวเครื่องและฝาหลังยังมีการลบเหลี่ยมมุมอย่างลงตัว ที่สำคัญตัวเครื่องยังมีความบางและเบากว่าโน๊ตบุ๊คปกติ อีกทั้งยังจัดว่าเป็น Ultrabook ขนาดหน้าจอ 13.3 นิ้ว ซึ่งสามารถใช้งานเป็น 2-in-1 Notebook ได้ โดยส่วนตัวก็ถือได้ว่าสร้างความน่าแปลกใจพอควร เพราะปกติโน๊ตบุ๊คตระกูล Inspiron จะไม่สวยงามโดดเด่นขนาดนี้ เรียกได้ว่าเทียบกับพวกตระกูล XPS เลยก็ว่าได้
ส่วนของฝาหลังก็มีการออกแบบไม่ซับซ้อนอะไร ที่มีแต่เพียงโลโก้ Dell ตามมาตรฐานโน๊ตบุ๊คของ Dell เท่านั้น แต่ถ้าได้จับตัวเครื่องเราจะสัมผัสได้ถึงพื้นผิววัสดุคุณภาพที่ให้รู้สึกที่ดีเทียบกับโลหะ สำหรับแกนฝาหลังเป็นแบบสองแกนที่ให้ความแข็งแรงทนทานและแน่หนา ทำให้รับรู้ได้เลยว่ามีความทนทานในการใช้งานที่พอตัว ฉะนั้นสบายใจหายห่วงเรื่องการใช้งานได้สบายๆ
ส่วนตัวเครื่องด้านล่างก็จะมีคำว่า Inspiron ปั๊มเอาไว้ นอกจากนี้การออกแบบยางรองใต้เครื่องก็เรียกได้ว่าไม่เหมือนใคร โดยใช้เป็นแถบยางยาวขนานไปกับแนวยาวของตัวเครื่อง พร้อมกับมีช่องระบายอากาศอยู่เป็นแนวยาวอีก แน่นอนว่าสติกเกอร์ Windows 10 ก็จะติดอยู่บริเวณนี้เช่นกัน สำหรับ Dell Inspiron 5378 ในการท่ายเทความร้อนออกไปจากช่องทางใต้หน้าจอ ส่งผลให้ถ่ายเทความร้อนได้อย่างรวดเร็วน่าประทับใจ แม้จะมีพัดลมเพียงตัวเดียวก็สามารถจัดการความร้อนภายในได้เป็นอย่างดี
เรียกได้ว่าเรื่องของดีไซน์นั้นตอบโจทย์กับคนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 13.3 นิ้วเครื่องเดียวจบแน่นอน ที่สำคัญตัวเครื่องยังหนักเพียง 1.71 กิโลกรัมและบางเพียง 19.5 มิลลิเมตรเท่านั้น ทำให้ไม่ว่าเราจะเอาไปทำงาน หรือเพื่อความบันเทิง ก็ตอบสนองไลฟ์สไตล์ได้หมด
Keyboard / Touchpad
ส่วนของคีย์บอร์ดนั้นตัวปุ่มเป็นพลาสติกสีดำสกรีนตัวอักษรสีขาว มีการออกแบบมาให้ปุ่มมีความโค้งรับกับนิ้วมือได้พอดี ทำให้สามารถพิมพ์ได้ง่ายขึ้น ก็ถือว่าทำไว้ดีอยู่แล้วเช่นกันตามสไตล์ของ Dell กับคีย์บอร์ด 4 แถวขนาด Full Size อีกทั้งด้านการใช้งานในการพิมพ์ ก็ยังตอบสนองได้เป็นอย่างดีทั้งขนาดแป้นพิมพ์ที่รับกันนิ้วและช่องว่างระหว่างแป้นที่ทำให้มีความแม่นยำในการกด รวมทั้งแป้นก็เด้งกับนิ้วเมื่อกดลงไปอย่างพอดี ในส่วนของไฟ LED Backlit ก็สามารถใช้งานได้ดีทีเดียว ส่วนปุ่มเปิดเครื่องจะไปอยู่ที่มุมขวาบน สีกลืนไปกับเครื่อง ซึ่งข้อดีก็คือมั่นใจได้ว่าจะไม่ไปเผลอกดระหว่างการใช้งานแน่นอน พร้อมมีไฟส่องสว่างให้เห็นสถานะ
ทัชแพดมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับขนาดตัวเครื่อง ส่วนดีไซน์นั้นก็ใช้เป็นแบบไม่มีปุ่มแยกออกมาเช่นเดียวกับโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่น การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ตัวซอฟต์แวร์ควบคุมก็ช่วยจัดการได้ดี โดยมีการจับความเคลื่อนไหวว่าผู้ใช้กำลังพิมพ์ข้อความอยู่หรือไม่ ซึ่งจะช่วยให้เคอร์เซอร์ไม่เลื่อนไปจากตำแหน่งเก่า ถ้าผู้ใช้เผลอนำมือไปโดนทัชแพดเข้า
Screen / Speaker
หน้าจอขนาด 13.3 นิ้ว รองรับการทัชกรีน 10 จุด ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล Full HD เทคโนโลยี Truelife ซึ่งให้ประสบการณ์การใช้งานที่ค่อนข้างน่าประทับใจ โดยการใช้หน้า Desktop ปกติที่ตัวหนังสือหรือปุ่มต่างๆ มีความเรียบเนียนตาทำให้ใช้งานได้สะดวก เรียกได้ว่ากำลังพอดีทีเดียว และด้วยความที่จอเป็นแบบกระจกที่ให้เรื่องสีสันสดใส แต่ก็ค่อนข้างสะท้อนแสงพอสมควร นอกจากจะมีกล้องเว็บแคมปกติที่ไว้เซลฟี่หรือวีดีโอคอลแล้ว ยังได้ติดตั้งในส่วนของกล้องอินฟาเรดที่ไว้ใช้งานเฉพาะกับฟีเจอร์ Windows Hello อีกด้วย โดยให้ล็
ลำโพงสเตอริโอเทคโนโลยี Waves MaxxAudio Pro ที่อยู่บริเวณด้านหน้าของตัวเครื่องซ้ายและขวาลักษณะยิงลงพื้น ให้เสียงที่ค่อนข้างดี แยกรายละเอียดได้ในระดับที่ดีน่าประทับใจ ถือได้ว่ามีเสียงดังชัดเจนออกแนวใสๆ เน้นไปโทนกลางเป็นหลักตามสไลต์ลำโพงจากโน๊ตบุ๊คทั่วไป คุณภาพเสียงที่ได้นั้น ก็ถือว่าดีเพียงพอแบบสบายๆ แล้ว ส่วนใครจะเอาไปต่อกับหูฟังหรือลำโพงเพิ่ม ก็สามารถทำได้หากว่าต้องการคุณภาพเสียงที่ดีมากยิ่งขึ้นไปอีก
Using Experience
อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่า Dell Inspiron 5378 ตอบสนองได้อย่างหลากหลายจากการที่เป็น 2-in-1 Notebook ที่ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี ด้วยการพับใช้งานถึง 4 รูปแบบด้วยกันไม่ว่าจะเป็น Notebook / Stand / Tent / Tablet บอกได้เลยว่าสำหรับใครที่กำลังมองหา 2-in-1 Notebook ซักตัวที่พกพาสะดวกในราคาเบาๆ แต่มีความสามารถครบครันทั้งในเรื่องของการทำงานทั่วไปหรือแท็บเล็ตที่ทำงานร่วมกับโปรแกรมบนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ส่วนสเปกก็ถือว่าแรงพอตัวด้วยชิประมวลผลประหยัดพลังงานอย่าง Intel Core i7 Gen 7 ซึ่งใช้งานได้อย่างลื่นไหล
Notebook Mode เป็นรูปแบบธรรมดาทั่วไปเหมือนกับโน๊ตบุ๊คปกติ เน้นสำหรับการใช้งานทั่วไป เล่นอินเตอร์เน็ต รวมไปถึงงานเอกสารต่างๆ ที่จำเป็นต้องใช้คีย์บอร์ดและทัชแพดในการควบคุมเหมือนโน๊ตบุ๊คปกติ
Stand Mode เน้นใช้งานที่ระบบจอสัมผัสของตัวเครื่องอย่างเดียวและวางไว้บนพื้นที่ราบ โดยรูปแบบการใช้งานนี้จะเน้นไปทางการใช้งานแอพพลิเคชั่นของ Windows เอง หรือเน้นไปทางการดู Youtube หรือชมภาพยนตร์เป็นหลัก พร้อมรองรับการทำงานแบบมัลติทัชได้พร้อมกันมากสุดที่ 10 จุดพร้อมกัน
Tent Mode ค่อนข้างจะคล้ายกับ Stand Mode ก่อนหน้านี้ แต่จะอยู่ในรูปทรงตั้งเครื่องเอาไว้เป็นลักษณะสามเหลี่ยม ใช้ในการวิวดูข้อมูลการแสดงผลหน้าจอเป็นหลัก อีกทั้งยังสามารถจับพาดหรือเกาะกับสิ่งของรอบๆ ได้
Tablet Mode ด้วยการพับหน้าจอกลับแบบ 360 องศา จนฝาหลังและฐานใต้เครื่องมาติดกัน เราก็จะได้แท็บเล็ตที่มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows ซึ่งเรามีความคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เหมาะสำหรับการเอาไว้เล่นเกมหรือดู E-Book อย่างที่แท็บเล็ตอื่นๆ ทั่วไปในตลาดสามารถทำได้
Connector / Thin And Weight
มาดูในส่วนของการเชื่อมต่อกันบ้าง หลักๆ แล้วถือว่ามีความครบครันทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นพอร์ต USB 3.0 จำนวน 2 พอร์ต ไว้สำหรับการเชื่อมต่อกับแฟลชไดร์ฟหรือฮาร์ดดิสก์ภายนอกไว้ถ่ายโอนข้อมูล รวมไปถึงชาร์จสมาร์ทโฟน และพอร์ต USB 2.0 อีก 1 พอร์ตที่ไว้เชื่อมต่อกับเมาส์หรืออุปกรณ์อื่นๆ รวมไปถึงสามารถเชื่อมต่อออกหน้าจอภายนอกได้ง่ายๆ ผ่านทาง HDMI ขนาดมาตรฐาน รวมไปถึงยังมีช่องเชื่อมต่อไมค์และหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร, ช่องอ่าน SD Card ตามสมัยนิยมอีกด้วย นอกเหนือจากส่วนของปุ่มเปิดปิดเครื่องและปุ่มปรับระดับเสียงจะอยู่ด้านข้างตัวเครื่อง ทำให้สามารถใช้งานได้สะดวก
เมื่อเทียบกับขนาดของโน๊ตบุ๊ค 13.3 นิ้วทั่วไปถือได้ว่ามีมิติที่ใกล้เคียง ส่วนน้ำหนักตัวเครื่องอยู่ที่ 1.71 กิโลกรัม และเมื่อรวมกับอแดปเตอร์ที่ชาร์จเข้าไปด้วย ก็จะมีหนักราวๆ 1.9 กิโลกรัมเท่านั้น ก็จัดว่ามีน้ำหนักที่มีความเบามากๆ เลย แน่นอนว่าตอบสนองในเรื่องของการพกพาไปนอกสถานที่ได้อย่างเต็มรูปแบบ สมกับเป็นโน๊ตบุ๊คเน้นประสิทธิภาพในยุคปัจจุบันทีเดียว
Performance / Software
Dell Inspiron 5378 เครื่องรีวิวนี้มาพร้อมกับชิปประมวลผลจาก Intel Core i5-7200U ซึ่งเป็นชิปประมวลผลใช้พลังงานไฟต่ำมาก มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.5 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 2.7 GHz เป็นซีพียูแบบ 2 Core 4 Threads ที่เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลหนักก็รองรับได้อย่างสบายๆ แม้ก็ต้องยอมรับว่าอาจจะสูงกว่าพวก Core i7 ไม่ได้ แต่เรื่องประหยัดพลังงานนั้นไม่เป็นรองใครอย่างแน่นอน มาพร้อมแรมภายในขนาด 8GB ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบายๆ
ด้านของการ์ดจอที่ติดตั้งมาให้จะมีสองตัวด้วยกัน คือการ์ดจอออนบอร์ดจะเป็น Intel HD Graphic 620 สำหรับประมวลผลทั่วไปเช่นดูหนังหรือฟังเพลง รองรับการประมวลผลกราฟิกระดับทั่งไปไม่ว่าจะตัดต่อหนังหรือจะเล่นเกมก็ถือว่าตอบสนองการทำงานได้ดีทีเดียว แม้อาจจะไม่แรงมากเทียบเท่าพวกการ์ดจอแยก แต่ก็พอเพียงกับการใช้งานเล่นเกมประเภทออนไลน์ได้อยู่
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลที่เป็นรหัส U รุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ ไม่น่าเป็นห่วงนัก
ทดสอบการทำงานฮาร์ดดิสก์ความจุอยู่ที่ 1TB ที่ติดตั้งมาให้ด้วยโปรแกรม HD Tune Pro แล้วพบว่าอัตราการถ่ายโอนข้อมูลน้อยสุดที่ 53 MB/s และสูงสุดที่ 135.6 MB/s ทำให้ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 99.8 MB/s ด้วยกัน มีอัตราการเข้าถึงข้อมูลที่ 19.3 ms ซึ่งนับได้ว่าผลทดสอบที่ออกมานั้นมีความน่าประทับใจทีเดียว เรียกได้ว่าจัดอยู่มาตรฐานของฮาร์ดดิสก์
นอกเหนือจากนี้ในส่วนของซอฟต์แวร์ติดเครื่องยังมาพร้อมกับ Wave Maxx Audio ที่เราสามารถจัดการเสียงได้อย่างอิสระในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการดูหนังฟังเพลง จากโปรไฟล์เสียงต่างๆ ที่ค่อนข้างปรับตั้งค่าได้อย่างยืดหยุ่นสุดๆ
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ของ Dell Inspiron 5378 เป็นแบบฝังไว้ในเครื่องเหมือนกับโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นในปัจจุบัน ตัวแบตเตอรี่มีขนาด 3,200 mAh ทำงานต่อเนื่องยาวนานได้ราว 7 ชั่วโมงต่อเนื่องในการใช้งานแบบปกติ (ดูภาพยนตร์และเล่นอินเตอร์เน็ต) และคาดว่าจะทำได้นานยิ่งกว่านั้นปรับเปลี่ยนตามการใช้งานของแต่ละคน ดูแล้วอาจให้ระยะเวลาการทำงานที่ค่อนข้างสั้นกว่าเครื่องอื่นเล็กน้อย ส่วนช่องระบายความร้อนของ Dell Inspiron 5378 จะอยู่ด้านบนบริเวณข้อพับจอด้านหลังตัวเครื่อง
อุณหภูมิปกติของเครื่องจะอยู่ที่ 38 องศาเซลเซียส แต่พอรีดประสิทธิภาพเต็มที่จะเห็นว่าเครื่องจะร้อนที่สุดที่ 90 องศาเซลเซียส นับว่าระบบระบายความร้อนของ Dell Inspiron 5378 เครื่องนี้ทำออกมาได้ดีกว่าโน๊ตบุ๊คเครื่องอื่นๆ ที่เคยทำการรีวิวมาพอควร เพราะความร้อนทั่วไปจะอยู่ที่เพียง 42 องศาเซลเซียส นับว่า Dell Inspiron 5378 เครื่องนี้จัดการระบบระบายความร้อนออกมาได้ดีมากทีเดียว ซึ่งนั่นน่าจะเป็นเพราะชุดระบายความร้อนจาก Dell ที่ดี และชิปประมวลผล Intel รุ่นล่าสุดที่มีมีเทคโนโลยีการผลิตที่เล็กลง
Conclusion / Award
เรียกได้ว่ามีความน่าสนใจจริงๆ สำหรับโน๊ตบุ๊คอีกหนึ่งรุ่นที่ทุกๆ คนให้ความสนใจ อย่าง Dell Inspiron 5378 ที่ต่อยอดความสำเร็จตระกูล Inspiron ได้เป็นอย่างดีกับประเภท 2-in-1 Notebook เพราะมาพร้อมความสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของดีไซน์การออกแบบ ภาพลักษณ์ วัสดุ งานประกอบ รวมไปถึงประสิทธิภาพและประสบการณ์ใช้งาน ที่แม้ว่าอาจจะข้อสังเกตุในเรื่องวัสดุตัวเครื่องที่เป็นเพียงพลาสติกเท่านั้น แต่เอาเข้าจริงงานก็คุณภาพอยู่ ตามมาตรฐาน Dell อีกทั้งยังไม่รองรับ SSD M.2 ตรงนี้ทำให้เวลาที่อัพเกรดคงต้องถอดฮาร์ดดิสก์ลูกเดิมออกก่อน แล้วค่อยใส่ SSD แบบ mSATA ไปแทน
โดยสนนเริ่มต้นที่ 27,990 บาท สำหรับรุ่น Core i5 ความละเอียดหน้าจอ Full HD ส่วนรุ่น Core i7 ก็สนนราคาที่ 35,990 บาท ซึ่งเหนือกว่าในเรื่องชิปประมวลผล แต่ส่วนอื่นๆ ก็เหมือนกันหมด ส่วนตัวแล้วแนะนำว่าถ้างบถึงตัว Core i7 ก็จัดรุ่นนี้จะดีกว่าจะได้ไม่ค้างคาใจ (หรือถ้าแค่ Core i5 แล้วเก็บเงินส่วนนึงไว้อัพเป็น SSD ก็จะดีอีกแบบ) แม้ว่าจะมีราคา Dell Inspiron 5378 จะมีราคาที่สูงกว่าโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ แต่ก็เหนือกว่ารุ่นอื่นๆ ด้วยการที่ตัวเครื่องมีขนาดเล็ก เน้นพกพาสะดวก อีกทั้งสามารถใช้งาน 2-in-1 Notebook ได้ รวมไปถึงก็มีน้ำหนักเบากว่าด้วย เพียง 1.71 กิโลกรัมและบางเพียง 19.5 มิลลิเมตรเท่านั้น
เอาเป็นว่าใครกำลังมองหาโน๊ตบุ๊ค ที่เน้นประสบการณ์ใช้งานที่เหนือระดับโดยไม่กังวลในเรื่องของราคาค่าตัวเมื่อเทียบกับสเปกความแรงล่ะก็ Dell Inspiron 5378 น่าจะตอบโจทย์การใช้งานได้เป็นอย่างดีทีเดียวครับ แต่ก็น่าเสียายเล็กน้อยที่ยังไม่มีพอร์ต USB 3.1 Type-C มาให้
จุดเด่น
- เป็น 2-in-1 Notebook ใช้งานหลากหลาย
- ตัวเครื่องบางเบาพกพาสะดวก เพียง 1.71 กิโลกรัมและบางเพียง 19.5 มิลลิเมตร
- หน้าจอมีความละเอียดสูงระดับ Full HD 1920 x 1080 พิกเซล
- พาเนลหน้าจอ IPS มีคุณภาพสูง พร้อมเทคโนโลยี Truelife
- ประสิทธิภาพดีด้วยชิปประมวลผล Intel รุ่นล่าสุด
- พอร์ตการเชื่อมต่อครบครัน แม้จะเป็นโน๊ตบุ๊คบางเบา
- มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 10
- ฟีเจอร์ Windows Hello โดยให้ล็
อกอินเข้าเครื่องโดยไม่ต้องใช้ พาสเวิร์ด - ประกันถึง 2 ปี มาพร้อม On-site Service มาตรฐาน Dell
ข้อสังเกตุ
- ราคาสูงกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปในสเปกใกล้เคียงกัน
- ไม่มีพอร์ต USB 3.1 Type-C ติดตั้งมาให้
- ไม่รองรับการอัพเกรด SSD M.2
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 13 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง Dell Inspiron 5378 ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ Inspiron มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน Dell Inspiron 5378 ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามโฉบเฉี่ยวเป็นเอกลักษณ์ ดูแล้วเรียบหรูตามสไตล์คนรุ่นใหม่ แถมยังบางเบาสุดๆ ด้วย ซึ่งในจุดของรูปร่างหน้าตาก็เป็นสิ่งที่หลายๆ คนยอมรับกันอยู่ในระดับหนึ่งอยู่แล้ว
Best Mobility
ส่วนของความสามารถในการพกพาก็ยังคงอยู่ในระดับที่ดีตามสไตล์ของโน้ตบุ๊ตที่เน้นความบางเบา ทั้งในความบางเพียง 19.5 มิลลิเมตร และน้ำหนักเบา 1.71 กิโลกรัม ที่ทำให้สามารถหิ้วไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องการจับถือมากนัก สามารถพับฝาจอลงแล้วเก็บเครื่องได้ทันที อแดปเตอร์ก็ทำออกมาให้มีขนาดที่ไม่ใหญ่มากนัก พกพาสะดวก รวมน้ำหนักแล้วยังไม่ถึง 1.9 กิโลกรัม เหมาะมากๆ กับคนที่ทำงานนอกสถานที่บ่อยๆ