ในงาน CES 2017 ที่ผ่านมานี้นั้นผู้ผลิตโน๊ตบุ๊คทั้งรายใหญ่รายย่อยต่างนำเอาโน๊คบุ๊คสำหรับการเล่นเกมที่ตัวเองพัฒนาไปให้ผู้เข้าชมงานได้เห็นได้สัมผัสกันครับ แน่นอนว่าด้วยการเป็นโน๊ตบุ๊คสำหรับการเล่นเกมดังนั้นเรื่องสเปคของมันนั้นจึงแรงแซงโค้งได้อย่างไม่ต้องเป็นห่วงอะไรมากเท่าไรนัก ทว่าในเรื่องของดีไซน์ของตัวเครื่องนี่สิครับ ที่นับวัน นับเดือนและนับปีผ่านไปมากเท่าไร ดีไซน์ของตัวเครื่องโน๊ตบุ๊คสำหรับการเล่นเกมก็ยิ่งสวนทางกับสเปคที่สุดแรงของมันครับ
หมายเหตุ – บทความแปลนี้ต้นฉบับเป็นความคิดเห็นของคุณ Vlad Savov บรรณาธิการของ TheVerge เพียงคนเดียวเท่านั้น ดังนั้นความคิดเห็นในบทความนี้อาจจะไม่ตรงกับความเห็นของท่านผู้อ่านบางคนก็เป็นได้ครับ
Vlad บอกว่าตอนนี้รอบๆ ตัวเรานั้นเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวายและไม่มีความเป็นระเบียบเลยแม้แต่น้อยตั้งแต่เรื่องของการเมือง(ซึ่งเราจะไม่ยุ่งเรื่องนี้ครับ) ไปจนถึงเรื่องวิกฤตเศรษฐกิจที่ต่างสร้างความปวดร้าวมาอย่างต่อเนื่อง ทว่าสำหรับคนที่อยู่ในแวดวงเทคโนโลยี(โดยเฉพาะในสหรํฐอเมริกา) นั้นทุกๆ 1 ปีจะมีงานทางด้านเทคโนโลยีที่เอาไว้คอยให้ความสุขแก่ตัวเองซึ่งงานดังกล่าวนั้นก็คืองาน CES ที่มีการจัดมาาอย่างยาวนาน ทว่าในปี 2017 นี้นั้นทุกอย่างมันเหมือนกับพังทลายไปหมดโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับดีไซน์ของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่จะว่าไปแล้วผู้ที่ก่อให้เกิดดีไซน์ที่ไม่ควรจะเปิดแบบนี้เกิดขึ้นมาได้ก็คือพวกเราๆ ท่านๆ นี่เองนั่นแหละครับ
สำหรับ Vlad แล้วนั้นกลุ่มของเทคโนโลยีที่เขาชอบมากที่สุดเลยก็คือกลุ่มเทคโนโลยีและฮาร์ดแวร์สำหรับการเล่นเกมครับ แต่ว่าเกือบจะทศวรรษที่ผ่านมานี้นั้นเทคโนโลยีเพื่อการเล่นเกมเหมือนกับจะย่ำอยู่กับที่ ไม่ว่าจะเป็นการพยายามทำตัวเครื่องให้มีดีไซน์เหมือนกับรถสปอร์ตราคาแพงชื่อดังหรือว่าจะเป็นการเติมไฟ LED ให้ส่องสว่างเต็มเครื่องไปหมดเสมือนว่าออกมาจากภาพยนตร์เรื่อง Tron ที่มีอายุนานมากกว่า 20 ปีแล้วก็ตาม ซึ่งไสตล์รูปแบบนี้นั้นสืบทอดกันมาโดยตลอดอย่างเช่นโน๊ตบุ๊คเพื่อการเล่นเกมซีรีส์ใหม่ของทาง Samsung อย่าง Odyssey และ Lenovo กับซีรีส์ Legion ที่เหมือนจะพยายามสร้างความแตกต่างแต่ในตอนท้ายแล้วก็ไม่ได้แตกต่างแต่อย่างใดครับ
สิ่งแรกที่ผิดถนัดเลยกคือการดีไซน์ในสิ่งที่ไม่ตอบโจทย์เวลาที่เห็นตัวเครื่องทันทีครับ ตัวอย่างเช่น Lenovo Legion ที่คุณจะเห็นสิ่งที่คล้ายตะแกรงแดงบนคีย์บอร์ดเชื่อมไปถึงส่วนบานพับ(รูปบนสุดของบทความ) เชื่อว่าหลายๆ ท่านน่าจะคิดตรงกันว่ามันคือช่องสำหรับระบายอากาศ, รูสำหรับเสียงลำโพงอกหรือช่องสำหรับใช้งานในรูปแบบอื่นๆ ซึ่งสิ่งที่คุณคิดมานั้นผิดครับเพราะมันเป็นแค่ช่องตกแต่งเพื่อความสวยงามเฉยๆ เท่านั้นไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลยครับ
มาทาง Samsung กันบ้างครับกับซีรีส์ใหม่อย่าง Odyssey ที่จุดเด่นที่สุดนั้นคงหนีไปไม่พ้นจาก Touchpadที่มาพร้อมกับกรอบไฟ LED สวยสะดุดตาแต่ไม่สามารถที่จะช่วยให้การทำงานดีขึ้นได้เลยแถมถ้าใช้งานในที่มืดๆ ด้วยแล้วยิ่งส่องแสงมาแยงตาให้ปวดตาเล่นอีกซะงั้นตามด้สนช่องทางข้างๆ ของตัว Touchpad ที่มาในรูปแบบของกรอบโปร่งใส่ซึ่งมันพร้อมที่จะสร้างลายนิ้วมือของคุณให้ทุกครั้งที่คุณเผลอไปกดมัน และก็แน่นอนหล่ะครับว่าการที่มันสามารถแสดงลายนิ้วมือได้ย่อมไม่ใช่ผลดีต่อการใช้งานอย่างแน่นอน
Vlad นั้นยอมรับได้ครับถ้าโน๊ตบุ๊คเพื่อการเล่นเกมนั้นจะมีการเปลี่ยนรูปแบบดีไซน์ไปจากเดิมบ้าง อย่างไรก็ตามแต่ดีไซน์ตัวเครื่องที่เขารับได้นั้นก็มีข้อจัดกัดอยู่ว่าด้วยเรื่องของการใช้งานที่เป็นประโยชน์ของตัวดีไซน์ที่ได้เกิดขึ้นมา ทว่ากับเรื่องนี้นั้น Lenovo และ Samsung ได้แสดงให้เขาได้เห็นแล้วว่าการเพิ่มดีไซน์บางส่วนเข้ามาบนตัวเครื่องนั้นก็เพื่อการสร้างมุมให้กับตัวเครื่องได้มีมิติโดยที่ไม่จำเป็นว่าเราจะต้องใช้งานมันก็ได้ครับ อีกอย่างที่ต้องคอยตามต่อไปก็คือฟีเจอร์ปุ่ม “Beast Mode” ที่ทาง Vlad ไม่ชอบถึงขั้นทวงถามทาง Samsung จนทาง Samsung บอกว่าจะมีการเปลี่ยนชื่อในเวอร์ชันวางจำหน่ายจริงแน่นอนครับ
Vlad ใช้เวลาอยู่กับโน๊ตบุ๊คทั้ง 2 รุ่นจากทั้งทาง Samsung และ Lenovo อยู่นานครับ เขาทั้งจับ ทั้งลอง ฯลฯ ทำทุกอย่างเท่าที่ทางเจ้าหน้าที่จะอนุญาตให้ทำได้ อย่างไรก็ตามแต่แล้วเขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าตัวเขาถ่ายภาพดีเกินไปหรือว่าโน๊ตบุ๊คทั้ง 2 รุ่นนั้นมีพลังพิเศษจึงทำให้เมื่อถ่ายรูปออกมาแล้วนั้นดูดีกว่าของจริงเป็นอย่างมากทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงแล้ววัสดุที่ใช้ในการประกอบโน๊ตบุ๊คทั้ง 2 รุ่นนั้นดูไม่แพงเป็นพลาสติกถูกๆ แถมยังดูเหมือนกับจะพังเอาง่ายๆ อีกด้วยครับ
เรื่องงานประกอบนั้นทาง Lenovo โดนไปเต็มๆ เลยหล่ะครับ Vlad บอกว่า Lenovo ทำเอาไว้ดีอย่างมากกับเรื่องความแข็งแรงทนทานของโน๊ตบุ๊คโดยเฉพาะซีรีส์ ThinkPads ซึ่ง Legion เองนั้นก็ได้รับสืบทอดมาด้วยเหมือนกันกับการใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ ส่วนทางฝั่ง Samsung นี้นั้นเลือกใช้แมกนีเซียมอัลลอยมาทำโน๊ตบุ๊คที่มีขนาดเบามากที่สุดในโลก(Samsung Notebook 9) แต่กับ Odyssey นั้นกลับเหมือนมีทีมออกแบบคนละทีมกัน(พูดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คจากคนละบริษัทยังเชื่อเลยหล่ะครับ)
Vlad ให้ความเห็นว่าตอนนี้วงการคอมพิวเตอร์กับวงการสมาร์ทโฟนนั้นสลับตำแหน่งในเรื่องของวัสดุการประกอบไปเรียบร้อยแล้วครับ เขาเองรู้สึกว่าเมื่อ 2 – 3 ปีที่แล้วนั้นสมาร์ทโฟนระดับเรือธงไม่ได้มีมูลค่าเท่ากับราคาที่จำหน่าย กลับกันในตอนนี้นั้นเขารู้สึกว่าคอมพิวเตอร์สำหรับการเล่นเกมก็มีมูลค่าในตัวมันไม่เท่ากับที่ควรจะจ่ายออกไปจริงๆ เหมือนกัน ถึงแม้ว่าคอมพิวเตอร์เพื่อการเล่นเกมในปัจจุบันนี้มีการพัฒนาขึ้นบ้างอย่างเช่นการใช้ไฟส่องสว่าง LED ที่คีย์บอร์ด แต่ในท้ายที่สุดมันก็กลับกลายเป้นเรื่องที่มากจนเกินความจำเป็นและก่อให้เกิดความน่ารำคาญแทนครับ
เพื่อหาความจริงที่ว่าทั้งวงการคอมพิวเตอร์สำหรับการเล่นเกมนั้นใช้เรื่องไฟ LED เพื่อการส่องสว่างรวมไปถึงเรื่องอื่นๆ ซ้ำๆ กันมากจนกลายเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะทำรึเปล่านั้นทาง Vlad ได้ไปสอบถามกับแต่ละบูธที่มาออกงาน CES 2017 ที่ผ่านมานี้และเขาต้องตกใจกับคำตอบครับเพราะว่าโดยส่วนใหญ่แล้วนั้นผู้ผลิตตอบเป็นเสียงเดียวกันเรื่องการใช้ไปส่องสว่าง LED นั้นมีมากจนเกินไปและในบางจุดก็ไม่เหมาะสม แถมไฟส่องสว่าง LED นั้นก็ต้องมาในรูปแบบของไฟหลากสีด้วยอีกต่างหาก จะเรียกว่าทุกๆ คนเขาทำกันเราทำบ้างก็ไม่แปลกก็ว่าได้ครับ
ที่น่าตกใจไปกว่านั้นก็คือจากคำถามดังกล่าวนั้นทาง Vlad ได้ถามหาสาเหตุด้วยที่ว่าทำไมบรรดาผู้ผลิตถึงทำตามกันออกมาเป็นพิมพ์เดียวกันขนาดนี้ คำตอบที่ได้นั้นคือ “มันเป็นความต้องการของผู้ใช้” ใช่แล้วครับที่ผู้ผลิตทำทั้งหมดบนเครื่องคอมพิวเตอร์สำหรับเล่นเกมนั้นก็เนื่องมาจากว่ามันเป็นความต้องการของเราๆ ท่านๆ เอง ซึ่งนั่นก็เลยทำให้ผู้ผลิตผลิตโน๊ตบุ๊คเพื่อการเล่นเกมออกมาเหมือนมีแม่พิมพ์อันเดียวกันอย่างนี้ครับ ดังนั้นแล้วคนที่จะเปลี่ยนเรื่องดังกล่าวนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากพวกเราๆ ท่านๆ เองครับ ว่าแต่คุณๆ พร้อมที่จะสร้างความแตกต่างให้กับวงการโน๊ตบุ๊คสำหรับการเล่นเกมแล้วรึยังครับ
ที่มา : theverge