ผมเชื่อว่าหลายๆ ท่านน่าจะเคยได้ดูซีรีส์สืบสวนสอบสวนชื่อดังอย่างเช่น CSI หรือไม่ก็ภาพยนตร์สืบสวนสอบสวนหลายๆ เรื่องกันมาบ้างนะครับ สิ่งหนึ่งที่เราเห็นบ่อยในสื่อที่เน้นเรื่องของการสืบสวนสอบสวน(อย่างเรื่อง CSI หรือไม่ก็ Mission Impossible) ก็คือการที่ฝ่ายนักสืบนั้นจะได้ภาพจากที่เกิดเหตุซึ่งเห็นหน้าผู้ร้ายไม่ชัดมากนักจึงต้องใช้การซูมเข้าไปให้ลึกขึ้นเพื่อที่จะดูให้ชัดแล้วก็ทำการปรับภาพให้ชัดเจนจนพอดูออกว่าคนร้ายน่าจะเป็นใคร ซึ่งบอกเลยครับว่าเทคโนโลยีดังกล่าวนี้ในอดีตมาจะต้องใช้คนช่วยปรับแต่งซึ่งอาจจะเกิดความผิดพลาดได้ครับ
คงต้องขอบคุณปัญญาประดิษฐ์ในปัจจุบันที่มาพร้อมกับความสามารถแบบ Machine Learning ที่ทำการเรียนรู้ในส่วนของความแตกต่างและเสมือนของภาพจากหลายๆ ที่มาอย่างมากมายจนทำให้เทคนิคดังกล่าวที่พูดไปในตอนต้นหรือที่เขาเรียกกันว่า “Zoom and Enhance” เป็นจริงขึ้นมาได้แบบอัตโนมัติและที่สำคัญกว่านั้นก็คือมันสามารถทำงานได้ดีจนน่าตกใจมากเลยทีเดียวหล่ะครับ
งานดังกล่าวนี้นั้นไม่ใช่ของใครที่ไหนครับเพราะว่าผู้ที่จัดการปัญญาประดิษฐ์จนสามารถที่จะทำงานเช่นนี้ได้ก็คือ Google นั่นเองครับ Google ได้ให้ชื่อเทคนิคดังกล่าวนี้เอาไว้ว่า RAISR (rapid and accurate image super-resolution) ซึ่งตามหลักการทำงานนั้นเจ้าซอฟต์แวร์ดังกล่าวนี้จะทำการเรียนรู้เกี่ยวกับขอบของภาพที่บางส่วนของภาพที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในสีและความสว่างการของการไล่ระดับสีดังรูปต่อไปนี้เป็นต้นครับ
หลังจากที่ตัวซอฟต์แวร์นี้ได้เรียบรู้ขอบของภาพในระดับต่างๆ ไปแล้วนั้น มันก็จะทำการสร้างขอบเสมือนขึ้นมาใหม่ซึ่งนี่เป็นกรรมวิธีที่แตกต่างไปจากกรรมวิธีเดิมๆ ที่เราเคยใช้เป็นส่วนประกอบของ machine learning เก่าๆ ที่ทำงานในลักษณะเดียวกันอย่างกรรมวิธีที่มีชื่อว่า super-sampling หลังจาก RAISR เรียนรู้ขอบแล้วนั้นส่วนของ machine learning ก็จะทำการสร้างภาพขึ้นมาใหม่เติมเข้าไปยังภาพที่มีความละเอียดน้อยกว่า(ซึ่งในที่นี้ก็คือภาพที่เราซูมเข้าไปนั่นเองครับ)
ตัวอย่างการสร้างภาพใหม่ของ RAISR
ทั้งนี้นั้นซอฟต์แวร์ RAISR จะได้ออกโรงเหมือนกับในซีรีส์หรือภาพยนตร์สืบสวนสอบสวนจริงๆ หรือไม่นั้นยังคงมีองค์ประกอบหนึ่งที่ต้องผ่านไปให้ได้ก่อนนั่นก็คือการรองรับให้ภาพที่เกิดจาก RAISR นั้นสามารถใช้งานในศาลได้อย่างแท้จริงๆ ส่วน ณ ตอนนี้นั้นถามว่าซอฟต์แวร์ RAISR นั้นจะสามารถทำประโยชน์อะไรได้บ้างนั้นคงต้องตอบว่าน่าจะใช้ทางด้านการพาณิชย์มากกว่าอย่างเช่นใช้ในการ up-scaling ภาพยนตร์ที่มีความละเอียดต่ำๆ มาเป็นภาพยนตร์ฺความละเอียดสูงกว่าเดิมเช่น 1080P, 4K หรือไม่ก็อาจจะได้ถึงระดับ 8K หล่ะครับ
ที่มา : techpowerup