เมืองหรือสิ่งปลูกสร้างเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยครับกับการพัฒนาเกม ๆ หนึ่งขึ้นมาเพราะเป็นเหมือนเวทีที่ให้ตัวละครของเราเข้าไปโลดแล่นหรือมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นและเมืองที่ดีก็ต้องเป็นเมืองที่ให้บรรยากาศความสมจริงและสถาปัตยกรรมที่สวยงามไปด้วยแต่เกมเหล่านั้นจะได้ถูกจัดอันดับจาก PCGAMER หรือไม่หรือตรงใจเพื่อน ๆ แค่ไหนเรามาดูกันดีกว่า
11.Baldur’s Gate (Baldur’s Gate)
เป็นเกมเก่าแก่เกือบยบโบราณเลยทีเดียวที่มากับกราฟิกที่ไม่สวยเท่าไหร่นักแต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับบรรยากาศที่ให้กลิ่นอายโลกแฟนตาซีเวทย์มนต์แบบเต็มเหนี่ยวพร้อมกับตัวเมืองที่เปิดให้ผู้เล่นได้เดินทางสำรวจหรือทำเควสและการตอบสนองของเหล่าประชาชนในเมืองก็ทำให้รู้สึกเลยว่าเมืองที่เราอยู่นั้นเหมือนในชีวิตจริงเลย
10.Dunwall (Dishonored)
เมือง Dunwall จะมีรูปลักษณ์มาจากจักรวรรดิอังกฤษในยุควิคตอเรียนแต่เป็นในเวอร์ชั่นดาร์กผสมผสานสถาปัตยกรรมแบบโกธิคและเทคโนโลยีเครื่องจักรไอน้ำก็ทำให้เมือง Dunwall แห่งนี้เต็มไปด้วยความเก่าแก่และทันสมัยไปในตัวจึงทำให้ผู้เล่นไม่รู้สึกเบื่อหน่ายเมื่อเล่นเกม ๆ นี้
9.Novigrad (The Witcher 3: Wild Hunt)
เป็นเมืองที่มีความสมบูรณ์ในทุก ๆ ด้านสทั้งธรรมชาติรอบ ๆ เมืองหรือสิ่งก่อสร้างที่สวยงามมีมนต์เสน่ห์แม้ว่าตัวเกมจะเน้นเดินทางไปมาระหว่างเมืองมากแต่ Novigrad จัดว่าสวยงามที่สุดและน่าจะเป็นที่ชื่นชอบแก่ผู้เล่นที่ชอบสำรวจทางอีกด้วย
8.Paradise City (Burnout Paradise)
แม้จะเป็นเกมแข่งรถเอามันส์แต่เรื่องของเมืองบรรยากาศก็ได้รับการใส่ใจเหมือนกันกับเมือง Paradise ที่เต็มไปด้วยตึกรามบ้านช่องหรือแท่นกระโดดที่ให้เหินฟ้าท้าความตายกันอีกทั้งยังมีธรรมชาติล้อมรอบในบางส่วนของพื้นที่จึงให้ความหลากหลายมากราวกับขับรถอยู่บนสวรรค์ตามชื่อเมืองเลยทีเดียว
7.Rapture (Bioshock)
ถ้ามีการจัดอันดับเมืองแล้วล่ะก็ Rapture จาก Bioshock จะต้องติดโผอย่างแน่นอนนั่นก็เพราะบรรยากาศในเกมที่ให้ความรู้สึกกดดันเล่นกับความกลัวของมนุษย์ได้ดีมีสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานความเป็นยุค 60 และเทคโนโลยีสมัยใหม่ได้อย่างลงตัวสมกับเป็นเมืองที่ได้ขึ้นชื่อว่า Utopia ใต้น้ำ
6.Chernogorsk (Day Z)
เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดใน Day Z ที่มีจุดเด่นคือเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยซากปรักหักพังบ่งบอกได้เลยว่ามันเคยเป็นเมืองที่ยิ่งใหญ่มาก่อนนอกจากนี้ภายใต้ซากตึกก็ยังแฝงไปด้วยความน่ากลัวของซอมบี้หรือพวกผู้เล่นด้วยกันที่แอบดักปล้นเสบียงคนอื่นจึงเรียกว่าเมือง Chernogorsk เป็นเมืองที่น่ากลัวมาก ๆ เมื่อเดินคนเดียว
5.The City (Thief 2)
สำหรับเมืองที่ชื่อ The City นั้นมีจุดเด่นที่บรรยากาศเมืองที่อึมครึมเน้นความมืดเป็นหลักแต่นั่นก็ทำให้เหมาะกับเกมที่เราต้องเป็นโจรคอยลอบเร้น มีสิ่งก่อสร้างสไตล์โกธิคพร้อมกับสถานที่พวกลานกว้างตรอกถนนดาดฟ้าให้โลดแล่นและเมื่อบวกกับบรรยากาศที่มืดมนแล้วยิ่งทำให้ The City เป็นเมืองที่ลึกลับแต่ก็มีเสน่ห์ที่น่าดึงดูดไปในตัว
4.Hell’s Kitchen (Deus Ex)
Hell’s Kitchen เป็นย่านเสื่อมโทรมในนครนิวยอร์กที่ถูกถ่ายทอดลงใน Deus Ex ได้เหมือนจริงมากไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศหรือสิ่งก่อสร้างที่เต็มไปด้วยตึกที่แออัดถึงแม้ว่ากราฟิกจะคร่ำครึไปหน่อยแต่สิ่งที่ได้มาแบบเต็ม ๆ คือบรรยากาศกลิ่นอายของย่านเสื่อมโทรมซึ่งใครที่เคยอาศัยอยู่ในเขตนั้นก็จะอินไปกับมันได้ไม่ยาก
3.Lindblum (Final Fantasy 9)
เป็นอีกเมืองที่เป็นเอกลักษณ์น่าสนใจทีเดียวซึ่งเมือง Lindblum แห่งนี้จะตั้งอยู่บนภูเขาสูงพร้อมกับมีปราสาทตั้งตระหง่านอยู่ตรงใจกลางเมืองจนทำให้ Lindblum เป็นเมืองในอุดมคติของเกม RPG หลาย ๆ เกม นอกจากนี้ถ้าหากลองเดินรอบเมืองก็จะพบกับความอลังการและรูปแบบการวางฟังเมืองที่แปลกตามีถนนสำคัญถึง 3 เส้นทำให้ต่อให้เดินรอบเมืองเฉย ๆ ก็ฟินแล้ว
2.The City (Mirror’s Edge)
เมืองใน Mirror’s Edge จะต่างจากเกมอื่นโดยเป็นความเรียบง่ายที่แฝงไปด้วยความงามสภาพโดยรอบจะเน้นสีขาวให้ความรู้สึกสะอาดโล่งสบายตามากแต่ถ้ามองให้ดี ๆ บรรดาตึกทั้งหลายจะเต็มไปด้วยสิ่งกีดขวางกำแพงอุปสรรคที่ท้าทายให้ผู้เล่นกระโดดหลบหรือวิ่งข้ามมันไปดังนั้นแล้วมันจึงเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยความเรียบง่ายงดงามและท้าทาย
1.Los Santos (GTA 5)
เดินทางมาที่อันดับหนึ่งกันเสียทีกับเมืองที่กว้างใหญ่ไพศาลใน GTA 5 เมืองที่ไม่เคยหลับไหลและเต็มไปด้วยชีวิตเราจะได้เห็นวิถีชีวิตของประชาชนผู้คนที่พลุกพล่านรถราวิ่งไปมาราวกับของจริงหรือมุมมืดของเมืองอย่างเหล่าโฮมเลสหรืออันธพาลที่ทำให้รู้สึกว่า Los Santos ได้ยกชีวิตจริง ๆ มาไว้ในเกมได้อย่างสมบูรณ์แบบไร้ที่ติเลยทีเดียวครับ
ที่มา: PCGAMER