เชื่อได้เลยว่า Pokemon Go Plus เป็นอุปกรณ์ที่เทรนเนอร์ทุกคนต้องอยากได้ไว้ครอบครองแน่ ๆ เพราะจากข้อมูลที่ปล่อยออกมานั้นจะสามารถช่วยให้จับโปเกม่อนได้สะดวกขึ้นไม่ต้องเสียเวลาควักมือถือบ่อย ๆ ด้วยแต่สิ่งที่ว่าก็ยังเป็นแค่ข้อมูลทำให้ต้องจินตนาการกันไปก่อนแต่ล่าสุดที่ต่างประเทศก็ได้วางจำหน่ายอุปกรณ์ที่ว่าแล้วครับ
เมื่อมีการวางจำหน่ายก็ต้องมีการทดลองใช้งานฉะนั้นแล้วในวันนี้เราจะมาดูกันครับว่าเจ้า Pokemon Go Plus ตัวเป็น ๆ มันจะมีรูปร่างหน้าตาอย่างไรมีการใช้งานยากง่ายหรือไม่และมันคุ้มค่ากับราคาที่ต้องเสียไปหรือเปล่ามาดูกันเลย
สำหรับตัวกล่อง Pokemon Go Plus จะมาเป็นกล่องสีเหลี่ยมผืนผ้าขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่นักด้านหน้าจะเผยหน้าตาคร่าว ๆ และด้านหลังก็จะบอกรายละเอียดสินค้าเบื้องต้นและเมื่อแกะกล่องออกมาก็จะพบกับกระดาษคู่มือและตัวอุปกรณ์ที่แบ่งเป็นสองส่วนคือตัว Pokemon Go Plus และสายรัดข้อมือครับ
ทำไมถึงต้องมีสายรัดข้อมือแยกออกมาไม่ติดมากับตัวอุปกรณ์เลยนั่นก็เพราะว่าเพื่อความหลากหลายในการติดตั้งครับเพราะด้านหลังของอุปกรณ์จะเป็นคลิปหนีบดังนั้นเราสามารถนำไปเหน็บที่อื่นได้ไม่จำเป็นต้องรัดกับข้อมือซึ่งอันนี้ก็ตามแต่สะดวกของผู้เล่นแต่ละคนครับแต่ถ้าอยากใช้กับสายรัดข้อมือก็ติดตั้งง่ายใช้งานเหมือนสวมนาฬิกาข้อมือเลยครับ
มาดูในส่วนของตัวอุปกรณ์หลักกันก็จะมีหน้าตาเหมือนกับ Pokeball แต่มาในรูปทรงคล้าย ๆ หยดน้ำตรงกลางจะเป็นไฟแสดงผล LED Multi-Colour สามารถกดปุ่มได้ มีขนาดเล็กพกพาง่ายแต่เสี่ยงต่อการทำหายถ้าไม่ได้ติดตั้งกับสายรัดข้อมือแต่โดยรวมแล้วเป็นการออกแบบที่เรียบง่ายใช้งานไม่ยากและอย่าลืมว่าต้องเปิดเกมบนมือถือและซิงค์กันก่อนถึงจะใช้ได้
ส่วนการใช้งานก็ไม่ยากครับโดยการทำงานหลักของมันคือมันจะแสดงสถานะออกมาเป็นแสงสีต่าง ๆ ตรงกลางอุปกรณ์ซึ่งสามารถจำแนกสีตามสถานะต่าง ๆ ดังนี้
- สีเขียว – เจอโปเกม่อนบริเวณนั้น
- สีขาวกระพริบ 3 ครั้ง – อยู่ในช่วงจับโปเกม่อน
- สีฟ้า – เจอ Pokestop
- สีรุ้ง+สั่น – จับโปเกม่อนได้
- สีแดง – จับโปเกม่อนไม่ได้/โปเกม่อนวิ่งหนี
เพื่อความเข้าใจให้มากขึ้นเราจะมาดูตัวอย่างการทำงานเป็นขั้นตอนอีกครั้งครับยกตัวอย่างเช่นถ้าเจอโปเกมอนจะมีไฟแสดงเป็นสีเขียว –> กดปุ่มตรงกลาง –> ไฟสีขาวกระพริบ 3 ครั้ง –> ไฟสีรุ้ง (จับได้) หรือ ไฟสีแดง (จับไม่ได้) แต่ถ้าหากเจอ Pokestop จะแสดงไฟสีฟ้า –> กดปุ่มตรงกลาง –> จะได้รับโปเกบอลหรือไอเท็มตามปกติ
ข้อดีของมันก็คือเราไม่ต้องควักมือถือดูตลอดเวลาครับสามารถประหยัดแบตเตอรี่ได้เยอะเลยทีเดียวและที่สำคัญการจับโปเกม่อนด้วย Pokemon Go Plus จะจับได้เฉพาะโปเกม่อนที่เราเคยจับมาก่อนแล้วและไม่สามารถจับโปเกม่อนตัวใหม่ที่ไม่มีในรายชื่อ Pokedex ได้ฉะนั้นมันจึงเหมาะสำหรับการจับพวก นก , หนู , หนอน เอาไว้ Evolve ปั๊มค่า XP อย่างมากครับ
**นอกจากนี้เราสามารถดูประวัติการจับหรือเก็บ Pokestop ได้บนมือถือครับ**
อย่างไรก็ดีประสิทธิภาพของมันก็ยังมีดีกว่านั้นเมื่อใช้ร่วมระบบ Buddy เพราะ Pokemon Go Plus สามารถตรวจจับการเคลื่อนไหวของผู้ใช้ได้ดีกว่าเดินถือมือถือและรวมไปถึงการฟักไข่ด้วยซึ่งทั้งหมดเราก็จะได้จำนวนระยะทางที่แม่นยำกว่าเดิม
แม้ข้อดีของมันจะเน้นที่ความสะดวกแต่มันก็มีข้อเสียบางประการครับอย่างเช่นการจับโปเกม่อนเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าโปเกม่อนที่เจอในขณะนั้นเป็นตัวอะไรเพราะตัวอุปกรณ์จะแสดงแค่สัญญาณไฟเท่านั้นพร้อมกับตัวแสงสีของไฟเองก็เป็นอุปสรรคพอสมควรในเวลาเดินกลางแดดกลางแจ้งทำให้มองไม่ชัดว่ามันกำลังแสดงผลเป็นไฟสีอะไร
ข้อเสียอีกอย่างที่หลาย ๆ คนอาจจะต้องผิดหวังก็คือเราสามารถใช้ Pokeball แบบธรรมดาในการจับเท่านั้นพวก Great Ball หรือ Ultra Ball หมดสิทธิ์ใช้งานจึงเป็นอุปสรรคเมื่อเวลาเจอโปเกม่อนระดับสูงทำให้มีโอกาสจับพลาดหรือวิ่งหนีและถ้าเกิดพลาดเราก็ไม่สามารถจับอีกครั้งได้อีกด้วย
มาดูในส่วนของราคากันบ้างที่ราคาต่างประเทศจะอยู่ที่ £35 หรือประมาณ 1,600 บาทซึ่งพอ ๆ กับ Pokemon Sun and Moon ของเครื่อง 3DS เลยทีเดียวแต่เมื่อเทียบกับประสิทธิภาพการใช้งานจริงบวกกับการดีไซน์ก็จัดว่าน่าซื้อน่าใช้อยู่เหมือนกันครับเพราะ Pokemon Go Plus สามารถประหยัดแบตเตอรี่มือถือได้มากและสะดวกต่อการไม่ต้องควักมือถือเข้า-ออก
สรุปกันอีกทีแม้ว่า Pokemon Go Plus จะมีข้อจำกัดในเรื่องมองไม่เห็นตัวโปเกม่อน , Pokeball และทัศนวิสัยเมื่อเล่นกลางแดดแต่มันก็ช่วยในเรื่องของการเซฟแบตมือถือ , ช่วยฟักไข่-Buddy แถมการออกแบบของมันก็ใช้ง่ายดูดีใส่เป็นเครื่องประดับเก๋ ๆ ดูไม่เชยและใครที่เป็นพวกเทรนเนอร์ฮาร์ดคอร์แล้วควรอย่างยิ่งที่จะสอยอุปกรณ์ตัวนี้มาไว้ในครอบครองครับ
ที่มา: vg247