Steam ก็เป็นแพลตฟอร์มจำหน่ายเกมที่มีความนิยมมากในปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นเกมที่หลากหลายหรือมีโปรโมชั่นลดราคาทำให้เกมเมอร์หลังหักโผล่มาตลอดแต่ทราบหรือไม่ว่าอายุขัยของมันซึ่งในปีนี้หากย้อนอดีตไปก็จะครบ 13 ปีพอดีครับและในโอกาสนี้ก็ขอมาย้อนอดีตดูกันว่าเมื่อช่วงแรกเริ่ม Steam มีหน้าตาอย่างไรและมีพัฒนาการจนถึงยุคปัจจุบันมากน้อยแค่ไหนกันบ้าง
2003
ในปี 2003 วันที่ 12 กันยายน ก็เป็นวันถือกำเนิดของ Steam อย่างเป็นทางการที่มีหน้าตาค่อนข้างเรียบง่ายด้วยโทนสีเทา-เขียวเป็นหลักแต่เกมในสมัยนั้นก็ยังเป็นเกมของ Valve เช่น Counter Strike 1.6 พร้อมกับหน้าตาโล่ง ๆ ไม่มีอะไรน่าสนใจมากนัก
2004
ถัดมาอีกปีก็มีลูกเล่นมากขึ้นอย่างพวกโปรโมชั่นลดราคาเกมหรือมีดีลที่น่าสนใจเพิ่มขึ้นมีหน้าตาที่ดูน่าสนใจมากกว่าเดิมแต่โดยรวมแล้วก็ยังไม่หนีไปจากปี 2003 มากนักแต่มีจุดสังเกตคือมีเซ็ตเกมจำนวน 3 เซ็ตให้เลือกซื้อโดยจะมีเกมแถมมาให้ด้วยเช่น Counter: Strike Source หรือ Day of Defeat: Source
2005
ในปี 2005 ก็มีสิ่งที่เพิ่มเข้ามาคือเกมนอกสังกัด Valve ครับโดยมีเกม Ragdoll Kung Fu และ Darwinia ประเดิมเป็น 2 เกมแรก
2006
หน้าตาของ Steam เวอร์ชั่นปี 2006 ก็จะปรับปรุงหน้าร้านให้ดูง่ายขึ้นมีการเพิ่มเดโมเกมฟรีให้ทดลองเล่นและถ้าสังเกตด้านขวามือก็จะมีข่าวสารสำคัญให้ผู้เล่นได้ติดตามกันอีกด้วยครับ
2007
นี่ก็เป็นอีกปีที่มีการเปลี่ยนแปลงพอสมควรโดยจะมีภาพสไลด์โชว์พร้อมกันนี้ก็ยังมีการนำคะแนนวิจารณ์ Metacritic มาใส่เอาไว้เพื่อเป็นตัวช่วยประกอบการตัดสินใจ เพิ่ม Steam Community และเพิ่มรายชื่อเพื่อนพร้อมกับแบนเนอร์เกมที่เยอะขึ้นกว่าเดิม
2008
ปีนี้ก็จะใส่ใจในเรื่องของการค้นหาเกมในแต่ละหมวดหมู่ให้ละเอียดมากขึ้นพร้อมกับปรับปรุงแบนเนอร์เกมให้ใหญ่ขึ้นตามความสำคัญ
2009
มีการจัดระเบียบหน้าตาอีกครั้งให้ใช้ง่ายไม่รกรุงรังและเพิ่มหมวดเกมในราคา $5 และ $10 เพื่อเป็นทางเลือกที่มากขึ้นแถมในปีนั้นก็ยังเป็นปีที่มีผู้ใช้งานถึง 25 ล้านคนอีกด้วยเป็นปีที่แสดงให้เห็นแล้วว่า Steam เริ่มมีความนิยมมากขึ้น
2010
ก้าวสู่ปี 2010 หน้าตาของ Steam ปีนี้ก็น่าจะคุ้นเคยสำหรับหลาย ๆ คนนะครับเพราะมีการเปลี่ยนโทนสีเป็นสีดำ-เทามีการบอกราคาเกมด้านหน้าหรือลดราคาเกมไปเท่าไหร่กี่เปอร์เซ็นต์ซึ่งก็ดูดีมากขึ้นและสวยงามมากขึ้นแถมยังมีเกมสำหรับระบบ Mac ให้อีกด้วยครับเรียกว่าเริ่มครอบคลุมแล้วครับ
2011
ส่วนปี 2011 ก็มีเกมใน Library 1,000 เกมแล้วมีการเพิ่มหมวดเกมแนะนำสำหรับผู้เล่นให้อีกต่างหาก นอกจากนี้ทาง Steam ก็ยังได้เพิ่มมาตรการความปลอดภัยอย่าง Steam Guard ก็ถูกเพิ่มในปี 2011 ด้วยเช่นกันและปีนี้ก็จะเป็นจุดเริ่มต้นของ Steam Workshop อีกด้วยครับ
2012
ในปี 2012 เป็นยุคเฟื่องฟูของ DLC ทั้งหลายแหล่ซึ่งในปีนี้เราก็จะเห็นการขาย DLC ภาคเสริมของเกมต่าง ๆ มากขึ้น นอกจากนี้ก็ยังมีการเพิ่ม Steam Greenlight แหล่งรวมนักพัฒนาเกมหน้าใหม่รวมถึง Steam Workshop และ Steam Marketplace ก็สามารถใช้งานได้แล้วในปีนี้
2013
SteamOS กับ Linux ก็มาสนับสนุนลงใน Steam เสียทีพร้อมกับการเพิ่มโหมด Big Picture เปลี่ยนรูปแบบการนำเสนอของ Steam ในรูปแบบใหม่หรือจะเป็นเกมจำพวก Early Access ที่เป็นเกมในระหว่างการพัฒนาแต่ผู้เล่นสามารถเข้าไปเล่นทดสอบกันได้และการเพิ่มรีวิวความคิดเห็นจากผู้เล่นจริงก็จะอยู่ในช่วงปี 2013 เหมือนกัน
2014
ปี 2014 ก็จะไม่หนักเรื่องเกมแต่จะเน้นไปในด้านการถ่ายทอดสด Live Streaming เป็นหลักรวมไปถึงการเพิ่มระดับความปลอดภัยการจำกัดการเข้าถึงของคนในครอบครัวก็จะถูกเพิ่มเข้ามาเพื่อป้องกันผู้เล่นเด็กเล็กเล่นเกมที่ไม่เหมาะสม
2014 – 2016
มาถึง Steam ในยุค 2-3 ปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันก็มีการปรับปรุงเล็กน้อยโดยเน้นหนักไปที่รูปลักษณ์การดีไซน์ที่ดูทันสมัยเน้นโทนสีฟ้ามากขึ้น มีการเพิ่มหมวดหมู่ฮาร์ดแวร์ในสังกัดเช่น Steam Controller , Steam Link และ Steam Machines เท่านั้นยังไม่พอยังมีการเพิ่มเกมหรือหมวดหมู่เกี่ยวกับแว่น VR อีกด้วยเป็นการตอบโจทย์เกมยุคนี้มากทีเดียว
อนาคต ?
สำหรับในอนาคตของ Steam ก็แน่นอนว่าจะต้องมีการปรับปรุงพัฒนาต่อเนื่องไม่สิ้นสุดแต่ก็มีการคาดเดากันว่า Steam จะเริ่มใส่ใจด้านเทคโนโลยี VR เสมือนจริงมากขึ้นและอาจจะมีการรีโนเวทหน้าตาอีกครั้งก็เป็นอะไรที่น่าสนใจน่าติดตามไม่น้อยเลยครับและเพื่อน ๆ ทัน Steam ยุคไหนกันบ้างก็มาแชร์ความเห็นหรือเล่าสู่กันฟังก็ได้นะครับ
ที่มา: PCGAMER