ในเดือนพฤษภาคมนี้สิ่งที่น่าพูดถึงและน่าสนใจก็คงไม่พ้นข่าวเปิดตัวเกม FPS ชู้ตติ้ง 2 เกมได้แก่ Battlefield 1 กับ Call of Duty: Infinite Warfare โดยที่ฝั่ง Battlefield 1 ขอย้อนไปยุคสงครามโลกครั้งที่ 1 แต่กลับกันทางฝั่ง Call of Duty เลือกที่จะเดินหน้าสู่อนาคตเป็นสงครามนอกโลกและเหมือนว่า Call of Duty จะสร้างความน่าจดจำมากกว่าไม่ใช่เพราะเนื้อเรื่องไซไฟสุดล้ำแต่เป็นกระแสตอบรับจากแฟน ๆ ที่ย่ำแย่เกินทนต่างหากและสาเหตุที่ทำให้เกมเมอร์ต่างร้องยี้นั้นก็ถือว่ามีมากมายเลยทีเดียว
จากคลิปวีดีโอตัวอย่าง Call of Duty: Infinite Warfare สังเกตได้ว่าจำนวนยอด Dislike มีมากกว่าคนกด Like หลายเท่าตัวนักและเหตุการณ์นี้มันเกิดขึ้นเพราะอะไร ? ก็อาจจะบอกได้ว่ามันคงเป็นเรื่องที่ไกลตัวเกินไปเพราะมันเป็นเนื้อเรื่องโทนอวกาศนอกโลกไปแล้วซึ่งถ้าหากลองย้อนดูเกมภาคก่อน ๆ ว่าทำไมมันถึงประสบความสำเร็จหรือยังได้รับความนิยมอยู่นั่นก็เป็นเพราะมีเนื้อเรื่องที่ใกล้ตัวจับต้องได้และเคยเกิดขึ้นจริงมาแล้วในประวัติศาสตร์และเรื่องราวที่อ้างอิงจากเหตุการณ์จริงย่อมทำให้อินกว่าไม่ว่าจะเป็นสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 การบุกชายหาดโอมาฮา , การยกพลขึ้นบกวัน D-Day , การต่อสู้ที่สตาลินกราด ที่ตัวเกมให้บรรยากาศการรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับ AI ที่สมจริงอินไปกับสถานการณ์หรือมีการใช้ฟุตเทจสงครามดำเนินเรื่องก็ทำให้รู้สึกถึงความโหดร้ายของสงครามได้ดี
ถ้าหากข้ามยุคมาหน่อยก็จะเป็น Modern Warfare ที่ถือว่าเป็นภาคที่พีคที่สุดเพราะมีเรื่องราวที่ใกล้ตัวเรามากอย่างสงครามก่อการร้าย อาวุธยุทโธปกรณ์ที่จับต้องได้มีอยู่จริงในโลกของเราและยังไม่รวมถึงการดำเนินเรื่องผ่านตัวละคร AI ที่เป็นเอกลักษณ์น่าจดจำด้วยและไม่แปลกที่ในภาคนี้ได้รับเสียงวิจารณ์แง่บวกมาก ๆ หรือผลงานจาก Treyarch กับ Black Ops ที่แม้ว่าจะเล่นกับความทรงจำมีความเป็นไซ-ไฟบ้างแต่มันก็ยังยึดกับเรื่องราวของสงครามเย็นได้อยู่หมัดและเนื้อเรื่องในเกมก็เหมาะสมกับชื่อภาคที่สุด
แต่หลังจากนั้นเราก็พบกับเกมเนื้อเรื่องอนาคตเต็บสูบไม่ว่าจะเป็น Advanced Warfare ที่เดินเรื่องในสถานที่แปลก ๆ มีชุด Exo-Suit พร้อมกับบทสคริปต์ที่ไม่ค่อยเข้ากันเท่าไหร่และการแสดงของตัวละครในเกมเหมือนจะเล่นใหญ่ระดับฮอลลีวูดเสียเหลือเกิน ส่วน Black Ops 3 ก็เป็นอีกหนึ่งภาคที่นำหุ่นยนต์เข้ามามีบทบาทมากพร้อมกับการใส่ฉากความรุนแรงมากขึ้นอย่างฉากแขนขาถูกฉีกขาดหรือใน Advanced Warfare ก็เช่นกันที่ในตอนท้ายตัวละครของเราจะตัดแขนตัวเองให้ตัวร้ายตกลงไป ซึ่งตรงนี้ก็ไม่น่าจะทำให้ตัวเกมมีความน่าสนใจมากเท่าไหร่แม้ว่าเราจะเคยเจอความรุนแรงในด่าน No Russian ในภาค Modern Warfare 2 ไปแล้วแต่การนำจุดนี้มาเสริมเพิ่มเติมขึ้นก็ดูท่าจะไม่ได้ผลเท่าไหร่นัก
อีกหนึ่งเหตุผลที่หลาย ๆ คนไม่ชอบภาคใหม่ก็คงเป็นเพราะเนื้อเรื่องในธีมอนาคตอีกแล้วซึ่งเราได้เจอโทนเรื่องแบบนี้มาถึง 2 ภาคติดต่อกันใน Advanced Warfare กับ Black Ops 3 และการที่ Infinity Ward นำ Infinite Warfare มาอีกก็คงทำให้แฟน ๆ เกมเกิดอาการเอียนและเบื่อกันแล้วแน่นอน
นอกจากนี้สิ่งที่ Activision และ Infinity Ward น่าจะทำพลาดไปก็คือการขายเกมแบบมัดรวมซึ่งจะมี Modern Warfare Remastered แต่ต้องซื้อเกมในเซ็ต Legacy Edition เท่านั้นไม่มีขายแยกเดี่ยวและตรงนี้เองก็น่าจะทำให้แฟน ๆ เกมต่างบ่นกร่นด่ากันไปตาม ๆ กันบางทีอาจจะเป็นตลกร้ายที่ว่าการที่เกมเมอร์ซื้อ Call of Duty ภาคใหม่เป็นเพราะต้องการเล่น Modern Warfare Remastered เท่านั้นเองก็ได้ครับ
จากกระแสในเชิงลบแบบนี้ก็เกิดคำถามว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับ Call of Duty ไปแล้ว บรรยากาศเดิม ๆ การสู้รบเตียงบ่าเคียงไหล่หรือเนื้อเรื่องที่สมจริงที่เริ่มหายไปแต่กลับแทนที่ด้วยความไฮเทค , การกระโดดสูง 2 ชั้น , ดาราฮอลลีวูดมาร่วมแสดง , ยานอวกาศหรือการปล่อยเกมแบบ Special Edition ออกตามมาทีหลังซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้มนต์เสน่ห์สไตล์ Call of Duty เริ่มจางหายไป
อย่างไรก็ตามแม้จะมีเสียงด้านลบมากเท่าไหร่แต่เราก็ต้องรอติดตามดูกันต่อไปครับว่าสิ่งที่ Infinity Ward เดินหน้าอยู่ตอนนี้จะทำให้อคติของเกมมเอร์หลาย ๆ ท่านลดลงไปบ้างหรือเปล่าเมื่อตัวเกมออกวางจำหน่ายในวันที่ 4 พฤศจิกายน 2016 ครับ
ที่มา: vg247