ถึงแม้ว่าในการประกาศผลรายรับประจำไตรมาสที่ 1 ของปี 2016(หรือไตรมาสที่ 2 ของปีงบประมาณ 2016) ที่ผ่านมาของ Apple นั้นทาง Apple เองจะไม่ได้กล่าวถึงยอดจำหน่ายสมาร์ทวอทช์อย่าง Apple Watch ออกมาเลยครับว่าได้มากน้อยเพียงใด ซึ่งนั่นทำให้การประมาณการของยอดจำหน่ายสมาร์ทวอทช์ในตลาดโลกนั้นค่อนข้างที่จะทำได้ยากพอสมควร(เพราะผู้ที่ได้ชื่อว่าจำหน่ายสมาร์ทวอทช์ได้มาที่สุดอย่าง Apple ไม่ยอมเผยจำนวน) อย่างไรก็ตามแต่นั่นก็ไม่ได้มากเกินความสามารถของบริษัทวิเคราะห์ตลาดอย่าง Strategy Analytics โดยนักวิเคราะห์นาม Rajeev Nair ที่จะรวบรวมข้อมูลและประมาณยอดจำหน่ายและส่วนแบ่งของสมาร์ทวอทช์ในตลาดประจำไตรมาสที่ 1 ของปี 2016 ออกมาครับ
ทาง Nair ได้กล่าวเอาไว้ครับว่ายอดการเติบโตของการส่งออกสมาร์ทวอทช์ของโลกเมื่อเทียบไตรมาสที่ 1 ของปี 2015 กับไตรมาสที่ 1 ของปี 2016 นั้นเติบโตมากขึ้นถึง 223% โดยคิดเป็นจำนวนการส่งออกในไตรมาสที่ 1 ของปี 2015 อยู่ที่ 1.3 ล้านหน่วยส่วนในไตรมาสที่ 1 ของปี 2016 นั้นมียอดการส่งออกสูงถึง 4.2 ล้านหน่วย สาเหตุที่ทำให้ยอดการส่งออกของสมาร์ทวอทช์เติบโตได้มากมายขนาดนี้ก็ไม่ได้มากจากใครที่ไหนเลยครับนอกเหนือไปจากทาง Apple เนื่องจากว่าผู้บริโภคนั้นมีความต้องการ Apple Watch ของทาง Apple กันค่อนข้างที่จะมากว่ายี่ห้ออื่นเลยทีเดียวตามมาด้วย Android Wear และ Tizen ทั่วทั้งภูมิภาคอเมริกาเหนือ, ยุโรปตะวันตกและเชียครับ
อย่างไรก็ตามแต่ถึงแม้ว่าเมื่อเทียบแบบปีต่อปีในไตรมาสเดียวกันแล้วยอดการส่งออกจะมากขึ้นเป็นอย่างมากก็ตาม ทว่าเมื่อนำยอดดังกล่าวไปเทียบกับในไตรมาสก่อนหน้าอย่างไตรมาสที่ 4 ของปี 2015 นั้นพบว่ายอดการส่งออกของสมาร์ทวอทช์ลดลงแบบน่าใจหายครับ เพราะในไตรมาสที่ 4 ของปี 2015 ที่ผ่านมานั้นยอดส่งออกของสมาร์ทวอทช์ทั่วโลกอยู่ที่ 8.1 ล้านหน่วย เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ของปี 2016 แล้วพบว่ายอดการส่งออกนี้ลดลงถึง 48% ด้วยกันเลยทีเดียวครับ Nair บอกว่าสาเหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เนื่องมาจากว่าเทรนของสมาร์ทวอทช์นั้นได้ผ่านพ้นช่วงคึกคักไปแล้วครับ(หรือก็คือมันเหมือนๆ เดิมไม่มีอะไรใหม่ออกมาดึงดูดใจ)
Neil Mawston ผู้อำนวยการบริหารของ Strategy Analytics ให้ความเห็นเอาไว้ว่าทางบริษัทเขาได้ประมาณการการส่งออกของ Apple Watch ประจำไตรมาสที่ 1 ของปี 2016 ไว้ที่ 2.2 ล้านหน่วยซึ่งจำนวนนี้ทำให้ Apple เป็นผู้จำหน่ายสมาร์ทวอทช์ที่มียอดส่งออกมากที่สุดคือครองส่วนแบ่งในตลาดไปถึง 52% แต่กระนั้นแล้ว Apple เองก็หนีไม่พ้นกระแสความต้องการในตลาดที่ตกต่ำลงทั้งในเรื่องของการพ้นผ่านฤดูกาลที่จะมีการมอบขวัญให้กัน ฯลฯ และบริษัทอื่นๆ ก็โดนหางแรกตามกับ Apple ไปด้วยดังตารางที่แสดงให้เห็นทางด้านบนครับ
Cliff Raskind ผู้อำนวยการของ Strategy Analytics สรุปเอาไว้ว่าสิ่งที่ Apple และบริษัทอื่นๆ เผชิญนั้นเป็นไปตามกลไกของตลาด ซึ่งถ้าหากทางบริษัทอยากที่จะทำให้ตลาดสมาร์ทวอทช์กลับมาคึกคักและเรียกยอดจำหน่ายให้กับ Apple ได้มากขึ้นหล่ะก็ทาง Apple จะต้องอัพเกรด Apple Watch 2 ให้มีความแตกต่างไปจากเดิมอย่างมากไม่ว่าจะเป็นเรื่องของซอฟต์แวร์และการใช้แอปพลิเคชันที่ต้องแก้ไข(ซึ่งต้องใช้งานง่ายกว่าเดิม), อาจจะต้องมาพร้อมกับความสามารถในการรองรับการเชื่อมต่อผ่านเครือข่าย 4G และที่สำคัญที่สุดที่ลืมไปไม่ได้เลยก็คือเรื่องของอายุการใช้งานแบตเตอรี่ครับ
ที่มา : strategyanalytics