คงไม่ใช่เรื่องแปลกใจนัก หากคุณเป็นคนที่จำเป็นต้องใช้โน๊ตบุ๊คในการทำงานอยู่เป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นงานด้านโปรแกรมมิ่ง กราฟิกดีไซน์ หรือแม้กระทั่งแต่การใช้พิมพ์งานเฉยๆก็ตาม ซึ่งในบางครั้งก็จำเป็นที่จะต้องนำโน๊ตบุ๊คออกไปใช้งานนอกสถานที่ เมื่อเวลาที่เราจำเป็นต้องการที่จะทำงานนอกสถานที่ ซึ่งทุกคนก็ต่างต้องการโน๊ตบุ๊คที่มีขนาดที่พอดี และสามารถตอบสนองต่อความต้องการได้อย่างครอบคลุม และที่สำคัญที่สุดสำหรับการพกพาเลยก็คือ การที่ต้องมีน้ำหนักที่เบา
ในการนี้ Asus ได้มีการนำเสนอโน๊ตบุ๊คที่สุดแห่งความคุ้มค่าทั้งในด้านของสเปกและราคา อย่าง Asus K401UB จัดว่าเป็น Ultrabook ที่มาพร้อมกับชิประมวลผลรุ่นล่าสุดจากทาง Intel อย่าง Core i5 ที่เป็นตระกูล U (เน้นประหยัดพลังงาน) และการ์ดจออย่าง NVIDIA GeForce GT 940M พร้อมทั้งหน้าจอความละเอียดสูงระดับ 1920 x 1080 พิกเซล Full-HD ส่งผลให้เราได้พบประสบการณ์ใช้งานที่คุ้มค่าและได้ประสิทธิภาพในทุกด้านอย่างสูงสุด สนนราคาเริ่มต้นที่ 22,900 บาท พร้อมประกัน Asus Thailand ระยะเวลา 2 ปีเต็มด้วยกัน
Specifications
ในเรื่องของสเปก Asus K401UB ใช้ชิปประมวลผล Intel Core i5 6200U เป็นซีพียูแบบประหยัดพลังงาน ที่มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.30 GHz และเร่งความเร็วด้วย TurboBoost ได้เป็น 2.80 GHz (ทำงานแบบ 2 Core และ 4 Threads) พ่วงด้วยการ์ดจอแสดงผลประสิทธิภาพสูงที่กำลังได้รับความนิยมอย่าง NVIDIA GeForce GT 940M พร้อมกับ VRAM 2GB แบบ DDR3
สำหรับแรมในรุ่นนี้ให้มา 4 GB เป็นแบบติดมากับตัวบอร์ดและสามารถเพิ่มได้สูงสุด 12 GB (1 แถว) เป็นแรมมาตรฐานแบบ DDR3L บัส 1600 MHz กินไฟเพียง 1.35 โวลต์ ส่วนหน่วยเก็บข้อมูลภายในเป็นฮาร์ดดิสก์แบบจานแม่เหล็ก ขนาด 2.5 นิ้ว แบบบาง (Slim 7 mm.) ความจุ 1 TB 5400 RPM และ mSATA แบบ Half-Size ความจุ 24 GB ซึ่งสามารถเพิ่มความจุได้ในภายหลัง แต่ส่วนใหญ่แล้วมักจะใช้ทำเป็น Cache ส่วนหน้าจอแสดงผลมีขนาด 14.0 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full-HD (1920×1080) ที่เป็นพาเนล TN แบบจอกระจก
สเปกสามารถตามไปชมรายละเอียดเต็มๆ ได้ ที่นี่ ครับ
Hardware / Design
ดีไซน์การออกแบบโดยรวมของ Asus K401UB เน้นความบางเบาของตัวเครื่องเป็นหลักและใช้โทนสีที่แสดงถึงความแรงในแบบฉบับของโน๊ตบุ๊ค K Series ของทาง Asus เริ่มจากด้านหน้าฝาของตัวเครื่องจะใช้อะลูมิเนียมลายปัดเสี้ยนพร้อมกับโลโก้ ASUS ตรงกลาง และใช้อะลูมิเนียมสีน้ำตาลดำที่ด้านบนของตัวเครื่อง ให้ความรู้สึกน่าค้นหากับขุมพลังความแรงของเจ้า Asus เครื่องนี้ได้เป็นอย่างดี สำหรับข้อดีของการใช้อะลูมิเนียมนั้นจะได้ความแข็งแรงควบคู่กับน้ำหนักที่เบา ด้านขนาดความบางของตัวเครื่องนั้น ด้วยความที่เครื่องเป็น Ultrabook แล้ว จึงถือเป็นจุดเด่นของเครื่องเลยก็ว่าได้ เพราะมีความบางเพียง 2.09 เซนติเมตรเท่านั้น ซึ่งในจุดนี้ทาง Asus เองสามารถทำออกมาได้ดีมากเลยดีเดียว และด้วยขนาดของตัวเครื่องที่มีความบางในระดับนึง ทำให้ไม่สามารถใส่ดีวีดีรอมไดร์ฟมาให้ด้วย อาจเรียกว่า ได้อย่างก็ต้องเสียอีกอย่างเช่นกัน แต่เมื่อใช้งานจริงก็ไม่ได้พบว่าเป็นปัญหาอย่างใด เพราะในปัจจุบันนั้นการใช้ดีวีดีนั้นมีแนวโน้มน้อยลงทุกวัน หรือถ้าจำเป็นต้องใช้งานจริงๆก็สามารถหา DVD External แบบพกพามาใช้งานแทนได้
ตัวเครื่องมีการออกแบบโดยรวมให้ดูทันสมัย และใช้งานได้อย่างคุ้มค่า ที่มุมตัวเครื่องจะทำให้เป็นแบบโค้งมน แต่ว่าไม่ได้มนมากจนเกินไป ที่น่าสนใจของการดีไซน์ตัวเครื่อง คือการออกแบบให้มีพัดลมเป่าออกบริเวณส่วนบนตัวเครื่องที่เชื่อมต่อกับจอภาพ ทำให้เวลาใช้งานด้วยมือที่ใช้คีย์บอร์ดจะไม่รู้สึกร้อนมากนัก ทำให้สามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง สำคัญคือเสียงของพัดลมระบายอากาศไม่ได้ดังมากจนรู้สึกรำคาญเวลาใช้งานในห้องเงียบๆ ในจุดนี้ Asus ทำออกมาได้อย่างน่าประทับใจมาก พร้อมทั้งได้การติดฐานยางทั้ง 4 มุมบริเวณด้านใต้ของตัวเครื่องสำหรับวางบนพื้นราบเพื่อยกระดับของตัวเครื่องให้สูงจากพื้นเล็กน้อย ทำให้ไม่ว่าผู้ใช้จะใช้งานเครื่องเต็มประสิทธิภาพมากแค่ไหนก็หายห่วงได้กับเรื่องนี้อย่างแน่นอนครับ
Keyboard / Touchpad
ส่วนของคีย์บอร์ดนั้นเป็นแบบ Full-size มีการใช้ตัวปุ่มเป็นพลาสติกสีดำสกรีนด้วยตัวอักษรสีขาว สามารถมองเห็นได้ชัดเจน โดยปุ่มกดนั้นเป็นแบบชิกเล็ทสมัยนิยม ซึ่งจะมีการออกแบบมาให้มีช่องว่างระหว่างแป้นอยู่พอสมควร พร้อมกับมีการยกระดับตัวคีย์บอร์ดขึ้นมาจากตัวเครื่องเล็กน้อย ทำให้ช่วยเพิ่มอรรถรสในระหว่างการพิมพ์
และที่สำคัญจะทำให้การพิมพ์มีความแม่นยำและลดความผิดพลาดในการกดได้ดีขึ้น ก็ถือว่าทำไว้ดีอยู่แล้วเช่นกันตามสไตล์ของ Asus ในส่วนปุ่มเปิดเครื่องจะอยู่ที่มุมขวาบนสุดด้านบนของคีย์บอร์ดโดยแยกออกจากกันอย่างชัดเจน แต่ไม่มีไฟแสดงสถานะเวลาเปิด-ปิด ที่ตัวปุ่ม ข้อเสียคือถ้าไม่มองที่ตัวไฟแสดงสถานะของเครื่องหรือที่หน้าจอก็จะไม่มีทางรู้ว่าเครื่องได้ถูกเปิดหรือไม่ แต่มีข้อดีก็คือจะไม่เผลอกดระหว่างการใช้งานได้ง่ายนั่นเอง
สำหรับทัชแพดนั้นมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ตามเอกลักษณ์ของ Asus ที่ยังคงไว้ และเป็นแบบมัลติทัช ส่วนการดีไซน์นั้นก็ใช้เป็นแบบไม่มีปุ่มคลิกซ้าย-ขวาแยกออกจากตัวของทัชแพด เช่นเดียวกับโน๊ตบุ๊คที่พบเห็นได้จาก Asus หลายๆ รุ่นในปัจจุบัน นอกจากนี้ยังเพิ่มความหรูด้วยไดมอนคัตสีเงินรอบๆตัวทัช ในด้านของการใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่น่าประทับใจเลยทีเดียว
เพราะสามารถใช้งานร่วมกับสมาร์ทแก็ตเจอร์ที่เป็นซอฟต์แวร์ควบคุมได้ดี โดยมีรูปแบบการใช้งานหลักๆอยู่ 6 รูปแบบ และทีสำคัญยังมีการทำระบบป้องกันเมื่อผู้ใช้เผลอนำมือไปโดนทัชแพดเข้า มั่นใจได้เลยว่าตำแหน่งของลูกศรหรือเคอร์เซอร์จะไม่เคลื่อนที่หรือเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างแน่นอน
Screen / Speaker
Asus K401UB นั้น เลือกใช้หน้าจอแสดงผลแอลอีดีขนาด 14.0 นิ้ว มาพร้อมความละเอียดระดับ Full-HD ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ที่มีสัดส่วน 16:9 โดยทาง Asus นั้นเลือกใช้จอแบบกระจก (Glare) พาเนลแบบธรรมดา ซึ่งให้การแสดงผลของภาพที่คมชัด สีสันสดใส แต่อาจมีแสงสะท้อนมากเมื่อใช้งานในบริเวณที่มีแสงแดดมาก และจะมีมุมมองไม่กว้างมากเท่ากับจอ IPS สำหรับตัวหน้าจอนั้นมีการออกแบบให้สามารถใช้งานร่วมกับซอฟท์แวร์อย่าง ASUS Splendid Technology ได้เป็นอย่างดี ซึ่งจะมีโหมดหลักๆสำหรับปรับการทำงานถึง 4 รูปแบบ จุดเด่นนั้นจะอยู่ที่โหมด Eyecare ที่ต้องบอกเลยว่ามีความสำคัญมาก สำหรับการใช้งานคอมพิวเตอร์ในยุคปัจจุบัน เพราะจะช่วยในเรื่องของการถนอมสายตา ทั้งยังช่วยป้องการอาการต่าง ๆที่จะเกิดขึ้นกับดวงตาของเรา เมื่อต้องใช้งานอยู่หน้าจอเป็นเวลานาน ๆ หรือจะเลือกใช้งานในโหมด Manual ก็ได้เช่นกัน ซึ่งผู้ใช้งานจะสามารถปรับจอได้ตามความต้องการของตนเอง ซึ่งในจุดนี้เองถือว่าทำออกมาได้ดีทีเดียว เป็นการช่วยเพิ่มคุณสมบัติของหน้าจอให้มากขึ้น
ในเรื่องของขุมพลังเสียง Asus K401UB นั้นได้ติดตั้งลำโพงอยู่ที่ฝั่งซ้ายและขวาทางด้านล่างของตัวเครื่อง เนื่องจากตัวเครื่องมีฐานยางรองให้นูนสูงขึ้นจากพื้น ส่งผลให้เสียงสามารถลอดออกมาได้ดี ได้คุณภาพของเสียงที่เต็มอรรถรส โดดเด่นด้วยเสียงอันทรงพลังจากโซลูชั่นด้านเสียงอย่าง Sonic Master ที่ได้ผ่านการทดสอบและได้รับการรับรองว่าสามารถผลิตคุณภาพเสียงที่ดีที่สุดเท่าที่อุตสาหกรรมโน๊ตบุ๊คเคยมีมากันเลยทีเดียว ซึ่งมีจุดเด่นของเสียงถึง 6 จุด เช่น เสียงใสดุจคริสตัล เสียงรอบทิศทางสมจริง ยิ่งเมื่อประสานการทำงานควบคู่ไปกับกับซอฟท์แวร์จากทาง Asus แล้วทำให้คุณภาพของเสียงนั้นดียิ่งขึ้นไปอีก ซึ่งจากคุณภาพของหน้าจอและเสียงที่ได้ ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานในรูปแบบธรรมดาไปจนถึงการใช้งานในระดับสูงได้อย่างสบายทีเดียวครับ
Connector / Thin And Weight
สำหรับในเเรื่องของพอร์ตการเชื่อมต่อนั้น Asus K401UB ถือว่าให้มาค่อนข้างครบ ไล่จากฝั่งซ้ายจะมีพอร์ต USB 3.0 จำนวน 2 พอร์ต พอร์ต HDMI สำหรับต่อออกจอภายนอก พอร์ตสำหรับเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต RJ45 และช่องเสียบสายชาร์จไฟเข้า ฝั่งขวาจะเป็นช่องสำหรับอ่าน SD Card พอร์ต USB 2.0 จำนวน 2 พอร์ต พร้อมกับช่องต่อหูฟังและไมโครโฟนแบบคอมโบขนาดมาตรฐาน เรียกได้ว่าเพียงพอสำหรับการใช้งานในปัจจุบันอย่างแน่นอน
นอกเหนือจากนี้ตัวเครื่องก็ยังมีไฟแสดงสถานะการใช้งานอยู่ที่บริเวณด้านหน้าฝั่งซ้ายมืออีกเช่นกัน ส่วนน้ำหนักของตัวเครื่องพร้อมแบตเตอร์รี่ขนาด 3 เซลล์นั้น อยู่ที่ 1.65 กิโลกรัมเท่านั้น ก็จัดว่ามีน้ำหนักที่ค่อนข้างเบาเมื่อเปรียบเทียบกับโน๊ตบุ๊คขนาด 14.0 นิ้วโดยทั่วไป ซึ่งแน่นอนว่าสามารถตอบสนองในเรื่องของการพกพาไปนอกสถานได้เป็นอย่างดี
Performance / Software
สำหรับ Asus K401UB รุ่นที่ใช้ในการรีวิวนั้นใช้ขุมพลังของ Intel Core i5 6200U ซึ่งเป็น CPU ในรุ่นประหยัดพลังงาน และเป็นรุ่นล่าสุดที่มี Code Name ว่า Skylake ที่ยังคงมีจุดเด่นในเรื่องการทำงานที่เต็มประสิทธิภาพ โดยมีความเร็วเริ่มต้นที่ 2.30 GHz และทำความเร็วสูงสุดที่ 2.80 GHz โดย CPU ทำงานแบบ 2 Core 4 Threads ซึ่งความเร็วจะปรับเปลี่ยนตามลักษณะการใช้งานของตัวเครื่อง
กราฟิกการ์ดของเครื่องรุ่นนี้มีอยู่ด้วยกัน 2 ตัว โดยตัวแรกเป็นออนบอร์ดเลือกใช้ Intel HD Graphic 520 ถือว่าเป็นการ์ดจอที่ติดตั้งมาพร้อมกับ CPU ซึ่งมีประสิทธิภาพที่ดีระดับหนึ่ง และกราฟิการ์ดอีกตัวหนึ่งซึ่งเรียกง่ายๆว่าการ์ดจอแยก จะใช้ NVIDIA GeForce GT940M ที่มีความจำในตัว 2GB ซึ่งเป็น GPU ที่มีประสิทธิภาพพอสมควร ซึ่งจะช่วยทำให้การประมวลผลในด้านกราฟิกนั้นดีขึ้นอย่างชัดเจน
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลที่เป็นรหัส U รุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลกลางๆไปจนถึงหนักๆ ได้อย่างสบายๆ
สำหรับ Street Fighter 4 ที่ตั้งค่ากราฟิกเป็น High ทั้งหมดบนความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล ผลคะแนนก็ได้มากกว่าโน๊ตบุ๊ค รุ่นก่อนๆ อย่างเห็นได้ชัดเจน โดยได้คะแนนอยู่ที่ 9005 คะแนนด้วยกัน มีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยอยู่ที่ 59.76 FPS ด้วยกัน ทำให้ได้ระดับ Rank A ทีเดียว ซึ่งสำหรับเกมที่ไม่ได้กินทรัพยากรมากมายอะไร Asus K401UB ก็สามารถเล่นได้อย่างสบาย และพร้อมตอบสนองความสุขของทุกคนได้เป็นอย่างดี
การทดสอบอย่าง Resident Evil 6 ซึ่งเป็นเกมส์ที่ใช้ทรัพยากรเครื่องมากอยู่พอสมควร ก็สามารถเล่นได้ที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล แต่ถ้าจะเล่นได้ลื่นจริงๆต้องปรับที่ความละเอียดของจอเป็นแบบ HD โดยจะสามารถปรับกราฟิกได้ที่ระดับ High และภาพก็สวยน่าประทับใจครับ จากเกมส์ที่ทดสอบมาทั้งหมดจะเห็นว่าเจ้า Asus K401UB นั้นมีประสิทธิภาพในการเล่นเกมส์ได้ดีในระดับนึงเลยทีเดียว อาจจะสู้เกมมิ่งโน๊ตบุ๊คไม่ได้ แต่ก็สามารถทำได้ดีในระดับที่ควรจะเป็นและสามารถทำได้ดีกว่าโน๊ตบุ๊คที่ใช้หน่วยประมวลผลแบบประหยัดพลังงานเจนเนอเรชันเก่าอย่างชัดเจน
เกมส์ที่เป็นที่นิยมอย่าง DOTA 2 ก็ทำการทดสอบด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ Native 1920 x 1080 พิกเซล ก็สามารถเล่นอย่างลื่นๆ ได้ ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่น ระดับเฟรมเรทอยู่ที่ประมาณ 40-60 แม้กระทั่งฉากใส่สกิลก็สบายๆ ค่าเฟรมเรทอยู่ที่ราวๆ 45 ขึ้นไปตลอด สรุปโดยรวมแล้วคือเล่นได้สบายๆ ซึ่งในการทดลองเล่นเกม DOTA 2 ทำได้อย่างน่าประทับใจ ทั้งจากความลื่นไหลและหน้าจอที่สวยงามสมจริง
Battery / Heat / Noise
สำหรับ Asus K401UB มีแบตเตอรี่เป็นแบบฝังไว้ในเครื่อง ไม่สามารถถอดได้โดยที่ไม่เปิดฝาหลังของตัวเครื่อง ซึ่งมีลักษณะเหมือนกับโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นในปัจจุบัน ตัวแบตเตอรี่มีทั้งหมด 3 เซลล์ การทดสอบระยะเวลาใช้งานของแบตเตอรี่จะทำการตั้งค่าความสว่างหน้าจอและเสียงให้ต่ำที่สุดพร้อมกับเล่นอินเตอร์เน็ตสลับกับดูวีดีโอจากเว็บไซด์ Youtube บนโปรแกรมบราวเซอร์ Microsoft Edge ที่เป็นบราวเซอร์เริ่มต้นที่ติดมากับ Windows 10 แล้วใช้โปรแกรม BatteryMon ในการทดสอบ ผลปรากฏว่าตัวโปรแกรมแจ้งระยะเวลาใช้งานได้ต่อเนื่องในเงื่อนไขดังกล่าวราว ๆ 4-5 ชั่วโมง แต่ถ้าเปลี่ยนลักษณะของการใช้งานเป็นการใช้งานในสถานะการณ์อื่น เช่น มีการปรับความสว่างหน้าจอและเสียงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมอาจจะลดลงน้อยกว่านี้ในระดับนึง หรือใช้งานเต็มประสิทธิภาพด้วยการเล่นเกมส์หรือใช้งานกราฟิกหนัก ๆก็จะส่งผลให้ระยะเวลาการงานใช้แบตเตอรี่นั้นสั้นลง ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่าระยะเวลาการใช้งานของแบตเตอรี่นั้นจะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามสไตล์การใช้งานโน๊ตบุ๊คของแต่ละคนนั่นเอง
สำหรับอุณหภูมิเมื่อใช้งานในสภาวะปกติจะอยู่ที่ประมาณ 39-41 องศาเซลเซียส ภายในห้องที่อุณหภูมิประมาณ 28 องศาเซลเซียส หลังจากนั้นทำการทดสอบให้เครื่องทำงานเต็มประสิทธิภาพที่ 100 เปอร์เซ็นต์ ด้วยการเล่นเกมส์กราฟิก 3 มิติ เพื่อให้เห็นถึงระบบระบายความร้อนและเสียงรบกวนที่จะเกิดขึ้นเมื่อพัดลมหมุนรอบสูงสุด ที่ดูจากภาพแล้วจะเห็นได้ว่าอุณหภูมิสูงสุดของตัวเครื่องอยู่ที่ไม่เกิน 69 องศาเซลเซียส และเสียงพัดลมก็ไม่ได้ดังรบกวนมากนัก เรียกได้ว่าค่อนข้างเงียบเลยครับ ต้องยอมรับจริงๆ ว่ามีการออกแบบมาเป็นอย่างดีเลยทีเดียว
Conclusion / Award
นับว่าเป็นหนึ่งในโน๊ตบุ๊คที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียวครับใช่ไหมครับ สำหรับเจ้า Asus K401UB ซึ่งอาจไม่ใช่โน๊ตบุ๊คที่ดีที่สุดในขณะนี้ แต่รับรองได้เลยครับว่า จะสามารถตอบสนองกับความต้องการของทุกๆคนได้เป็นอย่างดีแน่นอน เพราะคุ้มค่าทุกด้านจริงๆ ตั้งแต่สเปกที่ใช้ได้กับงานทุกรูปแบบ ไปจนถึงราคาที่ไม่สูงนัก อีกทั้งยังได้โน๊ตบุ๊คที่เป็นหน่วยประมวลผลเจนเนอเรชั่นใหม่ล่าสุด ที่รับรองได้เลยว่าในเวลานี้ยังไม่ตกรุ่นอย่างแน่นอน และจะสามารถใช้งานต่อไปได้อีกหลายปี สำหรับท่านที่สนใจหรือยังลังเลใจก็สามารถทดลองใช้งานหรือหาซื้อได้ตามร้านไอทีชั้นนำทั่วไป ในราคาเริ่มต้นที่ 22900 บาท ครับ
จุดเด่น
- หน้าจอมีความละเอียดสูงระดับ Full-HD
- มี SSD แบบ mSATA สำหรับทำแคชชิ่งช่วยในการบูตเครื่องเร็วขึ้น
- น้ำหนักเบา เมื่อเทียบกับโน๊ตบุ๊ค ขนาด 14.0 นิ้ว รุ่นอื่น
- ประกันศูนย์ Asus ถึง 2 ปีเต็ม
ข้อสังเกต
- หน้าจอไม่เป็น IPS Panel
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 14.0 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง Asus K401UB ก็ได้รางวัลต่าง ๆ ดังนี้
Best Mobility
ด้วยความที่มีรูปร่างที่บางเพียง 2.09 เซนติเมตร และน้ำหนักที่เบา1.65 กิโลกรัม ก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นของ Asus K401UB รุ่นนี้ ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็ยังสามารถตอบโจทย์ของผู้ใช้งานได้เป็นอย่างดีในด้านของการพกพาไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก เหมาะสมกับสไตล์ของคนรุ่นใหม่
ถึงแม้ Asus K401UB จะไม่ใช่โน๊ตบุ๊คที่มีสเปกที่ดีที่สุด สำหรับโน๊ตบุ๊คในขนาด 14.0 นิ้ว แต่ด้วยราคาขายเริ่มต้นที่ 22,900 บาท ที่มาพร้อมสเปกอย่าง intel Core i5-6200U และการ์ดจอแยกที่ประสิทธิภาพดีและเป็นที่นิยมอย่าง NVIDIA GeFore GT 940M รวมถึงมีแรม 4GB DDR3L และ mSATA 24GB สำหรับทำแคชชิ่ง พร้อมกับหน้าจอความระเอียดสูงระดับ Full-HD ที่มอบความสะดวกสบาย และตอบสนองกับการใช้งานได้หลายรูปแบบ ก็ทำให้ Asus K401UB ดูโดดเด่นขึ้นมาในทันที ด้วยสเปก ราคา และฟีเจอร์การทำงานที่ครบครันขนาดนี้ เราจึงมอบรางวัล Best Value ไปให้เลยอย่างไม่ต้องสงสัย
Specifications
ในเรื่องของสเปก Asus K401UB ใช้ชิปประมวลผล Intel Core i5 6200U เป็นซีพียูแบบประหยัดพลังงาน ที่มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.30 GHz และเร่งความเร็วด้วย TurboBoost ได้เป็น 2.80 GHz (ทำงานแบบ 2 Core และ 4 Threads) พ่วงด้วยการ์ดจอแสดงผลประสิทธิภาพสูงที่กำลังได้รับความนิยมอย่าง NVIDIA GeForce GT 940M พร้อมกับ VRAM 2GB แบบ DDR3
สำหรับแรมในรุ่นนี้ให้มา 4 GB เป็นแบบติดมากับตัวบอร์ดและสามารถเพิ่มได้สูงสุด 12 GB (1 แถว) เป็นแรมมาตรฐานแบบ DDR3L บัส 1600 MHz กินไฟเพียง 1.35 โวลต์ ส่วนหน่วยเก็บข้อมูลภายในเป็นฮาร์ดดิสก์แบบจานแม่เหล็ก ขนาด 2.5 นิ้ว แบบบาง (Slim 7 mm.) ความจุ 1 TB 5400 RPM และ mSATA แบบ Half-Size ความจุ 24 GB ซึ่งสามารถเพิ่มความจุได้ในภายหลัง แต่ส่วนใหญ่แล้วมักจะใช้ทำเป็น Cache ส่วนหน้าจอแสดงผลมีขนาด 14.0 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full-HD (1920×1080) ที่เป็นพาเนล TN แบบจอกระจก
สเปกสามารถตามไปชมรายละเอียดเต็มๆ ได้ ที่นี่ ครับ
Hardware / Design
ดีไซน์การออกแบบโดยรวมของ Asus K401UB เน้นความบางเบาของตัวเครื่องเป็นหลักและใช้โทนสีที่แสดงถึงความแรงในแบบฉบับของโน๊ตบุ๊ค K Series ของทาง Asus เริ่มจากด้านหน้าฝาของตัวเครื่องจะใช้อะลูมิเนียมลายปัดเสี้ยนพร้อมกับโลโก้ ASUS ตรงกลาง และใช้อะลูมิเนียมสีน้ำตาลดำที่ด้านบนของตัวเครื่อง ให้ความรู้สึกน่าค้นหากับขุมพลังความแรงของเจ้า Asus เครื่องนี้ได้เป็นอย่างดี สำหรับข้อดีของการใช้อะลูมิเนียมนั้นจะได้ความแข็งแรงควบคู่กับน้ำหนักที่เบา ด้านขนาดความบางของตัวเครื่องนั้น ด้วยความที่เครื่องเป็น Ultrabook แล้ว จึงถือเป็นจุดเด่นของเครื่องเลยก็ว่าได้ เพราะมีความบางเพียง 2.09 เซนติเมตรเท่านั้น ซึ่งในจุดนี้ทาง Asus เองสามารถทำออกมาได้ดีมากเลยดีเดียว และด้วยขนาดของตัวเครื่องที่มีความบางในระดับนึง ทำให้ไม่สามารถใส่ดีวีดีรอมไดร์ฟมาให้ด้วย อาจเรียกว่า ได้อย่างก็ต้องเสียอีกอย่างเช่นกัน แต่เมื่อใช้งานจริงก็ไม่ได้พบว่าเป็นปัญหาอย่างใด เพราะในปัจจุบันนั้นการใช้ดีวีดีนั้นมีแนวโน้มน้อยลงทุกวัน หรือถ้าจำเป็นต้องใช้งานจริงๆก็สามารถหา DVD External แบบพกพามาใช้งานแทนได้
ตัวเครื่องมีการออกแบบโดยรวมให้ดูทันสมัย และใช้งานได้อย่างคุ้มค่า ที่มุมตัวเครื่องจะทำให้เป็นแบบโค้งมน แต่ว่าไม่ได้มนมากจนเกินไป ที่น่าสนใจของการดีไซน์ตัวเครื่อง คือการออกแบบให้มีพัดลมเป่าออกบริเวณส่วนบนตัวเครื่องที่เชื่อมต่อกับจอภาพ ทำให้เวลาใช้งานด้วยมือที่ใช้คีย์บอร์ดจะไม่รู้สึกร้อนมากนัก ทำให้สามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง สำคัญคือเสียงของพัดลมระบายอากาศไม่ได้ดังมากจนรู้สึกรำคาญเวลาใช้งานในห้องเงียบๆ ในจุดนี้ Asus ทำออกมาได้อย่างน่าประทับใจมาก พร้อมทั้งได้การติดฐานยางทั้ง 4 มุมบริเวณด้านใต้ของตัวเครื่องสำหรับวางบนพื้นราบเพื่อยกระดับของตัวเครื่องให้สูงจากพื้นเล็กน้อย ทำให้ไม่ว่าผู้ใช้จะใช้งานเครื่องเต็มประสิทธิภาพมากแค่ไหนก็หายห่วงได้กับเรื่องนี้อย่างแน่นอนครับ
Keyboard / Touchpad
ส่วนของคีย์บอร์ดนั้นเป็นแบบ Full-size มีการใช้ตัวปุ่มเป็นพลาสติกสีดำสกรีนด้วยตัวอักษรสีขาว สามารถมองเห็นได้ชัดเจน โดยปุ่มกดนั้นเป็นแบบชิกเล็ทสมัยนิยม ซึ่งจะมีการออกแบบมาให้มีช่องว่างระหว่างแป้นอยู่พอสมควร พร้อมกับมีการยกระดับตัวคีย์บอร์ดขึ้นมาจากตัวเครื่องเล็กน้อย ทำให้ช่วยเพิ่มอรรถรสในระหว่างการพิมพ์
และที่สำคัญจะทำให้การพิมพ์มีความแม่นยำและลดความผิดพลาดในการกดได้ดีขึ้น ก็ถือว่าทำไว้ดีอยู่แล้วเช่นกันตามสไตล์ของ Asus ในส่วนปุ่มเปิดเครื่องจะอยู่ที่มุมขวาบนสุดด้านบนของคีย์บอร์ดโดยแยกออกจากกันอย่างชัดเจน แต่ไม่มีไฟแสดงสถานะเวลาเปิด-ปิด ที่ตัวปุ่ม ข้อเสียคือถ้าไม่มองที่ตัวไฟแสดงสถานะของเครื่องหรือที่หน้าจอก็จะไม่มีทางรู้ว่าเครื่องได้ถูกเปิดหรือไม่ แต่มีข้อดีก็คือจะไม่เผลอกดระหว่างการใช้งานได้ง่ายนั่นเอง
สำหรับทัชแพดนั้นมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ตามเอกลักษณ์ของ Asus ที่ยังคงไว้ และเป็นแบบมัลติทัช ส่วนการดีไซน์นั้นก็ใช้เป็นแบบไม่มีปุ่มคลิกซ้าย-ขวาแยกออกจากตัวของทัชแพด เช่นเดียวกับโน๊ตบุ๊คที่พบเห็นได้จาก Asus หลายๆ รุ่นในปัจจุบัน นอกจากนี้ยังเพิ่มความหรูด้วยไดมอนคัตสีเงินรอบๆตัวทัช ในด้านของการใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่น่าประทับใจเลยทีเดียว
เพราะสามารถใช้งานร่วมกับสมาร์ทแก็ตเจอร์ที่เป็นซอฟต์แวร์ควบคุมได้ดี โดยมีรูปแบบการใช้งานหลักๆอยู่ 6 รูปแบบ และทีสำคัญยังมีการทำระบบป้องกันเมื่อผู้ใช้เผลอนำมือไปโดนทัชแพดเข้า มั่นใจได้เลยว่าตำแหน่งของลูกศรหรือเคอร์เซอร์จะไม่เคลื่อนที่หรือเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างแน่นอน
Screen / Speaker
Asus K401UB นั้น เลือกใช้หน้าจอแสดงผลแอลอีดีขนาด 14.0 นิ้ว มาพร้อมความละเอียดระดับ Full-HD ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ที่มีสัดส่วน 16:9 โดยทาง Asus นั้นเลือกใช้จอแบบกระจก (Glare) พาเนลแบบธรรมดา ซึ่งให้การแสดงผลของภาพที่คมชัด สีสันสดใส แต่อาจมีแสงสะท้อนมากเมื่อใช้งานในบริเวณที่มีแสงแดดมาก และจะมีมุมมองไม่กว้างมากเท่ากับจอ IPS สำหรับตัวหน้าจอนั้นมีการออกแบบให้สามารถใช้งานร่วมกับซอฟท์แวร์อย่าง ASUS Splendid Technology ได้เป็นอย่างดี ซึ่งจะมีโหมดหลักๆสำหรับปรับการทำงานถึง 4 รูปแบบ จุดเด่นนั้นจะอยู่ที่โหมด Eyecare ที่ต้องบอกเลยว่ามีความสำคัญมาก สำหรับการใช้งานคอมพิวเตอร์ในยุคปัจจุบัน เพราะจะช่วยในเรื่องของการถนอมสายตา ทั้งยังช่วยป้องการอาการต่าง ๆที่จะเกิดขึ้นกับดวงตาของเรา เมื่อต้องใช้งานอยู่หน้าจอเป็นเวลานาน ๆ หรือจะเลือกใช้งานในโหมด Manual ก็ได้เช่นกัน ซึ่งผู้ใช้งานจะสามารถปรับจอได้ตามความต้องการของตนเอง ซึ่งในจุดนี้เองถือว่าทำออกมาได้ดีทีเดียว เป็นการช่วยเพิ่มคุณสมบัติของหน้าจอให้มากขึ้น
ในเรื่องของขุมพลังเสียง Asus K401UB นั้นได้ติดตั้งลำโพงอยู่ที่ฝั่งซ้ายและขวาทางด้านล่างของตัวเครื่อง เนื่องจากตัวเครื่องมีฐานยางรองให้นูนสูงขึ้นจากพื้น ส่งผลให้เสียงสามารถลอดออกมาได้ดี ได้คุณภาพของเสียงที่เต็มอรรถรส โดดเด่นด้วยเสียงอันทรงพลังจากโซลูชั่นด้านเสียงอย่าง Sonic Master ที่ได้ผ่านการทดสอบและได้รับการรับรองว่าสามารถผลิตคุณภาพเสียงที่ดีที่สุดเท่าที่อุตสาหกรรมโน๊ตบุ๊คเคยมีมากันเลยทีเดียว ซึ่งมีจุดเด่นของเสียงถึง 6 จุด เช่น เสียงใสดุจคริสตัล เสียงรอบทิศทางสมจริง ยิ่งเมื่อประสานการทำงานควบคู่ไปกับกับซอฟท์แวร์จากทาง Asus แล้วทำให้คุณภาพของเสียงนั้นดียิ่งขึ้นไปอีก ซึ่งจากคุณภาพของหน้าจอและเสียงที่ได้ ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานในรูปแบบธรรมดาไปจนถึงการใช้งานในระดับสูงได้อย่างสบายทีเดียวครับ
Connector / Thin And Weight
สำหรับในเเรื่องของพอร์ตการเชื่อมต่อนั้น Asus K401UB ถือว่าให้มาค่อนข้างครบ ไล่จากฝั่งซ้ายจะมีพอร์ต USB 3.0 จำนวน 2 พอร์ต พอร์ต HDMI สำหรับต่อออกจอภายนอก พอร์ตสำหรับเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต RJ45 และช่องเสียบสายชาร์จไฟเข้า ฝั่งขวาจะเป็นช่องสำหรับอ่าน SD Card พอร์ต USB 2.0 จำนวน 2 พอร์ต พร้อมกับช่องต่อหูฟังและไมโครโฟนแบบคอมโบขนาดมาตรฐาน เรียกได้ว่าเพียงพอสำหรับการใช้งานในปัจจุบันอย่างแน่นอน
นอกเหนือจากนี้ตัวเครื่องก็ยังมีไฟแสดงสถานะการใช้งานอยู่ที่บริเวณด้านหน้าฝั่งซ้ายมืออีกเช่นกัน ส่วนน้ำหนักของตัวเครื่องพร้อมแบตเตอร์รี่ขนาด 3 เซลล์นั้น อยู่ที่ 1.65 กิโลกรัมเท่านั้น ก็จัดว่ามีน้ำหนักที่ค่อนข้างเบาเมื่อเปรียบเทียบกับโน๊ตบุ๊คขนาด 14.0 นิ้วโดยทั่วไป ซึ่งแน่นอนว่าสามารถตอบสนองในเรื่องของการพกพาไปนอกสถานได้เป็นอย่างดี
Performance / Software
สำหรับ Asus K401UB รุ่นที่ใช้ในการรีวิวนั้นใช้ขุมพลังของ Intel Core i5 6200U ซึ่งเป็น CPU ในรุ่นประหยัดพลังงาน และเป็นรุ่นล่าสุดที่มี Code Name ว่า Skylake ที่ยังคงมีจุดเด่นในเรื่องการทำงานที่เต็มประสิทธิภาพ โดยมีความเร็วเริ่มต้นที่ 2.30 GHz และทำความเร็วสูงสุดที่ 2.80 GHz โดย CPU ทำงานแบบ 2 Core 4 Threads ซึ่งความเร็วจะปรับเปลี่ยนตามลักษณะการใช้งานของตัวเครื่อง
กราฟิกการ์ดของเครื่องรุ่นนี้มีอยู่ด้วยกัน 2 ตัว โดยตัวแรกเป็นออนบอร์ดเลือกใช้ Intel HD Graphic 520 ถือว่าเป็นการ์ดจอที่ติดตั้งมาพร้อมกับ CPU ซึ่งมีประสิทธิภาพที่ดีระดับหนึ่ง และกราฟิการ์ดอีกตัวหนึ่งซึ่งเรียกง่ายๆว่าการ์ดจอแยก จะใช้ NVIDIA GeForce GT940M ที่มีความจำในตัว 2GB ซึ่งเป็น GPU ที่มีประสิทธิภาพพอสมควร ซึ่งจะช่วยทำให้การประมวลผลในด้านกราฟิกนั้นดีขึ้นอย่างชัดเจน
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลที่เป็นรหัส U รุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลกลางๆไปจนถึงหนักๆ ได้อย่างสบายๆ
สำหรับ Street Fighter 4 ที่ตั้งค่ากราฟิกเป็น High ทั้งหมดบนความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล ผลคะแนนก็ได้มากกว่าโน๊ตบุ๊ค รุ่นก่อนๆ อย่างเห็นได้ชัดเจน โดยได้คะแนนอยู่ที่ 9005 คะแนนด้วยกัน มีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยอยู่ที่ 59.76 FPS ด้วยกัน ทำให้ได้ระดับ Rank A ทีเดียว ซึ่งสำหรับเกมที่ไม่ได้กินทรัพยากรมากมายอะไร Asus K401UB ก็สามารถเล่นได้อย่างสบาย และพร้อมตอบสนองความสุขของทุกคนได้เป็นอย่างดี
การทดสอบอย่าง Resident Evil 6 ซึ่งเป็นเกมส์ที่ใช้ทรัพยากรเครื่องมากอยู่พอสมควร ก็สามารถเล่นได้ที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล แต่ถ้าจะเล่นได้ลื่นจริงๆต้องปรับที่ความละเอียดของจอเป็นแบบ HD โดยจะสามารถปรับกราฟิกได้ที่ระดับ High และภาพก็สวยน่าประทับใจครับ จากเกมส์ที่ทดสอบมาทั้งหมดจะเห็นว่าเจ้า Asus K401UB นั้นมีประสิทธิภาพในการเล่นเกมส์ได้ดีในระดับนึงเลยทีเดียว อาจจะสู้เกมมิ่งโน๊ตบุ๊คไม่ได้ แต่ก็สามารถทำได้ดีในระดับที่ควรจะเป็นและสามารถทำได้ดีกว่าโน๊ตบุ๊คที่ใช้หน่วยประมวลผลแบบประหยัดพลังงานเจนเนอเรชันเก่าอย่างชัดเจน
เกมส์ที่เป็นที่นิยมอย่าง DOTA 2 ก็ทำการทดสอบด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ Native 1920 x 1080 พิกเซล ก็สามารถเล่นอย่างลื่นๆ ได้ ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่น ระดับเฟรมเรทอยู่ที่ประมาณ 40-60 แม้กระทั่งฉากใส่สกิลก็สบายๆ ค่าเฟรมเรทอยู่ที่ราวๆ 45 ขึ้นไปตลอด สรุปโดยรวมแล้วคือเล่นได้สบายๆ ซึ่งในการทดลองเล่นเกม DOTA 2 ทำได้อย่างน่าประทับใจ ทั้งจากความลื่นไหลและหน้าจอที่สวยงามสมจริง
Battery / Heat / Noise
สำหรับ Asus K401UB มีแบตเตอรี่เป็นแบบฝังไว้ในเครื่อง ไม่สามารถถอดได้โดยที่ไม่เปิดฝาหลังของตัวเครื่อง ซึ่งมีลักษณะเหมือนกับโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นในปัจจุบัน ตัวแบตเตอรี่มีทั้งหมด 3 เซลล์ การทดสอบระยะเวลาใช้งานของแบตเตอรี่จะทำการตั้งค่าความสว่างหน้าจอและเสียงให้ต่ำที่สุดพร้อมกับเล่นอินเตอร์เน็ตสลับกับดูวีดีโอจากเว็บไซด์ Youtube บนโปรแกรมบราวเซอร์ Microsoft Edge ที่เป็นบราวเซอร์เริ่มต้นที่ติดมากับ Windows 10 แล้วใช้โปรแกรม BatteryMon ในการทดสอบ ผลปรากฏว่าตัวโปรแกรมแจ้งระยะเวลาใช้งานได้ต่อเนื่องในเงื่อนไขดังกล่าวราว ๆ 4-5 ชั่วโมง แต่ถ้าเปลี่ยนลักษณะของการใช้งานเป็นการใช้งานในสถานะการณ์อื่น เช่น มีการปรับความสว่างหน้าจอและเสียงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมอาจจะลดลงน้อยกว่านี้ในระดับนึง หรือใช้งานเต็มประสิทธิภาพด้วยการเล่นเกมส์หรือใช้งานกราฟิกหนัก ๆก็จะส่งผลให้ระยะเวลาการงานใช้แบตเตอรี่นั้นสั้นลง ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่าระยะเวลาการใช้งานของแบตเตอรี่นั้นจะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามสไตล์การใช้งานโน๊ตบุ๊คของแต่ละคนนั่นเอง
สำหรับอุณหภูมิเมื่อใช้งานในสภาวะปกติจะอยู่ที่ประมาณ 39-41 องศาเซลเซียส ภายในห้องที่อุณหภูมิประมาณ 28 องศาเซลเซียส หลังจากนั้นทำการทดสอบให้เครื่องทำงานเต็มประสิทธิภาพที่ 100 เปอร์เซ็นต์ ด้วยการเล่นเกมส์กราฟิก 3 มิติ เพื่อให้เห็นถึงระบบระบายความร้อนและเสียงรบกวนที่จะเกิดขึ้นเมื่อพัดลมหมุนรอบสูงสุด ที่ดูจากภาพแล้วจะเห็นได้ว่าอุณหภูมิสูงสุดของตัวเครื่องอยู่ที่ไม่เกิน 69 องศาเซลเซียส และเสียงพัดลมก็ไม่ได้ดังรบกวนมากนัก เรียกได้ว่าค่อนข้างเงียบเลยครับ ต้องยอมรับจริงๆ ว่ามีการออกแบบมาเป็นอย่างดีเลยทีเดียว
Conclusion / Award
นับว่าเป็นหนึ่งในโน๊ตบุ๊คที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียวครับใช่ไหมครับ สำหรับเจ้า Asus K401UB ซึ่งอาจไม่ใช่โน๊ตบุ๊คที่ดีที่สุดในขณะนี้ แต่รับรองได้เลยครับว่า จะสามารถตอบสนองกับความต้องการของทุกๆคนได้เป็นอย่างดีแน่นอน เพราะคุ้มค่าทุกด้านจริงๆ ตั้งแต่สเปกที่ใช้ได้กับงานทุกรูปแบบ ไปจนถึงราคาที่ไม่สูงนัก อีกทั้งยังได้โน๊ตบุ๊คที่เป็นหน่วยประมวลผลเจนเนอเรชั่นใหม่ล่าสุด ที่รับรองได้เลยว่าในเวลานี้ยังไม่ตกรุ่นอย่างแน่นอน และจะสามารถใช้งานต่อไปได้อีกหลายปี สำหรับท่านที่สนใจหรือยังลังเลใจก็สามารถทดลองใช้งานหรือหาซื้อได้ตามร้านไอทีชั้นนำทั่วไป ในราคาเริ่มต้นที่ 22900 บาท ครับ
จุดเด่น
- หน้าจอมีความละเอียดสูงระดับ Full-HD
- มี SSD แบบ mSATA สำหรับทำแคชชิ่งช่วยในการบูตเครื่องเร็วขึ้น
- น้ำหนักเบา เมื่อเทียบกับโน๊ตบุ๊ค ขนาด 14.0 นิ้ว รุ่นอื่น
- ประกันศูนย์ Asus ถึง 2 ปีเต็ม
ข้อสังเกต
- หน้าจอไม่เป็น IPS Panel
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 14.0 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง Asus K401UB ก็ได้รางวัลต่าง ๆ ดังนี้
Best Mobility
ด้วยความที่มีรูปร่างที่บางเพียง 2.09 เซนติเมตร และน้ำหนักที่เบา1.65 กิโลกรัม ก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นของ Asus K401UB รุ่นนี้ ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็ยังสามารถตอบโจทย์ของผู้ใช้งานได้เป็นอย่างดีในด้านของการพกพาไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก เหมาะสมกับสไตล์ของคนรุ่นใหม่
ถึงแม้ Asus K401UB จะไม่ใช่โน๊ตบุ๊คที่มีสเปกที่ดีที่สุด สำหรับโน๊ตบุ๊คในขนาด 14.0 นิ้ว แต่ด้วยราคาขายเริ่มต้นที่ 22,900 บาท ที่มาพร้อมสเปกอย่าง intel Core i5-6200U และการ์ดจอแยกที่ประสิทธิภาพดีและเป็นที่นิยมอย่าง NVIDIA GeFore GT 940M รวมถึงมีแรม 4GB DDR3L และ mSATA 24GB สำหรับทำแคชชิ่ง พร้อมกับหน้าจอความระเอียดสูงระดับ Full-HD ที่มอบความสะดวกสบาย และตอบสนองกับการใช้งานได้หลายรูปแบบ ก็ทำให้ Asus K401UB ดูโดดเด่นขึ้นมาในทันที ด้วยสเปก ราคา และฟีเจอร์การทำงานที่ครบครันขนาดนี้ เราจึงมอบรางวัล Best Value ไปให้เลยอย่างไม่ต้องสงสัย