Pentagon หรือตึกสำนักงานหลักของหน่วยงานทางรัฐบาลหลายๆ หน่วยงานในสหรัฐอเมริกาโดยเฉพาะกระทรวงกลาโหมที่ใช้ตึกนี้เป็นที่ทำงานมาเนิ่นนานนั้นถือได้ว่าเป็นตึกหนึ่งของสหรัฐอเมริกาที่มีการรักษาความปลอดภัยที่สูงมากไม่ว่าจะเป็นการเข้าชมด้วยตัวบุคคล(บุคคลเข้า ซึ่งจริงๆ แล้วมีบางส่วนของตึกเปิดให้บุคคลภายนอกเข้าชมได้) หรือไม่ว่าจะเป็นการรักษาความปลอดภัยทางด้านการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตนั้นก็ได้ชื่อว่าแข่งแกร่งเป็นระดับต้นๆ ของโลก(แต่ว่าก็เคยโดนแฮ็กมาก่อนหน้านี้แล้วนะครับ) ล่าสุดกระทรวงกลาโหมของสหรัฐอเมริกาที่มีหน่วยงานอยู่ใน Pentagon ได้ประกาศโครงการหนึ่งออกมานั่นก็คือ “Hack the Pentagon”
โครงการ “Hack the Pentagon” นั้นมีเป้าหมายและหลักการตามชื่อเลยครับซึ่งนั่นก็คือการเปิดให้ผู้มีความสามารถในการแฮกระบบด้านคอมพิวเตอร์ไม่ว่าจะอายุเท่าไรก็ตามแต่ ขอแค่เป็นประชาชนชาวสหรัฐอเมริกาเท่านั้น(ชนชาติอื่นหมดสิทธิ์นะจะ) ได้ทำการทดสอบเจาะระบบจำลองที่ใช้ในการรักษาการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตภายใน Pentagon ซึ่งระบบดังกล่าวมีชื่อว่า Bug Bounty Program โดยงานนี้นั้น “ฟรี” ทุกกรณีสำหรับผู้เข้าทำการทดสอบ และจะเริ่มเปิดให้เข้าทดสอบเจาะระบบดังกล่าวตั้งแต่ในเดือนเมษายนนี้เป็นต้นไปครับ
จุดประสงค์ของทาง Pentagon ที่เปิดโครงการ “Hack the Pentagon” นั้นถือว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ครับ โดยทางกระทรงกลาโหมได้ออกแถลงการณ์ในการเปิดโครงการครั้งนี้ออกมาว่าเป้ามหายของโครงการ “Hack the Pentagon” นั้นก็เพื่อที่จะเปิดโอกาศให้ทางเอกชน(หรือบุคคล) ที่มีพรสวรรค์ ความสามารถทางด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีช่วยในการทดสอบระบบการป้องกันภัยของทาง Pentagon นอกเหนือไปจากนั้นแล้วเมื่อพบช่องโหว่เกิดขึ้น(หากมีผู้ใดก็ตามค้นพบ) ก็สามารถที่จะทำการแก้ไขป้องกันได้ ถือว่าเป็นการช่วยชาติอีกทางหนึ่งครับ(ในที่นี้ก็คือสหรัฐอเมริกาเองเพราะต้องไม่ลืมว่าโครงการนี้เปิดให้เฉพาะประชาชนชาวสหรัฐอเมริกาแท้ๆ เท่านั้นที่จะทำการทดสอบได้ครับ)
อย่างที่บอกไปครับว่าใน Pentagon นั้นไม่ได้มีเฉพาะกระทรวงกลาโหมเท่านั้นที่ทำงานอยู่(จริงๆ แล้วเป็นสำนักงานใหญ่ของกระทรวงกลาโหม แต่ว่าก็จะมีส่วนที่เป็นสำนักงานซึ่งเป็นจุดที่พนักงานซึ่งไม่ใช่ทหารเข้ามาทำงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับทางด้านทหารด้วย ซึ่งก็หาข้อมูลยากมากเลยครับว่าพนักงานส่วนใหญ่เหล่านั้นที่ไม่ใช่ทหารโดยตรงใช้สำนักงานใน Pentagon เพื่องานอะไร) ดังนั้นแล้วการป้องกันภัยทางไซเบอร์ซึ่งในปัจจุบันนั้นถือได้ว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะเป็นการจู่โจมที่เป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญๆ ของการเข้าถึงความลับต่างๆ ของทางรัฐบาลไปแล้วนั้น หากผู้ก่อการร้ายสามารถที่จะเข้าถึงข้อมูลของกระทรวงกลาโหมได้นั้นไม่อยากจะคิดเลยครับว่าจะเกิดปัญหาขึ้นมากขนาดไหน
ในอดีตที่ผ่านมานั้น Pentagon เคยทั้งโดนจู่โจมตรงๆ ในปี 2011 ของวันที่ 11 กันยายน โดย ณ วันนั้นได้มีผู้ก่อการร้ายเข้ายึดเครื่องบินแล้วพุ่งชน Pentagon โดยเครื่องบินจากสายการบิน American Airlines Flight 77 ซึ่งเป็นเครื่องบิน Boeing 757 พุ่งเข้าชนด้านตะวันตกของ Pentagon เป็นผลให้ผู้ที่อยู่บนเครื่องบินลำดังกล่าวเสียชีวิตทั้งหมด(ผู้ก่อการร้าย 5 รายและพลเรือนทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นนักบินไปจนถึงผู้โดยสารรวม 59 ราย) ส่วนผู้ที่ทำงานอยู่ส่วนบริเวณด้านตะวันตกของ Pentagon นั้นมีพลเรือนเสียชีวิตไป 70 รายและทหารอีก 55 ราย
ในส่วนของการจู่โจมทางด้านไซเบอร์หรือการโดนแฮ็กในอดีตที่ผ่านมานั้น Pentagon เองก็โดนมาหลายครั้งครับ ไม่ว่าจะเป็นในช่วงปี 2011 ที่มีรายงานออกมาว่าไฟล์จาก Pentagon ถูกขโมยไปมากกว่า 24,000 ไฟล์ ซึ่งไฟล์ส่วนใหญ่นั้นทางกระทรวงกลาโหมได้ออกมาบอกว่าเป็นไฟล์ที่เกี่ยวข้องเรื่องของเทคโนโลยีทางด้านการทหารซะเป็นส่วนใหญ่ แถมผู้ที่ขโมยนั้นยังเป็นผู้บุกรุกจากต่างประเทศอีกด้วยต่างหาก ในปี 2008 นั้น Pentagon ก็เคยถูกจู่โจมทางด้านไซเบอร์ด้วยเช่นเดียวกันโดยการโจมปีในปี 2008 นั้นเป็นการโจมตีในรูปแบบของ malicious code(โค้ดที่เป็นอันตลาด) ซึ่งถูกใส่ไว้ใน USB Flsdh Drive ซึ่งแน่นอนว่าถูกใช้งานในโน๊ตบุ๊คของทหารสหรัฐอเมริกาที่ทำงานใน Pentagon จนกระทั่งโค้ดดังกล่าวกระจายทั่วไปหลายจุดใน Pentagon ครับ
โครงการ “Hack the Pentagon” นั้นจะประสบความสำเร็จตามที่กระทรวงกลาโหมของทางสหรัฐอเมริกานั้นคงต้องรอดูกันต่อไปครับ โดยแรงจูงใจสำหรับผู้เข้าร่วมโครงการ “Hack the Pentagon” นั้นก็คือผู้ที่สามารถทำการเจาะระบบจำลองอย่าง Bug Bounty Program ได้นั้นจะได้รับเงินรางวัลไปด้วย(แต่ยังคงไม่มีการเปิดเผยว่าจะได้รับไปเท่าไร) นอกจากจะเป็นการช่วยชาติแล้วไม่แน่ว่าผู้ที่มีความสามารถเก่งๆ ที่เข้าร่วมโครงการนี้อาจจะถูกเชิญให้เข้าไปร่วมงานกับทางรัฐบาลสหรัฐฯ ด้วยก็เป็นได้ครับ
ที่มา : reuters, thehackernews, wired, washingtonpost