เชื่อว่าคนในยุค 1980s -1990s นั้นคงต้องจำฮาร์ดแวร์สำหรับเก็บข้อมูลอย่าง “Floppy disk” ไม่ว่าจะเป็นขนาด 5.25 นิ้ว รุ่นขนาดกลางที่มีความจุสูงสุดอยู่ที่ 1.2 MB(MFM format) หรือที่ใช้กันอย่างแพร่หลายโดยเฉพาะกับนักเรียนนักศึกษาที่เรียนเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์กับขนาด 3.5 นิ้วที่มีความจุสูงสุดอยู่ที่ 1.44 MB หรือที่เรียกกันติดปากว่า Drive A: เป็นอย่างแน่นอน(นอกจากนักเรียนนักศึกษาที่ต้องเรียนทางด้านคอมพิวเตอร์แล้ว เชื่อว่านักเล่นเกมในสมัยนั้นที่เล่นเกมเครื่อง Super Famicom ที่ติดหัวโปรคงจะคุ้นเคยกับ Floppy disk ขนาด 3.5 นิ้วเป็นอย่างดีครับ)
หมายเหตุ – ถ้าเก่ากว่านี้ก็จะมี Floppy disk ที่ขนาด 8 นิ้วหรือที่ IBM เรียกว่า “Diskette 1” มีความจุสูงสุดอยู่ที่ 1.2 MB ซึ่งจะเห็นว่าเท่ากับรุ่นขนาด 5.25 นิ้ว แต่ด้วยความที่มันมีขนาดใหญ่กว่าและตอนนั้นผู้พัฒนาฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ก็มีความพยายามที่จะทำให้ฮาร์ดแวร์และตัวเครื่องคอมพิวเตอร์มีขนาดเล็กลงเลยทำให้ Floppy disk ขนาด 8 นิ้วหมดความนิยมไปตามระเบียบครับ … จริงๆ แล้ว Floppy disk ที่ขนาดเล็กนั้นใช้ต้นทุนการผลิตน้อยกว่าด้วยครับ)
ด้วยความที่กาลเวลาเปลี่ยนไป จาก Floppy disk ความจุ 1.44 MB สามารถที่จะเก็บระบบปฎิบัติการ DOS ไว้ได้ทั้งระบบปฎิบัติการ ในที่สุดมันก็ไม่เพียงพอ แถมในวงการฮาร์ดแวร์แหล่งเก็บข้อมูลนั้นก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในสมัยนั้นสำหรับแหล่งเก็บข้อมูลที่สามารถเคลื่อนย้ายได้ที่เป็น Floppy Disk ซึ่งใช้เทคโนโลยีจานแม่เหล็กแบบหมุนก็เปลี่ยนไปใช้เทคโนโลยี CD ที่ใช้แสงเลเซอร์อ่านข้อมูลแทนซึ่งทำให้เก็บข้อมูลได้มากขุ้นจนในที่สุด Floppy disk ทั้งหมดก็ได้เลือนหายไปตามกาลเวลาครับ
อย่างไรก็ตามแต่เมื่อไม่นานมานี้ได้มีผู้ปลุกชีพ Floppy disk จอมอึดขนาด 3.5 นิ้วขึ้นมาอีกครั้งโดยได้มีการปล่อยคลิปการใช้งาน Floppy disk ออกมาและสิ่งหนึ่งที่น่าตกใจก็คือ Floppy disk ที่ใช้งานผ่านคลิปดังกล่าวนั้นมีความจุสูงถึง 128 GB มากกว่าเดิมหลาย 100 เท่าตัว โดยผู้ที่ปล่อยคลิปนี้ออกมาบน YouTube นั้นใช้ชื่อว่า Dr. Moddnstine ครับ ก่อนที่จะไปดูคลิปดังกล่าวนั้นต้องบอกก่อนครับว่าฮาร์ดแวร์ที่ Dr. Moddnstine คือเครื่องคอมพิวเตอร์ของ IBM Aptiva ซึ่งมาจากยุค 1995 ตัวเครื่องจะมีลักษณะดังรูปด้านล่างนี้ครับ
ภายนอกของตัวเครื่องนั้นไม่มีอะไรน่าสงสัยครับ ในปี 1995 นั้น IBM Aptiva ถือว่าเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่แรงมากๆ ด้วยหน่วยประมวลผล 486 DX/2 (Intel 80486 CPU) ที่สุดแสนจะแรงสุดๆ ตัวเครื่องจะมาพร้อมกับ Floppy disk และ CD ROM Drive และ dial-up modem(เชื่อมต่อกับสายโทรศัพท์ด้วยความเร็วสูงสุดที่ 56 kbit/s ซึ่งเทียบกับข้อมูลแบบ 3G ที่ติด FPU แล้วถือว่ายังช้ากว่าเยอะมาก) ใช้ระบบปฎิบัติการ Windows 95 ซึ่งถ้าหากทุกท่านไม่ได้สังเกตตัวเครื่องดีๆ ก็คงจะไม่มีอะไรให้สงสัยแต่อยากให้ทุกท่านสังเกตส่วนของ Socket ของ CD ROM Drive ให้ดีๆ ครับว่าทางซ้ายมือนั่นมันมีพอร์ท USB 3.0 อยู่ครับ … !!!!
ใช่แล้วครับคุณเดาไม่ผิดหรอกครับ IBM Aptiva รุ่นปี 1995 เครื่องนี้ถูกดัดแปลงระบบภายในทั้งหมดครับ(หรือจะเรียกว่าเป็นการอัพเกรดฮาร์ดแวร์ก็คงได้มั้งครับ) โดยทาง Dr. Moddnstine ได้ทำการเปลี่ยนฮาร์ดแวร์ภายในทั้งหมดเป็น
- เมนบอร์ด ASUS Maximus VIII
- หน่วยประมวลผล Core i7 พร้อมระบบระบายความร้อน Corsair water cooler
- หน่วยความจำ(RAM) 16 GB
- และ Radeon R9 390
คลิปแสดงการดัดแปลงเคสของ IBM Aptiva 1995 ให้เข้ากันกับฮาร์ดแวร์รุ่นใหม่ของทาง Dr. Moddnstine
พร้อมกับดัดแปลงตัวเคสของ IBM Aptiva 1995 ให้เข้ากันกับฮาร์ดแวร์รุ่นใหม่แต่สิ่งที่ยังคงเอาไว้ก็คือในส่วนของแผง Socket ช่องหน้าที่เป็น Floppy disk เพื่อที่จะได้เอาไว้ใช้กับ Floppy disk ขนาด 3.5 นิ้วที่เขาแฮ็กขึ้นมาเองกับมือครับ การแฮ็ก Floppy disk ขนาด 3.5 นิ้วของ Dr. Moddnstine จะเป็นอย่างไรและได้ผลเช่นไรนั้นไปชมคลิปกันได้เลยครับ
เชื่อว่าหากทุกท่านได้ดูคลิปด้านบนจนจบนั้นคุณจะเห็นครับว่า Floppy disk ขนาด 3.5 นิ้วของ Dr. Moddnstine เป็นการแฮ็กดัดแปลงอย่างร้ายกาจสุดๆ แบบเห็นแล้วเอาอึ้งกันไปทีเดียวว่าทำไปได้ครับ โดยตอนเริ่มต้นของคลิปนั้นจะแสดงให้เห็นครับว่าเขาได้ใส่ Floppy disk ขนาด 3.5 นิ้วที่ดูแล้วเหมือนปกติทุกอย่างเข้าไปในตัว Floppy disk Drive แต่พอหลังจากที่ตัวระบบปฎิบัติการอ่านออกมานั้นคุณจะเห็นครับว่ามันมีความจุอยู่ที่ 128 GB ซึ่งสูงกว่าเดิมหลาย 100 เท่าตัว(เมื่อเทียบกับ 1.44 MB)
เมื่อดูคลิปต่อก็จะเห็นเฉลยของทาง Dr. Moddnstine ครับว่าจริงๆ แล้วสิ่งที่เขาได้ทำนั้นก็คือการดัดแปลงในส่วนของตัว Floppy disk ขนาด 3.5 นิ้วที่โดยปกติเมื่อเลื่อนแถบเหล็กออกมาคุณจะเห็นเป็นแผ่นแหล่งเก็บข้อมูลลักษณะคล้ายฟิลม์สีดำ แต่ของ Dr. Moddnstine นั้นเขาได้นำเอาส่นนั้นออกไปแล้วเอา SD Card ใส่เข้าไปแทนครับ
ส่วนตัว Floppy disk Drive ภายในเครื่องเคส IBM Aptiva 1995 นั้นก็ได้มีการดัดแปลงเล็กน้อยโดยทำการเชื่อมตรงส่วนของการอ่านข้อมูลไปไว้กับ SD Card Reader และมีการเชื่อมในส่วนของไฟ LED สำหรับการอ่านข้อมูลออกมาเอาไว้ด้วย และเพื่อที่จะให้ดูเนียนยิ่งไปกว่านั้นก็คือเรื่องของการแสดงผลในระบบปฎิบัติการที่ต้องไปกำหนดเจ้า SD Card Reader ตัวนี้ให้เป็นชื่อ 3 1/2 Floppy Disk (A:) พร้อมเปลี่ยนรูปไอคอนให้เป็นรูปของ Floppy Disk ซะ เพียงเท่านี้การแฮ็กนี้ก็เสร็จสมบูรณ์ครับ
หลังจากที่ข่าวนี้แพร่หลายออกไปได้ไม่นานนั้นก็มีคนเข้าไป Subscribe ช่อง YouTube ของ Dr. Moddnstine มากกว่า 2 พันรายในเวลาไม่นานมากนั้น โดยตัวของ Dr. Moddnstine ก็ได้ออกคลิปล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้เพื่อขอบคุณทุกๆ เสียงที่ Subscribe เข้าไปให้กำลังใจเขาครับ ทั้งนี้โดยรวมแล้วสิ่งที่ Dr. Moddnstine ได้บอกเอาไว้นั้นก็คือเขาเองเป็นคนยุคเก่าที่ยังคงมีความชื่นชอบของประเภท Retro อยู่เลยชอบที่จะดัดแปลงมันให้เข้ากับยุคสมัยเขาก็เลยทำอะไรแบบนี้ออกมาเพื่อสนองความต้องการของเขาเองและตัวเขานั้นก็ไม่ว่าอะไรด้วยถ้าจะมีคนที่ชื่นชอบในสิ่งเดียวกันทำอะไรคล้ายๆ กับเขาแล้วแบ่งปันให้ทุกคนได้เห็นเหมือนกับที่เขาได้ตั้งใจไว้ครับ
หมายเหตุ – ก่อนจบข่าวนี้ทางเรามีประวัติการพัฒนาของ Floppy Disk ตั้งแต่ยุค 8 นิ้ว มาจนถึง 3.5 นิ้วและหายไปจากตลาดซึ่งเป็นข้อมูลจาก WiKi มาให้ทุกท่านได้ดูกันดังตารางด้านล่างครับ
ในปัจจุบันนั้นเราอยู่ในยุคของแหล่งเก็บข้อมูล 2 ประเภทคือ Flash NAND อย่างเช่น SD Card หรือ USB Flash Drive กับ Optical Disk อย่างเช่น DVD หรือ Blu Ray Disk ที่ยังคงไม่แน่ชัดครับว่ามาตรฐานเทคโนโลยีเหล่านี้นั้นจะอยู่คู่กับเราๆ ท่านๆ ไปได้อีกนานแค่ไหน ไม่แน่ว่าในอีก 10 ปีข้างหน้าต่อไปนี้เราอาจจะได้เห็นแหล่งเก็บข้อมูลแบบเคลื่อนที่ได้เปลี่ยนรูปแบบไปเป็นอย่างอื่นก็เป็นได้ครับ
ที่มา : geek, wiki, YouTube Dr. Moddnstine