หลักการตลาดก็เป็นอีกหนึ่งสาขาวิชาที่สามารถประยุกต์ใช้ได้กับหลาย ๆ อย่างที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายสินค้าซึ่งก็รวมไปถึงวงการเกมด้วยที่ในปัจจุบันนี้ถือว่าการตลาดมีส่วนสำคัญเป็นอย่างมากที่อาจจะกำหนดชี้ชะตาของเกมนั้น ๆ ได้เลยและถ้าหากมองหลักการตลาดให้ลึกย่อยลงไปอีกก็จะพบว่าสิ่งที่กำหนดความเป็นไปของตลาดเกมนั้นก็คือ การวิจัยตลาด หรือ Market Research
Market Research นั้นก็เป็นกระบวนการเก็บข้อมูลต่าง ๆ จากนั้นก็นำมาวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้และจัดทำเป็นตารางหรือแผนภาพออกมานำเสนอแก่บุคคลภายนอกและในวันนี้เราจะมาดูกันว่าสิ่งที่เรียกกันว่า การวิจัยตลาดในวงการเกม มันมีต้นกำเนิดมาจากไหนและสามารถเปลี่ยนแปลงทิศทางของการพัฒนาเกมอย่างไรกันบ้าง
สำหรับการวิจัยตลาดเกมสิ่งแรกที่จะต้องนึกถึงเลยก็คือองค์กร EEDAR ซึ่งเป็นองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการสำรวจวิจัยข้อมูลเกี่ยวกับการตลาดของวีดีโอเกมมีประวัติมายาวนานตั้งแต่ปี 2006 ก่อตั้งโดยอดีตทีมงาน Sony Online Entertainment 2 คนได้แก่ Greg Short และ Geoffrey Zatkin ที่พวกเขามีแนวคิดว่าวีดีโอเกมจะต้องมีการแบ่งประเภทแนวทางให้ชัดเจนเพื่อเป็นตัวเลือกการตัดสินใจทางธุรกิจให้ง่ายขึ้นและนั่นจึงเป็นจุดกำเนิดของ EEDAR โดยจะมีสำนักงานตั้งอยู่ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา
ส่วนขั้นตอนการทำงานของพวกเขาก็จะเป็นการสำรวจหรือเก็บข้อมูลจากกระแสของเกมในขณะนั้นหรือความคิดเห็นของนักเล่นเกมและอาจจะรวมไปถึงผู้ใช้มือถือด้วยถ้าหากเป็นเกมที่พัฒนาลงบนโทรศัพท์มือถือเพื่อประมวลเป็นข้อมูลมอบให้แก่นักพัฒนาเกมว่าควรจะพัฒนาในทางด้านไหนถึงจะตอบสนองกลุ่มลูกค้าได้มากที่สุดรวมถึงข้อมูลเหล่านี้จะเป็นตัวช่วยให้พวกผู้บริหารตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าควรจะทำอย่างไรกับเกมในสังกัดซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเรียกง่าย ๆ EEDAR เป็นเหมือนผู้ช่วยให้คำแนะนำการพัฒนาเกมนั่นเอง
นอกจากนี้ที่ที่ EEDAR ก็มีเครื่องมือตัวหนึ่งที่ใช้เป็นทางเลือกให้แก่นักพัฒนาเกมได้ตัดสินใจได้ดีขึ้นซึ่งเครื่องมือนี้ก็คือ Gamepulse ซึ่งจะเป็นเครื่องมืออัจฉริยะที่รวบรวมข้อมูลเกมจากบริษัทเกมชื่อดังมากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์โดยจะแบ่งได้ทั้งชื่อเกม , ประเภท , ต้นทุนหรือจำนวนยอดขายของแต่ละบริษัทอัพเดทกันเรียลไทม์
ยังไม่หมดแค่นั้นลำดับต่อมาพวกเขาก็มีทีมที่ปรึกษาที่เป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการตลาดการวางจำหน่ายเกมว่าในสถานการณ์เช่นนี้ควรจะทำอย่างไรซึ่งมีตัวอย่างที่น่าสนใจเช่นในปี 2012 บริษัท THQ ได้ตัดสินใจอย่างยากลำบากในการทำเกม MMO อย่าง Warhammer 40,000: Dark Millennium Online ออกมาโดยพวกเขาได้ลงทุนกับเกมนี้มหาศาลแต่พวกเขาก็ได้รับคำปรึกษาจาก EEDAR ว่าควรเจาะกลุ่มตลาดผู้เล่นจำพวก League of Legends , DC Universe Online และ Dungeons and Dragons Online และควรทำเกมเป็นแบบ Free to Play ซึ่งถือว่าเสี่ยงเอามาก ๆ ที่จะขาดทุนแต่เมื่อตัวเกมได้วางจำหน่ายไปผลลัพธ์ที่ได้ในตอนนั้นก็จัดว่าดีน่าพอใจทีเดียว
เบื้องหลังนั้นทาง THQ ได้ให้คำถามกับ EEDAR ว่าถ้าหากเกมจะเปิดให้สมัครสมาชิกในรูปแบบเก็บเงินจะดีหรือไม่ซึ่งทางผู้เชี่ยวชาญได้แนะนำว่าให้เปิดเป็นเกม Free to Play จะดีกว่าเพราะเกมประเภทนี้กำลังมาแรงอย่างต่อเนื่องและผลลัพธ์ที่ได้ก็เป็นดังที่ว่า
นอกจาก THQ แล้ว EA ก็มาใช้บริการด้วยเหมือนกันกับ Club Pogo ที่เป็นแหล่งรวมเกมขนาดเล็กซึ่งพวกเขาแนะนำไปว่าตัวระบบควรจะมีฟีเจอร์ใหม่ที่ทันสมัยใส่เข้าไปอย่างห้องแชท , ระบบคะแนนพิเศษ , ป้ายบอกชื่อเกมที่ชัดเจนรวมถึงการไม่มีโฆษณามาคั่นกลางให้รำคาญสายตาและผลที่ได้นั้นก็ถือว่าตอบรับดีมากจากผู้เล่น
จะเห็นได้ว่าการทำวิจัยตลาดนั้นก็แทบจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของทีมนักพัฒนาเกมไปแล้วซึ่งมันก็ไม่เกินจริงนักเพราะในปัจจุบันการตลาดถือเป็นสิ่งสำคัญมากและมีการแข่งขันที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้การคงอยู่ของทีมวิจัยตลาดเกมมีความจำเป็นสูงต่อบริษัทเกมต่าง ๆ ที่อยากให้สินค้าของตนไปได้ดีและยิ่งในสมัยนี้เกมประเภท AAA ทุนสูงก็เริ่มออกมาเยอะมากแทบจะปีต่อปีก็ยิ่งทำให้การวิจัยการตลาดเกมสำคัญมากขึ้นไปอีกและรวมไปถึงเกมอินดี้ด้วยที่เริ่มแพร่หลายมากขึ้นด้วยครับ
ฉะนั้นแล้วการวิจัยตลาดเกมจึงทำให้บริษัทเกมมีรายได้มากขึ้นแถมยังได้มีแนวคิดใหม่ ๆ เกี่ยวกับการสร้างสรรค์เกมเพิ่มกว่าเมื่อก่อนเพราะนอกจากจะให้คำแนะนำแล้วทางองค์กร EEDAR ยังให้แนวคิดแนวทางให้เหล่าผู้พัฒนาไปต่อยอดกันเองโดยไม่ใช่เป็นการป้อนข้อมูลสื่อสารทางเดียวหรือเป็นคำสั่งว่าต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้แต่ทั้งตัวผู้แนะนำและบริษัทเกมเองจะมีการติดต่อกันปรึกษากันตลอดเวลาจนกว่าเกมจะสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีและทั้งหมดนี้ก็เป็นระบบการทำวิจัยตลาดเกมของ EEDAR ที่มีความสำคัญต่อวงการเกมมากและมีส่วนช่วยให้การพัฒนาเกมให้ดียิ่งขึ้นไปครับ
ที่มา: Polygon
